กระทบบ้าง...อย่าว่ากัน!! รัฐชี้ชาวกรุงเผชิญ PM 2.5 ถึง 17 ธ.ค. ยันมีแผนแก้​ แต่บางเรื่องอาจกระทบประชาชน

หลังรับไม้ต่อจากทางรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหา PM2.5​ โดยไว ทาง​ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และแนวทางแก้ว่า กรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ในช่วง 2 - 3 วันนี้จนถึงช่วงวันที่ 17 ธ.ค. สภาพอากาศแทบจะไม่มีลมและมีการกดทับของสภาพอากาศ

จึงทำให้เกิดสถานการณ์ฝุ่นสะสมใน กทม. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญมากและได้มีมาตรการต่าง ๆ ออกมา ทั้งการประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มีการบริหารจัดการเรื่องการเผาเกี่ยวกับการเกษตร

โดยขอให้จังหวัดในเขตปริมณฑลงดการเผาในช่วง 2 - 3 วันนี้ และได้มีการประสานกับกระทรวงคมนาคม ให้กวดขันตรวจสอบรถที่ผลิตก๊าซไอเสียเกินมาตรฐานกำหนด โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ทางกรมควบคุมมลพิษได้ออกตรวจร่วมกับกรมการขนส่งทางบก พบว่ามีรถที่ค่าไอเสียเกินมาตรฐานปริมาณ 25 - 30% ของปริมาณรถที่ตรวจได้ ส่วนใหญ่มาจากรถรับจ้างส่วนบุคคล เป็นรถกระบะที่ไม่ได้รับการดูแลสภาพเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ออกมาตรการต่าง ๆ เช่น ไม่ให้รถบรรทุกเข้ามาเขต กทม.ชั้นใน

วราวุธ กล่าวว่า ปัญหา PM 2.5 ตนพูดตั้งแต่ต้นปีว่าเป็นปริมาณที่เราผลิตอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ลดลง แต่สภาพที่มีหมอกควันและฝุ่นควันสะสมนั้นส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้น ดังนั้น ต้องขอความเห็นจากประชาชนว่ามาตรการหรือนโยบายแบบใดที่ประชาชนสามารถรับได้และเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะดำเนินการ เพราะบางมาตรการเมื่อออกมาแล้วได้รับการคัดค้าน

และมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างแน่นอน เช่น การที่ กทม.มีมาตรการไม่ให้รถบรรทุกเข้า กทม.ชั้นในก็ได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนบางกลุ่มที่ไม่สะดวกในการดำเนินกิจการ และถ้าย้อนกลับไปช่วงต้นปี ประมาณเดือน ก.พ.- มี.ค. สภาพอากาศไม่ได้แตกต่างจากนี้ แต่สภาพ PM 2.5 อยู่ในคุณภาพดี เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงการล็อกดาวน์ การสัญจรน้อย ปริมาณรถและเครื่องยนต์ที่ผลิตไอเสียบนถนนแทบจะไม่มีเลย

แต่วันนี้หากปริมาณยานพาหนะบนท้องถนน ทั้งรถสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคลยังมีเต็มอยู่บนท้องถนนเช่นนี้คงไม่สามารถแก้ไขปัญหา PM 2.5 ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังสุขภาพ สวมใส่หน้ากากเมื่อเดินทางออกจากบ้าน และตรวจเช็กสภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษและกรมอุตุนิยมวิทยา