Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48112 ที่เกี่ยวข้อง

สภาล่างสหรัฐฯ ปัดตกร่างงบประมาณของทรัมป์ จับตา government shutdown คืนนี้

(20 ธ.ค.67) สหรัฐกำลังเสี่ยงเผชิญภาวะ 'ชัตดาวน์ทางการคลัง' รอบใหม่ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก โหวตคว่ำร่างงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่สนับสนุนโดยโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและที่ปรึกษาคนสนิท ส่งผลให้รัฐบาลกลางอาจขาดงบประมาณสำหรับดำเนินงานหากไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคมนี้ (ตามเวลาสหรัฐ)

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติด้วยคะแนน 235 ต่อ 174 เสียง โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 38 คน โหวตค้านร่างงบฯ ฉบับทรัมป์ ที่เปิดช่องให้ยกเลิกเพดานหนี้และสามารถก่อหนี้เพิ่มอย่างมหาศาล ซึ่งกลายเป็นประเด็นขัดแย้งภายในพรรค ขณะที่ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะมีการประชุมใหม่เพื่อหาทางออกต่อไป

แม้ว่าพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะเคยบรรลุข้อตกลงร่วมกันในร่างงบประมาณรายจ่ายที่ครอบคลุมเงินช่วยเหลือด้านภัยพิบัติและการเกษตรมูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์และมัสก์กลับออกมาคัดค้านเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม โดยทรัมป์ขู่ว่าจะไม่สนับสนุนสมาชิกสภาที่ไม่ยอมทำตามข้อเสนอของเขา

หากร่างงบประมาณไม่ผ่านภายในกำหนด จะเกิดภาวะรัฐบาลชัตดาวน์ ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาลกลาง 438 แห่งทั่วสหรัฐ รวมถึงการจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง และบริการสาธารณะต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องหยุดชะงัก

ที่จริงแล้ว พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างงบประมาณรายจ่ายที่จะนำมาโหวตในสัปดาห์นี้ได้ โดยพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงื่อนไขที่ต้องการคือ การอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือด้านภัยพิบัติและการเกษตร อย่างไรก็ตาม ทรัมป์และมัสก์ได้ออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

แม้ว่าทรัมป์จะยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ แต่เขามักใช้อิทธิพลทางการเมืองอย่างไม่เป็นทางการเพื่อกดดันฝ่ายนิติบัญญัติ โดยในครั้งนี้ เขาขู่ว่าจะไม่สนับสนุนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต่อต้านเขาในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อกดดันให้มีการปรับแก้ร่างงบประมาณ และเปิดทางให้ระงับการจำกัดเพดานหนี้เป็นเวลา 2 ปี ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยงการต่อรองทางการเมืองเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะทำให้รัฐบาลของเขาก่อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนจากพรรครีพับลิกันไม่เห็นด้วย

ทรัมป์ต้องการให้สภาคองเกรสจัดการกับปัญหาเพดานหนี้ในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเขาคือการขยายเวลาลดหย่อนภาษี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีคาดการณ์ว่าจะทำให้หนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า จากระดับปัจจุบันที่ 36 ล้านล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ชี้ว่าการขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากภายในพรรครีพับลิกันและการพยายามรวบอำนาจของทรัมป์ ขณะที่แผนการขยายเวลาลดหย่อนภาษีที่เขาผลักดันอาจทำให้หนี้ของรัฐบาลกลางพุ่งสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า จากปัจจุบันที่ 36 ล้านล้านดอลลาร์

'ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์' จับมือ 'ไทเกอร์' ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการสโมสร

(20 ธ.ค.67) ไทเกอร์ แบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียมชั้นนำในเอเชีย ขึ้นแท่นเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur) ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญหลังการประกาศ ความร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยความร่วมมือในครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเชื่อมต่อกับคอมมูนิตี้แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ทำให้แฟนบอลได้ใกล้ชิดกับสโมสรโปรดมากยิ่งขึ้น

