Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48185 ที่เกี่ยวข้อง

กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบคลิป 'อย่าเล่นกับระบบ!' เตือนเมาไม่ขับ ขับขี่ปลอดภัย เป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้ประชาชนสัญจรปลอดภัย

วันนี้ (28 ธ.ค.67) พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คุมเข้มในการดูแลการจราจร และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 10 วัน ควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจัง เน้นย้ำถึงการสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัย

กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงร่วมรณรงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาอย่างหนาแน่น โดยจัดทำคลิปประชาสัมพันธ์ชุด “อย่าเล่นกับระบบ!” เพื่อรณรงค์เมาไม่ขับ ขับขี่ปลอดภัย โดยมี “กุนซือมือฉมัง” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หรือ ผู้การจ๋อ และ “อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ” พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. หรือ สารวัตรแจ๊ะ ร่วมเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อให้หลีกเลี่ยง 5 พฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ เมาแล้วขับ , ง่วงแล้วขับ , ไม่สวมหมวกกันน็อค , ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด “ไม่งั้นอาจถูกระบบเวรกรรมเล่นงาน!”

นอกจากนี้ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า คลิปประชาสัมพันธ์ชุดนี้ กองสารนิเทศจัดทำเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้ประชาชนสัญจรปลอดภัย ซึ่งจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน และจออัจฉริยะบริเวณทางแยกป้อมจราจร โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเตือนสติประชาชนในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ และช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ และขอให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนคำนึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายจราจรและการมีวินัยในการขับขี่ เพื่อให้เทศกาลปีใหม่นี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและปลอดภัยสำหรับทุกคน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยการจัดงานเทศกาลปีใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (28 ธ.ค.67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าและความพร้อมของแผนการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การจัดงานเทศกาลปีใหม่ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาได้ ได้กำชับการปฏิบัติ ดังนี้
1. แผนการปฏิบัติต่างๆ จะต้องนำไปถ่ายทอดให้ถึงผู้ปฏิบัติเพื่อทราบและเข้าใจอย่างถูกต้อง
2. การตั้งจุดคัดกรอง ต้องให้ครอบคลุมทางเข้า-ออก ทุกด้านของพื้นที่จัดงาน
3. การอำนวยการจราจรโดยรอบพื้นที่ที่จัดงาน ต้องบริหารจัดการให้เรียบร้อย
4. ให้ดูแลการจราจรทางน้ำ และต้องมีแผนเผชิญเหตุทางน้ำด้วย
5. ตรวจสอบและกวดขันการจุดพลุ ดอกไม้เพลิง รวมทั้งการป้องกันระวังเหตุเพลิงไหม้
6. ตรวจสอบและติดตามหากมีกรณีการยิงปืนขึ้นฟ้า
7. ให้ควบคุมดูแลโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เช่น โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) , โครงการลดอุบัติเหตุทางถนน อย่างเคร่งครัด 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้ร่วมกันจัดให้มีการประชุมวางแผนการทำงาน เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางมาเที่ยวงานเทศกาลปีใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 

พาณิชย์ มอบของขวัญส่งท้ายปี จับมืออียิปต์ตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า JTC ไทย-อียิปต์ คลอดแผนปฏิบัติการความร่วมมือเศรษฐกิจสองฝ่าย ปูทางขยายการค้าการลงทุนไทยสู่แอฟริกา

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ตนและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนและการค้าต่างประเทศของอียิปต์ (นายฮัสซัน เอล-คาติบ) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-อียิปต์ และแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอียิปต์ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยการลงนามเอกสารสองฉบับในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับอียิปต์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 70 ปี ระหว่างสองประเทศในปี 2567 นี้ด้วย
 
นายพิชัยเสริมว่า การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee (JTC) ไทย-อียิปต์ จะเป็นกลไกสำคัญสำหรับรัฐมนตรีการค้าของทั้งสองฝ่าย เพื่อใช้หารือนโยบายและแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และสร้างความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนที่สองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้กำหนดสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจสำคัญที่สองประเทศจะร่วมมือกันในระยะ 5 ปี (ปี 2567-2572) ได้แก่ การค้าและการลงทุน เกษตรกรรม การรวมกลุ่มและเขตอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย 

“อียิปต์เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับการค้าและการลงทุนของไทย มีทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการขนส่งสินค้าทางทะเล เชื่อมโยงทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป ผ่านคลองสุเอซ และเป็นประตูการค้าสู่ประเทศอื่นๆ ในแอฟริกาและตะวันออกกลาง อียิปต์จึงมีศักยภาพสูงในการเป็นแหล่งกระจายสินค้าของไทย นอกจากนั้น ปัจจุบัน อียิปต์ยังมีนโยบายที่เปิดรับการค้าและการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจกับอียิปต์มากขึ้น ผมจึงเสนอให้จัดการประชุม JTC ไทย-อียิปต์ ครั้งที่ 1 ภายในครึ่งแรกของปี 2568 เพื่อเร่งใช้ประโยชน์จากกลไก JTC ดังกล่าวในการแสวงหาความร่วมมือและแนวทางที่จะอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทย” นายพิชัยกล่าว

