Friday, 16 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

‘พี่พร-น้องเวฟ’ ประกาศจบทางรัก ลดสถานะเป็นแค่พี่น้อง พร้อมให้เหตุผล “ไม่ได้ทะเลาะกัน แค่ไปกันต่อไม่ได้”

(17 ก.ค. 66) ทำเอาแฟนคลับคู่รักต่างวัยอย่าง ‘พี่พร-น้องเวฟ’ ต้องตกใจเมื่อทั้งคู่ได้โพสต์คลิปลง TikTok ว่าเลิกกันแล้ว ตอนนี้โสดทั้งคู่ โดยได้เขียนแคปชั่นว่า “ความสัมพันธ์ตอนนี้ ว่าโสดทั้งคู่ เป็นพี่น้องกันค้าบ และระบุด้วยว่าเลิกกันแล้ว”

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ สำหรับคู่รักต่างวัย ‘พี่พร’ สาวใหญ่วัย 58 ปี กับ ‘น้องเวฟ’ หนุ่มน้อยวัย 18 ปี ที่เคยเป็นข่าวโด่งดัง จนมีแฟนคลับติดตามเรื่องราวของคู่รักคู่นี้กันเป็นจำนวนมาก กระทั่งได้เซ็นสัญญากับค่าย ไหทองคำเรคคอร์ด ของ ประจักษ์ชัย ไหทองคำ หรือ ประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ นายห้าง

ล่าสุดเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ น้องเวฟ ได้โพสต์คลิปวิดีโอใน TikTok @wave18_58 ประกาศความสัมพันธ์ตอนนี้ว่าโสดทั้งคู่ "เป็นพี่น้องกันค้าบ" และระบุด้วยว่า “เลิกกันแล้ว” ซึ่งก็มีหลายคนเข้ามาถามไถ่ว่า เรื่องจริงหรือคอนเทนต์? คอนเทนต์หรือเปล่า ซึ่งทางน้องเวฟก็มาตอบว่า "ไม่ค้าบวันนั้นพี่ไลฟ์สดอยู่ ๆ"

ต่อมามีคนเข้ามาคอมเมนต์ว่า “เธอไม่ได้หายไปไหน เธอแค่ย้ายจากใจ ไปอยู่ในความทรงจำ” น้องเวฟก็ตอบกลับว่า “ไม่ได้ก็อย่าฝืน”

นอกจากนั้นยังมีคนเข้ามาถามอีก ซึ่งน้องเวฟก็ตอบกลับว่า “ลดสถานะกันครับ ไม่ได้ทะเลาะกันครับเพียงแต่ไปกันไม่ได้ครับ เลยเป็นเพื่อนกันครับ”

เด็กจีนครองแชมป์ - สหรัฐฯ รองแชมป์ คณิตศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติครั้งที่ 64 

(17 ก.ค.66) เพจ 'ลึกชัดกับผิงผิง' ได้โพสต์ข้อความระบุ ว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติครั้งที่ 64 สิ้นสุดลงที่จังหวัดชิบะของญี่ปุ่น นักเรียนจีน 6 คนที่ร่วมการแข่งขันได้คว้าเหรียญทองทั้งหมด และทำให้ทีมจีนได้คะแนนรวม 240 คะแนน ครองแชมป์ประเภททีมติดต่อกันเป็นปีที่ 5 

หวัง จี้ฉุนจากโรงเรียนมัธยมเซี่ยงไฮ้และสื่อ เฮ่าเจียจากโรงเรียนไห่เลี่ยงเมืองจูจี้มณฑลเจ้อเจียงคว้าเหรียญทองด้วยคะแนนเต็ม ส่วนนักเรียนอีก 4 คนล้วนได้เหรียญทองทั้งนั้น

การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติในปีนี้มีนักเรียนกว่า 600 คนจากกว่า 100 ประเทศเข้าร่วม มีผู้ได้รับเหรียญทอง 54 คน

ทีมสหรัฐฯ เป็นทีมรองแชมป์ แต่หน้าตาของสมาชิก 6 คนในทีม ดูเหมือนเป็นเด็กนักเรียนเชื้อสายเอเชียทั้งหมด

'ส.ว.รณวริทธิ์' เขียนจดหมายถึงลูก เหตุงดออกเสียง ‘พิธา’ ครอบครัวเราเทิดทูนสถาบันฯ เหนือเกล้า ผู้ใดจะแตะต้องมิได้

ส.ว.รณวริทธิ์ แจงเหตุ งดออกเสียง ‘พิธา’ เขียนจดหมายถึงลูก หวั่นถูกเพื่อนเลิกคบ ชี้หากเพื่อนที่มหา’ลัยเป็นนักประชาธิปไตย ต้องยอมรับในความเห็นต่าง

ไม่นานมานี้ นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงเหตุผลที่ ‘งดออกเสียง’ ในการโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตพรรคก้าวไกล โดยมีใจความ 2 ส่วน ถึงลูก และถึงประชาชน ระบุว่า...

