Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48881 ที่เกี่ยวข้อง

15 ธันวาคม...วันชาสากล วันที่ชวนทุกคนมาดื่มชา พร้อมกันนี้ยังเป็นวันที่รณรงค์ให้ตั้งราคา สินค้าใบชาอย่างเป็นธรรม

เครื่องดื่มกลิ่นหอมๆ ของคุณในตอนเช้าๆ คืออะไรกันครับ? กาแฟ? หรือว่าชา? ถ้าในถ้วยที่กำลังถืออยู่ เป็นชาร้อนหอมๆ บอกเลยว่า วันนี้ ‘ชาอร่อยเป็นพิเศษ’ อย่างแน่นอน

 

เพราะวันนี้ ถูกยกให้เป็น ‘วันชาสากล’ (International Tea Day) วันนี้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2548 จุดเริ่มต้นมาจากเกษตรกรผู้ปลูกชากลุ่มเล็ก ๆ ในเบงกอลตะวันตก และหลายรัฐทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องถึงสิทธิและความชอบธรรมในการค้าชาของตน โดยในช่วงนั้น แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่มีการปลูกอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ แต่อุตสาหกรรมค้าชาในประเทศอินเดียกลับมีความอ่อนแอและบริหารจัดการได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ เกษตรกรผู้ปลูกชากลุ่มเล็ก ๆ จึงได้นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการปลูก ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตดีขึ้น และได้ชาที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน

 

ทว่าเมื่อชาดี แต่เกษตรกรกลับไม่ได้รับความเป็นธรรมในการค้าขาย พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกกดราคา กระทั่งองค์กรเพื่อการสื่อสารและการศึกษาของประเทศอินเดีย (CEC – Centre for Communication and Education) ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือสิทธิของเกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อยในประเทศ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยได้รับความร่วมมือกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติด้วยอีกทาง ในที่สุดจึงสามารถเข้ามาพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ค้าชากลุ่มย่อย ๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมในการค้าชาและทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น 

.

ชาจึงได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งได้มีการจัดตั้งให้วันที่ 15 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันชาสากล เพื่อระลึกถึงคุณประโยชน์ของชาและตระหนักถึงความสำคัญของเหล่าเกษตรกรตัวเล็ก ๆ ผู้ปลูกพืชซึ่งกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าชนิดนี้

 

อ่านถึงตรงนี้ ใครที่มีถ้วยชาอยู่ในมือ โปรดยกขึ้นจิบให้สมกับคุณค่าของมัน หรือหากใครที่อยากจิบชาเพื่อสร้างบรรยากาศดีๆ บ่ายๆ นี้ลองจัดสักแก้วหนึ่ง ฉลองให้กับวันชาสากลกันนะครับ Cheers!

 

อ้างอิงข้อมูล : teadayblog

โควิด-19 ส่งผล ทำให้เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา แห่ง สปป ลาว ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ดึงดูดนักลงทุนมากกว่า 80 บริษัท ต้องชะลอตัว ผลกระทบส่วนใหญ่ เป็นเรื่องบุคลากรและการนำเข้าวัตถุดิบต่างๆ

คอลัมน์​ "เบิ่งข้ามโขง"

โครงการนิคมอุตสาหกรรม เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา นครหลวงเวียงจันทน์  ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจุบันมี บริษัท จดทะเบียน 86 บริษัท และ บริษัท จาก 7 ประเทศในภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ บริษัทโฮย่า จากญี่ปุ่น, บริษัทปิโตรเคมีลาว - จีน ,บริษัทยาสูบลาว - จีน , บริษัทความหวังใหม่ , บริษัท โกลเด้นลาว และ บริษัทที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในภูมิภาค

การลงทุน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ท่านหว่าง เหว่ย คุน อำนวยการบริษัทลาว - จีน ได้ให้สัมภาษณ์

โครงการนิคมอุตสาหกรรม เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา  นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทก่อสร้างและลงทุนมณฑลยูนนาน หุ้นส่วนจำกัด กับองค์กรนครหลวงเวียงจันทน์ ร่วมทุนจัดตั้ง และ เป็นโครงการร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ยังเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างประเทศแห่งเดียวของจีนในสปป. ลาว ..

ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเวียงจันทน์ครอบคลุมพื้นที่ 1,149 เฮกตาร์โครงการลงทุนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โครงการมุ่งเน้นการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาเมืองอย่างผสมผสาน

โดยแบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่

ระยะที่ 1 -  จะเน้นการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม

ระยะที่ 2 และ 3 - ได้รับการพัฒนาในด้านการคมนาคมการค้าที่อยู่อาศัยและแหล่งท่องเที่ยวและ จะพยายาม สร้างเมืองเวียงจันทน์ใหม่

คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีพ.ศ.2573 

ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมพื้นที่ 400 เฮกตาร์ รวมถึง ก่อสร้างในระยะแรก แล้วเสร็จ เช่น ถนน พื้นที่สีเขียว ระบบท่อน้ำรวม  สถานีไฟฟ้า 115 กิโลวัตต์

ก่อสร้างโรงงานมาตรฐาน บนพื้นที่ 80,000 ตารางเมตรเสร็จสิ้น

การก่อสร้างหอพักพนักงานเพื่อรองรับและสามารถตอบสนองความต้องการบริการขั้นพื้นฐานของสถานประกอบการในพื้นที่

กำลังดำเนินการพัฒนาโครงการในระยะที่สองและสาม ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง โครงการริเริ่มในตัวเมืองใหม่ ซึ่งแล้วเสร็จประมาณ 60%

มีการสร้างงานมากกว่า 1,800 ตำแหน่ง และ ภายในสิ้นปีนี้ จะมีการสร้างงานมากกว่า 5,000 ตำแหน่ง

