Friday, 16 May 2025
ค้นหา พบ 48130 ที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กป้อม’ ฟิตจัด เร่งแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย จ.เพชรบุรี หลังกระทบหอยแครงพื้นบ้าน-ความเป็นอยู่ของชาวบางตะบูน

(31 มี.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า โดยในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยัง เทศบาลตำบลบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เพื่อร่วมหารือกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมของจังหวัดเพชรบุรี จาก ผวจ.และสภาพปัญหาผลกระทบของน้ำเน่าเสีย ในพื้นที่ตำบลบางตะบูน จากนายกเทศมนตรี รวมทั้ง รับทราบรายงานแผนงานและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญ และแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย ใน 3 จังหวัด (ราชบุรี, สมุทรสงคราม และเพชรบุรี) จากเลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

‘บิ๊กตู่’ เตรียมหารือ ‘เลขาธิการอาเซียน’ แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงาน่วา ดร.เกา กิม ฮวน (Dr. Kao Kim Hourn) เลขาธิการอาเซียน เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ไทยพร้อมสนับสนุนและร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อความสำเร็จและความเข้มแข็งร่วมกันของประชาคมอาเซียน พร้อมย้ำว่าไทยยังยึดมั่นในระบบพหุภาคีและภูมิภาคนิยม ซึ่งอาเซียนจะเป็นส่วนสำคัญในนโยบายต่างประเทศของไทยต่อไป

ทางด้านเลขาธิการอาเซียน กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี พร้อมเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือภูมิภาคอาเซียนจะเดินหน้าได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็งในอนาคต ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งได้เห็นความก้าวหน้าของอาเซียนในทุกด้าน ขณะเดียวกันภาคีภายนอกก็ให้ความสนใจและต้องการเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับภูมิภาคอาเซียนเป็นอย่างมาก ขอบคุณไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนที่สำคัญ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในการส่งเสริมความร่วมมือและการบูรณาการในภูมิภาคเสมอมา

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและเลขาธิการอาเซียน ได้หารือในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน ดังนี้

ไทยยินดีที่อาเซียนยังคงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ท่ามกลางความท้าทายมากมาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นควรที่จะเร่งฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ RCEP นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของอาเซียน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานของอาเซียน รวมทั้งยกระดับเศรษฐกิจของภูมิภาคให้ทันสมัย สอดรับกับบริบทใหม่ของการค้าโลก โดย พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยสนับสนุนการดำเนินการภายใต้ข้อริเริ่มด้านดิจิทัลของอาเซียน ส่วนเลขาธิการอาเซียน ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลถือเป็นประเด็นสำคัญที่อาเซียนให้ความสำคัญ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ทางไซเบอร์ เป็นความท้าทายที่อาเซียนควรร่วมกันจัดการ โดยขอให้เลขาธิการอาเซียนหารือเพื่อดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม การดำเนินการในภาพรวม ในฐานะภูมิภาคจะทำให้เกิดผลสำเร็จที่เห็นผลลัพธ์อย่างจริงจังได้ ขณะเดียวกัน ยังได้มีการหารือถึงการเพิ่มขีดความสามารถ และการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โรคระบาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยธรรมชาติ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนอาเซียนในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที โดยเลขาธิการอาเซียนย้ำความพร้อมของสำนักเลขาธิการอาเซียนที่จะสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือนี้อย่างเต็มที่ โดยยังได้ขอบคุณและชื่นชมไทยที่เป็นที่ตั้งของศูนย์ต่างๆ ของอาเซียน

จากนั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวขอบคุณสำนักเลขาธิการอาเซียนที่สนับสนุนการทำหน้าที่ผู้ประสานงานของอาเซียนในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยมาโดยตลอด จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่างๆ ซึ่งทั้งสองยังเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องร่วมกันขับเคลื่อนวาระความยั่งยืนให้เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอาเซียนต่อไป ส่งเสริมความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความยั่งยืนของภูมิภาค ซึ่งไทยยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากสำนักเลขาธิการอาเซียนในการส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนในด้านนี้

