Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

States TOON EP.133

Armageddon

ติดตามการ์ตูนอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ใน…

ติดตามการ์ตูนสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/statestoon
 

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! เทศกาลภาพยนตร์ไทย-มาเลเซีย 2023 คึกคัก พร้อมดันกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางด้านภาพยนตร์ของอาเซียน

(17 ก.ค. 66) สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ใช้มิติวัฒนธรรมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ และสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย โดยรับทราบผลสำเร็จของงานเทศกาลภาพยนตร์ไทยในมาเลเซียประจำปี 2566 ภายใต้ธีม ‘Bridging Thainess to International Audience’ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่  13 - 16 กรกฎาคม 2566 ที่โรงภาพยนตร์ GSC Mid Vally โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย กระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะและวัฒนธรรมมาเลเซีย คณะกรรมการพัฒนาภาพยนตร์แห่งมาเลเซีย (FINAS) คณะทูตานุทูตต่างประเทศ พร้อมทั้งสื่อมวลชนมาเลเซีย นักเรียน นักศึกษามาเลเซียและไทย คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย และแฟนคลับชาวไทยและมาเลเซีย เข้าร่วมกันอย่างคึกคัก

ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมมิตรภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว ในเชิงสังคมและวัฒนธรรม ยังเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และความร่วมมือในอนาคตระหว่างอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงของทั้งสองประเทศ เปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาความสำเร็จของประเทศไทยสามารถดึงดูดคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทย ทำให้สถิติ 7 ปี (2559 - 2565) สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท 

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ครม.พล.อ.ประยุทธ์ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ  ทำให้มั่นใจว่าจะผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางด้านภาพยนตร์ของอาเซียนได้ตามเป้าหมาย

สำหรับการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ไทยในมาเลเซีย ประจำปี 2566 ภายใต้ธีม ‘เชื่อมความเป็นไทยสู่สากล’ นำภาพยนตร์ไทย 5 เรื่องจากเครือภาพยนตร์ไทยที่มีชื่อเสียงมาฉายสู่สายตามิตรชาวมาเลเซีย ได้แก่ แอน (Faces of Anne) เทอมสองสยองขวัญ (Haunted Universities 2nd Semester) บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny the Movie) Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ และหนังรักคลาสสิคตลอดกาล Friend Zone ระวัง...สิ้นสุดทางเพื่อน โดยจัดฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือ Golden Screen Cinemas (GSC) 4 แห่งใน กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองปูตราจายา และรัฐสลังงอร์ ได้แก่ GSC Mid Valley GSC 1 Utama GSC MyTown และ GSC IOI City Mall โดย ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

‘อิงอิง MUT’ ยอมรับเคยทำแท้ง ไม่หวั่น!! หากชวดมงฯ-เสียภาพลักษณ์ ขอผลักดัน ‘ทำแท้งถูกกฎหมาย’ ให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากขึ้น

(17 ก.ค. 66) ตัดสินใจเอาตัวเองออกมาเป็นกรณีศึกษา แบบไม่กลัวจะชวดมงฯ เลยทีเดียว สำหรับ MUT นครปฐม ‘อิงอิง วิชญาดา ชาติธีรรัตน์’ ผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2023 ที่ขอยืดอกยอมรับ ว่าเคยผ่านการทำแท้งมาก่อน เพราะเป็นการท้องไม่พร้อมจากความผิดพลาดทาง physical โดย ‘อิงอิง’ ได้เปิดใจแบบหมดเปลือก ว่าเป็นสิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิต แต่คงเสียใจกว่านี้ ถ้าลูกเกิดมาในความไม่พร้อมของพ่อแม่ ที่กล้าออกมาพูดเรื่องนี้ ก็เพราะอยากให้เข้าใจคนที่ประสบปัญหา และอยากให้เห็นว่าผู้หญิงก็มีทางเลือกในการใช้ชีวิตของตัวเอง