>> #จดหมายถึงลูก ถึงลูกรักของพ่อ และเพื่อนเพื่อนทุกคนของลูก 

ตามที่ลูกมีความวิตกกังวลในระดับสูงเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะโหวตกันในวันนี้ เพราะหากพ่อไม่เลือกคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ลูกจะโดนต่อต้าน และเพื่อนเพื่อนจะเลิกคบกับลูก บางครั้งถึงอาจต้องมีเรื่องราวต่างๆ นานาที่ไม่พึงประสงค์กับลูก ข้อนี้พ่อวิตกกังวลยิ่งนัก เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อ 

ลูกครับ บอกเพื่อนเพื่อนของลูก ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ไปเลยว่า พ่อเป็นนักเรียนทุน #ภูมิพล ที่เรียนในระดับปริญญาตรี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เพราะหากไม่มีทุนภูมิพลในวันนั้น ก็จะไม่มีพ่อในวันนี้ และก็จะไม่มีลูกเช่นเดียวกัน และพระมหากรุณาธิคุณอีกมากมายล้นพ้น ที่พระมหากษัตริย์ทรงมีต่อประเทศชาติบ้านเมืองจนสุดที่พ่อจะบรรยายได้ ครอบครัวของพวกเราเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้า ผู้ใดจะแตะต้องมิได้

ดังนั้นหาก คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลมีนโยบายไม่แตะต้องมาตรา 112 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 แล้ว พ่อก็ไม่มีข้อรังเกียจในตัวบุคคลและตัวพรรคที่จะไม่เลือกบุคคลดังกล่าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากตราบใดที่บุคคลดังกล่าวพรรคดังกล่าว ยังมีแนวนโยบายที่จะล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ โดยการยืนยันว่าจะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งก็เท่ากับเป็นการล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ พ่อไม่สามารถที่จะเลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ 

ลูกครับ หากเพื่อนลูกไม่เข้าใจในเหตุผลของครอบครัวเรา ไม่เข้าใจในเหตุผลของความเป็นเรา ความเป็นวุฒิสมาชิกของพ่อ เค้าจะใช้วิธีการบีบบังคับหรือใช้วิธีการรุนแรงใดใดก็แล้วแต่ ก็แสดงว่าเค้าจะบังคับให้เราทำตามที่เขาต้องการ แม้จะต้องล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัวเราแล้ว ก็จงอย่าได้แยแสและแคร์ที่จะรับเค้าเป็นเพื่อน หากเพื่อนๆ เข้าใจในความเป็นเรา และจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์และแผ่นดินเกิดแล้ว จงนับเค้าเป็นกัลยาณมิตรเกื้อกูลไปจนตลอดชีวิตของลูก จะเป็นสิริมงคลต่อชีวิตยิ่ง 

หากเขาเป็นนักประชาธิปไตย เค้าต้องยอมรับในความเห็นต่าง และเคารพในความเป็นเพื่อน ถ้าเค้าทำไม่ได้ก็เท่ากับเค้าเป็นโมฆะมิตร ให้ลูกจงจำไว้ และยึดมั่นในองค์พระมหากษัตริย์ของเรา ลูกจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับไปทั่ว เพราะความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี

พ่อขอให้กำลังใจกับลูกว่า อย่าได้ท้อแท้หรือท้อถอยกับอุปสรรคครั้งนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระสยามเทวาธิราชจงปกป้องคุ้มครองครอบครัวเราให้ร่มเย็นเป็นสุข เราได้ทำดีที่สุดแล้ว พ่อขอยืนยัน”

>> ส่วนข้อความถึงประชาชน ระบุว่า...

