Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48881 ที่เกี่ยวข้อง

ด่วน!! สั่งประหารชีวิต​ 'บรรยิน'​ พร้อมพวก คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ...แต่ให้การเป็นประโยชน์ลด​ 1​ ใน​ 3​ เหลือ​ 'คุกตลอดชีวิต'​ ส่วนจำเลย​ 2 ลดเหลือ 33​ ปี​ 4​ เดือน

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3

น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐเป็นโจทก์เเละโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1 - 6

ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310, ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139, 140, ฐานเป็นซ่องโจร

โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210, ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213, ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199, ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี

ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นจนถึงแก่ความตายฯ ลงโทษประหารชีวิต, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 289(4)(7) ลงโทษประหารชีวิต, ฐานแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1​ ปี สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1 ปี, ซ่อนเร้นทำลายศพฯ จำคุก 4 ปี

...แต่จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 ทุกข้อหาคงจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นตลอดชีวิตสถานเดียว

ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 4 - 6 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ​ (เรียกค่าไถ่) ลงโทษประหารชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต โดยจำเลยที่ 1 ให้นับโทษต่อจากคดีโอนหุ้นจำคุก 8 ปี ของศาลอาญากรุงเทพใต้


เครดิตภาพ : ไทยรัฐออนไลน์

ทีเส็บ ดันโครงการ 'ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า'​ ปลุกตลาดไมซ์คึกคัก​ ฝ่าโควิด-19 คาดปีหน้าโตประมาณ 3.5% สร้างรายได้กว่า 30,000 ล้านบาท

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า การจัดโครงการ 'ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า' รณรงค์ให้องค์กรเอกชนเร่งจัดประชุมสัมมนาและให้รางวัลพนักงานเดินทางในประเทศ กระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและกระจายรายได้ไปยังชุมชนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงสถานการณ์โควิด 19 นั้นนับว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก 
.
ขณะนี้มีองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการตลอดระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 20 ตุลาคม 2563 จำนวน 1,049 กลุ่ม คิดเป็นจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไมซ์ทั้งสิ้น 62,555 คน กระจายการจัดงานไปยัง 50 จังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก่อให้เกิดรายได้แก่ธุรกิจประมาณ 130 ล้านบาท
.
“โครงการฯ นี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยผ่านการจัดประชุมสัมมนาและกิจกรรมไมซ์ในประเทศ ขณะที่ตลาดไมซ์ต่างประเทศยังไม่สามารถเข้ามาทำกิจกรรมในไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 19 อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 2564 นี้ ตลาดไมซ์จะเติบโตประมาณ 3.5% สร้างรายได้กว่า 30,000 ล้าน จากจำนวนนักเดินทางไมซ์ในประเทศประมาณ 10 ล้านคน” จิรุตถ์กล่าว

กทม.แอ็คชั่นแล้ว! ‘ผู้ว่าฯ อัศวิน’ สั่งโรงเรียนในสังกัดไม่ต้องให้ นร.เข้าแถวเช้า พร้อมจัดทำ ‘ห้องปลอดฝุ่นส่วนกลาง’ ในทุกโรงเรียน

วันนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ได้สั่งการให้โรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ไม่ต้องทำกิจกรรมเข้าแถวหน้าเสาธงเหมือนที่เคยทำตามปกติ แต่ให้ทำอยู่ภายในห้อง หรือหน้าห้องเรียนแทน พร้อมกันนี้ ยังเตรียมจัดทำ ‘ห้องปลอดฝุ่น’ ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน 292 ศูนย์ จำนวน 1,000 ห้อง และห้องเรียนเด็กเล็กในสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง รวมทั้งจัดทำห้องปลอดฝุ่นส่วนกลางในทุกๆ โรงเรียน สำหรับเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้รอผู้ปกครองกลับบ้านอีกจำนวนกว่า 1,500 ห้อง

'วราวุธ'​ ส่งกระเช้าปีใหม่ถึงคนไทย ตั้งเป้าปี 64 สำรวจที่ทำกิน​ หวังมอบสิทธิให้ปชช. ใช้ประโยชน์ในปี 65 พร้อมกำชับ ทุกอุทยานดูแลนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงของขวัญปีใหม่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า 

"เราได้วางแผนสำรวจพื้นที่ของคณะกรรมการนโยบายนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทส.ให้จบสิ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ในปี 2564 เพื่อให้ปี 2565 จะได้มีการมอบสิทธิในการทำกินให้กับประชาชน เพื่อดำเนินการให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นไม้ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ซึ่งปัจจุบันปลูกต้นไม้ไปได้กว่า 30 ล้านต้น โดยปี 2564 หวังว่าจะเพิ่มปริมาณการปลูกต้นไม้ในประเทศเพื่อรักษาคุณภาพป่าไม้ของประเทศ และรักษาคุณภาพของอุทยานที่เป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญของประเทศทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนได้ท่องเที่ยว"

อย่างไรก็ตาม วราวุธ​ ได้กำชับทุกอุทยานแห่งชาติให้เตือนและฝากข้อระวังกับประชาชนที่ไปเที่ยวในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดที่มีความเสี่ยงและบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะการเดินทางผจญภัยบนพื้นที่สูงที่อาจจะทำให้เกิดอาการป่วย ซึ่งได้กำชับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
 

'เอนก' ชวนปชช.มองไทยใหม่​ 'ไม่ด้อยพัฒนา'​ เชื่อรัฐเตรียมสร้างยานอวกาศไปดวงจันทร์ คาดพร้อมส่งไปโคจรอีก 7 ปี ข้างหน้า​

ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดโครงการ​ '​วัคซีนเพื่อคนไทย'​ โดยปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน เป็นเงินจำนวน 500 ล้านบาท เพื่อเร่งวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์ได้ทันภายในเดือน มิ.ย.2564

อีกทั้งเปิดตัว 'ทีมไทยแลนด์'​ ร่วมลงนามความร่วมมือวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด-19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด

นอกจากนี้ ดร.เอนก ได้เปิดเผยอีกว่า "วันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า นอกจากเรื่องการผลิตวัคซีนที่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญแล้ว เรายังมีบริษัทคนไทยที่สามารถผลิตได้แม้กระทั่งยุทโธปกรณ์อย่างรถถังและเรืออีกด้วย

“นอกจากนี้​ ไทยยังจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ ถัดจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ฉะนั้นเพื่อให้บรรลุโครงการใน 7 ปี อาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทยว่า ไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว เราเป็นประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top