Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48160 ที่เกี่ยวข้อง

ยลความงาม 'โลหะปราสาท' วัดราชนัดดารามวรวิหาร หลังปรากฏในฉากของซีรีส์ดัง King The Land

(17 ก.ค. 66) เพจ 'โบราณนานมา' ได้โพสต์เนื้อหาตามรอยซีรีส์เกาหลี เรื่องดังอย่าง King The Land ที่นำแสดงโดย อี จุนโฮ และอิม ยุนอา ซึ่งตอนที่ 10 ของเรื่อง เป็นการมาเที่ยวประเทศไทย และสถานที่ที่จะนำเสนอวันนี้ คือ 'โลหะปราสาท' วัดราชนัดดารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร มีรายละเอียดดังนี้...

'โลหะปราสาท' เป็นโลหะปราสาทองค์แรกและองค์เดียวของไทย และถือเป็นองค์ที่ 3 ของโลก สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร และอยู่ในบริเวณลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร ยอดปราสาทประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 'โลหะปราสาท' องค์นี้คือ การก่อสร้างและการบูรณะ

นับตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา ยังไม่เคยก่อสร้างให้แล้วเสร็จบริบูรณ์เลย ได้ก่อสร้างไว้แต่เพียงโครงก่ออิฐสลับศิลาแลง และยังปล่อยทิ้งให้ปรักหักพังตลอดมา จนถึงการบูรณะครั้งเมื่อปี 2506

ก่อนหน้าบูรณะครั้งใหญ่นี้ก็มีการบูรณะ 'โลหะปราสาท' มาเนือง ๆ แต่การบูรณะครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2506 สภาพโลหะปราสาท ณ เวลานั้น ชำรุดทรุดโทรมมาก ถูกทิ้งให้ปรักหักพังเรื่อยมาเป็นเวลานาน โดยการบูรณะได้รื้อตัวปราสาทเดิมออกทั้งหมด ทำตัวปราสาทเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยพยายามรักษาแบบแผนดั้งเดิมของโลหะปราสาทในสมัยรัชกาลที่ 3 ไว้ให้มากที่สุด บูรณะโดยกรมโยธาเทศบาล การบูรณะครั้งนี้ใช้งบประมาณ 6 ล้านบาท บูรณะแล้วเสร็จในปี 2515 ใช้เวลาบูรณะทั้งสิ้น 9 ปี

เราเรียกว่า 'โลหะปราสาท' ก็จริง แต่ตอนนั้นทั้งปราสาทมีแต่ปูนไม่มีโลหะเลย จึงเกิดการบูรณะครั้งต่อมาในปี 2537 โดยจะบูรณะยอดมณฑปทั้ง 37 ยอด ให้เป็นโลหะและทองแดงรมดำ โดยรมดำเพื่อป้องกันการเกิดสนิม การบูรณะครั้งนี้ใช้งบประมาณ 155 ล้านบาท บูรณะแล้วเสร็จในปี 2550 ใช้เวลาบูรณะทั้งสิ้น 11 ปี ครั้งนี้ที่บูรณะนานกว่าครั้งไหน สาเหตุมาจากช่วงที่บูรณะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการบูรณะ

ต่อมาเกิดการบูรณะครั้งล่าสุดในปี 2555 กรมศิลปากร ต้องการปิดทองยอดมณฑปทั้ง 37 ยอด เพราะเดิมรัชกาลที่ 3 มีพระราชดำริให้สร้างโลหะปราสาทหลังนี้ให้มียอดสีทอง ดูได้จากจิตรกรรมโลหะปราสาท ที่ฝาผนังวิหารพระพุทธไสยาส วัดโพธิ์ จิตรกรรมโลหะปราสาทนี้ เป็นประจักษ์พยานสำคัญอันหนึ่ง ที่สะท้อนถึงพระราชดำริที่จะปิด หรือหุ้มยอดโลหะปราสาทด้วยทอง อันเป็นโลหะที่มีค่าสูงที่สุดในหมู่โลหะทั้งปวง แต่เมื่อสิ้นรัชกาลจึงไม่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยการปิดทองยอดมณฑปทั้ง 37 ยอดที่โลหะปราสาท บูรณะแล้วเสร็จในปี 2561 ใช้เวลาบูรณะทั้งสิ้น 6 ปี