“เรียนพี่น้องชาวร้อยเอ็ด และชาวไทยทั่วประเทศ

ผมชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า ผมจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และหยิ่งในศักดิ์ศรีนักเรียน ‘ทุนภูมิพล’ และ ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน

ผมไม่ได้มีปัญหากับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผมชื่นชอบนโยบายหลายข้อของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะด้านยาเสพติด และปราบปรามทุจริต ตลอดจนปลดล็อกสุราชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดและอุดมการณ์ของผม

ผมได้แจ้งเรื่องขอให้ยุติการก้าวล่วงมาตรา112 มาโดยตลอด และได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด

ดังนั้น เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่ง #ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน โดยส่วนรวม กระผมจึงได้ 'งดออกเสียง' ครับ

ไทย ขึ้นแท่นส่งออกปลากระป๋องเบอร์ 2 ของโลก หลัง 5 เดือนแรกปี 66 มูลค่าพุ่ง 1,145 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยส่งออกสินค้าปลากระป๋องและแปรรูป ไปตลาดคู่เจรจา FTA ช่วง 5 เดือนปี 66 มีมูลค่าสูงถึง 1,145.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 15.7% ขึ้นแท่นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่จีนเท่านั้น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์สินค้าปลากระป๋องและแปรรูป พบว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพของไทย โดยปัจจุบันไทยส่งออกเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน และอันดับ 1 ของอาเซียน และในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ค.) ไทยส่งออกปลากระป๋องและแปรรูปไปตลาดโลกแล้วมูลค่า 1,145.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกไปตลาดคู่ FTA มูลค่า 351.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.7% ตลาดคู่ FTA ที่ขยายตัวต่อเนื่อง เช่น ญี่ปุ่น เพิ่ม 22.7% ชิลี เพิ่ม 96.7% เปรู เพิ่ม 183.1% จีน เพิ่ม 25.7% กัมพูชา เพิ่ม 11.9% และฟิลิปปินส์ เพิ่ม 138.1%

ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกการส่งออกสินค้าปลากระป๋องและแปรรูปไปตลาดคู่ FTA พบว่า ปลาทูน่ากระป๋อง เพิ่ม 17.2% คิดเป็นสัดส่วน 51.6% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปตลาดคู่ FTA ปลาแปรรูป เช่น ปลาทูน่าที่ทำให้สุกแล้ว คาร์เวียร์ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล เพิ่ม 18.2% สัดส่วน 32.6% ปลาซาร์ดีนกระป๋อง เพิ่ม 8.4% สัดส่วน 4.6% และปลากระป๋องอื่นๆ เพิ่ม 6.2% สัดส่วน 11.1%

ส่วนในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกปลากระป๋องและแปรรูปไปตลาดคู่ FTA มูลค่า 931.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 4.6% ตลาดส่งออกสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ชิลี และเกาหลีใต้ เป็นต้น

ปัจจุบันไทยมี FTA กับคู่ค้า 18 ประเทศ โดยคู่ค้า 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าปลากระป๋องและแปรรูปจากไทยทุกรายการแล้ว เหลือเพียง 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ลดภาษีนำเข้าสินค้าปลากระป๋องและแปรรูปบางส่วนให้ไทย เช่น ญี่ปุ่น เก็บภาษีนำเข้าปลาซาร์ดีน แมคเคอเรลกระป๋อง และไข่ของปลาค็อด อัตรา 5% เกาหลีใต้ เก็บภาษีนำเข้าปลาซาร์ดีนกระป๋อง อัตรา 16% ทูน่ากระป๋อง ทั้งแบบในน้ำมันและต้มสุกแล้ว อัตรา 20% ปลาไหลแปรรูป และฟิชเพสต์ อัตรา 5% และอินเดีย เก็บภาษีนำเข้าทูน่าทุกประเภท และคาร์เวียร์ อัตรา 30% และภายใต้ความตกลง RCEP เกาหลีใต้ จะทยอยลดภาษีนำเข้าทูน่าต้มสุกในกระป๋องให้ไทยจนเหลือศูนย์ในปี 2579

“ไทยมีศักยภาพการผลิตปลากระป๋องและแปรรูปเป็นยอมรับจากทั่วโลก จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่มีความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น และไทยมี FTA จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การส่งออกสินค้าปลากระป๋องและแปรรูปของไทยขยายตัวต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือสร้างแต้มต่อขยายส่งออกสินค้าไปตลาดต่างประเทศ” นางอรมนกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top