พร้อมกันนี้ ไทยยินดีที่การจัดทำวิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. 2025 มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าวิสัยทัศน์ใหม่ของอาเซียนจะมีความครอบคลุม มองไปข้างหน้า และเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อประชาชนในภูมิภาค สร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำถึงสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนที่เป็นความท้าทายที่รุนแรงของภูมิภาค พร้อมขอรับการสนับสนุนจากเลขาธิการอาเซียนในการผลักดันการแก้ไขปัญหา ขอให้ช่วยประสาน หารือ หรือสนับสนุนการจัดการประชุมจัดอย่างเร่งด่วนกับประเทศสมาชิกเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะการลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ให้ได้โดยเร็ว เพราะส่งผลไม่ใช่แค่ไทย แต่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย ทั้งทางสุขภาพและการท่องเที่ยว ซึ่งเลขาธิการอาเซียนเห็นด้วยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งอาเซียนมีกลไก (Mechanism) ที่จะช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือ และพร้อมสนับสนุนให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

‘ทอ.’ ส่ง ‘UAV’ วิเคราะห์แนวโน้มการลุกลามไฟป่า จ.นครนายก เพื่อส่งข้อมูลให้ จนท.วางแผน-เร่งคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว

(31 มี.ค. 66) จากเหตุการณ์ไฟป่าบริเวณเขาแหลม อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยทหารสนับสนุนการคลี่คลายสถานการณ์อย่างเต็มที่นั้น พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้คณะทำงานด้านบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ เสริมกำลังเข้าสนับสนุนการควบคุมไฟป่า เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว

โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 66 คณะทำงานศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก, กอ.รมน.จังหวัดนครนายก และส่วนปฏิบัติการส่วนหน้า เพื่อหารือถึงการนำอากาศยานและขีดความสามารถของกองทัพอากาศ เข้าร่วมปฏิบัติการควบคุมไฟป่า ตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารอากาศ และร่วมดำเนินการ ดังนี้

เวลา 09.30 น.จัดเครื่องบิน DA-42 ฝูงบิน 604 กองบิน 6 ทำการบินลาดตระเวนด้วยสายตา ค้นพบพื้นที่ไฟป่าบริเวณด้านหลังโรงเรียนนายร้อย จปร.

เวลา 11.00 น. จัดอากาศยานไร้คนขับ (UAV) แบบ Aerostar BP ฝูงบิน 302 กองบิน 3 ทำการบินลาดตระเวนค้นหาพื้นที่ไฟป่า ค้นพบพื้นที่ไฟป่า 3 เป้าหมาย โดยอยู่บริเวณด้านหลังโรงเรียนนายร้อย จปร. 2 เป้าหมาย และพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขตจังหวัดสระบุรี 1 เป้าหมาย โดยได้ VDL (Video Down Link) ส่งข้อมูลให้กับส่วนปฏิบัติการส่วนหน้า

‘ชพก.’ เปิดตัวผู้สมัคร กทม. 33 เขต คัดสรรคนรุ่นใหม่-ไฟแรง หนุนรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ช่วยคนไทยหลุดพ้นความยากจน

(31 มี.ค. 66) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นำทีมแถลงข่าวเปิดตัว 33 ผู้สมัคร กทม. ร่วมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และนายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยบรรยากาศเปิดตัวเป็นแบบมวยไทยไฟต์ ผู้สมัครพร้อมชนกับปัญหาเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าพร้อมแล้วที่จะต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งการเงิน สินเชื่อ น้ำมันแพง ไฟฟ้าแพง ปัญหาฝุ่น และปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศและของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร เราจึงส่ง 33 ชีวิต ที่อาสาตัวมารับใช้ชาวกรุงเทพมหานคร ต้องขอบคุณนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ที่ได้เตรียมการคัดสรรตัวผู้สมัครและนโยบายที่จะใช้ต่อสู้กับปัญหาเพื่อคนกรุงเทพมหานคร พรรคชาติพัฒนาเคยปักธงในกทม.มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน และเราจะต้องปักธงได้อีกครั้งในนามพรรคชาติพัฒนากล้าได้อย่างแน่นอน

“ผมมั่นใจว่านโยบายเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนา อยู่บนพื้นฐานของกระแสโลก ถ้าเป็นร้านอาหาร เราคือเมนูเศรษฐกิจที่พร้อมเสิร์ฟที่สุด วันนี้คนตกงานมากมาย มีหนี้สินเยอะ เราต้องเตรียมความพร้อมที่จะแข่งขันกับต่างประเทศ ดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาให้มากที่สุด เกษตรกรไทยจะต้องร่ำรวยขึ้น อะไรที่เป็นจุดแข็งของประเทศเราหยิบมาใช้ทั้งหมดผ่านนโยบายเศรษฐกิจเฉดสีของเรา” นายสุวัจน์ กล่าว

