Monday, 9 June 2025
ค้นหา พบ 48681 ที่เกี่ยวข้อง

นาวิกโยธิน จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันนวมินทรมหาราช

(20 ต.ค. 67) พลเรือโท อภิชาติ  ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานการจัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2567

เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนจิตอาสาภาคประชาชน คณะครูอาจารย์ และ นักศึกษา สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ร่วมในกิจกรรม ณ บริเวณหน้าพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

ตรวจความพร้อมรบกองพลนาวิกโยธิน

(20 ต.ค. 67) พล.ร.ต.โยธิน ธนะมูล ผู้บัญชากากองพลนาวิกโยธิน (ผบ.พล.นย.) พร้อมด้วย รอง ผบ.พล.นย., เสธ.พล.นย., รอง เสธ.พล.นย. และ หน.ฝอ.บก.พล.นย. ตรวจความพร้อมรบ พัน.ร.หนุน กจต.

เพื่อเป็นการตรวจความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ตามระดับความพร้อมรบ พ.๒ ณ ลานสวนสนาม กรม ร.1ฯ ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และตรวจความพร้อมรบ ร้อย.ฉก.นย. ณ พัน.ลว.ฯ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี รายงาน 0909535645

กัลฟ์ (Gulf ) จับมือ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท) นำยุทธศาสตร์ “ เมืองจุลินทรีย์ “ เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์ ลดภาวะโลกเดือด เสริมเศรษฐกิจชุมชน

(20 ต.ค. 67) สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท) มีกิจกรรมจัดประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ ณ โรงแรม Cruises The Pool Access อ.แกลง จ.ระยอง นำโดย นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมฯ สนพท. และ นายนพดล แสงวิไล กรรมการ สนพท. จ.ระยอง และ มีการจับมือ ประกาศเจตนารมย์ MOU  ร่วมกับ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ (Gulf ) และ บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (Gulf MTP ) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3  นำโดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ Gulf พร้อมด้วย คณะกรรมสมาคมฯ สนพท. จังหวัดต่างๆ พร้อมร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุน การสื่อสารเพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ ตามแนวทาง ยุทธศาสตร์ “ เมืองจุลินทรีย์ “ (Biobased ) เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์ ลดภาวะโลกเดือด รักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศน์ ชุมชน โดยฐานความรู้ด้าน “ฐานชีวภาพ” และนวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ สู่การพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น และสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของภาคคีความร่วมมือภาคส่วนในสังคม แก้ปัญหาขยะเศษอาหารจากต้นทาง และเปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างมูลค่า คุณค่า เสริมอาชีพ รายได้ เศรษฐกิจชุมชน พร้อมกับ การแก้ปัญหาขยะล้นเมือง  ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า ระบบนิเวศ ฯลฯ และขับเคลื่อนร่วมกับภาครัฐ และ ประชาสังคม สื่อมวลชน  ฯลฯ ลดภาวะโลกร้อน ภาวะโลกเดือด ซึ่งเป็นปัญหาระดับนานาชาติ รวมทั้งประเทศไทยของเรา โดยกิจกรรมกัน ของ Gulf และ สนพท. คือ ในเดือนถัดไป คือ  ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 จะขับเคลื่อนกิจกรรม จัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ร่วมกับ กำนัน และคณะกรรมการชุมชน ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ตามแนวยุทธศาสตร์เมืองจุลินทรีย์ ฯ เพื่อฟื้นฟู “ป่าต้นน้ำและหุบเขาจุลินทรีย์” ฟื้นระบบนิเวศป่าไม้ ป้องกันไฟป่า ลดคาร์บอน และ เป็นการเสริมสร้างอาชีพ ผลิตภัณฑ์ชุมชน สู่การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และ ลดต้นทุนทางการเกษตร ฯลฯ

