Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48193 ที่เกี่ยวข้อง

จะเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐฯ หากประธานาธิบดี Trump ขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 200 - 300% จริง ???

(29 ธ.ค. 67) นโยบายของ Donald Trump ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ทำให้ คุณ Joe Willmore ชาวอเมริกันวัย 64 ปี ได้เปิดประเด็นตั้งคำถามนี้ใน Ouora (เว็บไซต์ถาม/ตอบสัญชาติอเมริกัน ซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยการตั้งคำถาม ตอบคำถาม ทั้งในแง่ของความเป็นจริงและความคิดเห็น) ว่า “เป็นไปได้หรือไม่ ถ้าหากสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 200-300% จะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องล่มสลายภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์”

ซึ่งเขาได้ตอบคำถามเองว่า ไม่ดอก แต่...นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น :
- อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภาษีนำเข้าคือภาษีนำเข้าสินค้าที่ผู้ซื้อ (พลเมืองสหรัฐฯ) เป็นผู้จ่าย
- รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องชดใช้เงินจำนวนมากให้กับเกษตรกร เพราะจีนนำเข้า เนื้อหมู ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ จากสหรัฐฯ ซึ่งพวกเขาจะตอบโต้ทันที นั่และนคือสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อประธานาธิบดี Trump (ในสมัยแรก) เคยขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางรายการ รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอุดหนุนเงิน 20,000-30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับเกษตรกรเพื่อชดเชยยอดขายที่สูญเสียไป
- เราไม่สามารถกำหนดอัตราภาษีนำเข้ากับ "เศรษฐกิจการส่งออกทั้งหมด" ของจีนได้ เพราะพวกเขามีรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์จากการส่งออกไปยังยุโรปและแอฟริกา (ถ้ารวมเอเชียด้วยน่าจะหลายล้านล้านดอลลาร์)
- พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย (เช่นเดียวกับที่ทำในสมัยแรกของประธานาธิบดี Trump) อาทิ ผลิตทีวีแล้วส่งไปยังเวียดนาม ซึ่งจะมีการประทับตราว่า "ผลิตในเวียดนาม" แล้วบรรจุในกล่องของบริษัทเวียดนาม
- จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ (หรืออย่างน้อยก็โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค) ส่วนใหญ่แล้วผลิตในจีน เราอาจจะหลงเชื่อได้ง่ายจนพอที่จะคิดว่า นั่นหมายถึงชาวอเมริกันจะสามารถเริ่มต้นอุตสาหกรรมใหม่ในการผลิตโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ใช่ดอก...นั่นไม่ใช่วิธีการทำงานที่ถูกต้อง

ในที่สุด ความคิดของเราก็ไม่สมจริง สมมติว่า ผมไม่ชอบเรื่องที่โพสต์บน Quora ผมจึงตัดสินใจว่า จะตอบโต้ แล้วจะมีการหยุด/เลิกหยุดโพสต์คำถามที่ผมไม่ชอบไหม ไม่ดอก ผมพนันได้เลยว่า จะมีการตอบโต้ผมกลับในทันที แล้วจะมีโพสต์มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า ดังนั้น เราคงเห็นแล้วว่า ความคิดของประธานาธิบดี Trump ที่ว่า "ลองรังแกพวกเขาดู" จึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

‘ปริญญา’ แซะ!! แล้วลบโพสต์ ใจปลาซิว!! แล้วจะไปสอนเด็กได้ไง

(29 ธ.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Padipon Apinyankul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ผมเองก็ไม่ได้ด้อยค่าคุณปริญญา นะ

คุณปริญญาจะลบโพสต์ทำไม ในเมื่อทำไปแล้วอยากกระแซะนายกฯอันวาร์ ว่าแต่งตัวเหมือนคนขับรถสาธารณะของไทย
เมื่อจะด้อยค่าคนอื่น แต่ถูกคนโต้ตอบแล้วลบ .. ใจปลาซิวแล้วจะไปสอนเด็กให้เป็นเสือ ?

