Monday, 7 July 2025
ค้นหา พบ 49241 ที่เกี่ยวข้อง

‘นิด้าโพล’ เผย!! ผลสำรวจความคิดเห็นคนไทย มอง!! ‘ฮุนเซน’ เป็นบุคคลไม่น่าไว้วางใจ

(6 ก.ค. 68)  ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง ‘ฮุน เซน’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความรู้สึกของประชาชนต่อความเคลื่อนไหวของสมเด็จ ฮุน เซน ในกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามความรู้สึกของประชาชนต่อความเคลื่อนไหวของสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 67.63 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง รองลงมา ร้อยละ 57.25 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 44.66 ระบุว่า คำพูดของสมเด็จ ฮุน เซน ไม่มีความน่าเชื่อถือ ร้อยละ 40.53 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน กำลังยุให้คนไทยแตกแยกกัน ร้อยละ 25.34 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ต้องการยึดครองดินแดนของไทย ร้อยละ 18.85 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน กำลังแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย ร้อยละ 14.12 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน กำลังเปิดเผยความลับเกี่ยวกับการเมืองไทย ร้อยละ 9.31 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศกัมพูชา ร้อยละ 3.36 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวกัมพูชา ร้อยละ 1.30 ระบุว่า คำพูดของสมเด็จ ฮุน เซน มีความน่าเชื่อถือ และร้อยละ 0.53 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ทำเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อคำทำนายของสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ที่บอกว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีภายในสามเดือนและรู้ด้วยว่าใครจะเป็นนายกฯ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 43.05 ระบุว่า ไม่น่าเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 34.12 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ทำนายมั่ว ๆ ร้อยละ 33.97 ระบุว่า เป็นความพยายามยุให้คนไทยตีกัน ร้อยละ 30.31 ระบุว่า การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าใครจะได้เป็นนายกฯ ร้อยละ 25.34 ระบุว่า เป็นการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ทางการเมืองไทย ร้อยละ 19.01 ระบุว่า เป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย ร้อยละ 14.66 ระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน พูดตามข่าวกรองที่ได้มา ร้อยละ 10.69 ระบุว่า เป็นการเตือนนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และร้อยละ 7.25 ระบุว่า  น่าเชื่อ

'เทพชัย' ซัด!! ‘แพทองธาร-ทักษิณ-เศรษฐา’ ขึ้นเวทีฟอกขาว!! มหกรรมซอฟต์พาวเวอร์

(6 ก.ค. 68) นายเทพชัย หย่อง สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Thepchai Yong’ กล่าวถึง 3 นายกฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร , นายทักษิณ ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในงาน SPLASH มหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เติบโตเข้าสู่เส้นทางเศรษฐกิจและรายได้ใหม่ที่ยังยืน

ระบุว่า “ไม่ต้องเกรงใจใครทั้งสิ้น รัฐบาลชูทักษิณ เศรษฐา อุ๊งอิ๊ง ในเวทีที่เรียกซะสวยหรูว่า SPLASH – Soft Power Forum 2025 ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์สัปดาห์หน้า แต่ดูแล้วมันน่าจะเป็นเวที whitewash หรือ “ฟอกขาว” (ด้วยเงินภาษีประชน) ให้กับทั้งสามคนมากกว่า”

ทั้งนี้ งาน ‘SPLASH – Soft Power Forum 2025’ เป็นมหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน และเครือข่ายนานาชาติ เพื่อยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม

‘ไซปรัส’ กังวลการเพิ่มขึ้นของ ‘ชาวอิสราเอล’ บนเกาะแห่งนี้

(6 ก.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ไซปรัสกังวลการเพิ่มขึ้นของชาวอิสราเอลบนเกาะแห่งนี้

พรรคการเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไซปรัสเตือนว่าชาวอิสราเอลจำนวนมากกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ใกล้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อ่อนไหว

พวกเขาเกรงว่านี่อาจเป็นต้นแบบของ 'อิสราเอล 2.0'

‘Aun Theeraphat’ โพสต์!! เล่าความประทับใจ ช่วยน้องให้เรียนหนังสือ เห็นรอยยิ้มแล้วมีความสุข

(6 ก.ค. 68) ‘Aun Theeraphat’ โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

มาตรวจ OPD ที่โรงพยาบาลเอกชนแถวบ้าน กำลังข้ามถนนหลังกลับจาก 7-11
"หมออออออ หมอจำหนูได้หรือเปล่า" เสียงดังไปถึงอีกฝั่งของถนนเลย
เราก็หันไปดู "ใครฟระ" นึกตั้งนาน นึกไม่ออก

น้องบอก "ที่หมอเจอหนูที่ร้านขายทุเรียนไง"

อ๋อออออ เมื่อ 2 ปีก่อน ไปซื้อทุเรียนที่ร้านหน้าปากซอย เดินขายของ ผ่านมาพอดี อยากกินทุเรียน ตอนนั้นซื้อให้น้องกิน แล้วก็ให้ตังค์ไปซื้อกระเป๋านักเรียน

วันนี้ดีใจนะที่ได้เจอกันอีก น้องโตขึ้นเยอะจำแทบไม่ได้

"แล้วมานั่งทำอะไรตากแดดตรงนี้เนี่ย" (ตอนบ่ายโมงตรง แดดจ้าเลย) 
น้องบอก "หนูเอาหมูมาขาย หาเงินค่าเรียน ต้องเรียนเอง แม่เขาก็ต้องเลี้ยงน้อง"