สำหรับกิจกรรมในพื้นที่ จ.ระยอง   ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน  กล่าวว่า  กลุ่มบริษัทกัลฟ์ มีนโยบายชัดเจนด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และร่วมพัฒนาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  กรณีตัวอย่างเช่น  ในช่วง 3 ปี (ปี 2565-2567 ) ที่ผ่านมา ได้ส่งเสริมจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง โดยมีการอบรมความรู้และแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากเศษอาหาร เศษปลา ก้างปลา (ปลาเห็ดโคลน) ที่ชาวบ้านแล่เนื้อขายจะมีเศษปลา ซึ่งเดิมทิ้งเป็นขยะซึ่งจะก่อเกิดมลภาวะชุมชน ได้นำความรู้สู่ชุมชน “เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์” ด้วยกระบวนการหมักแบบชีวภาพ ผลิตเป็น ฮอล์โมนปลาหมัก  ปุ๋ยหมักแบบอินทรีย์  การผลิตจุลินทรีย์ก้อน (EM ball)  ปุ๋ยน้ำจากปลาทะเล  (ซึ่งราคาขายในท้องตลาดลิตรละ 120-150 บาท  ) แปรูปเป็นน้ำยาล้างจาน ล้างรถ ล้างห้องน้ำ น้ำยาเอนกประสงค์ จุลินทรีย์ ฯลฯ สามารถนำไปใช้ในการเกษตรพืชชนิดต่างๆ ปศุสัตว์ การบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน แม่น้ำลำคลอง ป่าไม้ ป่าชายเลน ฯลฯ สามารถ การใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมในครัวเรือนและจำหน่ายสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้แก่ชุมชนได้จริง   เป็นต้น ปี 2565 บริษัทกัลฟ์ ร่วมกับ วิสาหกิจกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ฯ เทศบาลตำบลเนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง จัดโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนที่เสื่อมโทรม โดยนำความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ฯ ที่ได้จากการผลิตของวิสาหกิจชุมชนฯที่อบรมไว้ โดยใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพจากจุลินทรีย์ และ จุลินทรีย์บอล นำไปใช้ปรับสภาพดิน น้ำ และใช้เป็นปุ๋ยหรือธาตุอาหาร พร้อมกับฟื้นฟูจุลินทรีย์ในสภาพแวดล้อมดินน้ำป่าของป่าชายเลนฯ ช่วยย่อยเศษใบไม้ อินทรีย์วัตถุในป่าชายเลน ฯลฯ ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน มีสภาพที่ดีขึ้นพร้อมทั้งร่วมกับชุมชนและชาวประมง ปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติม กว่า 5,000 ต้น ประสบผลสำเร็จอย่างดีมี อัตราการรอดกว่า 80 % และเจริญเติบโตมาก จากที่เริ่มปลูกกล้าใหม่มีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ผ่านไป 2 ปี เศษ เติบโตดีมาก สูงกว่า 1.50 – 2.50 เมตร ใบเขียว แผ่กิ่งก้านรากแข็งแรงและปัจจุบันยังร่วมกับชุมชนฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง อีกโครงการหนึ่ง Gulf ร่วมนำยุทธศาสตร์เมืองจุลินทรีย์ ร่วมกับสื่อมวลชนและภาคประชาสังคม จ.ระยอง จัดทำโครงการ “ระยองไม่เทรวม” โครงการแยกขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะเศษอาหารของเมือง โดยนำองค์ความรู้ด้านจุลินทรีย์ ฯ (ฐานชีวภาพ) มาใช้รณรงค์การแยกขยะร่วมกับชุมชน และสนับสนุนจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ ฯชุมชนเป็นต้นแบบ นำขยะเศษอาหารจากครัวเรือน และ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรมฯ มาผ่านกระบวนการหมักแบบชีวภาพ แปรรูปเป็นปุ๋ยหมักคุณภาพสูง ปุ๋ยน้ำชีวภาพ และการทำจุลินทรีย์ก้อน (Em ball ) ภาคชุมชนและประชาสังคม อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการฯร่วมกับทางจังหวัดและอบจ. เพื่อรณรงค์การแยกขยะและลดขยะแปรรูปเปลี่ยนเป็นประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและแก้ปัญหาขยะเศษอาหารล้นเมือง ระยอง
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล  นายกสมาคม ฯ สนพท. กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทกัลฟ์ (Gulf) เป็นแนวคิดยุทธศาสตร์ที่ดีมากสอดคล้องกับปัญหาสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาขยะ และภาวะโลกร้อน .. ถึงเวลาทีถึงเวลาที่เราทุกคน ต้องตระหนักและต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของเราทุกคน แนวคิด “ ยุทธศาสตร์ เมืองจุลินทรีย์ “ คือการใช้กลไกธรรมชาติชีวภาพในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมบูรณ์สมดุลสู่ความยั่งยืน “ แนวทางฟื้นฟูเสมือนการย้อนกลับไปสร้างโลกใหม่เพื่อแก้ปัญหาและสร้าง นิเวศสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน สนพท. จะร่วมสื่อสารสร้างสังคมการเรียนรู้ร่วมกับกัลฟ์ “ โดยการสร้างองค์ความรู้แก่ชุมชน สังคม เพื่อณรงค์ให้ประชาชนตระหนักต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และมีความรู้ มีแนวทางปฏิบัติในตนเองและครัวเรือนได้ และจะขับเคลื่อนกลไกทางสังคมร่วมกับทุกภาคส่วน เป็นองค์กรสื่อสารเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี ของประเทศไทยของเราทุกคน

