Wednesday, 11 June 2025
ค้นหา พบ 48711 ที่เกี่ยวข้อง

จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ดิ่งหนักสุดรอบ 5 ปี ค้ากับยุโรป-อาเซียนพุ่งแทนที่ โตแตะแสนล้านดอลล์

(10 มิ.ย. 68) การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม 2025 ลดลงถึง 34.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ก็ลดลงกว่า 18% ส่งผลให้ดุลการค้าของจีนกับสหรัฐฯ หดตัวลง 41.55% เหลือ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้การค้ากับสหรัฐฯ จะลดลง แต่จีนยังคงรักษาการเติบโตของการส่งออกโดยรวมได้ที่ 4.8% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ขณะที่การนำเข้าลดลง 3.4% จากภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ยังอ่อนแอ

การค้ากับสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ทำให้จีนเร่งปรับทิศทางการส่งออกไปยังตลาดอื่น โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 15% สหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 12% และแอฟริกาเพิ่มขึ้นกว่า 33% ส่งผลให้ดุลการค้ารวมของจีนในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนหน้า แตะ 103,200 ล้านดอลลาร์

ภายใต้แรงตึงเครียดทางการค้า จีนและสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการภาษีตอบโต้ แม้สหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้าจีนจาก 145% เหลือ 51.1% แต่จีนยังเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ อยู่ที่ 32.6% การปรับเปลี่ยนทิศทางการค้าครั้งนี้สะท้อนยุทธศาสตร์ของจีนที่พึ่งพาตลาดทางเลือกในช่วงวิกฤต

ขณะที่สหรัฐฯ ถอยห่างจากจีน แต่ยุโรปกลับเดินเกมตรงข้าม โดยเพิ่มการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง บริษัทในยุโรปไม่ได้ถูกกดดันให้กระจายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีนเท่ากับฝั่งสหรัฐฯ ทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับยุโรปยังแน่นแฟ้น ส่งผลให้จีนสามารถชดเชยการส่งออกที่หายไปจากตลาดสหรัฐฯ ได้บางส่วน

นักศึกษา มจธ.เจ๋ง!! คิดค้นโครงสร้างต้านทานแผ่นดินไหว นวัตกรรมลดความเสียหายโครงสร้างหลัก

(10 มิ.ย.68) เมื่อแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยอีกต่อไป โดยเฉพาะหลังเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูดในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึง 24 จังหวัดของไทย รวมถึงกรุงเทพฯ จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้ปลอดภัยจากภัยแผ่นดินไหวอีกต่อไป และในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณใกล้แนวรอยเลื่อนหลัก กำลังเผชิญความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างอาคารจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ

จากโจทย์ระดับประเทศนี้ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้แก่ นายศิรวิทย์ เทียนทอง (นัท) นายนภัสกร วงษ์หิรัญ (ฟาโรห์) และนายปาณทัช ทองอู๋ (ทัช) ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการวิจัย “Seismic Performance of Self-Centering Column-Foundation Connections with Energy Dissipating Bolts” หรือ การศึกษาพฤติกรรมการต้านทานแผ่นดินไหวของรอยต่อเสา-ฐานราก ระบบคืนศูนย์ด้วยตนเองทำงานร่วมกับสลักเกลียวสลายพลังงาน” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อจำกัดความเสียหายให้อยู่เฉพาะจุดเชื่อมต่อของโครงสร้างระบบสำเร็จรูป (Precast system) แทนที่จะกระจายไปสู่โครงสร้างหลักอย่างเสาและคาน ซึ่งซ่อมแซมได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ผศ. ดร.เอกชัย อยู่ประเสริฐชัย อาจารย์ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง

งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาระบบเชื่อมต่อระหว่างเสากับฐานรากแบบใหม่ เรียกว่า Hybrid Column Shoe Connection (HYSC) ซึ่งสามารถสลายพลังงานจากแผ่นดินไหว ลดความเสียหายของโครงสร้างหลัก และคืนตัวกลับสู่ตำแหน่งเดิมหลังการสั่นไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเชื่อมต่อแบบแห้ง (dry connection) ร่วมกับลวดอัดแรงแบบดึงทีหลัง (post-tensioned tendons) และสลักเกลียวช่วยในการสลายพลังงาน (energy-dissipating bolts) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ปลอดภัย และลดต้นทุนรวมถึงระยะเวลาก่อสร้าง

