Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48881 ที่เกี่ยวข้อง

กระทบบ้าง...อย่าว่ากัน!! รัฐชี้ชาวกรุงเผชิญ PM 2.5 ถึง 17 ธ.ค. ยันมีแผนแก้​ แต่บางเรื่องอาจกระทบประชาชน

หลังรับไม้ต่อจากทางรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหา PM2.5​ โดยไว ทาง​ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และแนวทางแก้ว่า กรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ในช่วง 2 - 3 วันนี้จนถึงช่วงวันที่ 17 ธ.ค. สภาพอากาศแทบจะไม่มีลมและมีการกดทับของสภาพอากาศ

จึงทำให้เกิดสถานการณ์ฝุ่นสะสมใน กทม. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญมากและได้มีมาตรการต่าง ๆ ออกมา ทั้งการประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มีการบริหารจัดการเรื่องการเผาเกี่ยวกับการเกษตร

โดยขอให้จังหวัดในเขตปริมณฑลงดการเผาในช่วง 2 - 3 วันนี้ และได้มีการประสานกับกระทรวงคมนาคม ให้กวดขันตรวจสอบรถที่ผลิตก๊าซไอเสียเกินมาตรฐานกำหนด โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ทางกรมควบคุมมลพิษได้ออกตรวจร่วมกับกรมการขนส่งทางบก พบว่ามีรถที่ค่าไอเสียเกินมาตรฐานปริมาณ 25 - 30% ของปริมาณรถที่ตรวจได้ ส่วนใหญ่มาจากรถรับจ้างส่วนบุคคล เป็นรถกระบะที่ไม่ได้รับการดูแลสภาพเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ออกมาตรการต่าง ๆ เช่น ไม่ให้รถบรรทุกเข้ามาเขต กทม.ชั้นใน

วราวุธ กล่าวว่า ปัญหา PM 2.5 ตนพูดตั้งแต่ต้นปีว่าเป็นปริมาณที่เราผลิตอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ลดลง แต่สภาพที่มีหมอกควันและฝุ่นควันสะสมนั้นส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้น ดังนั้น ต้องขอความเห็นจากประชาชนว่ามาตรการหรือนโยบายแบบใดที่ประชาชนสามารถรับได้และเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะดำเนินการ เพราะบางมาตรการเมื่อออกมาแล้วได้รับการคัดค้าน

และมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างแน่นอน เช่น การที่ กทม.มีมาตรการไม่ให้รถบรรทุกเข้า กทม.ชั้นในก็ได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนบางกลุ่มที่ไม่สะดวกในการดำเนินกิจการ และถ้าย้อนกลับไปช่วงต้นปี ประมาณเดือน ก.พ.- มี.ค. สภาพอากาศไม่ได้แตกต่างจากนี้ แต่สภาพ PM 2.5 อยู่ในคุณภาพดี เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงการล็อกดาวน์ การสัญจรน้อย ปริมาณรถและเครื่องยนต์ที่ผลิตไอเสียบนถนนแทบจะไม่มีเลย

แต่วันนี้หากปริมาณยานพาหนะบนท้องถนน ทั้งรถสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคลยังมีเต็มอยู่บนท้องถนนเช่นนี้คงไม่สามารถแก้ไขปัญหา PM 2.5 ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังสุขภาพ สวมใส่หน้ากากเมื่อเดินทางออกจากบ้าน และตรวจเช็กสภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษและกรมอุตุนิยมวิทยา

'จุรินทร์'​ เผย พาณิชย์​ เตรียมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน จัดโครงการลดราคาสุดกระหน่ำข้ามปี​ ดีเดย์ 16 ธ.ค.2563 - 31 ม.ค.2564

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเตรียมของขวัญปีใหม่ของกระทรวงพาณิชย์มอบให้ประชาชนว่า...

"กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการพาณิชย์ลดราคาล็อตที่ 8 หรือเรียกว่า 'โครงการลดกระหน่ำข้ามปี'​ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2563 - 31 ม.ค.2564 โดยการลดราคารอบนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน และที่พิเศษกว่า 7 ล็อตที่ผ่านมา คือ จะมีการลดราคาสินค้า และภาคบริการ สูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ อาทิ ร้านอาหาร แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ หรือลดค่าบริการขนส่งเดลิเวอรี่บางหมวดสินค้า ซึ่งตนจะแถลงรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 16 ธ.ค.นี้"

ด่วน!! 'ประวิตร'​ สั่ง 'ทส'​ เร่งรับมือ PM 2.5 ยกมาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายเต็มพิกัด กวดเข้มต้นเหตุ​ 'การก่อสร้าง-ยานพาหนะ'​

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า จากปัญหาสภาวะอากาศและการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปัจจุบันที่เกินมาตรฐานและกำลังเกิดขึ้นครอบคลุมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ และ กทม. นั้น​ ทาง​ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและวิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานการทำงานภาพรวมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมานาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.และ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างต่อเนื่องจริงจัง

พร้อมทั้งขอให้กวดขันบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคู่กับการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชน ร่วมกันป้องกัน แก้ปัญหาและลดการก่อปัญหามลภาวะที่ต้นเหตุอย่างเคร่งครัดและจริงจัง พร้อมกับขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนรวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนมีส่วนร่วมกันแก้ปัญหาและดูแลป้องกันตนเองจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ขอให้กระทรวงมหาดไทย ระดับท้องถิ่น นำข้อมูลแผนที่จุดความร้อนและลงพื้นที่ตรวจสอบกวดขันบังคับใช้กฎหมายกับการเผาพืชไร่ในที่โล่ง และประสานอุตสหกรรม ตรวจสอบมลภาวะของโรงงานอุตสาหกรรมและขอความร่วมมือลดกำลังการผลิตในภาวะดังกล่าว พร้อมทั้ง ขอให้ ทส.ประสานกับคมนาคม และ ตำรวจ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะพื้นที่การจราจรที่คับคั่ง และจัดตั้งจุดตรวจสกัดรถควันดำที่สร้างปัญหาในพื้นที่ ร่วมกับมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ กทม.และจังหวัดปริมณฑล พิจารณาออกมาตรการควบคุมเฉพาะหน้าและขอความร่วมมือประชาชน ร่วมกันลดต้นเหตุของการก่อปัญหาในภาพรวม เช่น ควบคุมเวลากิจกรรมการก่อสร้าง การลดใช้ยานพาหนะในพื้นที่เขตเมืองที่หนาแน่น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล การลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ยังขอให้สาธารณสุขเร่งร่วมดูแลสุขภาพประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อีกด้วย

ประกาศเคอร์ฟิวแบบ Hard Shutdown ทั่วประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันพุธที่ 16/12/2020 เป็นต้นไป​​

อย่างที่รู้กันว่า เมื่อไม่กี่ ชม ที่ผ่านมา รัฐบาลกลาง และผู้นำรัฐต่างๆของเยอรมันได้มีการประชุมถึงมาตรการที่เข้มงวดขึ้น และท้ายที่สุดก็ได้มีข้อตกลงกันออกมาว่า Hard Shutdown หรือเคอร์ฟิวแบบเข้มงวดที่จะเริ่ม มีผลบังคับใช้ระหว่างวันพุธที่ 16 ธันวาคมนี้ ถึงวันที่ 10 มกราคม 2021

ซึ่งหลักๆแล้วมาตรการที่ออกมาใหม่ ก็คล้ายกับต้นปีที่ผ่านมา ดังนี้ครับ:​

ร้านค้าทั้งหมดควรปิดตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมถึง 10 มกราคม ยกเว้นร้านค้าที่มีความสำคัญในการดำรงชีวิตของประชาชน กล่าวคือ ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ตลาดรายสัปดาห์ รวมถึงร้านค้าปลีกอาหาร (ร้านเอเชียเป็นต้น) บริการรับ-ส่งอาหาร ตลาดเครื่องดื่ม ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ ร้านขายยา​ ร้านขายของสำหรับเด็กทารก, ร้านขายยา, ร้าน / ช่างแว่นตา, ร้าน / ช่างเครื่องช่วยฟัง, ปั้มน้ำมัน, เวิร์คช็อป / อู่รถยนต์, เวิร์คช็อป / อู่จักรยาน, ธนาคารและธนาคารออมสิน