ปัจจุบัน อียิปต์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของไทยในทวีปแอฟริกา ในปี 2566 การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 725.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียิปต์ 666.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอียิปต์มูลค่า 58.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เคมีภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้านำเข้าสำคัญจากอียิปต์ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. - ต.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 592.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.46 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ มอบรางวัล เกียรติยศแห่งปี ‘DG Awards 2024’ ชูหน่วยงานภาครัฐที่มีความพร้อมพัฒนา ‘รัฐบาลดิจิทัล’ เดินหน้าเปลี่ยนผ่านราชการไทยไปสู่ความทันสมัย

(27 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในการมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลประจำปี 2567 หรือ Digital Government Awards 2024 (DG Awards 2024)  ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เพื่อส่งเสริมความเป็นต้นแบบในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลรัฐบาลดิจิทัลประจำปี 2567 ทั้งสิ้น 47 รางวัล 

โดยนายประเสริฐ กล่าวชื่นชมหน่วยงานที่ได้รับรางวัลพร้อมทั้งระบุถึงทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลของประเทศว่า เป้าหมายสำคัญของรัฐบาล คือ การปรับปรุงบริการออนไลน์ภาครัฐ เพื่อให้การติดต่อกับภาครัฐเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ การเข้าถึงสวัสดิการและบริการสาธารณะ หรือการสมัครใบอนุญาตต่างๆ พร้อมทั้ง สร้างความมั่นใจต่อผู้รับบริการว่าขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น โปร่งใส และสะดวกสบายในการใช้บริการจากที่ใดก็ได้ โดยรัฐบาลจะปฏิรูประบบราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เปลี่ยนผ่านราชการไทยไปสู่ราชการทันสมัยในระบบดิจิทัล ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรภาครัฐ , 2) สร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ , 3) มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และ 4) กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและภาคประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลจะทำให้ประเทศไทยพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม

นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวว่า DGA มุ่งมั่นพัฒนารัฐบาลดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม โดยความสำเร็จในปีนี้สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ส่งผลให้อันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สำรวจโดย UN ประจำปี 2567 ของประเทศไทยดีขึ้นมา 3 อันดับ อยู่อันดับที่ 52 จาก 193 ประเทศ เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และดัชนีชี้วัดระดับสากลของ Waseda-IAC World Digital Government Ranking ประจำปี 2567 ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้น 1 อันดับ อยู่อันดับที่ 18 จาก 66 ประเทศ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มที่

ทั้งนี้จากรายงานผลการสำรวจความพร้อมรัฐบาลดิจิทัลพบว่า หน่วยงานภาครัฐมีพัฒนาการระดับความพร้อมรัฐบาลดิจิทัลที่สูงขึ้นในภาพรวม และมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 เรื่อง ได้แก่ 1. เร่งส่งเสริมการจัดการข้อมูลตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มกลางภาครัฐ , 2. ยกระดับทักษะบุคลากรภาครัฐโดยเฉพาะด้านดิจิทัล พร้อมปรับเกณฑ์สนับสนุนการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลให้มีส่วนร่วมในการดำเนินการกับหน่วยงานภาครัฐ , 3. มุ่งปรับปรุงและพัฒนาบริการภาครัฐในรูปแบบดิจิทัล และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ และ 4. หน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี AI ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี  รวมถึงการพัฒนาโครงการด้านดิจิทัลตามลำดับความสำคัญที่เหมาะสม เน้นตอบสนองตัวชี้วัดที่ครอบคลุมตามนโยบายและภารกิจของหน่วยงาน

สำหรับรางวัลรัฐบาลดิจิทัลประจำปี 2567  แบ่งออกเป็น 4 ประเภท มีจำนวนทั้งสิ้น 47 รางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government Awards) จำนวน 15 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลรัฐบาลดิจิทัลหน่วยงานระดับกรมที่ให้บริการเป็นหลัก จำนวน 6 รางวัล , 2) รางวัลรัฐบาลดิจิทัลหน่วยงานระดับกรมที่จัดทำนโยบาย ประสานงาน กำกับดูแล หรืออื่นๆ เป็นหลัก จำนวน 4 รางวัล และ 3) รางวัลรัฐบาลดิจิทัลระดับจังหวัด จำนวน 5 รางวัล

2. รางวัลเฉพาะด้านประจำปี จำนวน 26 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการใช้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) สำหรับหน่วยงานระดับกรม จำนวน 8 รางวัล , 2) รางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Open data & Sharable Data) สำหรับหน่วยงานระดับกรม จำนวน 1 รางวัล และ 3) รางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านบุคลากรดิจิทัล โดยพิจารณาจากผลการประเมินตนเอง สำหรับหน่วยงานระดับกรม จำนวน 5 รางวัล , 4) รางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงาน หรือ การให้บริการ จำนวน 6 รางวัล , 5) รางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านส่งเสริมการมีส่วนร่วม ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e- Participation) 6 รางวัล

