Wednesday, 11 June 2025
ค้นหา พบ 48731 ที่เกี่ยวข้อง

‘ฮุน เซน’ โพสต์เดือด!..ท้าทายไทยจับกุมนักเคลื่อนไหว สวมชุดเครื่องแบบทหารเขมร ปลุกปั่นสถานการณ์ชายแดน

(10 มิ.ย. 68) สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความรุนแรงผ่านเฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia เรียกร้องให้ทางการไทยจับกุมนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในไทย โดยกล่าวหาว่าเป็น “คนทรยศชาติ” ที่สมคบคิดกับศัตรูเพื่อทำลายประเทศตัวเอง และท้าทายว่าหากไทยไม่มีส่วนรู้เห็น ก็ควรกล้าหาญจับกุมส่งกลับกัมพูชา

สมเด็จฯ ฮุน เซน อ้างอิงแถลงการณ์จากคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ที่ชี้เป้าบัญชีโซเชียลมีเดีย TikTok "Amy Richard310" และเฟซบุ๊ก "Piseth P G EM" ว่าเผยแพร่ข้อมูลเท็จและวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อบ่อนทำลายกองทัพและสร้างความเข้าใจผิดให้สาธารณชน โดยระบุว่าบุคคลเบื้องหลังคือ นายเอม พิเศฐ (Em Piseth) อายุ 37 ปี หัวหน้าเครือข่ายเยาวชนกัมพูชาทั่วโลกในประเทศไทย

ทางการกัมพูชากล่าวหาว่า นายเอม พิเศฐ ซึ่งเดิมเป็นชาวจังหวัดพระวิหารและปัจจุบันอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีการสวมเครื่องแบบทหารปลอมอย่างผิดกฎหมาย และใช้โซเชียลมีเดียโพสต์เนื้อหาเชิงลบ กุเรื่องขึ้นเพื่อต่อต้านรัฐบาลกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน พลเอกเตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ปฏิเสธข่าวลือที่ถูกเผยแพร่ในคลิปดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง โดยยืนยันว่ากัมพูชาไม่ได้ถอนทหารออก และเตือนนายเอมให้หยุดการกระทำดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า “คุณไม่ใช่ทหาร คุณไม่ได้อยู่ในกัมพูชา อย่าสร้างปัญหาให้มากนัก... ไม่มีใครเชื่อคุณอีกแล้ว” โดยโฆษกตำรวจกรุงพนมเปญจึงเตือนประชาชนให้ใช้วิจารณญาณรอบคอบ ไม่หลงเชื่อข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงชัดเจน และงดแสดงความคิดเห็นที่อาจสร้างความสับสน

ขณะนี้ทางการกัมพูชาอยู่ระหว่างสอบสวนและจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น และขอให้อยู่ในความสงบเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาของรัฐบาล กรณีนี้สะท้อนความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับกลุ่มนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านที่หลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศ

13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 วันคล้ายวันทิวงคต สมเด็จฯ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ผู้บุกเบิก และเป็นพระบิดาแห่งไปรษณีย์ไทยโทรเลข

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระบิดาแห่งไปรษณีย์ไทย เสด็จทิวงคต (เสียชีวิต) พระองค์ทรงเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และประสูติเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2402 พระองค์ทรงเป็นต้นราชสกุล 'ภาณุพันธุ์' และเป็นพระอนุชาร่วมครรภ์กับรัชกาลที่ 5

ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศสยามมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศเพิ่มขึ้น กงสุลต่างชาติเปิดรับจดหมายส่งออก โดยใช้ตราไปรษณียากรจากสหพันธรัฐมลายาและอินเดีย ก่อนส่งผ่านเรือสินค้าของอังกฤษเข้าสิงคโปร์ ในปี 2418 สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงจัดทำหนังสือพิมพ์รายวันชื่อ 'หนังสือค๊อตข่าวราชการ' พร้อมระบบส่งจดหมายระหว่างสมาชิก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริการไปรษณีย์ในประเทศ

ต่อมาในรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงพระราชดำรัสให้จัดตั้งกรมไปรษณีย์และโทรเลขขึ้นในปี 2426 โดยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์และโทรเลขพระองค์แรก และในปี 2441 ได้รวมกรมไปรษณีย์และกรมโทรเลขเป็นกรมเดียวภายใต้ชื่อ 'กรมไปรษณีย์โทรเลข' เพื่อพัฒนาการสื่อสารของประเทศ