ยังจำปรากฏการณ์ม็อบ "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ได้ไหม ?
ผมจะทบทวนให้ฟัง .. 

การจัดครั้งนั้น ม็อบสามนิ้วนี้ได้รับ "การอนุญาตของคุณ" ให้ใช้สถานที่ใน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต

เหตุการณ์ก่อนหน้าวันนั้น .. ได้มีม็อบย่อยมาก่อน มีการปราศัยอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการพูดพาดพิงหมิ่นไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ 
ซึ่งคุณปริญญาย่อมรู้ดี และดูเหมือนจะเชียร์ม็อบสามนิ้ว แต่ไม่กล้าโจ๋งครึ่ม .. 

แล้วในคืนวันที่ 10 ส.ค. ณ ธรรมศาสตร์รังสิต ที่ผู้ชุมนุมอันประกอบด้วย อานนท์ นำภา , รุ้ง ปนัสยา, เพนกวิน พริษฐ์ ฯลฯ ได้ขึ้นเวทีหมิ่นสถาบัน
แล้วได้ให้ "กระเทยปวิณ" "สมศักดิ์ เจียม" ซึ่งล้วนมีคดี ม.112 หมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายต่อกษัตริย์ ขึ้นบนจอผ้าโปรเจคเตอร์กลางเวที เพื่อร่วมปราศัย

คำทุกคำ ล้วนพุ่งเป้าทำลายสถาบันกษัตริย์และโจมตีโดยตรงต่อรัชกาลที่ 10
พอจบการปราศัย วันต่อมา คุณปริญญากลับบอกว่า ไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมจะทำแบบนี้ .. 
ไม่ทราบจริงหรือ ? 

อ้าว ! แล้วที่ผ่านมา การชุมนุมต่าง ๆ พวกสามนิ้วก็ทำแบบนี้ตลอด .. คุณแกล้งไม่รู้ ?
สิ่งที่ทำได้แก้เกี้ยว ก็คือการออกมาขออภัย ว่าไม่ทราบ ถ้าทราบจะไม่ให้ใช้สถานที่
โถ เด็กน้อย .. 

การแสดงความรับผิดชอบในเรื่องใหญ่ ที่ได้มีส่วนทำให้เกิดขึ้นแล้ว ส่งผลไปแล้ว ก็คือแค่ขออภัย 
นึกว่าจะลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดี

ดังนั้น เมื่อคราวนี้เกิดกรณีการแซะนายอันวาร์ นายกฯมาเลเซีย ว่ามีรสนิยมการแต่งตัวเทียบกับคนขับรถสาธารณะของไทย 
พอข่าวกระจายได้ผล แล้วลบ 
แล้วมาบอกภายหลังว่า ไม่ได้ด้อยค่า
ก็เข้าใจธาตุแท้ของคนชื่อ ปริญญา ได้

ผมแค่มาพิมพ์เล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง ไม่ได้มาด้อยค่า .. 
เพราะคุณไม่มีค่าอันใด เพื่อจะให้ด้อย . 
คนชื่อปริญญา ก็ใช่ว่าจะมีปัญญา กันทุกคน

‘Jeju Air’ ออกแถลงการณ์!! แสดงความเสียใจ เหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ พร้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์

(29 ธ.ค. 67)  คิมอีแบ ประธานผู้บริหาร Jeju Air ออกแถลงการณ์ ออกแถลงการณ์ กรณีเครื่องบินไถลรันเวย์ เกิดเพลิงไหม้ และเกิดระเบิดจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก โดยแถลงการณ์ มีเนื้อหา ดังนี้

สายการบิน Jeju Air ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในสายการบินเจจูแอร์มาโดยตลอด

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 เวลา 09 น.03 น.เที่ยวบินที่ 7C2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง และเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตทุกท่าน รวมถึงญาติพี่น้องผู้สูญเสีย ขณะนี้เรากำลังรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร ในฐานะประธานบริษัท ขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และขอสัญญาว่า Jeju Air จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ รวมถึงจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ให้กระจ่างชัด ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อผู้เสียชีวิต และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียทุกท่าน

