Friday, 16 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

‘ชัยวัฒน์ ก้าวไกล’ ซัดรัฐไร้น้ำยาคุ้มครองข้อมูลคนไทย หลังปล่อยแฮกเกอร์ขโมยข้อมูล ปชช.ซ้ำซาก

‘ชัยวัฒน์’ มือเศรษฐกิจดิจิทัลพรรคก้าวไกล ติงระบบภาครัฐหละหลวม ปล่อยแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวประชาชนซ้ำซาก คาดสาเหตุช่องโหว่ในระบบจากรูรั่วซอฟต์แวร์ที่ไม่อัปเดต - ขาดกระบวนการเข้ารหัสข้อมูล ชูนโยบายก้าวไกล ปกป้องข้อมูลประชาชน ก่อนใช้ข้อมูลต้องขอความยินยอม - ระบบแจ้งเตือนทันทีถ้าข้อมูลรั่ว

(31 มี.ค.66) ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเงินและยุทธศาสตร์ข้อมูล หนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีแฮกเกอร์ใช้ชื่อ ‘9near’ โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ และอ้างว่าขโมยมาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง

ชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากที่เข้าไปดูแฮกเกอร์รายนี้ มีตัวอย่างข้อมูลประมาณ 93,000 คน ทั้งเลขบัตรประชาชน ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ามีข้อมูลรั่วไหลจริง และการที่หลุดออกมามากขนาดนี้ แสดงว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง (access) ฐานข้อมูลได้

ในช่วงที่ผ่านมา เราเห็นข่าวลักษณะนี้บ่อยครั้ง สะท้อนว่าการจัดการควบคุมความเสี่ยงด้านไซเบอร์ของภาครัฐ โดยเฉพาะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน มีความหละหลวมมาก ดังนั้น เรื่องพื้นฐานที่ภาครัฐต้องทำ เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ ประการที่หนึ่ง ต้องมีมาตรการป้องกัน เพราะการที่แฮกเกอร์เข้าไปได้แสดงว่าระบบไอทีของภาครัฐมีช่องโหว่ ซอฟต์แวร์ต่างๆ อาจไม่ได้รับการอัปเดตปิดรูรั่วอย่างสม่ำเสมอ เรื่องนี้สามารถป้องกันได้ถ้าหน่วยงานรัฐจริงจัง

ประการที่สอง คือมาตรการลดความเสี่ยง เพราะบางครั้งต่อให้มีระบบป้องกันแล้ว แต่แฮกเกอร์ที่มีความสามารถสูง ก็อาจจะเข้าไปได้ ดังนั้น สิ่งที่หน่วยงานรัฐต้องมีและสามารถทำได้ คือการเข้ารหัสฐานข้อมูล (Encryption) เปรียบเสมือนล็อกกุญแจข้อมูลไว้ ถ้าไม่มีกุญแจ ต่อให้เข้าถึงฐานข้อมูล แต่ก็จะอ่านข้อมูลไม่ออก ข้อมูลประชาชนก็จะไม่รั่วไหล

“จากที่ดูตัวอย่างข้อมูล เห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย ซึ่งอาจเกิดจากการลงทะเบียนด้วยตัวเองของประชาชน เกี่ยวกับการเข้ารับบริการภาครัฐ” ชัยวัฒน์กล่าว

ชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 เน้นดูแลหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ เช่น หน่วยงานการเงินการธนาคาร การสื่อสาร รวมถึงด้านสาธารณสุข แต่การที่ข้อมูลภาครัฐรั่วไหลหลายครั้ง ทำให้ต้องตั้งคำถามว่ากฎหมายนี้มีประโยชน์จริงหรือไม่ ทำไมหน่วยงานรัฐยังอ่อนแอในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลประชาชน รัฐต้องตอบคำถามว่าปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่

ชัยวัฒน์กล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เรามีนโยบายแปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของประชาชนหรือข้อมูลของภาคธุรกิจ ให้เป็นรูปแบบดิจิทัลเพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยวางบทบาทให้รัฐต้องเปลี่ยนเป็นผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล 3 อย่าง ได้แก่ หนึ่ง การพัฒนามาตรฐานข้อมูลและสร้าง ‘ถนนข้อมูล’ ที่จะทำให้ข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันได้ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

ครบรอบ 130 ปี สถาปนาองค์กรอัยการ ร่วมทำบุญและถวายพระพรแด่ พระองค์ภาฯ

สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เข้าร่วมเข้าพิธีทำบุญเนื่องในวันสถาปนาองค์กรอัยการครบรอบ 130 ปี และถวายพระพรแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา 

ที่ สำนักงานอัยการภาค 2 นายอานนท์ เรวัฒนานนท์ ผู้ตรวจการอัยการ สำนักอัยการสูงสุด เป็นประธานในพิธีถวายความเคารพต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ พร้อมเปิดกรวยดอกไม้และจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย โดยมี นายชัยชนะ พันธุ์ภักดีดิสกุล อธิบดีอัยการภาค 2 พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ ข้าราชการฝ่ายอัยการในสังกัด และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษา สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เข้าร่วมพิธีทำบุญเนื่องในสถาปนาองค์กรอัยการครบรอบ 130 ปี และถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา  

จากนั้น นายชัยชนะ พันธุ์ภักดีดิสกุล อธิบดีอัยการภาค 2 ได้นำข้าราชการ ทำกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆอัยการภาค 2 

