Friday, 16 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

‘อัษฎางค์’ ชี้!! ‘บิ๊กตู่’ ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช มาตลอด แต่ถูก ‘สื่อ-นักการเมือง’ เอาไปพูดบิดเบือนจน ปชช.เข้าใจผิด

(16 ก.ค. 66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุว่า…

สำนักข่าวอิศรา ที่เคยรายงานทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 พบรายละเอียด ดังนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีทรัพย์สิน 102,317,152.64 บาท ได้แก่

- เงินฝาก 6 บัญชี มูลค่า 58,967,022 บาท
- เงินลงทุน 9 แห่ง 23,072,380 บาท
- ที่ดิน 2 แปลง 2,284,750 บาท
- โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 ล้านบาท
- ยานพาหนะ 4 คัน มูลค่า 8 ล้านบาท
ทรัพย์สินอื่นฯ 4 รายการ มูลค่า 4,193,000 บาท

นอกจากนี้ แจ้งว่ามีคู่สมรส คือ นางนราพร จันทร์โอชา มีทรัพย์สิน 26,347,382.76 บาท ได้แก่

- เงินฝาก 6 บัญชี 7,977,382 บาท
- ที่ดิน 3 แปลง (1 แปลงร่วมกรรมสิทธิ์กับผู้อื่น) 5,350,000 บาท
- โรงเรือนฯ 2 ล้านบาท
- ยานพาหนะ 1 คัน 5 ล้านบาท
- ทรัพย์สินอื่นฯ 1 รายการ 7,520,000 บาท
หนี้สินรวมทั้งสิ้น 654,745.06 บาท

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งด้วยว่า ได้รับเงินจากการขายที่ดิน 9 โฉนดแก่บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (บริษัทเครือข่ายของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง) จากบิดา (พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา) รวมมูลค่า 540 ล้านบาท และได้แบ่งให้บิดากับน้องรวม 267 ล้านบาท มอบให้ลูก 2 คน 198 ล้านบาท และได้รับเงินจากน้องที่สร้างบ้านให้พ่ออีก 6 ล้านบาท

สรุปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 128,664,535.40 บาท

ส่วนการเข้ารับตำแหน่งในครั้งที่ 2 พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แล้วเช่นกัน ทั้งที่กฎหมายไม่ได้บังคับ กฏหมายบัญญัติให้แสดงทรัพย์สินเพียง 2 ครั้ง คือ เมื่อเข้ารับตำแหน่งและหมดวาระ ดังนั้น เมื่อเข้ารับตำแหน่งในครั้งที่ 2 ซึ่งถือว่าดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง ป.ป.ช. จึงไม่ต้องนำมาเปิดเผย

แต่สื่อ นักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และอาจารย์นักวิชาการ เอาไปพูดบิดเบือนจนประชาชนเข้าใจผิด และออกมาโจมตีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมแสดงบัญชีทรัพย์สินหรือ ปปช.ไม่ยอมเปิดเผย ซึ่งส่อแววทุจริต

อัษฎางค์ ยมนาค

‘ช่อ พรรณิการ์’ โต้กลับเสียงคัดค้าน ปม ‘ก้าวไกล’ แตะ ม.112 ชี้!! แค่ข้ออ้างในการไม่หนุนพรรคอันดับ 1 เพราะถูกตัดวงจรคอร์รัปชัน

(16 ก.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี ‘@canac_nat’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอของ ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ ผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ออกมาพูดถึงประเด็นการแก้ไข ม.112 และความจงรักภักดี ในหัวข้อ ‘ต่อให้คุณได้เสียงเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่จงรักภักดี เท่ากับ ไม่มีสิทธิ์’  โดยในคลิปได้ระบุว่า…

“คุณกำลังสร้างตรรกะนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือคะ? คุณกำลังจะบอกว่า ต่อให้เป็นพรรคที่มีความชอบธรรมจากประชาชน มีนโยบายมากมายกว่า 300 นโยบาย ที่แม้แต่พวกคุณเองก็ยอมรับว่าเห็นด้วยในหลาย ๆ นโยบาย แต่เมื่อถูกตราหน้าว่า ‘ไม่จงรักภักดี’ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นรัฐบาล ในขณะที่คนที่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นโจร หรือกล้าที่จะบอกว่าสามารถยิงคนที่ไม่จงรักภักดีได้โดยไม่ผิดกฎหมาย… ‘เป็นโจร แต่จงรักภักดี’ กลับมีที่อยู่ที่ยืนในประเทศนี้ ในขณะที่คนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำครบทุกอย่างกลับโดนตราหน้าว่า หากคุณไม่จงรักภักดี คุณจะไม่มีที่ยืน คุณกำลังเอาพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนความนิยมเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มาชนกับสถาบันฯ หรือคะ คุณทำไปเพื่ออะไร?”