(Einzelhandel für Lebensmittel, Wochenmärkte für Lebensmittel, Direktvermarkter von Lebensmitteln, Abhol- und Lieferdienste, Getränkemärkte, Reformhäuser, Babyfachmärkte, Apotheken, Sanitätshäuser, Drogerien, Optiker, Hörgeräteakustiker, Tankstellen, Kfz-Werkstätten, Fahrradwerkstätten, Banken und Sparkassen)

จำกัดการติดต่ออย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกับโรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็กในช่วงเวลาดังกล่าว เด็ก ๆ ควร "ได้รับการดูแลที่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้" ดังนั้นโรงเรียนจึงจะถูกปิดหรือพักการเรียนภาคบังคับ โดยเสนอให้เลี่ยงไปที่การดูแลฉุกเฉินและการเรียนทางไกลแทน (Notfallbetreuung und Distanzlernen) ​

เช่นเดียวกันสำหรับศูนย์รับเลี้ยงเด็ก โดยควรจะมีการเพิ่มเติมการให้บริการดูแลเด็กสำหรับพ่อแม่ และพ่อแม่ควรจะมีสิทธิ์ในการขอพักร้อนแบบที่ยังได้รับเงินเดือนปกติ (bezahlter Urlaub) เพื่อดูแลลูกในช่วงนี้ได้ ​

งานฉลองคริสต์มาสควรจัดขึ้นใน "แวดวงครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด"​

ในวันคริสต์มาสตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 26 ธันวาคม ทางรัฐจะอนุญาตให้มีการพบปะกับบุคคลเป็นจำนวนมากที่สุด 4 คนจาก "กลุ่มครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด" รวมถึงบุตรหลานที่มีอายุไม่เกิน 14 ปี ​ จากเอกสารระบุว่า ​ กลุ่มครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด ได้แก่ คู่สมรสและคู่ชีวิต (Lebenspartner) เช่นเดียวกับญาติสายตรงและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ตามมติดังกล่าว ​ อนุญาตให้มีการพบปะกันได้มากกว่า 2 ครัวเรือน หรือมากกว่า 5 คน หากเป็นกลุ่มคนดังกล่าว ​

วันส่งท้ายปีเก่าและวันปีใหม่ (Silvester und Neujahr) จะมีการห้ามการชุมนุมทั่วประเทศ และห้ามจุดพลุในที่สาธารณะ ซึ่งจะถูกกำหนดโดยเทศบาล และห้ามมีการขายพลุและดอกไม้ไฟอื่น ๆ ในปีนี้​

ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ - ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมถึง 10 มกราคม หากมีการละเมิดจะถูกปรับเงิน​

งานด้านศาสนาของคริสตจักรในโบสถ์ มัสยิด วัดต่างๆ ตลอดจนการประชุมของชุมชนศาสนาอื่น ๆ จะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อสามารถรักษาระยะห่างขั้นต่ำ 1.5 เมตรไว้ได้ ​ นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดบังคับใส่หน้ากาก ห้ามมิให้มีการร้องเพลงของชุมชน ​ หากคาดว่าจะมีการร้องเพลงอย่างเต็มรูปแบบ (สมาชิกวงมาทุกคนว่าง่ายๆ) จะมีการลงทะเบียนผู้ที่มาเยี่ยมชม​

ตามเอกสารนี้ จะมีการใช้มาตรการป้องกันพิเศษสำหรับบ้านพัก / ดูแลคนชรา ตลอดจนการบริการดูแลเคลื่อนที่ ​ รัฐบาลกลางจะให้ความช่วยเหลือพวกเขาด้วยหน้ากากป้องกันทางการแพทย์ ตลอดจนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าทดสอบโคโรนาอย่างรวดเร็ว (Corona-Schnelltests)​