ด้านนายกรณ์ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ทั้ง 33 เขต เป็นคนรุ่นใหม่ที่พรรคได้คัดสรรมาแล้วว่า มีความพร้อมที่จะมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้คนไทยมีโอกาส มีความเสมอภาคทางโอกาสที่จะลืมตาอ้าปาก หลุดพ้นกับดักความยากจน วันนี้ได้เวลาชกจริงกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ช่วงนี้ประเทศมีปัญหามากมาย ทั้งเศรษฐกิจ ของแพง โอกาสการทำมาหากิน ภาระหนี้สิน นี่คือภารกิจสำคัญของพรรคชาติพัฒนากล้า ลำพังแค่ปัญหาเฉพาะหน้ายังไม่พอ เราต้องรื้อโครงสร้าง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีค่าครองชีพที่ถูกลงอย่างยั่งยืน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคฯ ในฐานะหัวหน้าทีมกทม.กล่าวว่า ผู้สมัครทั้ง 33 คนของเราพร้อมที่จะมาทุบ ฟัน ฟาด ต่อย ลุยกับปัญหาปากท้องที่ต้องแก้ไข โดยมีรายชื่อเรียงตามเขตดังต่อไปนี้

วิเคราะห์นโยบายพรรคการเมืองในเวทีเลือกตั้ง 66 เป็นไปได้ไหม? ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันของเพื่อไทย

วิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๖

เชื่อว่า เศรษฐกิจของประเทศน่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เมื่อมีพรรคการเมืองหาเสียงด้วยการกำหนดอัตราค่าจ้างและเงินเดือนโดยไม่ได้คำนวณจาก ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค’ (Consumer Price Index : CPI)

เมื่อพรรคเพื่อไทย ชูนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำสูงกว่าปัจจุบันเกือบสองเท่าภายใน ๔ ปี แต่ตอนที่เรียนปริญญาโทผู้เขียนเคยเรียนวิชาที่มีการสอนเกี่ยวกับการคำนวณอัตราค่าจ้างเงินเดือนมา จึงมีข้อสงสัยสงสัยว่า วิธีคิดค่าจ้างขั้นต่ำของพรรคการเมืองพรรคนั้น ใช้ฐานคิดคำนวณจากอะไร ‘หลักการหรือหลักกู’

ศาสตราจารย์ สมพงษ์ จุ้ยศิริ

ด้วยความที่เป็นลูกศิษย์ของ ศาสตราจารย์ สมพงษ์ จุ้ยศิริ ปรมาจารย์ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ท่านหนึ่งของประเทศ จำได้ว่า ท่านสอนเรื่องการคำนวณอัตราค่าจ้างเงินเดือนว่า ต้องคำนวณจาก ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค’ (Consumer Price Index : CPI)

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) คือ เครื่องมือทางสถิติที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกของสินค้าและบริการโดยเฉลี่ยที่ผู้บริโภคจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการจำนวนหนึ่ง ณ เวลาหนึ่งเทียบกับปีฐาน (Base Year) โดยดัชนีราคาผู้บริโภคกำหนดขึ้นจากความต้องการศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวและการวัดระดับการครองชีพของประชากร เพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชากรให้ดียิ่งขึ้น

แนวคิดพื้นฐานของดัชนีราคาผู้บริโภค พัฒนามาจากแนวคิดของดัชนีค่าครองชีพ (Cost of living index) ซึ่งต้องการวัดค่าใช้จ่ายในการบริโภคของผู้บริโภคในเดือนหนึ่งๆ โดยยังรักษามาตรฐานการครองชีพตามระดับที่กำหนดไว้ได้ ซึ่งเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ เนื่องจากมาตรฐานการครองชีพยังขึ้นกับปัจจัยอื่น ได้แก่ รายได้ จำนวนสมาชิกในครัวเรือน ภาษี คุณภาพสินค้า เทคโนโลยี และราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ดังนั้น จึงได้มีการนำดัชนีราคาผู้บริโภคมาใช้แทนโดยให้มีปริมาณและลักษณะของสินค้าที่คงที่แต่เปลี่ยนแปลงเฉพาะราคาสินค้าเท่านั้น แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะไม่สามารถแทนดัชนีราคาค่าครองชีพได้อย่างสมบูรณ์ แต่อาจกล่าวได้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเป็นตัวประมาณค่าดัชนีค่าครองชีพได้ดีในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการบริโภค 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top