“ที่อยากมาประกวด MUT เพราะเป็นการ Empowering Women และ Empowering สังคมค่ะ เพราะอิงเอาตัวเองออกมาเป็นกรณีศึกษาให้สังคมเห็น ว่าผู้หญิงควรมีทางเลือกให้การใช้ชีวิต แล้วการที่จะให้คนในสังคมได้เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด คือต้องมีแรงบันดาลใจและต้องมีเคสตัวอย่าง ที่จริงอิงสามารถนอนอยู่บ้านก็ได้ หลีกเลี่ยงการตอบคำถามก็ได้ แต่อิงเอาตัวเองมาเป็นประเด็นในสังคมทางด้านบวกและลบ เพื่อให้คนในสังคมได้เห็นภาพมุมกว้างมากขึ้น ว่าตอนนี้สังคมเกิดประเด็นอะไรอยู่ เกี่ยวกับการทำแท้งถูกกฎหมาย และที่ผ่านมาการที่อิงทำแท้งถูกกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่าอิงไม่รู้สึกเสียใจ เราก็คือคนที่ผ่านการเป็นแม่มาก่อน เราก็สูญเสียลูกน้อยอันเป็นที่รักไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากมาบอกคนในสังคม คือปีนี้คอนเซ็ปต์ ‘The Unlimited’ จักรวาลไร้ขีดจำกัด อิงมาเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า เวที MUT ไร้ขีดจำกัดจริงๆ ค่ะ แล้วเราก็ Empowering สังคมได้มากจริง ๆ ค่ะ”

>> เอาตัวเองมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

“หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูด เพราะอิงทำคอนเทนต์และโครงการเกี่ยวกับการแท้งไม่ผิด เพราะเราก็สูญเสีย และอิงคือคนหนึ่งที่ประสบพบเจอกับปัญหานั้นจริงๆ การที่เอาตัวเองออกมาเป็นกรณีศึกษาให้กับคน นั่นหมายความว่าสังคมจะมีประเด็นและมีบุคคลตัวอย่าง ในการถกเถียงกันมากยิ่งขึ้น

อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งยิ่งใหญ่ และอาจจะเป็นตัวขับเคลื่อนกฎหมายการทำแท้งถูกกฎหมาย ให้กับสตรีได้มีทางเลือกอย่างถูกต้อง ให้เขาไม่ต้องไปทำแท้ง ไปเหน็บยาเอง หรือไปทำอะไรที่เสี่ยงกับตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วอิงไม่กลัวทัวร์ เพราะความจริงก็คือความจริง เราคือสตรีที่มาขับเคลื่อนสตรีด้วยกันค่ะ”

>> เคารพความเห็นของทุกคน แต่ไม่อยากให้ลูกเกิดมาเจอกับความไม่พร้อมเหมือนตัวเอง

“อิงเคารพการตัดสินใจและเคารพการแสดงความคิดเห็นของทุกท่าน เพราะอิงไม่สามารถกลับไป และบอกตัวเองว่าไม่ทำแท้งไม่ได้ ณ วันนั้นอิงอยู่ในสถานการณ์ที่กลั่นกรองแล้วว่า ถ้าลูกอิงเกิดมาในภาวะที่พ่อและแม่ไม่สมบูรณ์ พ่อและแม่ไม่พร้อม เขาจะต้องมีปัญหาทางด้านการศึกษา การเงิน สังคม และเขาจะต้องรู้สึกไปตลอดชีวิต ว่าทำไมพ่อกับแม่เลี้ยงดูฉันได้ไม่ดีพอ ซึ่งอิงก็เป็นหนึ่งในนั้น อิงไม่อยากให้ลูกโตมาเหมือนที่อิงเป็น เพราะฉะนั้นหลายคนอาจจะคิดได้ว่ามันคือสิ่งที่ผิด แต่ถ้าสังคมได้ตระหนักถึงเรื่องนี้บ่อยๆ หรือถ้าอิงออกมาพูดเรื่องนี้บ่อยขึ้น คนก็จะเห็นเอง ว่าเจตนารมณ์ของผู้เข้าประมูลคนนี้ทำมันคืออะไร อิงไม่ได้ต้องการแสงหรือคอนเทนต์ แต่มันเป็นการ Empowering คนจริงๆ”