นอกจากนี้รัฐต่างๆจะมีการบังคับการทดสอบหลายครั้งต่อสัปดาห์สำหรับเจ้าหน้าที่ในสถานดูแล / บ้านพักคนชรา ​ ในภูมิภาคที่มีตัวเลขเฉลี่ยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ​ ผู้เข้าเยี่ยมจะต้องมีการแสดงผลการทดสอบโคโรนาเชิงลบในอนาคต​

บริษัทที่ให้บริการดูแลด้าน body care / Körperpflege จะต้องปิดให้บริการ นั่นรวมถึง ช่างทำผม สตูดิโอเครื่องสำอาง ร้านนวด และสตูดิโอสัก อย่างไรก็ตามการรักษาที่จำเป็นยังคงเป็นไปได้ ซึ่งนั่นหมายถึง ​ การทำกายภาพบำบัด ergo และ logotherapy รวมถึงการดูแลเท้า ( Physio-, Ergo und Logotherapien sowie Fußpflege)​

บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการ Shutdown จะได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น โดย "Überbrückungshilfe III / Bridging Aid III" ควรมีมูลค่าสูงสุดที่ 500,000 ยูโร ​ ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ที่ 200,000 ยูโร จำนวนเงินสูงสุดนี้มีไว้สำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการ Shutdown

 

เพิ่มเติมนะครับ:

มีคนถามเข้ามาถึงมาตรการที่ออกด้านบนของรัฐของตน เลยเข้ามาเพิ่มให้ว่า ท้ายที่สุดแนะนำให้ทุกคนเช็คเวปของรัฐที่ตนอาศัยนะครับ ที่รู้แน่ๆ ณ ตอนนี้มี 3 รัฐ คือ

ใน Baden-Württemberg ประกาศออกมาตรการจำกัดการออกจากบ้านตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12/12/2020 กล่าวคือ ถ้าไม่มีเหตุสำคัญ ห้ามออกจากบ้าน

ในรัฐ Sachsen เริ่มมาตรการ Lockdown ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14/12/2020 แล้ว คือ มีผลบังคับใช้ก่อนหน้าที่รัฐตกลงกัน และประกาศวันนี้เป็นเวลา 2 วัน

Markus Söder มุขมนตรีของรัฐบาวาเรีย / Bayern (CSU) ได้ประกาศออกมาตรการจำกัดการออกนอกบ้านในช่วงเวลากลางคืนอย่างเข้มงวดตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 5 โดยมีผลบังคับใช้ทั้งรัฐ Bayern

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี Merkel และหัวหน้ารัฐต่างๆ จะทำการปรึกษาหารือกันอีกครั้งในวันที่ 5 มกราคม 2021 เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากวันที่ 11 มกราคม 2021

มุมบ่นของอินทรีล่าสาร / สรุปบทความโดยย่อ

​​​อย่างที่คาดคิดกันไว้ว่า Hard Shutdown เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ยังไงเสียสำหรับคนที่อยู่ในเยอรมนี เราก็เคยเจอกันมาแล้วรอบนึง รอบนี้ก็หวังว่า จะไม่ตื่นตระหนกกันจนเกินไปนัก ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ลดลง ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ทางรัฐจะต้องออกมาตรการเด็ดขาดแบบนี้ออกมา แต่มันก็ไม่ได้ต่างกับตอนต้นปีที่เราเคยเจอ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทำตามาตรการของรัฐกันอย่างเคร่งครัด เลี่ยงการพบปะผู้คนกันให้มากที่สุด ช่วยกันทำตัวมีความรับผิดชอบต่อสังคม นี่เป็นสิ่งที่เราช่วยกันได้คนละไม้คนละมือนะครับ และก็ขอให้เราพยายามอดทนกันอีกนิดครับ แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น วัคซีนก็จะออกมาให้เริ่มไล่ฉีดกันแล้ว สถานการณ์เดือนต่อเดือนก็จะค่อยๆดีขึ้นอย่างช้าๆ เราก็ยังพอจะเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์กันนะครับ อย่าเครียดกันเกินไปนัก เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ

จนกว่าจะถึงเวลาที่เราได้รับวัคซีนนั้น เราก็ยังจะต้องช่วยกันรักษากฏ AHA(A+L) เช่นเดิมนะครับ

​Abstand halten / การรักษาระยะห่าง ​

Hygiene beachten / การปฏิบัติตามกฏสุขอนามัย ​

Alltagsmaske (Mund-Nasen-Bedeckung) /ใส่หน้ากากทุกวัน(ปิดปากและจมูก) ​

รวมถึงเสริมเข้าไปอีก 2 ตัว คือ A - App สำหรับแอปเตือนเรื่อง Corona และ L - Lüften = การเปิดหน้าต่างระบายอากาศสม่ำเสมอเพื่อระบายอากาศ ​​​


อ้างอิง:​

https://cutt.ly/qhPXADG

https://cutt.ly/shP721E

ขอบคุณแหล่งที่มา : Facebook เยอรมันอินไซต์ - Germany Insights

ลุงตู่ชมสตาร์ทอัพไทย ยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล พร้อมชวน 'กินของไทย ใช้ของไทย'​ ส่งเสริมสินค้าเกษตรและ 'OTOP จัดกระเช้าของขวัญ'​ ช่วงเทศกาลปีใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชมนิทรรศการดิจิทัลสตาร์ทอัพ (Digital Thailand Big Bang : Digital Station) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

โดยลุงตู่ได้ทดลองเล่นเกม Timeline ซึ่งเป็นรูปแบบเกมผจญภัยเพื่อฝึกลับสมอง โดยลุงตู่ชื่นชมศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยที่สามารถพัฒนาเกมที่มีความสร้างสรรค์ ลดความรุนแรง ส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลให้สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทย​ รวมถึงได้เสนอให้มีการพัฒนาเกมในรูปแบบ Hospitality อาทิ การดูแลผู้สูงอายุ ช่วยเหลือผู้พิการ เพื่อเป็นการปลูกสร้างจิตสำนึกให้แก่ผู้เล่นอีกด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชาสัมพันธ์ งาน 'ช้อปวิถีใหม่ ส่งสุขทั่วไทยถึงหน้าบ้าน'​ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 23 ธ.ค. 63 ณ ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับบริษัทขนส่งภาคเอกชน พัฒนาและขยายตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะในเทศกาลปีใหม่นี้ ลดการเดินทางและลดการสัมผัส ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ซึ่งลุงตู่ได้กล่าวชมการดำเนินโครงการว่า เป็นโครงการที่ดี สามารถต่อยอดพัฒนาการขายสินค้าแบบอีคอมเมิร์ซ​ เพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกร ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนและบริโภคสินค้าเกษตรของไทย เบื้องต้นอาจเป็นการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ภายในประเทศ ต่อไปก็สามารถพัฒนาไปสู่อีคอมเมิร์ซในตลาดต่างประเทศได้ โดยภาครัฐร่วมมือกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น เมื่อซื้อสินค้าแล้วแล้วจัดส่งทางบริษัทขนส่ง อาจเพิ่มให้มีการลุ้นชิงโชคเพื่อรับรางวัลเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ชมนิทรรศการประชาสัมพันธ์การจัดงาน OTOP City 2020 ภายใต้แนวคิด 'ของขวัญปีใหม่ ล้ำค่าถูกใจ รวมไว้ใน OTOP City 2020'​ โดยกระทรวงมหาดไทย โดยนำผลิตภัณฑ์ชุมชน จัดเป็นกระเช้าของขวัญ ของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อกระจายรายได้ให้แก่ท้องถิ่น และประชาสัมพันธ์สินค้า OTOP จากภูมิปัญญาคนไทย โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมในการรวบรวมสินค้า OTOP จากหลายจังหวัดเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อได้อย่างสะดวกเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่

พร้อมแนะให้มีการเพิ่มช่องทางสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้สามารถจัดเป็นกระเช้าปีใหม่และส่งไปตามที่ต่าง ๆ ได้ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้เลือกซื้อผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ ลวดลายสวยงามในลักษณะไทยประยุกต์ ทั้งนี้ งาน OTOP City 2020 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 19 – 27 ธ.ค. 63 ณ เมืองทองธานี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top