Sunday, 6 July 2025
ค้นหา พบ 49226 ที่เกี่ยวข้อง

ทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงแห่งปี ชื่อนี้ยังขายได้

ภายหลังจากพ้นโทษอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 บิดาของนายกฯ คนปัจจุบัน ก็กลับมาโลดแล่นในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณของคนพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยบทบาทที่แตกต่างออกไปจากเดิม นั่นคือการเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ที่ลงชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2567 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ ทักษิณ ชินวัตร หวนคืนสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ในการไปช่วยหาเสียงให้ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ที่ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี  ถัดจากนั้น ในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 ก็ได้ขึ้นปราศรัยช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยอีกครั้งที่ จ.อุบลราชธานี

และแน่นอนว่า ทั้ง 2 สนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย สามารถคว้าเก้าอี้ไว้ได้ทั้ง 2 จังหวัด

จากนั้น เมื่อวันที่ วันที่ 23-24 ธ.ค. 2567 ได้เดินสายช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. เชียงใหม่ หาเสียงอีกครั้ง และต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า ทักษิณ จะไปช่วยหาเสียงที่จังหวัดใดต่อไป และผลการเลือกตั้งจะชนะเหมือนกับ 2 จังหวัดที่ผ่านมาหรือไม่

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การได้รับเชิญให้ไปบรรยาย รวมถึงในการปราศรัยทุกเวทีของ ทักษิณ นั้น เริ่มเป็นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ตัวเขานั้นยังคงเป็นผู้นำทางความคิดของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มแฟนคลับของพรรคอย่างคนเสื้อแดงอย่างปฏิเสธไม่ได้ 

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีที่ผลงานโดดเด่น

แม้จะถูกสื่อมวลชนสายการเมืองตั้งฉายาว่า “รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ”  แต่หากสแกนดูผลงานโดยรวมของรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลผสมหลายพรรคที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และพิจารณาด้วยความเป็นธรรมจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ‘เลขาขิง’ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) คือหนึ่งในรัฐมนตรีที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง

สำหรับ เลขาขิง นับเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ในรัฐบาลชุดนี้ และอยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีที่อายุน้อย ซึ่งมีอายุเพียง 38 ปีเท่านั้น 

เพียงวันแรกของการเดินทางเข้ากระทรวงอุตสาหกรรมเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 เลขาขิง ก็ได้ประกาศทันที่ว่า "ผมจะทำทันที ทำทุกวินาที ไม่ยอมจนกว่าจะทำให้สำเร็จ" 

คำพูดที่กล่าวออกมานั้น ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเอาเท่เท่านั้น แต่เลขาขิง ได้ดำเนินการทำตามคำพูดอย่างจริงจังตลอดระยะเวลากว่า 4 เดือน บนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 

โดยมีผลงานเด่น ๆ ที่ฝากไว้ในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา อาทิ 1) ปลดล็อก "โซลารูฟท็อป" ไม่ต้องขออนุญาตใบอนุญาตโรงงาน 4 ทำให้สามารถติดตั้งได้ง่ายสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น 2) ตรวจสุดซอยโรงงานสีเทา แจ้งมาจับจริง ไม่กลัวอิทธิพล ปราบโรงงานไร้ความรับผิดชอบ กากของเสีย สินค้าไม่ได้มาตรฐาน ได้ดำเนินการไปแล้วถึง 13 จังหวัด 

 3) เซฟยานยนต์ไทย เนื่องจากจากสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่กำลังเผชิญกับความท้าทาย โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ญี่ปุ่น ทางเลขาขิงจึงได้เดินทางโรดโชว์คุยระดับทวิภาคีกับ 6 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำในญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และได้รับสัญญานบวกในการรักษาฐานการผลิตยานยนต์ในไทยและการลงทุนเพิ่ม ต่อยอด ด้วยเม็ดเงินกว่า 1.2 แสนล้าน 
4) จัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ 525 ล้านบาท ดูแลชุมชนรอบเหมือง 5) เติมเงินทุน SME ฮาลาล เติมแรงกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่

