Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48112 ที่เกี่ยวข้อง

เปิดกลยุทธ์เครมลิน เหตุใดตะวันตกคว่ำบาตร แต่เศรษฐกิจรัสเซียยังโต

(20 ธ.ค.67) ในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวความยาว 4 ชั่วโมง ปูตินได้กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจของรัสเซีย โดยคาดว่าในปี 2025 อัตราการเติบโตทาง GDP อยู่ที่ราว  2-2.5% และกล่าวว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของรัสเซียมาจากการมี 'อธิปไตย' ของตนเอง

ปูตินกล่าวว่า "ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียเป็นผลมาจากการเสริมสร้างอธิปไตย ซึ่งรวมถึงการนำไปสู่เศรษฐกิจด้วย อธิปไตยมีหลายรูปแบบ รวมถึงอธิปไตยด้านการป้องกัน, อธิปไตยด้านเทคโนโลยี, ด้านวิทยาศาสตร์, การศึกษา และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะสำหรับประเทศของเรา เพราะเมื่อเราสูญเสียอธิปไตย เราจะสูญเสียอำนาจของรัฐ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด"

เส้นทางของรัสเซียสู่การมีอธิปไตยทางเศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มต้นมานานหลายทศวรรษ แต่มาประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนจากการที่ตะวันตกเริ่มคว่ำบาตรมากขึ้นตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งนักวิเคราะห์การเงินที่มีประสบการณ์ พอล กอนชารอฟ กล่าวกับสปุตนิกว่า การคว่ำบาตร 'ที่รุนแรง' เริ่มต้นขึ้นในปี 2014

"ในปี 2014 นับเป็นยุคของ 'การคว่ำบาตรที่รุนแรง' เริ่มต้นขึ้นกับรัสเซีย และในแต่ละปีที่ตามมา ปริมาณของการคว่ำบาตรก็เพิ่มขึ้น จนทำให้ปัจจุบันรัสเซียกลายเป็นไม่กี่ชาติบนโลกที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุด แต่ก็ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจที่สุดเช่นกัน" กอนชารอฟกล่าวในบทสัมภาษณ์กับสปุตนิก

รัสเซียสามารถเอาชนะแรงกดดันจากการคว่ำบาตรได้ด้วยการก้าวไปทีละขั้น เริ่มต้นจากการลงทุนในความพึ่งพาตนเองทางการเกษตรเพื่อ ลดการพึ่งพาการนำเข้า รวมถึง "การกระตุ้นการผลิตสินค้าทดแทนการนำเข้าที่สำคัญสำหรับเครื่องจักรและเทคโนโลยี" 

มอสโกค่อย ๆ เริ่มตระหนักว่าการมีพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สามารถทำได้กับประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรจากตะวันตก กอนชารอฟกล่าว พร้อมชี้ว่า รัสเซียให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดี กับประเทศในกลุ่ม BRICS การขยายตัวของกลุ่ม BRICS และการใช้สกุลเงินอธิปไตยที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐและยูโร ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของรัฐบาลหลายชาติที่ต้องการออกจาก 'อิทธิพล' ของกลุ่ม G7 และระบบการชำระเงินของพวกเขา

"กลยุทธ์ของรัสเซีย โดยเฉพาะหลังจากที่ถูกตัดออกจากระบบธนาคาร SWIFT ในปี 2022 ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง"  กอนชารอฟ กล่าว

"รายได้จากภาษีการนำเข้าของรัสเซียในตะวันตกลดลง แต่สวนทางเพิ่มขึ้นในการนำเข้าจากประเทศแถบภูมิภาคตะวันออกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ การส่งออกของรัสเซียเพิ่มขึ้น 31 พันล้านดอลลาร์หลังจากที่ตะวันตกดำเนินการคว่ำบาตรการค้าหลังปี 2022 ซึ่งเป็นยังเป็นผลดีต่อประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และประเทศในตะวันออกกลาง แอฟริกา และกลุ่มประเทศ Mercosur (ที่ประกอบด้วย อาร์เจนตินา บราซิล ปารากวัย อุรุกวัย และเวเนซูเอลา) ต่างได้รับประโยชน์จากการแยกตัวของรัสเซียจากตะวันตก" 

ในที่สุด รัสเซียก็สามารถหาพันธมิตรใหม่ๆ นอกกลุ่มตะวันตก โดยผูกเศรษฐกิจของตนเข้ากับประเทศกำลังพัฒนาที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

"สินค้าจำเป็นทุกประเภทได้ถูกแทนที่โดยการผลิตในรัสเซีย หรือจากประเทศที่ตอนนี้ถูกมองว่าเป็น 'ประเทศมิตร' เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐไม่ได้ถูกใช้ในการชำระภาระทางการค้าระหว่างประเทศอีกต่อไป ประกอบกับเงินดอลลาร์ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างผันผวน ก็กำลังทำให้การชำระเงินในสกุลอื่นเป็นระบบที่นิยมมากขึ้น