‘ก้าวไกล’ ยืนยัน!! ส.ส.อยู่ครบ ไม่มีใครถูกซื้อเสียงโหวต ‘บิ๊กป้อม’ ชี้!! ได้บทเรียนแล้ว หากเป็นงูเห่าสอบตกยกแผง

(17 ก.ค. 66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวการซื้อ ส.ส. พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยรวม 50 คน เพื่อเตรียมโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยที่เสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ขอยืนยันว่า ส.ส. ก้าวไกลอยู่ครบ ไม่มีใครถูกซื้อแน่นอน ครั้งที่แล้วประชาชนลงโทษ ส.ส. งูเห่าทุกคนสอบตกหมด คะแนนต่ำพันก็มี ทุกพรรคเห็นตัวอย่างกันดีอยู่แล้วว่าการทรยศต่อประชาชน ผลออกมาเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรแข่งนั้น ขอพรรคเพื่อไทยอย่ากังวล ประชาชนจะกังวลไปด้วย เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ

ข้อแรก ภายใน ส.ว. เองก็ไม่ได้มีเอกภาพ แม้ส่วนใหญ่จะไม่โหวตให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่ก็ไม่ได้หมายความทุกคนจะโหวตให้ พล.อ.ประวิตร ข้อสอง พรรคฝั่งรัฐบาลเดิมก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ ว่าใครจะเป็นนายกฯ ถ้ามีการเสนอแข่ง ยังแย่งชิงกันอยู่ และข้อสาม สำคัญที่สุด แม้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ แต่ก็บริหารไม่ได้ ดังนั้น ถ้า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบันยังจับมือกันเหนียวแน่น แผนนี้ก็ไม่มีวันสำเร็จ

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าพรรคก้าวไกลสนใจแต่วาระทางการเมือง ไม่สนใจวาระประชาชน ความเดือดร้อนประชาชนต้องมาก่อนวาระการเมือง มัวลากยาวสู้ใน 2 สมรภูมิตามที่ประกาศเพียงจะทำเรื่องเชิงสัญลักษณ์นั้น ณัฐชากล่าวว่า พรรคก้าวไกลออกโรดแมปมาให้ประชาชนเห็นชัดๆ แล้วว่าเรามีแผนการอย่างไร จะสู้ในสองสมรภูมิ ซึ่งมีกรอบเวลาชัดเจนทั้งสองสมรภูมิ สมรภูมิโหวตนายกฯ ถ้าวันที่ 19 กรกฎาคม คะแนนโหวตนายกฯ รอบ 2 ยังห่างจาก 376 ก็เป็นอันจบ รอสมรภูมิต่อไปคือการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งต้องเข้าสภาฯ ภายใน 15 วันหลังยื่นร่าง คือภายในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ และถ้าผลออกมาคือร่างตก ก็จบเช่นกัน เรายอมถอยให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล พิธาเองก็ประกาศไปแล้วว่าถ้าไปต่อไม่ได้จริง ๆ ก็จะถอย เปิดโอกาสให้ประเทศ เพราะเวลาเรามีจำกัด จะลากไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เราคงไม่สามารถพูดชัดได้กว่านี้อีกแล้ว

ส่วนการที่บอกว่า มัวแต่สู้เชิงสัญลักษณ์ ทั้งที่รู้ว่าแพ้ เรื่องนี้พรรคก้าวไกลยืนยันว่าเรามีภารกิจต้องรับผิดชอบต่อประชาชนในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง ถ้าสู้เหยาะ ๆ แหยะ ๆ ก็เท่ากับบอกประชาชนว่าเรายอมรับกฎที่อยุติธรรมและความผิดปกติในประเทศนี้ เราเป็นพรรคการเมือง เป็นผู้แทนราษฎร ต้องพิทักษ์เสียงของประชาชนอย่างดีที่สุด ไม่ใช่ปล่อยให้เขาเอาไปทิ้งน้ำ ต้องสู้ถึงที่สุดก่อน เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้