‘น้าแอ๊ด คาราบาว’ ฝากบทเพลง สุดท้าย!! อาลัยต่อการจากไป ‘แบงค์ เลสเตอร์’

(29 ธ.ค. 67) จากกรณีการเสียชีวิตของ ‘แบงค์ เลสเตอร์’ หนุ่มขายพวงมาลัยสู้ชีวิต หาเงินเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตหลังถูกจ้างให้กินเหล้าแลกเงิน 30,000 บาท ขณะไปร่วมงานเปิดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยผลชันสูตรเบื้องต้นแพทย์ระบุว่า หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด น้าแอ๊ด คาราบาว ได้บรรเลงบทเพลงสุดท้ายถึงแบงค์ เลสเตอร์ เพื่อเป็นการไว้อาลัย พร้อมระบุเนื้อเพลง ไว้ว่า …

ฉันเป็นชายอกสามศอก แต่หมอบอกว่าฉันเกิดมาเป็นเด็กพิเศษ เด็กพิเศษ เด็กพิเศษ ฉันมียายคอยเลี้ยงดูอยู่ เท่าที่รู้คือยายรักฉันเหมือนลูก โอ้ ยายจ๋า ฉันรักยาย ฉันรักยาย แบกตะกร้าขายพวงมาลัย ร้องแรปไปให้คนสนใจ บ้างก็ซื้อ บ้างไม่ซื้อ ไม่เป็นไร ฉันมีความหวังตั้งใจ อยากปลูกบ้านให้ยายอยู่

ในสังคมโซเชียลมีเดีย คนพิเรนทร์จิตใจพิการ มีอยู่เพื่อยอดวิว สร้างยอดวิว เพิ่มยอดวิว ฉันคือคนที่ตกเป็นเหยื่ออันธพาล หัวใจคะนอง ไร้เมตตา วาสนา ปลูกบ้านให้ยาย จึงไม่สำเร็จ วอนสังคมขอความเป็นธรรม ออกกฎหมายกันคนใจดำ ทำระยำตำบอน ต่อผู้พิการ เด็กพิเศษ เด็กพิเศษ แบงค์ เลสเตอร์

‘เจนี่’ สุดทน! หลังสื่อบันเทิงตั้งฉายา “ม่ายใจเริง” ซัด! อย่าให้ความบันเทิงเกินเลยเส้นแบ่งจริยธรรม

(30 ธ.ค. 67) สุดที่จะทน!! จนพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษรหลายย่อหน้า ของ ‘เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ’ ที่ไม่ไหวแล้ว กับฉายาล่าสุดที่ถูกตั้งโดย สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง อย่าง “ม่ายใจเริง” โดยทางคนที่ตั้งฉายานี้ให้ ให้เหตุผลว่า “นางเอกสาวที่เคยโด่งดังเป็นพลุแตก กับบทบาทใจเริงชิงรักหักสวาทในละครเพลิงบุญ เจนี่ แม้แต่งงานเป็นครอบครัวมีลูกที่น่ารัก กับมิกกี้ มา 6 ปี แต่ถึงวันนี้ชีวิตคู่การเป็นสามีภรรยานั้นกลายเป็นเส้นขนานไปแล้วเรียบร้อย นางเอกสาว เจนี่ เลยเข้าสู่สถานะม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง” แต่ย้อนกลับไปในวันที่ฉายาออกเผยแพร่ ก็ทำให้มีกระแสออกไปทั้งสองด้าน ทั้งเห็นด้วยและก็รู้สึกว่ามันแรงไปไหม?

ล่าสุดเจนี่ได้เคลื่อนไหว ผ่านหน้าไอจี พร้อมในสตอรี่ไอจี เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวอักษรออกมาจากเพจ อีป้าข้างบ้าน เขียนประมาณว่า “ดาราสาวไม่โอเคกับฉายา ล่าสุดสั่งให้ลบ จนชาวเน็ตเม้นท์สนั่น” เจ้าตัวร่ายยาวถึงการตั้งฉายานี้ กระทบถึงความรู้สึกตนเอง ครอบครัว รวมไปถึงถามกลับว่า นี่คือแค่การแซว หรือ บูลลี่ กันแน่!!

“ม่ายใจเริง แต่ลืมนึกถึงใจเขา ใจเรารึเปล่า...

จะสิ้นปีแล้ว เราควรมีสิ่งดีๆ ให้กัน แต่ธรรมเนียมการตั้งฉายา จากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง รวมกันตั้ง ให้ผู้อื่นทุกข์ใจ นั้นเหมาะสมแล้วหรือคะ

หลายปีที่ผ่านมามีการตั้งฉายา ให้เจน...เจนไม่ว่าอะไร เข้าใจได้ว่าแซวกัน บนขอบเขตงาน แต่ปีนี้ ฉายา ม่ายใจเริง นั้น มีความหมายถึงสถานะทางครอบครัว และสังคมที่สำคัญไม่ได้บอกถึงผลงาน แต่เป็นการ "ไม่ให้เกียรติ" ต่อการเป็นผู้หญิงของเจน

เจนทำงานทุกอย่างด้วยความสุจริต ตามงานที่เจน ได้รับมอบหมาย เพื่อดูแลครอบครัว

แต่การตั้ง ฉายานี้ ไม่ได้ส่งผลที่ดี ต่องาน และครอบครัวเจน แล้วพอเจนถามไป ก็บอกว่า ทำไมรับไม่ได้ทำไม แค่นี้ไม่ยอมรับล่ะ? มันคือ การแซวกัน !!

รู้มั้ยคะ ว่ามีกี่ข้อความ ที่ด่าทอเจน กันอย่างสนุกปาก กับการจุดไฟของฉายานี้ มีผลกระทบ ต่อครอบครัว และตัวเจนขนาดไหน

เจน ไม่ได้อยากเป็นม่าย แต่เจนก็พยายาม ที่สุดแล้วในการรักษาสถานะครอบครัว ใจเริง หมายถึง ใจที่มีรักมากมาย ?? ตัดสินเจนจากอะไรคะ

หน่วยงานอื่นตั้งฉายา จากผลงานการทำงาน
สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง ตั้งฉายานี้ จากปัญหาชีวิตครอบครัวเจน เจนต้องรับ ฉายานี้เหรอคะ

การตั้งฉายาให้คนอื่นสนุกปาก จากความทุกข์ของอีกฝ่าย มันต่างจากการบลูลี่มั้ยคะ

ทุกวันนี้ในสังคม มีเรื่องแบบนี้มากมาย จนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิต เรายังสนุก และเห็นด้วยกับผู้กระทำ ว่าบลูลี่ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องยอมรับให้ได้อยู่เหรอคะ

คำว่า ธรรมเนียม คือ การยึดถือปฏิบัติต่อๆ กันมา แต่ควรเป็นเรื่องที่ดี หรือเปล่าคะ

อยากให้นึกถึง ใจเขา ใจเรา ค่ะ ถ้าเป็นเรา เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวเรา หรือคนที่เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร

" สื่อที่ดี " ต้องสื่อสาร ด้วยความเป็นธรรม
ถูกต้อง และ " มีความรับผิดชอบ "

อย่าให้ความบันเทิง มันเกินเลย
เส้นแบ่ง ของจริยธรรมเลยนะคะ“

ส่วนในสตอรี่ไอจี เจ้าตัวก็ได้แชร์โพสต์นี้ พร้อมยังกล่าวถึงความรู้สึกที่ต้องออกมาเคลื่อนไหว พร้อมอิโมจิร้องไห้

“วันนี้มันไม่ไหวแล้วจริงๆ... ขออนุญาตออกมาปกป้องความรู้สึกของตัวเองบ้างนะคะ 30 ปีในวงการ เจนยอมพี่ๆ นักข่าวมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เจนว่ามันแรงเกินไปจริงๆ ลองนึกถึงใจเขาใจเรา... บ้างนะคะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top