กอนชารอฟกล่าวสรุปว่า "การแทนที่สินค้านำเข้า การค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานไปยังทิศทางกลุ่มประเทศแถบโลกใต้และโลกตะวันออก การเบนเข็มน้ำมันและก๊าซไปยังโลกใต้และโลกตะวันออก และการมีส่วนร่วมในการขยายและพัฒนากลุ่มประเทศ BRICS ในฐานะแนวหน้าทางเศรษฐกิจใหม่ ล้วนเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของรัสเซียและชาติพันธมิตรมากขึ้นเรื่อย ๆ"

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพผู้ยากไร้ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการฟรี พร้อมช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172

ระหว่างวันที่ 16 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยเยาวชน ประชาชนผู้ยากไร้ และผู้พิการ มอบหมายคณะกรรมการมูลนิธิฯ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งลดความเหลื่อมล้ำ มอบโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน รวมมูลค่าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการกว่าเจ็ดแสนบาท โดยเมื่อวันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการ และ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย (จังหวัดที่ 16 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 21 ครัวเรือน พร้อมมอบจักรยาน จำนวน 50 คัน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 5 โรงเรียน 

เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวหนองคายในครั้งนี้ทั้งสิ้น จำนวน 560,120 บาท (ห้าแสนหกหมื่นหนึ่งร้อยยี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ)  และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย  นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานร่วมในพิธี มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมมอบและสร้างสีสันภายในงาน ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

และวันนี้ (วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2567) นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ผ้าห่ม ปลากระป๋อง เส้นหมี่ขาว ทิชชูเปียก รองเท้าฟองน้ำ และ ขนม บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172 รวมจำนวน 160 ชุด พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิขาเทียมอีก 50 ชุด คิดเป็นงบประมาณมูลค่าทั้งสิ้น 162,132.50 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นสองพันหนึ่งร้อยสามสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย

รวมงบประมาณการดำเนินภารกิจ 3 โครงการ เพื่อชาวหนองคายและผู้เข้าร่วมโครงการในรอบนี้ทั้งสิ้น 722,252.50 บาท (เจ็ดแสนสองหมื่นสองพันสองร้อยห้าสิบสองบาทห้าสิบสตางค์)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน 'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต'

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ตม.จว.กระบี่ รวบหนุ่มออสเตรีย ขับเจ็ตสกี ชนนักท่องเที่ยวรัสเซียเสียชีวิต

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้สืบสวนจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.สรธรรศจ์  เอี่ยมละออ ผกก.ตม.จว.กระบี่ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุเมธ กนกเหมพันธ์ รอง ผกก.ตม.จว.กระบี่ ,ว่าที่ พ.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด สว.ตม.จว.กระบี่, พ.ต.ต.ศานติพจน์ นวนเรือง สว.ตม.จว.กระบี่ พร้อมด้วยชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.กระบี่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพีพี , ตำรวจ สภ.กะรน , ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 บูรณาการร่วมเข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี หลังทราบว่าคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ เข้าพักอาศัยในรีสอร์ตดังกล่าว จากการตรวจค้นพบนายเดวิดฯ อายุ 25 ปี สัญชาติออสเตรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ”ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย“ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมานายเดวิดฯ ได้ขับเจ็ตสกีชนชายชาวรัสเซียเสียชีวิตขณะเล่นน้ำบริเวณชายหาดกะรน ตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต พยานในที่เกิดเหตุยืนยันว่าผู้ตายถูกเจ็ตสกีชน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เจ็ตสกีลำดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ก่อนตีวงเลี้ยวชนเข้ากับผู้ตาย หลังเกิดเหตุ นายเดวิดฯ ได้เดินทางต่อมายังเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้วยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตม.จว.กระบี่ จึงได้มีมาตรการออกตรวจพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และหากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิด กรุณาแจ้งมายัง ตม.จว.กระบี่ โทร 075 611097 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘พายุ’ โดดป้อง ‘นายกฯอิ๊ง’ ปมหนีตอบกระทู้พลังงาน ซัดพฤติกรรม ‘ไอซ์ รักชนก’ ไร้ความเคารพต่อสภา

เมื่อวันที่ (19 ธ.ค. 67) นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้กรณี ‘ไอซ์ - รักชนก ศรีนอก’ สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน โพสต์ ig story เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2567 เพื่อเรียกร้องให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตอบกระทู้ในสภาฯ เกี่ยวกับปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยระบุว่า “ตอบนะครับ: สิ่งที่ท่านนายกฯทำอยู่ก็เป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงไปตอบคำถามกระทู้ในวันนี้ 

เนื่องจากท่านรัฐมนตรีจะมีข้อมูลมากที่สุดในฐานะที่เป็นเจ้ากระทรวงเพราะเป็นเรื่องเดียวที่ต้องโฟกัส ซึ่งเทียบกับท่านนายกฯที่ต้องบริหารทั้งรัฐบาลที่มีถึง 20 กระทรวงให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่รวมหน้าที่ความรับผิดชอบอื่น ๆ อีกมากมาย”