ฌอน โอดอนเนลล์ ผู้อำนวยการแบรนด์ระดับโลกของไทเกอร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าความกล้าหาญของแต่ละบุคคลมีรากฐานมาจากการสนับสนุนของคนรอบข้าง โดยความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อของเราที่ว่าความก้าวหน้าไม่ได้มาจากคนเพียงคนเดียว แต่เป็นผลลัพธ์จากการร่วมมือกันเพื่อสรรสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เราภูมิใจที่ไทเกอร์เป็นแบรนด์ที่พร้อมจะเฉลิมฉลองและเติมเต็มประสบการณ์เชียร์บอลของแฟน ๆ ทั่วโลก”

ด้วยฐานแฟนบอลกว่า 195 ล้านคนในเอเชีย สโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ จึงเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ไทเกอร์ ในการสร้างคอมมูนิตี้ที่เหนียวแน่นและเชื่อมโยง แฟนบอลทั่วโลกเข้าด้วยกัน

ไรอัน นอริส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของสโมสรท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับไทเกอร์ แบรนด์พรีเมียมชั้นนำที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนบอลในเอเชีย โดยใช้ฟุตบอลเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้คนและสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำร่วมกัน”

ไทเกอร์ ได้ทำการสำรวจกับแฟนบอลกว่า 2,000 คน และพบว่าเกือบ 3 ใน 4 ของกลุ่มแฟนบอล เชื่อว่า การที่แบรนด์มีกิจกรรมร่วมกับแฟนบอลทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกับทีมที่เชียร์มากยิ่งขึ้น แบรนด์ไทเกอร์จึงเตรียมมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและไม่เหมือนใครให้กับแฟนบอลของสโมรสรท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น แฟนมีตติ้งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โอกาสพิเศษในการเข้าชมการฝึกซ้อมของทีม และการเข้าร่วมเวิร์กช็อปฟุตบอลกับทีมโค้ชระดับโลก

ปูตินแถลงข่าว 4 ชม. ลั่นควรบุกยูเครนเร็วขึ้น พร้อมถกทรัมป์จบขัดแย้งเคียฟ

เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.67) นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงข่าวสิ้นปีผ่านทางโทรทัศน์เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีที่ผู้นำรัสเซียเปิดเวทีให้ประชาชนและสื่อมวลชนซักถาม โดยมีประเด็นสงครามในยูเครนเป็นหัวข้อสำคัญ พร้อมแสดงจุดยืนเปิดกว้างต่อการเจรจากับยูเครนและว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ

ปูตินกล่าวถึงการรุกรานยูเครนที่เริ่มเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยยอมรับว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ รัสเซียควรเปิดฉากปฏิบัติการพิเศษทางทหารให้เร็วและมีการเตรียมพร้อมที่เป็นระบบมากกว่านี้ พร้อมเสริมว่าสถานการณ์สงครามเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และรัสเซียยังคงรุกคืบและยึดครองพื้นที่ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอนได้ว่าการยึดคืนดินแดนจะเสร็จสิ้นเมื่อใด

เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปูตินระบุว่าไม่ได้พูดคุยกับทรัมป์มานานกว่า 4 ปี แต่พร้อมเปิดการเจรจาทันทีหากอีกฝ่ายต้องการ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการสนทนาจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากทรัมป์เคยให้คำมั่นระหว่างการหาเสียงว่าจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนโดยเร็ว

ปูตินยอมรับว่า สถานการณ์เงินเฟ้อและปัญหาข้าวยากหมากแพงเป็นประเด็นที่น่าวิตกสำหรับรัสเซียในปัจจุบัน โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในปี 2567 อยู่ที่ 9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 9.3% ส่งผลให้เศรษฐกิจรัสเซียยังคงเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศและวิกฤตสงคราม

ปูตินยังเน้นย้ำถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับจีน ซึ่งทั้งสองประเทศมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเวทีโลก พร้อมระบุว่าความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ยังคงพัฒนาไปในทิศทางที่ดี

ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า พร้อมเปิดกว้างต่อการเจรจาเพื่อยุติสงคราม แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าการปรองดองที่พูดถึงจะมีรูปแบบใด ทั้งนี้การเจรจาทั้งหมดต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้นำที่ชอบธรรมของยูเครนเช่นกัน

การแถลงข่าวครั้งนี้สะท้อนถึงความหวังในการหาทางออกของวิกฤตที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