“ระบบ HYSC ได้รับการออกแบบให้สามารถควบคุมความเสียหายให้อยู่เฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างเสากับฐานรากเท่านั้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบโครงสร้างหลัก เช่น ตัวเสาหรือฐานราก การใช้ลวดอัดแรงแบบดึงทีหลังประมาณ 50% ของกำลังประลัยจะช่วยเพิ่มความสามารถในการคืนรูปของโครงสร้างหลังจากได้รับแรงแผ่นดินไหว เช่นเดียวกับการออกแบบสลักเกลียว (bolts) ให้มีขนาดหน้าตัดลดลงอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถสลายพลังงานจากการสั่นไหวได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อเสา โครงสร้างจึงสามารถฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องรื้อถอนหรือซ่อมแซมในวงกว้าง ซึ่งเป็นการลดทั้งต้นทุนและเวลาสำหรับการก่อสร้างและการบำรุงรักษาในระยะยาว” นายปาณทัช ทองอู๋ เล่าถึงแนวคิดหลักของงานวิจัย

นายศิรวิทย์ เทียนทอง เสริมอีกว่า ระบบ HYSC ถูกพัฒนาขึ้นโดยอิงจากสถานการณ์จริงของอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยประสบภัยแผ่นดินไหวในปี 2557 โดยในครั้งนั้นพบว่าอาคารส่วนใหญ่เกิดความเสียหายที่จุดต่อและไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ทันที แม้โครงสร้างจะยังคงแข็งแรงอยู่ นวัตกรรมนี้จึงเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะอาคารที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งอาจไม่สามารถใช้ระบบป้องกันแผ่นดินไหวที่มีต้นทุนสูงเช่นในต่างประเทศได้

“ตอนเราทดลองเทียบกับระบบเดิมที่ใช้อยู่ทั่วไป พบว่าระบบ HYSC ควบคุมความเสียหายให้อยู่แค่ตรงจุดต่อ ไม่ลามไปถึงเสาแบบระบบ Monolithic Shoe Connection (MOSC) ซึ่งเป็นระบบแบบเดิม และโครงสร้างยังสามารถคืนตัวได้หลังจากเกิดการเคลื่อนตัวทางข้างถึง ±4.5% ซึ่งระบบ MOSC ทำไม่ได้ ที่สำคัญคือ HYSC ดูดซับพลังงานได้มากขึ้น จากเดิมสลายพลังงานได้แค่ 12.5% เพิ่มเป็น 22.5% โดยที่ความแข็งแรงโดยรวมไม่ได้ลดลงเลย” นายนภัสกร วงษ์หิรัญ เสริมถึงผลการทดสอบที่เกิดขึ้น

ผศ. ดร.เอกชัย อยู่ประเสริฐชัย อาจารย์ที่ปรึกษา ได้กล่าวถึงอีกความสำคัญของนวัตกรรมนี้ว่า “สิ่งที่นักศึกษาได้เรียนรู้จากโครงการนี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎีในตำรา แต่คือการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาจริง ผ่านกระบวนการคิด ทดลอง และเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งนี่คือหัวใจของวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นเป้าหมายของภาควิชาที่ต้องการสร้างบัณฑิตที่พร้อมทำงานจริงในภาคอุตสาหกรรม ที่สำคัญคือผลงานนี้แสดงให้เห็นว่า การออกแบบโครงสร้างที่รับแรงแผ่นดินไหวได้ดี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีราคาแพงจากต่างประเทศเสมอไป แต่วิศวกรไทยควรมีทางเลือกในการออกแบบที่ยืดหยุ่น ใช้วัสดุในประเทศ ต้นทุนไม่สูง และเหมาะกับบริบทของพื้นที่เสี่ยงในประเทศไทย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่ความปลอดภัยและเป็นหลักประกันของคนไทยในอนาคต”

แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในระดับการทดลองเชิงวิชาการ แต่ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำไปต่อยอดใช้จริงในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐและเอกชนเริ่มให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยทางโครงสร้างที่สามารถลดความเสียหายและความสูญเสียจากแผ่นดินไหวทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนไทย นวัตกรรมที่พัฒนาโดยนักศึกษาวิศวกรรมโยธา มจธ. ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การ “ออกแบบจุดเชื่อมต่อ” แต่คือการ “เชื่อมโยงสู่อนาคต” ที่ปลอดภัยของคนไทยจากภัยแผ่นไหวที่อาจเกิดขึ้นอีก

มุกดาหาร​ -​นรข.เขตนครพนม โดย สน.เรือมุกดาหาร ตรวจยึดสุกรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร

(10 มิ.ย.68) ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านทรายทอง ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จว.มุกดาหาร พิกัด 48QVD 72728 41154 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร สกัดจับ ขบวนการลักลอบส่งออกสุกร โดยไม่ผ่านพิธีทางศุลกากร จำนวน 1 ตัว และกรงเหล็ก จำนวน 4 กรง

โดย​ น.ท.รุ่งเรือง มาสุทธิ หน.สน.เรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับ จะมีการลักลอบลำเลียงขนสินค้าผิดกฎหมายข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำและทางบก เข้าตรวจสอบตามข่าวที่ได้รับแจ้ง ต่อมาเมื่อเวลา​ 06.45 น. ชุดลาดตระเวนทั้งสองไปถึงพื้นที่ตรวจพบชายฉกรรจ์ประมาณ 6 คน กำลังลำเลี้ยงสุกรลงไปบริเวณท่าน้ำเมื่อกลุ่มดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่จึงทิ้งของกลางและใช้ความชำนาญพื้นที่หลบหนีเข้าไปตามภูมิประเทศหลังจากนั้นชุดลาดตระเวณทางบกและทางน้ำได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นสุกรอยู่ในกรง จำนวน 1 ตัว และพบกรงเปล่าสำหรับบรรจุสุกร จำนวน 3 กรง จึงได้ทำการตรวจยึดและนำของกลางกลับมายัง สน.เรือมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย​ต่อไป

‘เอกนัฏ’ ข้องใจ 21 สส. รทสช. ปมร่อนเอกสารบีบปรับครม. ไล่เช็กรายตัว จริงหรือมั่ว!! ขณะที่ ‘เฮ้ง’ เมินรับสาย ซัด คนเสียประโยชน์ ป่วนให้แตกแยก

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ (10 มิ.ย. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงปัญหาภายในพรรคว่า ในพรรคไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป ยังเหมือนยังเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีมีเอกสารรายชื่อ 21 สส.ส่งถึงนายกฯ ขอปรับครม. เป็นเพราะคุยกันในพรรคไม่รู้เรื่องหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในข้อเท็จจริงทั้งตนและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน รู้ดีว่าในภารกิจการทำงานที่กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องเจออะไรบ้าง แต่เราต้องมุ่งมั่นภารกิจของเรา

ส่วนข่าวเรื่องเอกสารที่ออกมา ขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และยังไม่ทราบว่ามีการยื่นเอกสารให้กับนายกฯจริงหรือไม่ เพราะมีข้อพิรุธหลังจากมีเอกสารออกมาแล้ว พบว่าสส.หลายคนออกมาปฏิเสธ เช่น สส.ชุมพร 3 คนที่ออกมาพูดเพราะเอกสารออกไปแล้วทำให้คนเข้าใจผิด

นอกจากนั้นยังเห็นสิ่งผิดปกติของลายเซ็น ที่บางคนออกมาปฏิเสธ รวมถึงในเนื้อความเขียนว่า รัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความรู้ความสามารถ ขาดจริยธรรม และลงชื่อนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีของพรรค ลำดับแรก รับรอง จึงไม่ทราบข้อเท็จจริงว่านายสุชาติได้เห็นและลงนามในเอกสารจริงหรือไม่