‘ยิปซี’ เตรียมเป็นเจ้าสาว หลังถูกแฟนหนุ่มขอแต่งงาน ล่าสุดเพื่อนๆ รวมตัวเซอร์ไพรส์!! จัดปาร์ตี้สละโสดให้

(17 ก.ค. 66) ใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้วสำหรับ ‘ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์’ ที่เตรียมสละโสดกับ ‘นิโคลัส ฮอว์’ แฟนหนุ่มชาวต่างชาติ ล่าสุดก็ได้ยิ้มหน้าบานเมื่อเพื่อน ๆ พากันรวมตัวเพื่อจัดงานปาร์ตี้สละโสดให้ นำทัพโดย 2 เพื่อนสุดซี้ ‘ปาย สิตางศุ์ ปุณภพ’ และ ‘เนะ อโณทัย นิรุตติเมธี’ ที่สละโสดล่วงหน้าไปก่อนแล้ว งานนี้ทำเอาว่าที่เจ้าสาวทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะและเสียน้ำตา ให้กับมิตรภาพที่เพื่อน ๆ มอบให้ไม่น้อยทีเดียว

‘ภูมิธรรม’ ซัด ‘พิธา’ มัดมือชก ‘เพื่อไทย’ แก้ 272  เหน็บ!! นี่คือ ‘วาระประเทศ’ ไม่ใช่วาระ ‘ก้าวไกล’ 

(17 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ระบุว่า จะต่อสู้ใน 2 สมรภูมิ คือ การโหวตนายกฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ว่า ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการเปิดสมรภูมิใหม่ของพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอประเด็นที่อยู่นอกเหนือเอ็มโอยูที่ 8 พรรคเซนต์ร่วมกัน ส่วนที่จะต่อสู้จนประสบความสำเร็จและไม่สามารถไปได้แล้ว และจะมอบอำนาจให้กับพรรคอันดับ 2 นั้น เป็นการพูดเช่นนี้ฟังดูดี แต่ทั้ง 2 ประเด็น มียากลำบากและไม่มีกรอบเวลาชัดเจน 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ไข ม.272 เป็นได้เพียงสัญลักษณ์ ไม่ได้รับชัยชนะ แต่การเร่งตั้งรัฐบาลจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พรรค พท. ได้เสนอเป็นนโยบายไว้ว่าจะแก้ทั้งระบบ นี่ถือเป็นวาระสำคัญแต่การเปิดวาระใหม่ ของพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอนอกเหนือเอ็มโอยู ตนเห็นว่าการที่นายพิธา และพรรคก้าวไกลนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อสาธารณชน จึงคิดว่ามันไม่ใช่วาระของทั้ง 2 พรรค เราตกลงกันว่าจะกลับไปคุยในพรรคตัวเอง แต่ที่นายพิธาออกมาพูดเช่นนี้เหมือนมัดมือชก เราจึงจำเป็นต้องออกมาพูดความจำเป็น และความเป็นจริงให้ทราบ

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งหรือโกรธกัน แต่เราจะเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า วาระประเทศและวาระประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วาระของพรรคก้าวไกล หรือวาระของนายพิธา วันนี้อยากให้เปิดใจให้กว้างแล้วเอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง วาระประเทศเป็นที่ตั้งถูกต้องหรือไม่ การที่นายพิธา พูดว่าเวลานี้ อนาคตของพรรคก้าวไกล และอนาคตของประชาชนอยู่ในมือของประชาชนแล้ว ตนคิดว่าอย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน วันนี้ประเทศชาติและปัญหาประชาชนอยู่ในมือพรรคก้าวไกล และนายพิธา จึงต้องหยิบเอาปัญหาและวาระของประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วตัดสินใจ ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ปัญหาประชาชนจะลำบาก ต้องอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไปอีกนาน และจะรักษาการไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตัดสินใจถูกต้องปัญหาจะคลี่คลาย อยากให้นายพิธา และพรรคก้าวไกลนำไปคิด