สตม. บูรณาการ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ทลายแก๊งฝรั่งเหิมค้ายาเสพติดให้นักท่องเที่ยวบนเกาะพะงัน ตั้งคนไทยเป็นนอมินี เปิดบริษัทบังหน้าฟอกเงิน พบทำมาแล้วเกือบ 2 ปี เงินหมุนเวียนกว่า 71 ล้านบาท เตรียมเพิกถอนวีซ่าผลักดันออก พร้อมลงแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศ

วันนี้ (19 ธ.ค.67) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.กฤดินิธิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ฯ รรท.ผกก.สภ.เกาะสมุย, พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปัญญา นิรัตติมานนท์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน, พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมจับกุมนายเฟเดริโก้ หรือ MR.FEDERICO อายุ 36 ปี สัญชาติอิตาลี  ในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี,เอ็กตาซี) และยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน(มูลฐานยาเสพติด)และฟอกเงิน” และข้อหาครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี,เมตแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลางอื่นจำนวน 24 รายการ 

พร้อมอายัดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี ยอดเงิน 6.6 ล้านบาท ที่ดินในนามบริษัทพิทยาแลนด์ จำกัด เนื้อที่ 2 ไร่เศษ จำนวน 1 แปลง มูลค่า 8 ล้านบาท ยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า จำนวน 1 คัน และอยู่ระหว่างตรวจสอบที่ดินอีก 2 แปลง ซึ่งน่าจะถือครองในชื่อของบุคคลอื่น รวมทั้งธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่นายเฟเดริโก้ ฯ เป็นกรรมการว่าเข้าข่ายมีการประกอบในลักษณะนอมินีหรือไม่

นอกจากนี้ยังสามารถขยายผลจับกุมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พบว่ามาซื้อยาเสพติดจากนาย เฟเดริโก้ ได้อีก 2 ราย คือ นายโรมัน หรือ MR.ROMAN อายุ 37 ปี สัญชาติฝรั่งเศส และนายแอนทอน หรือMR.ANTON อายุ 39 ปี สัญชาติรัสเซียสำหรับยาเสพติดที่ตรวจพบ เช่น โคเคน เห็ดขี้ควาย ซึ่งเป็นยาเสพติดที่แพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 

พล.ต.ต.ภาณุมาศ ฯ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการจับกุม นายปีเตอร์ หรือMR.PETER สัญชาติอังกฤษ ข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ฯ และศาลจังหวัดเกาะสมุย ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี 11 เดือน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบสวนขยายผลพบว่านายปีเตอร์ สั่งซื้อยาเสพติดมาจากนายเฟเดริโก้  โดยมียอดการสั่งซื้อมากกว่า 200,000 บาทในระยะเวลากว่าปีเศษ และในห้วงเวลาเดียวกันพบว่านายเฟเดริโก้ ฯ ได้รับโอนเงินจากชาวต่างชาติรายอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงันอีกหลายราย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการซื้อขายยาเสพติดในเครือข่ายเดียวกัน โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 71 ล้านบาท 

ด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ฯ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี และภ.จว.สุราษฎร์ธานี ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับนายเฟเดริโก้ ฯ และเข้าตรวจค้นเครือข่ายอีก 3 จุด จนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 2 รายตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น 

พล.ต.ต.ทรงโปรด ฯ ผบก.ตม.6 กล่าวด้วยว่า นายแอนทอนได้มีจัดตั้งบริษัท เพียว เฮ้าส์ พะงัน จำกัด ขึ้นมาประกอบธุรกิจให้บริการรับทำความสะอาดวิลล่าที่พักอาศัย สวน และสระน้ำให้กับชาวต่างชาติ โดยมีลักษณะให้คนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนหรือนอมินี เพื่อบังหน้าปกปิดการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด     

โดยบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 4,000,000 บาท มีลักษณะการถือหุ้นที่ผิดปกติโดยมีคนไทยถือหุ้น ในสัดส่วน 100 เปอร์เซ็นต์ มีนายแอนทอน และภรรยาชาวรัสเซีย เป็นกรรมการพบว่ามี น.ส.มีนา บุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทนนายแอนทอน เพื่อให้ได้ประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมดเป็นของนายแอนทอน ฯ  

เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.มีนา ในข้อหาให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจให้บริการรับทำความสะอาดวิลล่าที่พักอาศัย บ้านพักตากอากาศ ดูแลสวน และสระว่ายน้ำอันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 บัญชี3 (21) การทำธุรกิจบริการอื่นๆ ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย  และนายแอนทอน ฯ ในข้อหายินยอมให้คนไทยช่วยเหลือให้ตนเองได้ประกอบธุรกิจบริการรับทำความสะอาดวิลล่าที่พักอาศัย บ้านพักตากอากาศ ดูแลสวน และสระน้ำ อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ท้ายบัญชี 3 (21) การทำธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง และประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 8 และมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่ามีการถือหุ้นแทนคนต่างชาติ
 
รรท.ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งกวาดล้างบริษัทนอมินีที่ใช้คนไทยถือหุ้นบังหน้า รวมทั้งกวาดล้างอาชญากรรมที่กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของ น.ส.แพทองธาร ชิณวัตร นายกรัฐมนตรี และต่อจากนี้ไปจะให้ ตม.ทุกจังหวัด ประสานการปฏิบัติกับตำรวจพื้นที่เร่งตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติ และบริษัทที่ประกอบธุรกิจในลักษณะที่เป็นมอมินี หากตรวจพบจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกราย

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ เผย ‘บอร์ด สสว.’ เห็นชอบงบกองทุน 2,300 ล้านบาท เฟสแรกยกระดับเอสเอ็มอี พัฒนากิจการ เพิ่มขีดความสามารถ หมุนเวียนธุรกิจ 

(19 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ดส่งเสริมฯ สสว.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณ 2,300 ล้านบาท ในการดำเนินงานภายใต้โครงการสนับสนุน SME ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ สสว.เคยขอจัดสรรเพิ่มเติม วงเงิน 5,000 ล้านบาท 

นายประเสริฐ กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าว เริ่มในปีงบประมาณ 2567 ที่ สสว. ได้ขอจัดสรรงบประมาณประจำปี 2567 เพิ่มเติมจำนวน 5,000 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เอสเอ็มอีกู้ยืมสำหรับดำเนินการก่อตั้ง ปรับปรุง และพัฒนากิจการของเอสเอ็มอีให้มีประสิทธิภาพและขีดความสามารถเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อเป็นเงินช่วยเหลืออุดหนุนหรือลงทุนใดที่เกี่ยวกับการขยายกิจการ การวิจัย พัฒนาและการส่งเสริมเอสเอ็มอีให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบัน สสว. จึงได้ทบทวนและปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน โดยได้ขออนุมัติวงเงินงบประมาณเบื้องต้นคือ จำนวน 2,300 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการสนับสนุน SME ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งแนวการดำเนินงานได้แก่ 1.การสนับสนุนเงินกู้ให้แก่ผู้ประกอบการ วงเงินงบประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับดำเนินการก่อตั้ง ปรับปรุง และพัฒนากิจการของเอสเอ็มอี ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และ 2. สนับสนุนงบประมาณโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ปีงบประมาณ 2569-2570 เพิ่มเติม วงเงินงบประมาณ 300 ล้านบาท

สำหรับ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS คือ สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายแบบร่วมจ่าย (Co-payment) เป็นสัดส่วนตามขนาดของธุรกิจตามนิยามเอสเอ็มอีของ สสว. คือ นิติบุคคล/บุคคลที่จดทะเบียน ภาครัฐ/วิสาหกิจชุมชน 

“ธุรกิจขนาดไมโคร วงเงินสนับสนุนไม่เกิน 50,000 บาท หรือ สสว. สนับสนุน ร้อยละ 80 MSME จ่ายร้อยละ 20 และสำหรับเอสเอ็มอีขนาดเล็ก หรือ SMALL วงเงินสนับสนุนไม่เกิน 1 แสนบาท โดย สสว. สนับสนุน ร้อยละ 80 เช่นกัน ส่วนนิติบุคคล ขนาดธุรกิจ คือขนาดกลาง สสว. สนับสนุน ร้อยละ 50 วงเงินสนับสนุน ไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ เอสเอ็มอีแต่ละรายจะได้รับการอุดหนุนทั้งหมดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top