มุกดาหาร-อุกอาจสุดๆ! ลักลอบพาดสายเน็ตบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน สปป.ลาว ใช้สร้างเครือข่ายหลอกคนไทย

(20 ต.ค. 67) พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย และประธาน อนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ  พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการ เลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กสทช. และตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการในไทย ลากสายข้ามสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2  (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) เข้าไปในนครไกรสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ระยะทาง 5 กิโลเมตร ทำให้เครือข่ายดังกล่าวสามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากเอื้อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยได้สะดวก เทียบเท่าการเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ โจ่งแจ้ง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กสทช. สำนักงาน กสทช. เขต 25 จังหวัดนครพนม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุม และกำกับการประกอบกิจการโทรคมนาคมให้เป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีนี้ พบว่า มีบริษัทเอกชนราย หนึ่งซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจาก กสทช. ในการประกอบกิจการได้เฉพาะภายในประเทศไทย โดยบริษัทดังกล่าวมีพฤติการณ์ ในการติดตั้งตู้ชุมสายอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดน ลักลอบพาดสายสัญญาณความเร็วสูงข้ามสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะ เขต) เพื่อลักลอบกระจายสัญญาณไปยังพื้นที่ สปป.ลาว จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ ของ กสทช. พบว่าเครือข่ายนี้มีการลากสายลึกเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านไกลกว่า 5 กิโลเมตร ทำให้ เครือข่ายดังกล่าวสามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ รองรับผู้ใช้งานกว่าหมื่นรายพร้อมกัน เอื้อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยได้สะดวก เทียบเท่าการเข้ามา ตั้งฐานในประเทศไทย พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ โจ่งแจ้งไม่เกรงกลัวกฎหมาย การกระทำในลักษณะดังกล่าวถือเป็นความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับ อนุญาต อันเป็นความผิด ตามมาตรา 67 (3) แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ซึ่งต้อง ระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขัน ปราบปรามอย่างเด็ดขาดกับอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้าง ความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงได้มอบหมายให้ตนในฐานะผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง ผอ.ศปอส.ตร. เป็นผู้ดำเนินการจับกุมในวันนี้ โดยเป็นการทำงานร่วมกับ กสทช. ในการเดินหน้าสกัดกั้นไม่ให้ผู้กระทำผิดเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ได้โดยง่าย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อสายเคเบิล พร้อมกับเข้าตรวจค้นตู้ซิม ตรวจยึดซิมการ์ดไทยตำนวน 101,068 ซิม รวมทั้ง SIM BOX และอุปกรณ์อื่นๆ จำนวนมาก 

ขบวนการลักลอบพาดสายที่เราจับกุมได้ในวันนี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มีความแตกต่างจากการกระทำความผิดในพื้นที่อื่นที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกลุ่มเนื่องจาก ที่ผ่านมาเป็นการลักลอบลากสายตามช่องทางธรรมชาติ หรือผ่านแม่น้ำ แต่ครั้งนี้เป็นการลากพาดสะพานข้ามแดนระหว่างประเทศ ศึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบ หลังจากนี้จะได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดแนวชานแดนประสานการทำงานกับ กสทช. ตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะนี้ หากตรวจพบให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดทุกราย พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งว่าสายสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่มีการลักลอบเชื่อมต่อเข้าไปใน สปป.ลาว มีปลายทางอยู่ที่บริเวณใกล้กับสะหวันเวกัส ซึ่งเป็นคาสิโนแห่งหนึ่งในแขวงสะหวันนะเขต 

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #สำนักงานกสทช.
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777

ส่องความเห็น 2 ทนายดัง จากกรณี ว.วชิรเมธี เทศน์ The iCon

(21 ต.ค. 67) เรื่องราวข่าว The iCon Group ที่โยงไปในหลาย ๆ วงการ รวมถึงวงการสงฆ์จากกรณีที่พระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิระเมธี พระนักเทศน์นักเขียนชื่อดัง ที่ได้รับเชิญให้ไปบรรยายไปเทศนาที่ The iCon Group นั้น 

ล่าสุดจากกรณีดังกล่าวได้ทำให้เกิดวิวาทะระหว่างทนายที่มีชื่อเสียง 2 คน ได้แก่ ทนายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ 

โดยวันที่ 20 ต.ค. 67 ทางทนายวันชัย สอนศิริ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า 