>> ท้องตอนอายุ 22 ยังเรียนไม่จบ มีการวางแผนครอบครัวแล้ว แต่ก็ไม่พร้อมด้วยทุนทรัพย์

“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนประกวดทุกเวทีในประเทศเลย อิงก็ป้องกันอย่างดีค่ะ แต่ในโครงการของอิง จะบอกว่าตัวอิงเองและตัวผู้อื่น สามารถตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้ด้วยเหตุสุดวิสัย การถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูก sexual harassment แต่ของอิงมีการป้องกันถูกวิธี แต่มันก็เกิดความผิดพลาดทาง physical กับอดีตแฟนที่เลิกกันไปแล้วค่ะ ก็จบกันด้วยดี ด้วยความเข้าใจ ว่าถ้าไปต่อในฐานะของคู่ชีวิตไม่ได้ ก็ให้จบลงในฐานะเพื่อนค่ะ คือเราไม่ได้ตั้งใจที่จะมีน้อง และไม่ทราบด้วยว่ามีการตั้งครรภ์ แต่มันอยู่ในสัปดาห์ที่กระทรวงสาธารณสุขบัญญัติไว้ ว่าสามารถทำแท้งแบบถูกต้องตามกฎหมายได้ค่ะ

ตอนที่รู้ว่าท้อง ก็คุยกับแฟนทุกวิถีทาง ในการหาทางออก หาวิธีการที่จะเลี้ยงดูเขา เราไตร่ตรองทุกอย่างถี่ถ้วน คำตอบก็เหมือนเดิม อย่าเกิดมาในสภาวะที่พ่อและแม่ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาเลย ยอมรับตรงๆ ว่าอิงคือประชาชนคนธรรมดา ที่พบเจอปัญหาจริงๆ อิงเลยเอาตัวเองมาเป็นกรณีศึกษา ว่าฉันอาจจะเคยผิด แต่ความผิดพลาดครั้งนั้น ฉันก็คือคนที่สูญเสียเช่นกัน อิงเลยตัดสินใจว่า ไว้พร้อมเมื่อไหร่ฉันจะดูแลเด็กคนนี้ ให้เขารู้สึกว่าภูมิใจเหลือเกิน ที่เขาได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่

ตอนนั้นเราก็มองถึงเหตุผล ทุนทรัพย์ การใช้ชีวิตต่อ วางแผนครอบครัวเป็นอย่างดี แต่คิดว่าถ้าเขาต้องเกิดมาในภาวะที่เรารักเขา แต่ทุนทรัพย์ไม่ได้รักเขาในตอนนั้น เชื่อว่าหลายคนในสังคมจะพูดว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็จะสามารถหาเงินได้ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันมากนะคะ เลี้ยงลูกด้วยความรักอย่างเดียวไม่พอค่ะ ต้องเลี้ยงลูกด้วยเงินด้วยค่ะ ตอนนั้นอิงอายุ 22 ปี ยังเรียนไม่จบ ก็ไปวางแผนครอบครัวที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็สอบถามพ่อของเด็กและอิง ซึ่งคำตอบที่ถูกต้อง คือต้องบรรลุนิติภาวะ หากไม่บรรลุนิติภาวะ จะต้องมีผู้ปกครองเซ็นยินยอม และช่วยเหลือในการวางแผงครอบครัว หลังจากนั้นเขาก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ขึ้นตรงกับรัฐ เพื่อเอาเด็กออกด้วยวิธีที่ถูกต้อง และปลอดภัยกับผู้เป็นแม่”