ถ้าลงลายมือชื่อก็เท่ากับรับรองและด่าตัวเองว่าไม่มีความรู้ ความสามารถ และต้องไปถามนายสุชาติว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เท่าที่ดูหลายลายเซ็นไม่ตรงกับเอกสารที่ใช้ในราชการ สส.คนอื่นที่สมัครสมาชิกพรรคลายเซ็นไม่ตรงบางคนเซ็นแค่ตัวอักษรนำ ซึ่งผิดวิสัยเอกสารสำคัญ เช่น เขียนตัวพีตัวเดียว

ทั้งนี้ ตนยังไม่เห็นเอกสารตัวจริง และเรื่องในพรรคต้องไปจัดการในพรรค ไม่เกี่ยวกับเสถียรภาพ แต่ไม่เคยเห็นมีการไปเซ็นเอกสารที่ต่อว่าหัวหน้าพรรค เลขาฯ ที่ท้าทายกดดันนายกฯ ให้ปรับครม.ที่มีใจความในลักษณะนี้

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ หรือยัง นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตอนนี้ให้โอกาสและขอสื่อสารผ่านสื่อว่าขอให้ทำให้โปร่งใส ใครที่มีรายชื่อปรากฏในเอกสารดังกล่าว ที่ไม่ได้มีเจตนากดดันนายกฯ ไม่ได้มีเจตนาด่ารัฐมนตรีของพรรค ไม่มีความรู้ความสามารถจริยธรรม ก็ต้องออกมาชี้แจง

โดยตนได้พูดคุยกับสส.ทีละคนตั้งแต่มีภาพปรากฏไปรวมตัวกัน และมีข่าวจะย้ายพรรคขณะที่ส.ส. ก็ออกมาประกาศว่าไม่เป็นความจริง และวงที่คุยไม่ใช่เรื่องการย้ายพรรค เหตุการณ์ครั้งนี้ที่มีรายชื่อก็เช่นเดียวกัน ที่ขอตั้งข้อสังเกตและชวนสื่อไปดูว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเอกสารดังกล่าว วันนี้เมื่อมีคนออกมาปฏิเสธไม่ต่ำกว่า 3-4 รายชื่อ จาก 21 รายชื่ออย่างนี้เรียกว่าเป็นเอกสารเถื่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าใครเป็นคนดำเนินการเอกสารดังกล่าว เลขาฯรทสช.กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนรวบรวมรายชื่อ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานของทั้งตนและนายพีระพันธุ์ เราไปสร้างศัตรูไว้เยอะ ก่อนหน้านี้มีการไปลงขันกันด้วยเงินหลายร้อยล้านบาท หลังจากโรงงานที่ตนไปยกเลิกและปิดโรงงาน ซึ่งการลงทุนฆ่าหรือย้ายตนง่ายกว่าไปปรับคุณภาพโรงงาน เพราะภารกิจของเขา คือต้องการเอาตนเอาออกตำแหน่งให้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระแสข่าวที่ทำเช่นนี้เพื่อขอให้ขับออกจากพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ถ้าใครเห็นว่าจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรค ไม่เป็นไปตามอุดมการของเขาก็มีสิทธิ์ลาออก แต่ตราบใดที่เป็นสมาชิกของพรรค ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของพรรค

เมื่อถามย้ำว่าคนที่ลาออก อาจจะขาดสมาชิกภาพ จึงต้องการให้พรรคขับออก นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องย้อนดูว่าการกระทำที่มีความผิดต่อพรรคร้ายแรง เช่น การผิดจริยธรรมร้ายแรงและการบิดเบือนเอกสาร การปลุกปั่นทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคเพื่อหวังผลใดๆ และสิ่งเหล่านี้อาจมีผลทำให้ขาดสมาชิก และขอให้กลับไปอ่านข้อบังคับพรรคดูดีๆ

คนที่ปรากฏลงลายมือชื่อ ให้ไปถามสส.ว่าได้ลงลายมือชื่อจริงๆหรือไม่ ส่วนที่มีชื่อของนายสุชาติ ก็ต้องไปถามนายสุชาติ เพราะตนโทรไปไม่รับ แต่สส.คนอื่นที่ตนโทรไปรับและระบุว่าไม่มีอะไร เช่นนายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี ยังระบุว่ารักพรรคเหมือนเดิม ไม่น่าจะมีอะไร แต่หากทำอะไร ไม่ถูกต้องก็อาจขาดสมาชิกภาพที่ขัดข้อบังคับพรรค โดยไม่ต้องใช้มติกรรมการบริหารพรรคขับออกได้

“ขอตั้งข้อสังเกตว่าแปลกหรือไม่ ที่ใครจะเซ็นชื่อตัวเองมาปลดตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าตัวเองขาดคุณสมบัติ ถามว่าใครจะไปเซ็นรับรองข้อความนั้น” นายเอกนัฏ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯเปิดโอกาสให้แต่ละพรรคเสนอชื่อปรับครมในส่วนของพรรค จะปรับหรือไม่ไหน นายเอกนัฏ กล่าวว่า ปรับหรือไม่ปรับ ต้องรอสัญญาณจากนายกฯก่อนเพราะนายกฯจะเป็นคนลงนามภายใต้สัญญาที่มีให้กัน ส่วนจะปรับหรือไม่ปรับอย่างไรเป็นกลไกของแต่ละพรรค ขอให้เป็นไปตามการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค เพราะบ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมืองทุกอย่างมีกติกาอยู่

เมื่อถามว่าใน 21 รายชื่อ มีใครที่ไม่ได้เซ็นชื่อจริงได้ตรวจสอบหรือยัง นายเอกนัฏ กล่าวว่า มีทยอยมาชี้แจง แต่ยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องนี้ จึงเกิดข้อสงสัยว่าได้ยื่นเอกสารจริงหรือไม่ และที่ตนได้พบกับนายกฯ เมื่อตอนเช้า ก็พูดถึงเรื่องของเกษตรกรชาวไร่อ้อย ซึ่งนายกฯ ให้กำลังใจในทุกเรื่องและที่ผ่านมาก็สนับสนุนการทำงานของตนตลอดมา

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีปรากฏการณ์ความแตกแยกภายในพรรค มาเป็นระยะ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ได้เตรียมใจไว้แล้ว ตนเป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ การทำงานของตนอาจจะไปเหยียบเท้าใครก็ได้ จึงทำทุกวิธีการในการจัดการ คนแทงจากข้างนอกอาจเห็นว่าไม่เจ็บเท่าข้างใน จึงต้องมาป่วนข้างใน

เชื่อว่าคนที่ขัดผลประโยชน์สร้างเรื่องเพื่อให้เกิดความแตกแยก ตนเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ที่ผ่านมากรรมการบริหารพรรคได้สื่อสารพูดคุยกับสส.ที่มีการประชุมมาตลอดไม่มีปัญหา

เครื่องบินรบจีน J-36 เผยโฉมดุจหนังไซไฟ ผู้เชี่ยวชาญยกให้ น่าสนใจสุดในรอบหลายสิบปี

(10 มิ.ย. 68) ภาพล่าสุดของเครื่องบินรบล้ำยุค J-36 และ J-50 ของจีน จุดกระแสถกเถียงอีกครั้งถึงความก้าวหน้าทางอากาศของปักกิ่งในเวทีโลก โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า จีนกำลังเข้าใกล้การครองความเป็นใหญ่ด้านอำนาจทางอากาศในยุคถัดไป

บิล สวีทแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานให้สัมภาษณ์กับ South China Morning Post ว่า “ดีไซน์ของ J-36 และ J-50 นั้นน่าทึ่งยิ่งกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูด” พร้อมยกย่องว่าเป็น “หนึ่งในเครื่องบินรบที่น่าสนใจที่สุดในรอบหลายทศวรรษ”

ปีเตอร์ เลย์ตัน อดีตนายทหารอากาศของออสเตรเลีย ระบุว่า J-36 มีความสามารถด้านล่องหน ระยะปฏิบัติการไกล และเร่งความเร็วเหนือเสียงได้โดยไม่ต้องเปิดใช้งานระบบเผาไหม้หลัง ซึ่งทำให้มัน “ยากต่อการสกัดก่อนปล่อยอาวุธ” และถือเป็น “ข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์อย่างมีคุณภาพ”

สำหรับเครื่องบิน J-36 และ J-50 ถูกมองว่าเป็นหมากตัวใหม่ในเกมอำนาจทางทหารของจีน ท่ามกลางการแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานขั้นสูงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top