ที่ยกตัวอย่างมานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำงานตลอด 4 เดือนเท่านั้น แน่นอนว่า ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เชื่อว่า ในปี 2568 คงจะได้เห็นการทำงานของ ‘เลขาขิง’ ที่รวดเร็วฉับไว สไตล์เชิงรุกแบบ ‘สุดซอย’ อีกอย่างแน่นอน

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

คงกระพัน อินทรแจ้ง ซีอีโอคนที่ 11 ปตท. กับภารกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน

เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา บอร์ด ปตท. ได้อนุมัติแต่งตั้ง ‘คงกระพัน อินทรแจ้ง’ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอ บมจ.ปตท. นับเป็นซีอีโอ คนที่ 11 ของปตท. ต่อจาก อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่ครบวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ไปเมื่อเดือน พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

สำหรับ ปตท. คือกลุ่มบริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นอันดับต้น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน แน่นอนว่า โจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย ‘คงกระพัน’ คือการสร้างการเติบโตให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน ภายใต้บริบทของอุตสาหกรรมพลังงานที่ผันผวน จากสถานการณ์เศรษฐกิจและความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก

แต่ถึงกระนั้น ปตท. ภายใต้การนำของ ‘คงกระพัน’ ก็ยังสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น อีกทั้งยังได้รับคะแนนการประเมินด้านความยั่งยืน (Corporate Sustainability Assessment : CSA) ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX) และได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 

สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” ดำเนินธุรกิจบนหลักการ “ยั่งยืนอย่างสมดุล” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย สร้างการเติบโตควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. นํ้ามัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI อีกด้วย

Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) เป็นดัชนีหลักทรัพย์ของบริษัทชั้นนำระดับสากลกว่า 3,500 บริษัททั่วโลก ที่ผ่านการประเมินความยั่งยืนขององค์กร (Corporate Sustainability Assessment: CSA) และคัดกรองโดย S&P Global ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจาก ผู้ลงทุนสถาบันและกองทุนต่าง ๆ ทั่วโลก

สำหรับ คงกระพัน อินทรแจ้ง จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมเคมี) (เกียรตินิยมอันดับสอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาต่อจนจบ Doctor of Philosophy (Ph.D.) in Chemical Engineering, University of Houston, U.S.A. และมีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ในการบริหารบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการกลั่นปิโตรเลียมแบบครบวงจร รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในด้านการกำหนดกลยุทธ์องค์กร การพัฒนาธุรกิจ การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ การวิจัยและพัฒนา (R&D) การพัฒนาโครงการลงทุนที่สำคัญ การควบรวมกิจการระหว่างประเทศ และการบริหารจัดการกิจการร่วมค้า อีกด้วย

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เศรษฐีใจบุญกับการให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน

ประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราจึงเห็นภาพการบริจาคสิ่งของเงินทองเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากในสถานการณ์ต่างๆ แต่หากจะกล่าวถึงผู้ใหญ่ใจดี หรือ เศรษฐีใจบุญ ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ต้องมีชื่อของ ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแอโร่ซอฟต์ (Aerosoft) ติดอยู่ในทำเนียบนี้อย่างแน่นอน

สำหรับ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนักธุรกิจที่คอนข้างโลว์โปรไฟล์ไม่ค่อยจะเป็นข่าวในหน้าสื่อมากนัก แต่หากใครที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอดก็จะทราบว่า คุณโกมล เป็นพี่ชายของ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และยังเป็นอาแท้ ๆ ของนักการเมืองฝีปากกล้า ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานคณะก้าวหน้า อีกด้วย 

แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณโกมล ได้บริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด แต่ได้เริ่มปรากฏชื่อผ่านสื่อเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2564 โดยได้บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย

ต่อมาในปีเดียวกันนั้น คุณโกมล ได้ทุ่มเงินราว 300 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 เพื่อมาให้คนไทยได้ดูฟรี ๆ ในช่วงวิกฤตโควิด และคนไทยบางส่วนต้องเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงพักครึ่งการแข่งขัน ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของธุรกิจรายย่อย ๆ นำสินค้าของตนเองมาโปรโมทแบบฟรี ๆ อีกด้วย

และเมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา คุณโกมล ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน จำนวนกว่า 4,000 โรงเรียน มูลค่ากว่า  103 ล้านบาท ในโครงการ “Aerosoft Give Scholarships มอบทุน 100 ล้าน สานฝันให้เด็กไทย” เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ลคความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของเด็กไทย ซึ่งคุณโกมล มองว่า เด็กนักเรียนอนาคตของประเทศไทย และต้องการให้เด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาไปนั้น จะนำไปต่อยอดและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไป

และล่าสุด คุณโกมล ยังได้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2024 มาให้คนไทยได้ดูฟรี ๆ อีกครั้ง ถึงแม้ว่าในครั้งนี้ จะไม่เปิดเผยยอดเงินในการซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าว แต่ก็คาดว่าจะเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย และที่สำคัญคือการได้สร้างความสุขให้กับคนไทยได้อีกครั้งนั่นเอง

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ดาราที่มุ่งมั่นทำดีฝ่าทุกกระแสดรามา

นับตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่วงการบันเทิงผ่านการแข่งขันรายการเดอะสตาร์ 6 ‘โตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์’ เป็นหนึ่งในนักร้องนักแสดง ที่มีดรามามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความรัก หรือการทำงาน

จะว่าไปแล้ว โตโน่ ซึ่งปัจจุบันมีหลายบทบาท ทั้งเป็นนักร้อง นักแสดง นักฟุตบอล และ ปัจจุบันเป็นรักษาการประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ ไม่ว่าจะก้าวย่างหรือทำอะไร มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นดรามาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า เจ้าตัวนั้น เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง และหากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้วมักจะเดินหน้าไม่ถอย

ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งที่โตโน่ จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ว่ายน้ำตามลำน้ำโขง ข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม ประเทศไทย และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ก็มีกระแสดราม่าถาโถมเข้ามารบกวนมากมาย แต่สุดท้ายก็ปฏิบัติภารกิจสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง 

จากผลความดีในครั้งนั้น ทางท่านทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว ได้มอบเหรียญชัย ชั้นที่1 เหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว ให้กับโตโน่ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งเป็นการตอบแทนคุณความดีในการระดมเงินทุนช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแขวงคำม่วน และการมอบเหรียญเชิดชูเกียรติประดับชัยชั้นหนึ่งในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูผู้ทำคุณประโยชน์สูงสุด และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม

และล่าสุดในบทบาท รักษาการประธานสโมสรฟุตบอลเกษตรศาสตร์ เอฟซี ทีมในศึกเมืองไทยลีก (ไทยลีก 2) ที่โตโน่ ต้องเข้ามารับเผือกร้อนแบบไม่ทันตั้งตัว และในช่วงที่โตโน่ เข้ามารับตำแหน่งนั้น ทางสโมสรมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ติดค้างเงินดือนนักเตะหลายเดือน จนเกือบจะต้องยุบทีม

แต่ทว่า โตโน่ คือ ผู้ที่อาสาที่จะหาเงินและนำพาสโมสรสู้ต่อ ทำให้จากเดิมมีเงินติดบัญชีหลักร้อย ก็มีเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และแฟนบอลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับนักเตะได้ ไม่เพียงเท่านั้นผลงานในสนามของทีมเกษตรศาสตร์ยังกระเตื้องขึ้นอย่างมาก จนขยับขึ้นมาอยู่ในโซนหัวตารางและยังคงมีลุ้นขึ้นชั้นสู่ไทยลีก 1 อีกด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ โตโน่ ผู้ที่ไม่ยอมแพ้และในวันที่สโมสรต้องการคนเข้ามากอบกู้ ‘เขา’ ก็พร้อมที่สู้ไปกับทุกคน โดยไม่ทิ้งไปไน

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top