3. รางวัลพัฒนาการดีเด่น จำนวน 5 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลสำหรับหน่วยงานภาครัฐระดับกรมที่ให้บริการเป็นหลัก 3 รางวัล และ 2) รางวัลสำหรับหน่วยงานภาครัฐระดับกรมที่จัดทำนโนบาย กำกับ ดูแล ประสานงาน หรืออื่นๆ เป็นหลัก 2 รางวัล และ 4. รางวัลผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่น จำนวน 1 รางวัล

โดยหน่วยงานที่ได้รับรางวัล อาทิ รางวัลผู้นำองค์กรดิจิทัลดีเด่น ได้แก่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ , รางวัลรัฐบาลดิจิทัลหน่วยงานระดับกรมที่ให้บริการเป็นหลัก อันดับที่ 1 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ , อันดับที่ 2 ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และอันดับที่ 3 ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ , ส่วนรางวัลรัฐบาลดิจิทัลหน่วยงานระดับกรมที่จัดทำนโยบาย ประสานงาน กำกับดูแล หรืออื่นๆ อันดับที่ 1 ได้แก่ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ , อันดับที่ 2 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และอันดับที่ 3 ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , สำหรับรางวัลรัฐบาลดิจิทัลระดับจังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ , พิจิตร , ยโสธร , ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ ตามลำดับ ฯลฯ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้า 'ระเบิดสะพานโจร' ตัดเส้นทางเสบียงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (28 ธ.ค.67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมสรุปสถานการณ์อาชญากรรมคดีออนไลน์ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ณ ห้องประชุม ศปก.ตม.จว.สระแก้ว จากนั้นลงพื้นที่บริเวณชายแดนเพื่อตรวจดูตึก 25 ชั้นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่มองเห็นจากฝั่งไทย และลงพื้นที่ข้างเคียงเพื่อตรวจสอบเสา และสายส่งสัญญาณ พร้อมแถลงข่าว ณ ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เปิดเผยว่า จากการที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ติดกับชายแดนของประเทศไทย ในเขต อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีคนต่างชาติเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมาหลอกลวง ฉ้อโกง เอาทรัพย์สินของคนไทยไปออกนอกประเทศจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างร้ายแรง ถือเป็นภัยคุกคามของคนต่างชาติต่อความมั่นคงของประเทศในรูปแบบใหม่ จากการตรวจสอบจากการแจ้งความของประชาชนผ่านศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ www.thaipoliceonline.go.th พบว่าสัญญาณที่ใช้ในการส่งข้อความและการโทรเข้ามาหลอกลวงประชาชนเป็นจำนวนมาก มาจากเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา จึงได้ร่วมกับทาง กสทช. โดย พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.(ด้านกฎหมาย)/ประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ , นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. , นายสุธีระ พึ่งธรรม ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม , พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 , พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี , พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว , พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ,  ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว , ตำรวจตระเวนชายแดน , ตำรวจท่องเที่ยว , พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ ,พ.อ.ฉัตรชัย คุ้มด้วง รอง เสธ.กกล.บูรพา และฝ่ายเสธ.กลล.บูรพา นำมาตรการ “ระเบิดสะพานโจร” มาใช้ โดยมุ่งตัดเส้นทางเสบียงของคนร้ายเพื่อไม่ให้สามารถนำมาใช้ ในการกระทำความผิดได้ ประกอบด้วย

1. ค้นหาสัญญาณโทรศัพท์ และตัดสัญญาณสื่อสารทางโทรศัพท์และดาต้าเน็ต ที่มีการลักลอบส่งให้กับกลุ่มคนร้ายใช้อย่างผิดกฎหมาย ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด
2. คนข้ามแดนควบคุมตรวจสอบอย่างเข้มงวดและใกล้ชิด สำหรับชาวต่างชาติและคนไทยที่ไปร่วมขบวนการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งไปเปิดบัญชีมาและสแกนหน้าให้กับคนร้าย รวมทั้งไปทำหน้าที่หลอกลวงคนไทยและเบิกถอนเงิน ที่เดินทางข้ามแดนผ่านช่องทางของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและช่องทางธรรมชาติ โดยให้ดำเนินคดีกับผู้นำพาอย่างจริงจัง
3. อุปกรณ์ให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในการลักลอบขนส่งเงิน อุปกรณ์มือถือ Simbox ผ่านชายแดนช่องทางธรรมชาติ และจุดตรวจของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

โดยในครั้งนี้จากการได้ลงพื้นที่ร่วมกับ กสทช. ตรวจสอบพบเสาสัญญาณจำนวน 3 จุด บริเวณที่ใกล้กับแนวชายแดนมากที่สุด น่าเชื่อว่ามีการส่งสัญญาณไปยังบริเวณตึก 25 ชั้น ซึ่งในขณะนี้ กสทช. ได้สั่งให้มีการระงับสัญญาณดังกล่าวและจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุม กำกับดูแล และติดตามประเมินผลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด ว่าการกระทำผิดกฎหมายหลอกลวงประชาชนคนไทย โดยกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้นลดลงไปหรือไม่ นอกจากนี้ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มชาวไทยที่จะเดินทางข้ามแดนไปทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นการขายชาติ ไปช่วยเหลือกลุ่มองค์กรอาชญากรรมของคนต่างชาติมาหลอกลวงคนไทย จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top