อีกทั้งยังชี้แจงว่า สาเหตุที่ นายกฯ ต้องเลื่อนการตอบกระทู้นั้น เพราะว่าติดภารกิจช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ อีกทั้ง นายกฯ ไม่ได้ยกเลิกการตอบกระทู้ เพียงแต่ขอเลื่อนไปเท่านั้น

และตำหนิการใช้ถ้อยคำของ น.ส. รักชนก โดยเฉพาะคำว่า 'เฟียส ๆ' ซึ่งเป็นการแสดงพฤติกรรมเหมือนบุคคลที่ไม่มีสัมมาคารวะและเคารพต่อพื้นที่สภา เพื่อการท้าทายนายกฯ ซึ่ง “เท่ากับว่า ที่จริงแล้วทางฝ่ายค้านไม่ได้ต้องการคำตอบที่มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริง”

‘รมช.กลาโหม’ ลั่น ‘กองทัพ’ พร้อมรบปกป้องอธิปไตย ย้ำชัด ‘ทหารไทย’ ไม่ได้อ่อน หลังถูกวิจารณ์ปมว้าแดงรุกล้ำเขตแดน

‘รมช.กลาโหม’ ลั่น ทหารไทย ไม่ได้อ่อน หลังถูกวิจารณ์ ปมว้าแดงรุกชายแดน ย้ำ 'กองทัพ' พร้อมปกป้องอธิปไตย ชี้ รบกันไม่ยาก แต่ผลกระทบเกินเยียวยา

(20 ธ.ค.67) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยเมียนมา กรณีพื้นที่ที่มีการพิพาทเกิดขึ้นกับกลุ่มว้าแดงในขณะนี้ ว่า ประเด็นนี้ไม่ขอลงรายละเอียด แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กองทัพพร้อมปกป้องอธิปไตยหากเกิดการรุกล้ำอธิปไตยเข้ามา เช่นเดียวกับกรณีที่เมียนมายังคงไม่ปล่อยตัว 4 ลูกเรือประมงไทย ไม่อยากจะลงในเรื่องของรายละเอียด เนื่องจากอยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งอาจกระทบต่อขั้นตอนการเจรจา อาจทำให้คนไทยที่อยู่ฝั่งนู้นได้รับผลกระทบ 

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าหน่วยงานความมั่นคง ไม่ได้อ่อนเกินไป พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่ายืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่ได้อ่อน เราพร้อมปฏิบัติการเมื่อรัฐบาลสั่งการ แต่การพูดคุยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว แต่อยากให้เชื่อใจ หากเป็นเรื่องอธิปไตย กองทัพปกป้องแน่นอน ไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำอธิปไตย แต่ในขณะเดียวกัน การพูดคุยก็ต้องคำนึงถึงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน

"การรบกัน การปะทะกัน เป็นอาชีพของทหาร และความรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย"

เมื่อถามว่ากลุ่มว้าแดง ไม่ได้รุกล้ำมาเพียงแค่จุดเดียว แต่ตลอดแนวชายแดนไทยเมียนมา มีการรุกล้ำถึง 80 จุด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งพื้นที่ตามแนวชายแดน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ปัจจุบันยังปักปันชายแดนไม่แล้วเสร็จ จึงมีพื้นที่ที่ไม่ชัดเจนหลายแห่ง ก็ต้องมีการพูดคุยกันในคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย - เมียนมา (TBC)และยืนยันว่าไม่มีเดดไลน์อย่างที่เป็นข่าว 

เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหมมีแนวทางอื่นหรือไม่ ในเมื่อการปักปันเขตแดนไม่สามารถทำได้ในพื้นที่ที่เกิดการสู้รบ เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ที่ผ่านมาก็มีอยู่แล้ว แม้ไม่มีแนวเขตแดน แต่เรามีเส้นปฏิบัติการที่กำหนดว่าทั้งสองฝ่ายจะอยู่กันบริเวณไหน เพื่อเป็นกรอบการปฏิบัติของแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเรามีคนไทยในการพูดคุยอยู่แล้ว และมีความแน่นแฟ้นกับชนกลุ่มน้อย แต่พื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่เราไม่ได้พูดคุยกับเมียนมาโดยตรง มีชนกลุ่มน้อย ที่ประกอบด้วยหลายกลุ่มอยู่ตรงนั้น เราจึงใช้กลไกทั้ง TBC และกลไกอื่น ๆ เข้ามาเสริม

นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล ยังฝากไปถึงสื่อโซเชียลที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนี้ว่า ขอให้มั่นใจ กองทัพพร้อมปกป้องอธิปไตย และในการพูดคุยเราไม่ได้มองแค่ประเด็นด้านความมั่นคงหรือการทหารเพียงอย่างเดียว มีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ผลกระทบต่อประชาชน การรบการปะทะกันน่ะง่าย แต่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ยากที่จะเยียวยา กองทัพจึงคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คำนึงจนอ่อนอย่างที่สังคมวิจารณ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตย เราก็พร้อม ปฏิบัติการได้ทันที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top