>> ไม่ได้เลิกกับแฟนเพราะท้อง แต่เพราะทัศนคติที่ไม่ตรงกันและเรื่องความซื่อสัตย์

“ไม่ได้เป็นส่วนนั้นซะส่วนใหญ่ค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของทัศนคติไม่ตรงกัน การทำงาน การใช้ชีวิตที่ไม่ตรงกัน และมีเรื่องของความซื่อสัตย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่ะ”

>> เสียใจที่สุดในชีวิต กับการต้องเลือกตัดสินใจแบบนั้น

“เสียใจที่สุดในชีวิต เท่าที่ลูกผู้หญิงคนหนึ่งจะเสียใจได้ แต่มันจะเสียใจกว่า ในวันที่เราเห็นลูกต้องมาทุกข์ทรมาน จากการที่มีเราเป็นแม่ และเราก็ไม่ได้ให้ความรักเขาอย่างเต็มที่ อันนั้นจะน่าเสียใจกว่า ถ้าเขาเกิดมาแล้วเขาไม่พร้อม เราเองก็ไม่พร้อมเช่นเดียวกัน ไม่อยากให้ลูกเกิดมามีตราบาป รู้สึกว่าทำไมแม่ไม่อยากมีหนู อยากให้ลูกเกิดมาในฟีลลิ่งที่ว่า ขอบคุณแม่นะคะที่ทำให้หนูเกิดมา และแม่ก็ขอบคุณหนูเหมือนกัน ที่หนูเกิดมาเป็นลูกแม่ค่ะ”

>> มีทางออกหลายทาง แต่คำนวณแล้วการทำแท้งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้น

“จริงๆ ทางออกมันมีหลายทางมา รวมถึงวิธีการในการเลี้ยงดูเขาต่อ แต่เราคำนวณการเงินเป็นอย่างดี เราคำนวณถึงภาวะทางสังคม สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ เราเลยได้คำตอบสุดท้าย ว่าการเอาเด็กออกต้องเป็นกระบวนการวิธีที่ถูกกฎหมายและปลอดภัย อิงไตร่ตรองทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน เพราะจริงๆ การทำแท้งถูกกฎหมายเปิดกว้างมากๆ นะคะในต่างประเทศ แล้วเขาก็บัญญัติอยู่ในกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ว่าเด็กหรือเยาวชนที่ไม่พร้อม หรือสตรีที่มีการตั้งครรภ์ไม่พร้อม สามารถทำแท้งถูกกฎหมายได้ค่ะ ดีกว่าการเอาเด็กไปทิ้งกองขยะ หรือให้เขาไปเป็นเด็กกำพร้า”

>> ไม่หวั่นเสียภาพลักษณ์นางงาม เพราะไตร่ตรองมาดีแล้ว

“ต้องขอบคุณความคิดพวกนี้ที่เข้ามาเช่นกัน เพราะอิงก็มีการไตร่ตรองตัวเองก่อนที่จะมาประกวดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไตร่ตรองคือโจทย์ของเวที การเสริมศักยภาพให้คนอื่น การเป็นกรณีศึกษา การเป็นแรงบันดาลใจ อาจจะไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจในทางที่ถูก แต่จำไว้นะคะ อิงคือกรณีศึกษาให้คนเห็นว่า การคุมกำเนิดเป็นเรื่องที่สำคัญ และการทำแท้งถูกกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่คนในสังคมควรตระหนัก ว่าผู้หญิงหลายๆ ท่านควรมีทางเลือกในการใช้ชีวิตของตัวเอง เข้าใจถึงภาพลักษณ์ของการเป็นนางงามค่ะ แต่โจทย์ของเวทีคือการเสริมศักยภาพให้คนอื่นในด้านที่ถูก ถึงแม้การทำแท้งจะเป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันในสังคม แต่อิงเชื่อเหลือเกินว่าถ้าทุกเข้าใจในความเป็นลูกผู้หญิง ในความที่เด็กคนหนึ่งต้องเกิดมาในความไม่พร้อม คนในสังคมจะช่วยกันผลักดันให้ผู้หญิงเหล่านี้มีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นค่ะ”