ผมบอก "ไม่เป็นไร เดี๋ยวเหมาหมดเลย เอาทั้งตะกร้านี่แหละ รอแป๊บนะ เดี๋ยวไปกดเงินให้ จะได้รีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือ"

ให้เงินไปนิดหน่อยบอก "ไม่ต้องทอนนะ"

น้องน่ารักมากเลย น้องร้องไห้เลย บอก "ไม่เอา ๆ มันเยอะไป เปลี่ยนเป็นเอาพอดีกับค่าหมูนี่ได้มั็ย

ผมบอก "ไม่เป็นไร เอาไปเถอะ ไว้เรียนหนังสือ"

น้องยกมือไหว้ขอบคุณ มีการจะขนทั้งตะกร้ามาส่งในโรงพยาบาลอีกตะหาก

ซื้อเสร็จเอาไปแจกเจ้าหน้าที่กินต่อ ได้บุญสองต่อ

หนึ่งวัน เราทำให้หนึ่งคนรู้สึกเซอร์ไพร์ส แล้วเห็นรอยยิ้มของคนหนึ่งคน แค่นี้ชีวิตก็มีความหมายและมีความสุขอย่างมากแล้วนะ

‘สุริยะใส’ กระตุก!! มาตรฐานการเมือง ‘พรรคประชาชน’ กินข้าวข้ามพรรค ต้องซื่อตรงต่อทุกฝ่าย ไม่ย้อนแย้งกันเอง

(6 ก.ค. 68) ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

‘มาตรฐานทางการเมืองต้องซื่อตรงต่อทุกฝ่าย มิใช่เข้มงวดกับผู้อื่นแต่ผ่อนปรนต่อตนเอง’

กรณีการพบปะระหว่างสมาชิกพรรคประชาชนกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แม้ในทางการเมือง การพูดคุยหรือพบปะระหว่างนักการเมืองต่างพรรคจะมิใช่เรื่องผิดปกติ หากถือเป็นวิถีในระบอบประชาธิปไตยที่การสื่อสารและการเจรจาคือกลไกสำคัญในการแสวงหาฉันทามติ แต่สิ่งที่ทำให้กรณีนี้กลับกลายเป็นประเด็นร้อนและก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในสังคม ไม่ได้อยู่ที่การกระทำ หากแต่อยู่ที่บริบทของผู้กระทำและมาตรฐานที่พรรคการเมืองนั้นเคยประกาศยึดถือ

พรรคประชาชนเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นจากเจตจำนงที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเมืองไทย เป็นพรรคที่ยืนหยัดวิพากษ์การเมืองแบบเก่า ต่อต้านการเมืองใต้โต๊ะ ต่อต้านการต่อรองลับหลัง และประกาศความโปร่งใสเป็นหลักการสูงสุด แต่เมื่อสมาชิกของพรรคแสดงพฤติกรรมในลักษณะที่เคยถูกใช้เป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่น

พรรคกลับไม่มีคำอธิบายที่เพียงพอหรือการแสดงความรับผิดชอบที่ชัดเจนต่อสาธารณะ สิ่งนี้จึงไม่ใช่เพียงการถูกตั้งคำถามจากสังคม แต่คือการที่พรรคกำลังทำลายทุนทางศีลธรรมที่ตนเองได้สร้างสะสมมาตลอด

มาตรฐานทางการเมืองมิใช่สิ่งที่เลือกใช้เฉพาะเวลาที่พูดถึงผู้อื่น และมิใช่สิ่งที่จะอ่อนลงเมื่อต้องหันกลับมาตรวจสอบตัวเอง พรรคการเมืองที่อ้างความใหม่และยืนยันความแตกต่างจากการเมืองเดิม ต้องมีความกล้าหาญที่จะซื่อตรงต่อมาตรฐานเดียวกัน ทั้งต่อบุคคลภายนอกและภายใน การนิ่งเงียบ การเบี่ยงเบน หรือการลดทอนความสำคัญของข้อครหาในครั้งนี้ ไม่เพียงทำลายความน่าเชื่อถือของพรรค แต่ยังตอกย้ำภาพการเมืองที่ไม่สามารถรักษาหลักการของตนเองได้เมื่อถึงเวลาสำคัญ

สุดท้ายแล้ว การเมืองจะไม่ถูกวิจารณ์เพียงเพราะสมาชิกพรรคไปกินข้าวหรือพูดคุยกับนักการเมืองต่างพรรค แต่จะถูกวิจารณ์เมื่อสิ่งที่เคยกล่าวหาผู้อื่น กลับถูกทำซ้ำโดยคนของตัวเองโดยไม่มีความซื่อตรงในการชี้แจง (ตอนที่คุณธนาธร ไปพบคุณทักษิณ ที่ฮ่องกง ก็อ้างว่าเจอโดยบังเอิญและอคุยกันเรื่องทั่วไป)

ความเข้มแข็งของมาตรฐานทางการเมืองมิใช่อยู่ที่ความเข้มงวดกับผู้อื่น แต่อยู่ที่ความสม่ำเสมอและความจริงใจกับตนเอง เพราะประชาธิปไตยที่ประชาชนคาดหวัง คือการเมืองที่คำพูดและการกระทำไม่ย้อนแย้งกันเอง…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top