ท่าน ว. ...ธรรมะย่อมชนะอธรรม

ใครจะเล่นกับเทวดาตนใดอย่างไรก็ว่ากันไป... แต่สำหรับท่าน ว. เท่าที่ผมเห็นวัตรปฏิบัติของท่านตลอดมาเป็นพระนักเทศน์สอนตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขายธรรมะอย่างเดียวเพียวๆ เฉกเช่น หลวงพ่อปัญญา หลวงพ่อพุทธทาส ไม่ใช่พระอมน้ำมนต์พ่นน้ำหมากปลุกเสกเลขยันต์ ถือว่าเป็นพระน้ำดีในยุคสมัย อาจจะผิดพลาดบกพร่องก็เป็นวิสัยของมนุษย์โดยทั่วไป ด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายผมเชื่อว่าท่าน ว. ไม่ได้ผิดอะไร คนที่เป็นพระมาถึงระดับนี้ ถ้ารู้ว่าขบวนการของดิไอคอนเป็นขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงฉ้อโกง หรือเป็นแก๊งค์ทุจริตผิดกฎหมาย ท่านคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแน่ และคงไม่เข้าไปซ่องเสพกับทุรชน แต่ที่รับนิมนต์ไปเทศน์ไปบรรยายก็ตามวิสัยของพระโดยทั่วไป ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการต้มตุ๋นของเขาหรอก ไปเทศน์แล้วก็อาจจะอวยบ้าง พาดพิงถึงเขาบ้าง แตะโน่นแตะนี่ถึงบริษัทเขาบ้าง ก็เป็นธรรมดาของนักเทศน์นักบรรยาย หาได้มีจิตใจที่ไปสนับสนุนขบวนการของเขา และการถวายเงินเพื่อกิจกรรมของท่าน ก็เป็นเรื่องปกติเหมือนเศรษฐีคนมีเงินมีทองทั่วไป

ใครจะล่อดิไอคอน ล่อบอสคนไหนก็ว่ากันไป ไม่ได้หมายความว่าคนไปเกี่ยวข้อง จะต้องผิดและเลวทรามต่ำช้าไปทุกคน ทนายความของบอสก็ออกมาชี้แจงตอบโต้กันโครมๆ เขาต้องผิดด้วยหรือเปล่า..ก็ไม่ใช่ ใครจะกร่าง จะหาเรื่อง จะหิว...ก็ดูหน่อยว่าแสงมันมืดหรือบอด หรือจะเอามันส์ตามกระแส เล่นเทวดาไม่พอ ล่อพระสงฆ์องค์เจ้าด้วย จะได้ดังระเบิดระเบ้อ คับบ้านคับเมือง ชี้เป็นชี้ตาย ว่าไอ้โน่นก็ผิด ไอ้นี่ก็ผิด..ยิ่งกว่าศาลเสียอีก โอ้ย..ใหญ่โตกันเหลือเกิน..กัมมุนา วัตตติ โลโก..

ในวันเดียวกันนี้เองทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้โพสต์ผ่านเพจทนายคลายทุกข์ ว่า

#ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส

ช่วยให้คะแนนหน่อยครับว่าเป็นพระดีเด่นหรือไม่อย่างไรแต่สำหรับผมไม่เห็นด้วย
และผมไม่ไหว้พระรูปนี้ เป็นเสรีภาพในการที่ผมจะไหว้ใครพระนั้นจะต้องเป็นพระที่ดีจริงๆ

พระที่ชวนลงทุนแล้วบอกว่าพรุ่งนี้รวยมหาศาลให้รีบไปเปิดบิลพระแบบนี้ผมไม่ยกมือไหว้จริงไหมครับพี่น้อง

สงสารชาวบ้านตาดำๆถูกหลอกลวงเงินไปเป็นจำนวนมากให้เปิดบิล

นอกจากนี้ทนายเดชายังได้โพสต์ต่ออีกว่า 

#การกล่าวโทษ ว.วชิรเมธี เป็นสิทธิตามกฎหมาย

หากมีพยานหลักฐานพอสมควรก็ทำได้ตามกฏหมายไม่มีกฎหมายยกเว้นว่าพระทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ ผู้ติดตามพระ 6 ล้านกว่าคนก็ช่วยอะไรไม่ได้ถ้ามีพยานหลักฐานว่าทำผิด

ลูกศิษย์ใหญ่โตแค่ไหนก็ไม่มีผลต่อรูปคดีเพราะพนักงานสอบสวนทำงานตามพยานหลักฐาน
ส่วนพี่เดก็กล่าวโทษตามพยานหลักฐานที่ปรากฏผิดหรือถูกศาลจะเป็นคนตัดสิน( การกล่าวโทษไม่ใช่การทำตัวเป็นผู้พิพากษานะเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย)

#ใหญ่กว่านี้ผมก็เคยดำเนินคดีมาแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top