“พรรค พท. ขอให้เอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง แล้วหาทางออกร่วมกันอย่างรวดเร็ว เพราะเราห่วงโรคแทรกซ้อน หากรัฐบาลเดิมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เราจะสู้เขาไม่ได้เพราะเขามี 188 เสียง และส.ว.อีก 250 เสียงสามารถตั้งรัฐบาลได้เลย เราต้องอยู่กับลุงไปอีก 4 ปี ประชาชนยินดีเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ยินดีก็ต้องหาทางออก” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า ได้คิดเรื่องการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ ไว้บ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรค พท. ไม่มีแผนสำรอง แผนแรกแผนเดียว เราอยากจับมือกับ 8 พรรคร่วมเดินหน้าไปให้ถึงที่สุด แต่ต้องมีคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้มีการเลือกไปเรื่อยๆ โดยที่ประเทศไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร เรารอไปถึงต้นปีหน้าไม่ได้ เพราะปัญหาประเทศตอนนี้รุนแรงมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ซึ่งพรรค พท. มีแคนดิเดตอยู่แล้ว 3 คน หากวันไหนชัดเจนให้พรรค พท. เสนอ เราสามารถเสนอได้ แต่ไม่ใช่วาระสำคัญเราไม่คิดเรื่องนี้ก่อน เราคิดถึงการหาทางออกให้กับประเทศ 8 พรรคการเมืองเสนอนายพิธา ถ้าไม่ได้จะมีวิธีไหนที่ 8 พรรค จะดำเนินการร่วมกันให้ชนะ

เมื่อถามว่า การพูดคุยวันนี้จะต้องเตรียมแคนดิเดตนายกฯ สำรองไว้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ความเป็นจริง เรารู้อยู่แล้วว่าแคนดิเดตของเราเป็นอย่างไร ถ้าบอกว่าพรรค พท. ไม่ได้คิดเลย ก็เท่ากับโกหก เราคิดทางออกแต่ยังพูดไม่ได้ เพราะอยากให้ชัดเจนถึงความมุ่งหน้าสนับสนุนของความร่วมมือของ 8 พรรค จนถึงเวลาจำเป็นแล้วถึงจะเสนอ และชัดเจนจะไม่มีคนนอก ขอให้สบายใจว่าหากถึงเวลาต้องเสนอ พรรค พท. มีคนเข้าไปทำงานแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแคนดิเดตทั้ง 3 คน เพราะเรามุ่งหน้าทำเรื่องการเสนอนายพิธา เป็นเรื่องหลัก

“สิ่งที่ผมพูดอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจของใครก็ตาม อาจมีรถทัวร์ลงก็ได้ แต่ผมคิดว่าเรายืนอยู่บนความเป็นจริง และอยากให้ความเป็นจริงประสบความสำเร็จ เราไม่อยากเห็นความเชื่อทำให้เกิดความจริง เราอยากเห็นความจริง เอามาคลี่คลาย และทำให้ความเชื่อประสบความสำเร็จ” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ไปพูดคุยกับรัฐบาลเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้มีข่าวลือมาก เราได้ยินข่าวดังกล่าว แต่เมื่อเป็นข่าวลือเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ สิ่งที่สำคัญคือกลับไปตรวจสอบคนของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทย เรื่องการแจกกล้วย เรื่องงูเห่าเคยเกิดมาแล้ว เราเสนอให้เกิดการระมัดระวัง เราต้องให้เกียรติ ส.ส.ทั้ง 2 พรรค และในส่วนของพรรค พท. ได้ให้แกนนำแต่ละส่วนไปพูดคุยกับ ส.ส.เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

‘เสรีพิศุทธ์’ ชี้!! ‘พิธา’ ไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง เหมือนมี ‘คณะฯ’ อะไรมาควบคุม แนะ!! ควรถอยห่างบ้าง จะได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

(17 ก.ค. 66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวในรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand’ ระบุว่า…

“ตั้งแต่ได้รู้จักคุณพิธามา เป็นคนดี น่ารัก มีความรู้ แต่พูดตรงๆ ภาพที่ออกมาแบบทุกวันนี้ เพราะไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง มีอะไรมาคุมข้างหลัง มี คณะฯ อะไร มาคุมพรรคก้าวไกล จับซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ คณะฯ พวกนั้นควรถอยไปบ้าง และให้คุณพิธาเป็นตัวของตัวเองจะดีกว่า”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top