>> ไม่ได้สนับสนุนใหัทำแท้ง แต่อยากสอนวิธีคุมกำเนิดที่ถูกต้อง

“จริงๆ โครงการของอิง ไม่ได้สนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนมีทางเลือกในการทำแท้งเพียงอย่างเดียวนะคะ หลักๆ เราจะสอนและจะบอกวิธีคุมกำเนิด วิธีดูแลใส่ใจตัวเองในเรื่องเพศ ทั้งสตรีและ LGBT ทุกอย่างรวมอยู่ในโครงการของอิง เพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเกิดการท้องไม่พร้อมได้เสมอ”

>> ยอมรับเป็นตราบาป แต่แค่อยากให้เห็นว่าผู้หญิงมีทางเลือกในการใช้ชีวิต

“ตราบาปก็อาจจะใช่ ศีลธรรมก็อาจจะใช่ แต่ความเชื่อนั้น ความรู้สึกนั้นเราอาจยกไว้ในใจได้ แต่ความจริงของมนุษย์ ของคนรากหญ้าเหมือนที่อิงเป็น เราคือคนที่ประสบปัญหา อิงไม่อยากให้คนมองว่า ยกโครงการนี้มาเพื่อให้ได้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น อิงแค่อยากให้เห็นว่าผู้หญิงทุกคนมีทางเลือกในการใช้ชีวิตของตัวเอง”

>> จะพลาดมงฯ ก็ไม่เป็นไร แค่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้ก็พอใจแล้ว

“ถ้าวันนี้จะพลาดมงฯ MUT แต่สิ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจ คืออิงได้เห็นพลังของคนในสังคมเรียบร้อยแล้ว อิงมาแค่นี้เลย อยากให้สังคมได้รับแรงกระเพื่อมจากโครงการที่อิงทำ แค่นี่อิงพอใจแล้ว เพราะคนในโครงการ 200 กว่าคนรออิงอยู่ เป้าหมายของอิงคืออยากให้เรื่องนี้ ถูกยกไปในระดับโลก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ยอมรับการทำแท้ง แต่ทำไมประเทศที่พัฒนาแล้วเขาถึงยอมรับ”

‘ดร.สุวินัย’ ชี้ ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ อาจไปได้ ‘ไม่ไกล’ อย่างที่หวัง

(17 ก.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์บทความของ นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระเรื่อง ‘เข็มมุ่ง’ พรรคก้าวไกล...กับมาตรา 112 ‘ตัวตน’ ของมาตรา 112 มีเนื้อหาในรูปแบบถามและตอบ ดังนี้...

ถาม : ผู้คนเป็นอันมากไม่เข้าใจว่า เพื่อแลกกับการได้เป็นรัฐบาล ทำไมพรรคก้าวไกล ไม่ยอมสละวาระแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งถ้ายอมเอ่ยปากยืนยันในสภา ก็น่าเชื่อว่าคุณพิธาจะได้เสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้แน่นอน
ตอบ : คุณต้องเข้าใจตัวตนของ มาตรา 112 ก่อนว่า อยู่ตรงที่คุ้มครองบุคลิกภาพของคนในสถาบันกษัตริย์ด้วยกรอบความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ 

ดังนั้นเมื่อคุณปฏิเสธสถาบันนี้ คุณก็ต้องเห็นในหลวงเป็นคนธรรมดา ใครไปด่าว่าก็ไม่ถือเป็นเรื่องความมั่นคง รัฐก็ไม่เกี่ยว ถ้าในหลวงติดใจก็ต้องไปแจ้ง ความเอาผิดเอาเองเช่นคนธรรมดาทั่วไป 