“ข้ออ้างมีหลากหลาย คุณกลัวว่าจะทุจริตคอร์รัปชันไม่ได้ บ้านใหญ่ของคุณอาจถูกทำลาย หรือคุณไม่พอใจในเรื่องของสัมปทานที่อาจจะถูกยกเลิกภายใต้ ‘รัฐบาลก้าวไกล’ ที่ทำงานอย่างโปร่งใส คุณมีหลากหลายเหตุผลที่ไม่อยากจะเลือก ‘คุณพิธา’ และพรรคก้าวไกล แต่คุณไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ เพราะคุณรู้ว่ามันเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เมื่อถึงเวลาคุณจึงมาอ้างเหตุผลว่า เพราะพรรคก้าวไกลไม่มีความจงรักภักดี หากคุณทำแบบนี้ ขอถามว่า แล้วใครได้ประโยชน์ ใครกันที่เสียประโยชน์? ใครกันแน่ที่กำลังทำลายสถาบันฯ อยู่” 

ช่อ พรรณิการ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “เรื่องนี้น่ากลัวและน่าตกใจมาก และยังเป็นเกมที่เสี่ยงมาก ที่พวกคุณเอามาเล่นกันเอง ไม่ใช่พรรคก้าวไกลนะคะ”

‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ เตรียมเปิดให้บริการ 32 สถานี ปลายปีนี้ ขึ้นแท่นโมโนเรลที่มีระยะทางยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก!!

(16 ก.ค. 66) รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู เป็นรถไฟ Monorail อีกสายหนึ่งที่กำลังจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งความรู้สึกในการโดยสารก็คงไม่ต่างจาก รถไฟเหาะสายสีเหลืองมากนัก แต่ด้วยความที่สายสีชมพูมีเส้นทางที่ยาวมาก ตลอดสายมีสถานีทั้งหมด 30 สถานี มีเส้นทางแยกเข้าเมืองทองธานีอีก 2 สถานี รวมเป็น 32 สถานี ระยะทางรวมทั้งสายประมาณ 34.5 กิโลเมตร ซึ่งหากเปิดให้บริการเมื่อไหร่ สายสีชมพูจะครองตำแหน่ง ‘รถไฟรางเดี่ยว (Monorail) ที่มีระยะทางยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก’ ทันที เป็นรองแค่ Chongqing Monorail Line 3 ที่มีระยะทาง 66 กิโลเมตรเท่านั้น พี่จะเป็นโมโนเรลที่ ‘ยาว ไป ไหน’

‘สมโภช’ ศิษย์เก่า มธ. ขอประณาม!! สภานักศึกษาศูนย์รังสิต ปมใช้ตราธรรมจักรออกแถลงหยาบคาย หลัง ส.ว.ไม่โหวต ‘พิธา’

(16 ก.ค. 66) จากกรณีที่คณะกรรมาธิการส่งเสริมประชาธิปไตยและความเท่าเทียม สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ออกแถลงการณ์ประณามการกระทําของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ไม่ลงมติเห็นชอบให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสมโภช โชติชูช่วง อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สิงห์แดง รุ่นที่ 30) ได้แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ว่า ธรรมจักร เป็นสัญลักษณ์แห่ง ‘ธรรม’ ที่ชาวธรรมศาสตร์ที่มี ‘จิตวิญญาณธรรมศาสตร์’ จิตวิญญาณที่รักความเป็นธรรม จิตวิญญาณแห่งการรัก เคารพ เทิดทูน และรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ (ซึ่งก็คือพลเมืองไทยในชาติ) ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จิตวิญญาณแห่งการรับใช้ประชาชน ‘ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน’
.
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ คือ จิตวิญญาณแห่งการรับใช้ชาวบ้าน คนธรรมศาสตร์ทุกคนเชื่อมั่นและยึดมั่นว่า ‘หากขาดโดม เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์ เสมือนขาดสัญลักษณ์พิทักษ์ธรรม’

ผมเดินเข้ารั้วธรรมศาสตร์วันแรก ก็ได้อ่าน จำ และถือปฏิบัติตามบทกลอนนี้มาตลอด “ณ แคว้นธรรมค้ำไทยในถิ่นนี้ ชนเสรีรุ่นใหม่ได้มาถึง เขาแกร่งกร้าวมั่นใจไม่พรั่นพรึง แม่โดมซึ้งลูกใหม่ในอุรา ขอต้อนรับเพื่อนเยาว์ก้าวมาเถิด ช่วยกันเทิดผองไทยให้แกร่งกล้า มวลชนกับธรรมศาสตร์จะยาตรา เพื่อกู้หน้ากู้ไทยด้วยใจทะนง”

เพลงพระราชนิพนธิ์ ‘ยูงทอง’ ซึ่งเป็นเพลงประจำสถาบัน ก็ยังฝังจำเตือนใจอยู่ ‘ธรรมจักรนบบูชาเทิดไว้’

วันนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่บังเอิญสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ แต่คงไม่ได้รับการถ่ายทอดจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ไว้ในสายเลือด แล้วบังอาจเอาธรรมจักรอันสูงส่งด้วยคุณธรรม มาเป็นสัญลักษณ์สภานักศึกษา เป็นเครื่องหมายที่หัวกระดาษ แล้วส่งแถลงการณ์ที่ถ่อยเถื่อน หยาบคาย ต่ำทราม ในท้ายแถลงการณ์ ที่ ‘บัณฑิต’ เขาไม่ทำกัน เว้นแต่ไพร่สถุลในคราบนักศึกษา

อาจารย์ป๋วย เคยเขียนกลอนเตือนใจชาวธรรมศาสตร์ไว้ “วิสัยบัณฑิตผู้ทรงธรรม์ ไป่เปลี่ยนไป่แปรผัน ไป่ค้อม ไป่ขึ้น ไป่ลงหัน กลับกลอก กายจิตวาทะพร้อมเพรียบด้วย สัจจธรรม”

แต่สิ่งที่มันเหล่านี้ทำกัน มันตรงกันข้ามกับคำสอนและจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ เหมือนฟ้ากับเหว มันอาจจะบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ฉลาด และเก่งกว่าคนแก่ คนรุ่นเก่า แต่ผมจำได้ อาจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร เคยสอนพวกผมว่า ”นอกจากจะมีความรู้เชี่ยวชาญทางวิชาการในสาขาวิชาชีพแล้ว ลูกศิษย์ของผมทุกคนต้องรู้อยู่อีก 2 เรื่อง คือ รู้ดีรู้ชั่ว คนไหนไม่รู้ดีรู้ชั่ว ไม่มีความกตัญญูกตเวที คนนั่นไม่เจริญ อยู่ที่ไหนสังคมก็ตั้งข้อรังเกียจ”

ผมขอประณามและคัดค้านการกระทำเยี่ยงไพร่สถุลต่ำทรามของมันเหล่านี้ และมันต้องเลิกนำธรรมจักรและสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ไปแอบอ้างในการกระทำที่ต่ำทรามไพร่สถุลของมันในทุกๆ เรื่อง

‘Bitkub’ ร่วมประชุม ‘World Economic Forum 2023 ครั้งที่ 14’ แลกเปลี่ยนแนวคิดธุรกิจ พา ‘สตาร์ตอัปไทย’ ก้าวไกลสู่เวทีโลก

(16 ก.ค. 66) เป็นความภาคภูมิใจของวงการสตาร์ตอัปไทยอีกครั้ง เมื่อ Bitkub, Wisesight และ a-commerce ได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก ‘World Economic Forum 2023’ หรือ Summer Davos Forum ครั้งที่ 14 ณ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 27-29 มิถุนายน 2566 อย่างเป็นทางการ โดยคุณท๊อป จิรายุส ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับผู้นำระดับโลกด้วย

การประชุม ‘World Economic Forum 2023’ หรือ Summer Davos Forum ครั้งที่ 14 ณ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้ธีม “ผู้ประกอบการยุคใหม่กับพลวัตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งระดับผู้นำภาคการเมืองของแต่ละประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ องค์การระหว่างประเทศ นักวิชาการจากทั่วโลก และภาคประชาสังคม จำนวนกว่า 1,500 คนทั่วโลก เพื่อหารือแนวทางหรือจุดยืนในการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาในระดับระหว่างประเทศ ตลอดจนเสนอแนะแนวทางให้กับผู้ประกอบการในสายงานต่าง ๆ รวมไปถึงการสำรวจแนวทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนและเอเชียอย่างยั่งยืน

Bitkub ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคม Thai Startup ในฐานะหนึ่งในสมาชิก World Economic Forum ด้วยจึงได้รับสิทธิ์ในการเชิญบริษัทสตาร์ตอัปไทยชั้นนำ เข้าร่วมการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก ‘World Economic Forum 2023’ หรือ Summer Davos Forum ครั้งที่ 14 ที่ผ่านมา จึงได้ประสานกับสมาคม Thai Startup เพื่อร่วมกันสนับสนุนสตาร์ตอัปไทยสู่เวทีโลก โดยรอบนี้ได้เชิญคุณกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) (Wisesight) และคุณวีระพงษ์ ศรีวรกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด (มหาชน) (ACOM) เพื่อพบปะพูดคุยกับ ผู้นำภาคการเมืองของแต่ละประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ องค์การระหว่างประเทศ นักวิชาการจากทั่วโลก และภาคประชาสังคม  เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือร่วมกันถึงมุมมองของอนาคตทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ภายในงาน ‘ท๊อป จิรายุส’ ในฐานะนักธุรกิจจากประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล และหนึ่งในสมาชิกสมาคม Thai Startup ยังได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ ‘Education Disrupt-Ed’ และ ‘Beyond the Hype: Non-Fungible Tokens for Business’ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติ ซึ่งการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่สตาร์ตอัปจากประเทศไทยได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีระดับโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top