สำหรับ อัยการไทยได้ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในระยะเริ่มแรกมีลักษณะคล้ายคลึงกับระบบอัยการในประเทศภาคพื้นยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ต่อมาได้เปลี่ยนไปใช้ตามระบอบอัยการอังกฤษ มีอัยการเป็นโจทก์ฟ้องผู้กระทำผิดต่อศาล จำเลยมีสิทธิสู้คดี โดยศาลวางตัวเป็นกลาง เป็นผู้ตัดสินคดี

‘เพื่อไทย’ พบปะ-หารือ ผู้ประกอบการอัญมณี ยัน!! พร้อมผลักดันอุตฯ อัญมณีไทย เป็นศูนย์กลางของโลก

‘ปานปรีย์ พหิทธานุกร’ นำทีมเพื่อไทยพบผู้ประกอบการอัญมณีฯ ยืนยัน ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ พร้อมสร้างงาน-สร้างตลาด-สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมอัญมณี ขณะที่ผู้ประกอบการฝากความหวัง ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีโลกให้ได้

(31 มี.ค. 66) พรรคเพื่อไทย นำโดย ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ กรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นิกร ซัจเดว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อรรฆรัตน์ นิติพน นวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าพบปะหารือผู้ประกอบการอัญมณี สมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่า (ประเทศไทย) ที่อาคาร Jewely Trade Center ถ.สีลม

สมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก 

“ความหวังของผู้ประกอบการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนประเทศไทย เป็นโอกาสของภาคประชาชนที่จะได้รู้ว่าปากกามีราคาอย่างไร ผมมั่นใจหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ การค้า จากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมอยากเห็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระดับโลก อยากให้ดูรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันทุกรัฐบาล ทั้งรัฐบาล ดร.ทักษิณ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก” สมชาย กล่าว 

ปานปรีย์ พหิทธานุกร กล่าวว่าอัญมณีเป็นสินค้าสำคัญของไทย เป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียง สร้างหน้าตาให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโต จะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณี และคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น

สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในหัวข้อ 'The Perfect Storm พายุวิกฤตเศรษฐกิจ และทิศทางภาษี'

วันนี้ ณ ห้องมารีนาเบย์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมโนโวเทล ศรีราชา จ.ชลบุรี นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เป็นประธานเปิดการประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2566 โดยมีคณะกรรมการ สมาชิกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เข้าร่วม ในหัวข้อ “The Perfect Storm พายุวิกฤตเศรษฐกิจ และทิศทางภาษี” 

นายวัฒนพล นายกสมาคมฯ กล่าวว่า สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี ได้จัดตั้งมาเป็นระยะเวลา 9 ปี เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน และซัพพลายเออร์ อีกทั้งสมาคมฯ ยังมีส่วนช่วยในการติดต่อประสานงานระหว่างผู้ประกอบการและภาคเอกชน กรณีที่ติดขัดเรื่องการดำเนินงานธุรกิจ ช่วยขับเคลื่อนผลักดันในเรื่องปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจผ่านทางหน่วยงานภาครัฐ 

‘สันติ-ชัยวุฒิ’ ชูนโยบาย พปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม วอนเลือกทั้งคนทั้งพรรค ดัน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ

สันติ-ชัยวุฒิ เยือนกรุงเก่าพบปชช.ต่อเนื่อง ย้ำนโยบาย พปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม วอนเลือก ‘พล.อ.ประวิตร’ เป็นนายกฯผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับเข้มแข็ง

(31 มี.ค. 66) เวลา 17.30 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมเวทีปราศรัย วัดลาดทราย อ.วังน้อย จ.อยุธยา โดยมีนายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4 นายภูมินทร์ มงคล เขต 5 นายชณทัต ปัมะภูวดล เขต 3 แนะนำตัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเสนอนโยบายที่มุ่งช่วยปากท้อง พี่น้องชาวอยุธยา โดยมีประชาชน มาร่วมฟังปราศรัยกว่า 3,000 คน 

นายสันติ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต มีความตั้งใจที่จะเสนอตัวในการรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง และขอมั่นใจได้ว่า ทั้งสามคนเป็นพลังของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพื้นที่ความหวัง และความตั้งใจของพรรค ที่ทุกคนจะสามารถได้รับการตอบรับจากประชาชน เลือกมาเป็นตัวแทนที่สามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน   พร้อมกับนำความเจริญและเดินหน้าพัฒนาจังหวัด ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพ สร้างความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของพรรค และรัฐบาล 

นอกจากบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน มีนโยบายบุตร ธิดา ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัย และลดภาระการเลี้ยงดูบุตร ให้กับสตรีผู้เป็นเพศแม่ ซึ่งถือเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในการเพิ่มจำนวนประชากร เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องยอมรับประเทศประสบปัญหา ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรค ออกนโยบายดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยสวัสดิการประชารัฐ 345 678 ที่พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะสร้างแหล่งเงินให้เข้าถึงประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นจริง แต่ต้องอาศัยเสียงพี่น้องประชาชน มอบความไว้วางใจให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีและว่าที่ผู้สมัคร พปชร.เป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือ รวมถึงการแก้ไขระเบียบการปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน โดยให้นำเงินฝากที่อยู่ในระบบ 19-20 ล้านล้านบาท ต้องกำหนดให้แบ่งสัดส่วนการปล่อยกู้อย่างทั่วถึง แบ่งเป็นการจัดสรรเงินฝากในสัดส่วน 50% เพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั้งคนชั้นกลาง ผู้มีรายได้น้อย โดยให้พี่น้องประชาชน ที่มีความต้องการวงเงินไม่เกิน ระดับ 100,000-500,000 บาท นำไปพัฒนาอาชีพ ไม่ใช่กระจุกไวปล่อยสินเชื่อเพียงระดับบนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top