การที่ ก้าวไกล เสนอให้เลิก 112 แล้วเอาความผิดนี้ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคง ไปมีฐานะเป็นความผิดเช่นดูหมิ่นคนธรรมดา จึงเป็นการเลิกไม่นับในหลวงเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไป

ถาม : ที่ก้าวไกลเขาบอกว่าไม่ได้ยกเลิก เขาเพียงแก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่เป็นความจริง
ตอบ : ไม่เป็นความจริงครับ...แม้ร่างกฎหมายของก้าวไกล จะยังมีบทบัญญัติว่าด้วยการใส่ความหรือดูหมิ่นในหลวงไว้ โดยเฉพาะก็ตาม แต่เมื่อเลิกไม่คุ้มครองด้วยหมวดความผิดต่อความมั่นคงอีกต่อไปแล้ว นั่นก็คือการเลิกไม่นับถือในหลวงในฐานะเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไปนั่นเอง ตัวตนของ 112 อยู่ที่ตรงนี้ เมื่อเลิกตรงนี้แล้ว แม้คุณจะสร้างกฎหมายเฉพาะอะไรขึ้นมาใหม่ เช่นให้โทษหมิ่นกษัตริย์หนักกว่าหมิ่นคนธรรมดาบ้าง หรือให้สำนักพระราชวังแจ้งความแทนในหลวงก็ตาม นั่นก็ไม่มีความหมายอะไร 

‘ตัวตน’พรรคก้าวไกล
ถาม : ก้าวไกลได้คะแนนเสียงเลือกตั้งถึง 14 ล้านเสียง จนเป็นที่ 1 แล้ว น่าจะเห็นแก่การใหญ่ ยอมแขวนวาระแก้ 112 ไว้เสียก่อนครับ มีเรื่องเร่งด่วนในบ้านเมือง ที่ผู้ลงคะแนนเขาเห็นว่าสำคัญ ต้องการให้พรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นรัฐบาลทุ่มเทแก้ไขมากมายนักโดยเฉพาะเรื่องปากท้อง และปราบคอร์รัปชั่น

ตอบ : เพื่อนผม ลูกหลานผม ที่เลือกก้าวไกล ก็บ่นอย่างนี้เหมือนกัน ผมก็ตอบเขาไปให้ดูให้ดี ๆ ว่า ‘ตัวตน’ แท้จริงของก้าวไกลนั้น คืออะไร คิดอย่างไรกับสังคมไทยทุกวันนี้ จริงหรือที่ว่าพวกเขาคือ ‘พรรคปฏิรูป’

ถาม : มันไม่จริงหรือครับ?
ตอบ : ไม่จริง แกนกลางของพวกเขา เห็นสังคมไทยทุกวันนี้เป็นขยะ ซึ่งขยะต้องถูกทำลายไม่ใช่ปฏิรูป และต้องทำให้โครงสร้างส่วนบนฉิบหายสลายตัวไปเสียก่อน จึงจะปูรากฐานสร้างบ้านเมืองใหม่ขึ้นมาได้ อำนาจจากประชาชนที่ก้าวไกลสร้างขึ้น จึงต้องเป็นอำนาจที่มีธรรมชาติของการปฏิวัติ ไม่ใช่การปลุกให้เลือกตั้งหย่อนบัตรแล้ว ปล่อยกลับไปนอนรอดูผลที่บ้านอีก 4 ปี

ถาม : อำนาจลุกฮืออย่างนี้ สร้างอย่างไร?
ตอบ : อธิบายตามทฤษฎีจิตวิทยาการเมือง ก็ต้องสร้างให้คนธรรมดาๆ ถูกสิงสู่ด้วย ‘ชีวิตหมู่ปฏิวัติ’ จนเป็นมวลชนที่ไวต่อโทสะและพร้อมเสียสละ

ปัจจัยจัดตั้งที่สำคัญที่สุดคือ ความจงเกลียดจงชัง เพราะคนเราเกลียดอะไรร่วมกันแล้วจะหลอมรวมเกิดชีวิตหมู่ได้ง่ายมาก 

ทุกขบวนการมวลชนในอดีต จึงต้องมีปีศาจที่เลวร้ายและมีอิทธิฤทธิ์มาก มาให้ผู้คนเคียดแค้น เห็นเป็นต้นตอความสิ้นหวังในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เช่น…

- ถ้าเป็นมวลชนคอมมิวนิสต์ ปีศาจก็เป็นนายทุน 
- ถ้าเป็นมวลชนนาซี ปีศาจก็เป็นยิว 
- ถ้าเป็นมวลชนชาตินิยม ปีศาจก็เป็นจักรวรรดินิยม
- ถ้าเป็นนีโอนาซีของเซเลนสกี้ ปีศาจก็เป็นรัสเซีย

ดังนั้น ถ้าเป็นเมืองไทย คุณคิดว่าใครที่จะโดนวาดภาพให้เป็นปีศาจได้ง่ายและร้ายที่สุด?

ถาม : คำตอบก็คือ สถาบันกษัตริย์ และสมุนขุนศึก อย่างนั้นหรือ?
ตอบ : ถูกต้องครับ และเพื่อให้ดูขลัง ให้เห็นเป็นภาระโค่นล้มอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา ก็เลยโมเมว่า เป็นมรดกที่คณะราษฎร์สืบสานส่งต่อมาให้เขาด้วย นี่ถึงขนาดโทรศัพท์คุยข้ามภพกันได้เลย คุณไม่เห็นหรือ ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ การที่คุณไปหวังให้ก้าวไกลวางมือเรื่องแก้ไข 112 จึงไม่ต่างกับการไปขอให้ขบวนการนาซีของฮิตเลอร์เลิกยุ่งกับยิวเลยทีเดียว

ถาม : เพราะตัวตนของเขาคือการปฏิเสธระบบกษัตริย์ ?
ตอบ : อ่านในทางจิตวิทยาการเมือง ผมตอบได้เช่นนั้น แต่ลำพังแค่นี้คุณอย่าเอาไปอ้างให้ศาลยุบพรรคก้าวไกลนะครับ มันต้องมีหลักฐานการจัดตั้ง และปลุกระดมทางโซเชียลมีเดีย มาประกอบด้วยว่า พวกเขามีเครือข่ายและกิจกรรมการปลุกระดมเช่นนี้อยู่จริงๆ มาให้ศาลเห็นด้วย 

งานนี้ผมเพียงแต่ใช้ความรู้มาอธิบายเป็นคำตอบเท่านั้นว่า ทำไมพรรคก้าวไกล เขาถึงแขวนงานยกเลิก 112 เพื่อจะได้เป็นรัฐบาลไม่ได้เท่านั้น

ถาม : หลายคนชื่นชมว่า เส้นทางของก้าวไกลคือประชาธิปไตยใหม่ ที่ไม่ต้องใช้เงินและหัวคะแนน
ตอบ : จริงครับที่ว่าเป็นเส้นทางใหม่ แต่ไม่ใช่เส้นทางแห่งประชาธิปไตย มันเป็นเส้นทางของโมหะและโทสะ สมัยระบอบทักษิณ เขาจัดตั้ง ‘โลภะ’ ขึ้นมาเป็นสินค้าประชานิยม มายุคก้าวไกล เขาเพิ่ม ‘โมหะ’ ขึ้นมาอีกปัจจัยหนึ่ง

ถาม : ‘โทสะ’ จะมาเมื่อไหร่? 
ตอบ : เมื่อผู้คนลงถนน จนมีเหตุรุนแรงฆ่าฟันประชาชนเกิดขึ้น แล้วแพร่ไปในโซเชียลให้ผู้คนเห็นเป็นศพเด็ก ศพผู้หญิงถูกยิงตาย จนมวลชนฮือออกจากบ้าน เกิดเป็น ‘อาหรับสปริง’ หรือ ‘ฮ่องกงสปริง’ นั่นแหละครับคือจุดระเบิด ที่ลามเป็นสงครามกลางเมืองได้ ฝรั่งเศสวันนี้ก็เกิดแล้ว บ้านเราจะเกิด ‘ไทยสปริง’ หรือไม่ นี่คือเรื่องที่ต้องวิตก

ถาม : ผมเลือกก้าวไกลเหมือนกัน ผมเป็นมวลชนส้มหรือไม่?
ตอบ : ถ้าคุณไม่ถูกหลอมให้จงเกลียดจงชังสถาบัน คุณก็เป็นเพียงคนปกติ ที่ดันไปเชื่อว่าเขาจะสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ได้จริง ๆ เท่านั้นเอง 

ก็ไม่เป็นไรครับ...ระบบประชาธิปไตยบ้านเรา ประชาชนมีไว้หลอกอยู่แล้ว ต่างกันตรงที่ จะหลอกไปทิศทางไหน ถึงขั้นทำลายชาติเลยหรือไม่เท่านั้นเอง

~ แก้วสรร อติโพธิ

‘ชนนพัฒฐ์’ เร่งแก้น้ำแล้งน้ำเค็ม - สินค้าเกษตรตกต่ำ หวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตชาวสงขลา

นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า  หลังจากที่ได้รับทำหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมบูรณ์แล้ว พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะตั้งใจเป็นปากเป็นเสียง ผลักดันการพัฒนา และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวสงขลา เขต 4 อย่างเต็มที่ และขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  ที่ให้โอกาสและสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งถือเป็นเกียรติครั้งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการใน 3 เรื่องหลัก ในพื้นที่เขต 4  ซึ่งเป็นปัญหาของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง   คือ 1.ปัญหาน้ำแล้งและน้ำเค็มที่รุกล้ำ โดยจะมีการเสนอสร้างแก้มลิงขนาดใหญ่ในทะลสาบในพื้นที่ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำจืด เพื่อการเกษตรในหน้าแล้ง เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปีในการทำการเกษตรแล้ว ยังเป็นการป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน ซึ่งโครงการแก้มลิงอยู่ระหว่างการตั้งงบประมาณเพื่อการศึกษา ซึ่งหากโครงการสำเร็จ เกษตรกรในคาบสมุทรสทิงพระ จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำแล้งและ น้ำท่วมอีกต่อไป 2. ปัญหาประมง ต้องมีการพัฒนารายได้เสริมให้กับชาวประมง ที่ต้องหยุดการทำประมงเวลา 6 เดือน ในช่วงฤดูมรสุม  และ 3. แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรพืชผล โดยการตั้งตลาดกลางรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง โดยตลาดกลางจะคิดราคาที่เป็นธรรม และบริหารจัดการราคาเพื่อไม่แสวงหากำไร เป็นการป้องกันพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบเกษตรกร โดยอาศัยจากประสบการณ์ การทำธุรกิจ รู้เส้นทางการค้าขาย  ซึ่งใน 3 เรื่องนี้ เป็นปัญหาหลัก ที่ต้องผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของชาวสงขลา 

“แม้ผมจะไม่เคยเล่นการเมือง ไม่ว่าจะระดับไหน แต่ผมมีความรู้ มีความเข้าใจ ในปัญหาของประชาชน และที่สำคัญคือ ผมมีความตั้งใจที่จะเป็นนักการเมือง ที่จะเข้ามารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผมยังประสบความสำเร็จในเรื่องกีฬา ในฐานะที่เคยเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครศรี ยูไนเต็ด จ.นครศรีธรรมราช ก็จะใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ผลักดันให้เด็ก ๆ และเยาวชนในพื้นที่ใช้เวลาว่างไปกับการออกกำลังกายกับกีฬา ดีกว่าหันหน้าเข้าสู่ยาเสพติด" นายชนนพัฒฐ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top