ภายใต้ความเอาใจใส่และการสนับสนุนของสองรัฐบาลลาวและจีน ถือได้ว่า ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง

แต่จนถึงปีนี้เนื่องจากการระบาดของโรคระบาดโควิด - 19

ทำให้โครงการได้รับผลกระทบอย่างมาก ในแง่ของการดึงดูดนักลงทุนและงานก่อสร้าง จำนวนบริษัทใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาลงทุนและการทำสัญญา

และ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของบุคลากรและการนำเข้าวัตถุดิบต่าง ๆ

นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการก่อสร้าง บางส่วนในพื้นที่ก็ล่าช้าออกไปด้วย


ที่มา  ປະເທດລາວ Pathedlao

หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชน​และภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนํา​ภาคเอกชนไทย​ บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า​ วีถีชีวิต​ วัฒนธรรม​ เศรษฐกิจ​ การเมืองประเทศฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง​  หรือ​ มุมมองเบิ่งข้ามโขง

 

‘วิกฤติฝุ่นยังไม่ทุเลา’ เช้านี้คนกรุงต้องฝ่าฝุ่นใช้ชีวิต มีถึง 6 เขต ที่ปริมาณฝุ่นหนักส่งผลต่อสุขภาพ ด้านรัฐสั่งเร่งรับมือ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาทุกภาคส่วน

เช้านี้ สถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังอยู่ในขั้นไม่ปลอดภัย ผลการตรวจวัดมีถึง 6 เขต ที่มีปริมาณฝุ่นละอองสูงในขั้นส่งผลต่อสุขภาพ

ได้แก่ ริมถนนดินแดง เขตดินแดง วัดค่าฝุ่นละอองได้ 118 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนเจริญนคร เขตคลองสาน ระดับ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนศรีนครินทร์ ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม อยู่ที่ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, เขตประเวศ อยู่ในระดับ 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนแยกท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ระดับที่ 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ริมถนนสามเสน เขตพระนคร อยู่ที่ระดับ 93 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ด้านรัฐบาล นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและวิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานการทำงานภาพรวมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมานาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.และ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างต่อเนื่องจริงจัง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ขอให้กระทรวงมหาดไทย ระดับท้องถิ่น นำข้อมูลแผนที่จุดความร้อนและลงพื้นที่ตรวจสอบกวดขันบังคับใช้กฎหมายกับการเผาพืชไร่ในที่โล่ง และประสานอุตสาหกรรม ตรวจสอบมลภาวะของโรงงานอุตสาหกรรมและขอความร่วมมือลดกำลังการผลิตในภาวะดังกล่าว

พร้อมทั้ง ขอให้ ทส.ประสานกับคมนาคม และ ตำรวจ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะพื้นที่การจราจรที่คับคั่ง และจัดตั้งจุดตรวจสกัดรถควันดำที่สร้างปัญหาในพื้นที่ ร่วมกับมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ กทม.และจังหวัดปริมณฑล พิจารณาออกมาตรการควบคุมเฉพาะหน้าและขอความร่วมมือประชาชน ร่วมกันลดต้นเหตุของการก่อปัญหาในภาพรวม เช่น ควบคุมเวลากิจกรรมการก่อสร้าง การลดใช้ยานพาหนะในพื้นที่เขตเมืองที่หนาแน่น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล การลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน

ทั้งนี้ ขอให้ สาธารณสุขร่วมดูแลสุขภาพประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้

'ศรีสุวรรณ'​ จ่อยื่นกกต. สอบพรรคเพื่อไทย หลังปล่อย​ 'ทักษิณ'​ ครอบงำ เขียนจดหมายถึงคนเชียงใหม่ให้สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.ฝ่ายตน

ศึกการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยกำลังร้อนแรง​ แต่ก็ยังไม่ร้อนรนเท่าสถานะพรรคเพื่อไทย​ ที่ตอนนี้​ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อไต่สวน สอบสวน

กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เขียนจดหมายถึงคนเชียงใหม่ให้สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ. ท่านหนึ่งซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทย จนเกิดข้อขัดแย้งขึ้นกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เป็นเหตุให้พลพรรคในพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาตอบโต้นายจตุพร อย่างออกหน้าออกตา และหลังจากนั้น ดร.ทักษิณก็ทวิตเตอร์รัว ๆ ออกมามากมายนั้น

กรณีดังกล่าวอาจเป็นการเข้าข่ายพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ

ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม และหรือบุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคการเมืองกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่า โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม อันเป็นการฝ่าฝืน ม.28 และ ม.29 ของ​พรบ.พรรคการเมือง 2560 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้พรรคการเมืองถูกยุบพรรค ตาม ม.92(3) และ ม.108 ได้

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อวินิจฉัยเอาผิดพรรคการเมืองและบุคคลที่มิใช่สมาชิกพรรคการเมือง ที่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองดังกล่าว เพื่อเสนอให้ศาลรัฐธณรมนูญวินิจฉัยสั่งลงโทษตามครรลองของกฎหมาย

 

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (15 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,246 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 9 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,949 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย เป็นสัญชาติเอธิโอเปีย 1 ราย สวิส 2 ราย อังกฤษ 1 ราย โรมาเนีย 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 2 ราย อเมริกัน 2 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 359 ราย รักษาหายแล้ว 309 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.18 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.06 แสน เสียชีวิต 18,819 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 83,475 ราย รักษาหายแล้ว 69,393 ราย เสียชีวิต 415 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 86,795 ราย เสียชีวิต 2,268 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.49 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,733 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,320 ราย รักษาหายแล้ว 58,208 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,397 ราย รักษาหายแล้ว1,241 ราย เสียชีวิต 35 ราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top