Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

‘ชัยวุฒิ’ สุดแฮปปี้พาลูกเที่ยวตลาดจ๊อดแฟร์ ไม่ปล่อยผ่านช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ใช้เวลาวันหยุดทำหน้าที่พาลูกเที่ยว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้พาลูก ๆ ทั้ง 3 คน เดินเที่ยวที่ตลอดจ๊อดแฟร์แดนเนรมิต พร้อมโพสต์ภาพและข้อความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า เด็กๆ แฮปปี้มากครับ ได้มาเที่ยวตลาดจ๊อดแฟร์แดนเนรมิต 

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ ย้ำว่า แม้ภารกิจการทางการเมือง ทั้งการเป็นรัฐมนตรี และทำงานในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่หากมีเวลาว่างในวันหยุด จะใช้เวลาที่มีอย่างจำกัดอยู่กับลูก ๆ เสมอ พร้อมกับจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวหาประสบการณ์นอกบ้านเป็นประจำ เพราะมองว่า ประสบการณ์นอกบ้านนั้น คือส่วนสำคัญที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการเข้าสังคมและเห็นวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคมด้วย

แน่นอนว่า การพาลูก ๆ มาเที่ยวตลาดจ๊อดแฟร์นั้น ได้ทั้งความสนุกสนาน ได้ชิมอาหารอร่อย ๆ ที่มีให้เลือกหลากหลาย ขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า หลายคนมาขอถ่ายรูปด้วย ถือว่าเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นใจเป็นอย่างมาก 

‘รัฐบาล’ เร่งยกระดับ ‘ท่าเรือแหลมฉบัง’ สู่ท่าเรือสีเขียว ดันเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลของเอเชียแบบไร้มลพิษ

(17 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังมาโดยตลอด โดยตั้งเป้าให้แหลมฉบังเป็นศูนย์กลางทางการขนส่ง สร้างท่าเรือสีเขียว ลดมลพิษจากการขนส่งพร้อมสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องหลักพันล้านบาทต่อปี รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลระดับเอเชีย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการดำเนินการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ให้สอดคล้องกับแนวทางท่าเรือสีเขียวจะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในท่าเรือได้อย่างมีนัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 

1. การใช้รถบรรทุกไฟฟ้าและการพัฒนาเทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping) โดยหากท่าเรือแหลมฉบังเปลี่ยนไปใช้รถบรรทุกไฟฟ้าราว 10% หรือประมาณ 1,000 คันต่อวัน จะช่วยลดการสิ้นเปลืองของน้ำมันดีเซลสูงถึง 50 ล้านลิตรต่อปี ประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงราว 800 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 มากถึง 4.8 หมื่นตัน CO2e ต่อปี  

2. การใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 11.1% CAGR ในปี 2579 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนในการพัฒนาราว 600 ล้านบาท และสามารถลดก๊าซ CO2 เฉลี่ยปีละ 4.9 พันตัน CO2e  

3. การเปลี่ยนระบบการขนส่งตู้สินค้าเป็นทางรถไฟ โดยท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 มีแผนจะพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator: SRTO) เพิ่มความสามารถในการรองรับตู้สินค้าเป็น 6 ล้าน TEU ต่อปี ทำให้แหลมฉบังมีความสามารถในการรองรับปริมาณตู้สินค้าถึง 5.3 ล้าน TEU ต่อปี ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งราว 1.2 พันล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซ CO2 มากถึง 0.79 ล้านตัน CO2e ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายจากการพัฒนาการขนส่งทางรางของท่าเรือแหลมฉบังของภาครัฐ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทางศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทยได้วิเคราะห์ว่า แนวทางการพัฒนาท่าเรือสีเขียว ของท่าเรือแหลมฉบังในระยะที่ 3 สามารถช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมถึงธุรกิจผลิตแบตเตอรี่อย่างน้อยราว 1.8 หมื่นล้านบาท และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เช่น ธุรกิจรับจ้างติดตั้งและก่อสร้างระบบเซลล์แสงอาทิตย์ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ประมาณ 600 ล้านบาท และในช่วงปี 2567-2578 ส่วนการเปลี่ยนระบบการขนส่งเป็นทางรถไฟมากขึ้น จะช่วยทำให้ธุรกิจผลิตหัวรถจักรไฟฟ้าได้รับประโยชน์จากการพัฒนาในส่วนนี้ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ผลักดันการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือสีเขียว เพื่อให้รองรับการเติบโตเศรษฐกิจไทย และก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลของเอเชีย รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC ประเทศไทย และประเทศในภูมิภาค พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาท่าเรือสีเขียวตามแนวทางของเศรษฐกิจบีซีจี (BCG) เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจประเภทใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ รองรับความท้าทายในโลก ผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรอบด้าน

States TOON EP.133

Armageddon

ติดตามการ์ตูนอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ใน…

ติดตามการ์ตูนสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/statestoon

‘สกายวอล์ก เชียงคาน’ สูงเทียบเท่าตึก 30 ชั้น เช้าชมทะเลหมอก เย็นเห็นพระอาทิตย์ตกหลังเขา

สกายวอล์ก เชียงคาน หรือ สกายวอล์ก ภูคกงิ้ว จุดชมวิวแม่น้ำ 2 สี แลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ต้องไปเช็คอิน ตั้งอยู่ที่ ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งเป็นแผ่นดินจุดแรกของภาคอีสานที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน มีความสูงกว่าระดับแม่น้ำโขง 80 เมตร หรือเทียบเท่าได้กับตึกสูง 30 ชั้น ทางเดินนั้นทำด้วยกระจกใสยาว 100 เมตร กว้าง 2 เมตร โดยบนสกายวอล์กนั้น จะสามารถมองเห็นแม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกัน เป็นแนวพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่าง ประเทศสปป.ลาวกับประเทศไทย เกิดเป็นแม่น้ำ 2 สีที่สวยงามมาก

ทางด้านหลังของสกายวอล์กแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่ภูคกงิ้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรขนาดใหญ่ มีความสูงกว่า 19 เมตร หล่อขึ้นด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่น ฐานขององค์พระพุทธรูปนั้นเต็มไปด้วยธูปเทียน และบายศรีดอกไม้ ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว นำมาวางสักการะไว้ เพื่อความเป็นสิริมงคล

หากมาเที่ยวชมในยามเย็น ก็จะเห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยงามหลังภูเขา แต่ถ้าหากมาในยามเช้า ก็จะเห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก

ข้อมูลเพิ่มเติม
เปิดบริการทุกวัน 7.00-180.. น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/VAjc1ZLSKRTxBjz86 
ค่าเข้าชม : ค่ารถขึ้น-ลง ราคา 20 บาท , รองเท้าสำหรับเข้าสกายวอล์ค 30 บาทต่อคู่

‘ปิ่น เก็จมณี’ ปลื้มใจ!! ‘เจ้าขุน’ เรียนจบแล้ว ฟาก ‘เจ เจตริน’ รีบเข้ามาคอมเมนต์ร่วมยินดี

(17 ก.ค. 66) เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่คนเป็นพ่อและแม่ภูมิใจ ที่ ‘เจ้าขุน จักรภัทร’ ลูกชายของ  ‘ปิ่น เก็จมณี’ และ ‘เจ เจตริน’ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Regent’s University London ที่ประเทศอังกฤษแล้ว โดยในอินสตาแกรมของปิ่นได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความยินดีแก่ลูกชาย ขณะเดียวกัน เจ เจตริน ก็ได้เข้ามาร่วมคอมเมนต์ใต้ภาพของปิ่นว่า “ภูมิใจจุง” และ “so proud of him” อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top