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ได้รับการยกย่องเป็น 'พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย' ทรงเป็นผู้บุกเบิกกิจการไปรษณีย์และระบบการสื่อสารที่ทันสมัยในประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการติดต่อสื่อสารและการค้าระหว่างประเทศในยุคต้นของประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่

12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 วันคล้ายวันเกิด ‘หม่อมราโชทัย’ ขุนนางคู่พระทัย ร.๔ ผู้ประพันธ์นิราศต่างแดนเรื่องแรกแห่งสยาม

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 ถือเป็นวันคล้ายวันประสูติของบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทย นั่นคือ หม่อมราโชทัย หรือ ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกูล ณ อยุธยา ขุนนางผู้มีความสามารถรอบด้านแห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นที่จดจำในฐานะล่ามหลวงคนสำคัญ ผู้บุกเบิกการทูตกับชาติตะวันตก อธิบดีผู้พิพากษาคนแรกของศาลต่างประเทศ และกวีผู้ประพันธ์วรรณกรรมชิ้นเอกที่เปิดโลกทัศน์ให้แก่ชาวสยามในยุคนั้น

หม่อมราโชทัยเป็นโอรสของกรมหมื่นเทวานุรักษ์ (หม่อมเจ้าชะอุ่ม) และได้ถวายตัวรับใช้ใกล้ชิดเจ้าฟ้ามงกุฎฯ (รัชกาลที่ ๔) ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่อเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงผนวชและสนพระราชหฤทัยในภาษาอังกฤษ หม่อมราชวงศ์กระต่ายก็ได้ศึกษาอย่างจริงจังกับคณะมิชชันนารีจนมีความรู้แตกฉาน เมื่อเจ้าฟ้ามงกุฎฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ ความสามารถทางภาษาที่หาตัวจับยากนี้จึงทำให้ท่านได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ และได้รับพระราชทานยศเป็น 'หม่อมราโชทัย' ในที่สุด

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของหม่อมราโชทัยเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2400 เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านเป็นล่ามประจำคณะราชทูตที่เชิญพระราชสาส์นไปเจริญสัมพันธไมตรีกับสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ณ ประเทศอังกฤษ ระหว่างการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์นี้ ท่านได้จดบันทึกเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ก่อนจะนำมาเรียบเรียงเป็นผลงานวรรณคดีล้ำค่าเรื่อง 'นิราศลอนดอน' ซึ่งนับเป็นนิราศเรื่องแรกของไทยที่พรรณนาถึงบ้านเมืองและวิถีชีวิตในโลกตะวันตกอย่างละเอียด

นิราศลอนดอนไม่เพียงแต่เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์และวรรณคดีชิ้นเอก แต่ยังได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการสิ่งพิมพ์ไทย เมื่อหม่อมราโชทัยขายลิขสิทธิ์ต้นฉบับให้แก่หมอบรัดเลย์ในราคา 400 บาท ซึ่งนับเป็นการขายกรรมสิทธิ์หนังสือครั้งแรกของประเทศ แม้หม่อมราโชทัยจะถึงแก่อนิจกรรมในวัยเพียง 43 ปี แต่คุณูปการที่ท่านได้สร้างไว้ ทั้งในด้านการทูต การศาล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการวรรณกรรม ยังคงเป็นที่จารึกและยกย่องมาจนถึงปัจจุบัน

รายงานพิเศษ 'RECON' รบพิเศษ แขนงการลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกและจู่โจมนาวิกโยธิน พร้อมปฏิบัติภารกิจตลอดเวลา

แม้จะถูกต้านทานอย่างหนักจากศัตรูที่โหดเหี้ยม ภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศจะเลวร้ายสักปานใดก็ตาม ก็หาทำให้ทหารหน่วยนี้เสียขวัญ จนเปลี่ยนความตั้งใจแต่อย่างใดไม่ เพราะเรายึดมั่นอยู่เสมอว่าภารกิจเหนือสิ่งอื่นใด แม้ชีวิต

คำปฏิญาณของ นักเรียนหลักสูตรการรบพิเศษ แขนงการลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก และจู่โจม นาวิกโยธิน หรือ 'รีคอน' เป็นหลักสูตรการรบพิเศษที่ขึ้นชื่อว่า ทรหดอันดับต้น ๆ ของกองทัพไทย จนมีฉายาเป็นนักรบ 3 มิติ เพราะสามารถปฏิบัติการได้ทั้งน้ำ ฟ้า ฝั่ง และมักจะมีคำพูดอยู่เสมอว่า 'ซีล มีสัปดาห์นรก รีคอน มีนรกทุกสัปดาห์'

อุปสรรคครั้งนี้ คือไฟที่ร้อนระอุ เหล่า รีคอน ต้องฝ่าไป เมื่อในสถานการณ์จริงเกิดมีอุปสรรคแบบนี้ การปฏิบัติหน้าที่จริงจะมีทักษะในการฝ่าไป เพื่อปฏิบัติภาระกิจลุล่วงและปลอดภัย จงขอบคุณทุกช่วงเวลาที่ลำบากและเหนื่อยยาก เพราะเราจะได้รับใช้ชาติและตอบแทนคุณแผ่นดิน เมื่อถึงเวลา

ลักสูตรการรบพิเศษ แขนงการลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกและจู่โจมนาวิกโยธิน หรือที่เรียกว่า 'RECON' จะเป็นหลักสูตรประจำหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ มีระยะเวลาในการฝึก 12 สัปดาห์ หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรเพิ่มขีดความสามารถให้กับกำลังพลของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีชื่อเสียงและขึ้นชื่อว่า 'มีความโหดมาก' ตลอดการฝึกหลักสูตร เรียกได้ว่า 'นรกทุกสัปดาห์' แต่ก็ยังมีกำลังพลจากต่างเหล่าทัพให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ที่จะมาเข้ารับการฝึก เนื้อหาหลักสูตรแบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ ภาคที่ตั้ง ภาคทะเล และภาคป่าภูเขา มีเนื้อหาหลักสูตร เน้นไปทางการลาดตระเวน ทั้งการเดินลาดตระเวนทางบกและการใช้เรือยางในการลาดตระเวนทางน้ำ มีพื้นที่รับผิดชอบในการปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 18 ฟุตขึ้นมาจนถึงชายฝั่ง มีปัญหาการฝึกหนักๆ ที่ขึ้นชื่อ ได้แก่ ปัญหา 60 ชั่วโมง ปัญหาภาคทะเล และปัญหา 72 ชั่วโมง เฉลี่ยผู้สำเร็จการศึกษา อยู่ที่ 50 - 60 เปอร์เซ็นต์

‘หมอแอร์’ ใช้ชื่อคนตาย 370 คน รับยานอนหลับ คาดมี 6 หมอเอี่ยว พบเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้าน

(10 มิ.ย. 68) ‘หมอแอร์’ งานเข้าซ้ำ ชื่อคนตาย 370 คน โผล่รับยานอนหลับ คาดมี 6 หมอเอี่ยวด้วย อึ้งเงินหมุนเพิ่ม 400 ล้าน ลุยตรวจสอบคลินิก 11 แห่งพรุ่งนี้

จากกรณีตำรวจและ อย.เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึง หมอแอร์ พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ พร้อมยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ ที่บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท โดยโรงพยาบาลตำรวจมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ล่าสุดวันที่ 10 มิ.ย.68 ที่กระทรวงสาธารณสุข ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาลตำรวจ เพียงแต่ หมอแอร์ เป็นหมอประจำโรงพยาบาลตำรวจ โดยโรงพยาบาลตำรวจมีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว

ดร.ธนกฤต กล่าวว่า จากการตรวจสอบได้รับการรายงานว่า ผู้ป่วยที่มารับยาที่คลินิก มีสถานะเสียชีวิต ตามข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ก่อนที่จะรับยาตั้งแต่ปี 2567 จำนวน 250 คน และปี 2568 จำนวน 120 คน ช่วง 2 ปีนี้พบคนถูกสวมเอกสาร 370 คน

นอกจากนี้คาดว่าจะมีหมอที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 5-6 ราย โดยในวันที่ 11 มิ.ย. จะเข้าตรวจค้นคลินิกเพิ่มเติมอีก 11 แห่ง ที่อาจเชื่อมโยง โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะดำเนินการตรวจสอบ และจะแถลงข่าวการจับกุมเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)

ดร.ธนกฤต กล่าวว่า สำหรับแพทย์หญิงคนนี้ถูกจับกุมตัวแล้วที่บ้านพักย่านราชดำริ กรุงเทพฯ เมื่อตรวจสอบพบเส้นทางการเงินพบมีความผิดปกติ โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 80 ล้านบาทและไม่พบแหล่งที่มาชัดเจน อีกทั้งยังมีเส้นทางการเงินร่วมกับบุคคลอื่นอีกกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินและยาเสพติด

“เบื้องต้นพบว่าอาจมีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประเภท 2 และ 4 ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง และได้มีการประสานไปยังแพทยสภาเพื่อสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอน หากพบความผิดชัดเจน อาจนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top