Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘กกต.’ ชี้!! ทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน  หลัง ‘ชพก.’ ท้วง!! ปมแบ่งเขต กทม.

(17 มี.ค. 66) ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปกรณ์ มหรรณพ กกต.แถลงข่าวชี้แจงข้อท้วงติงจากพรรคการเมือง ถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า วันนี้ กกต.จะมีการเรียกประชุมด่วน ซึ่งสืบเนื่องมาจากพิจารณาข้อมูลทุกอย่าง รวมทั้งของพรรคชาติพัฒนากล้า เมื่อมีข้อท้วงติงของพรรคการเมือง เราก็พร้อมที่จะตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง จึงมีการเรียกประชุมด่วนในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ สำหรับเรื่องดังกล่าว เราพร้อมให้ข้อมูลและเหตุผล ซึ่งสิ่งที่มีข่าวในช่วงนี้คือการแบ่งเขตของ กกต.กทม.อาจจะมีปัญหา แต่ตนขอยืนยันว่า ผอ.กกต.กทม.และทีมงาน รวมทั้งส่วนกลางที่เกี่ยวข้องได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแบ่งเขตอย่างสุดความสามารถ และได้ใช้เวลาในการพิจารณาอย่างเหมาะสม

“โดยเรื่องที่มีข้อท้วงติงของนักการเมืองนั้นบางครั้งอาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อยากจะขอชี้แจงว่าการแบ่งเขตครั้งนี้ กกต.กทม.ยึดหลักตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเคร่งครัด ซึ่งกฎหมายในมาตรา 27 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ระบุว่าให้แบ่งเขตแต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกันต่างกันไม่เกินบวกลบร้อยละ 10 ซึ่งมาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 86 (5) บัญญัติว่าจะต้องแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้แต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เราปฏิบัติ” นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ กรุงเทพมหานครไม่สามารถกำหนดเขตปกครองเดียวให้เป็นเขตเลือกตั้งได้ เพราะค่าเฉลี่ยของประชากรของกรุงเทพมหานครในหนึ่งเขตเลือกตั้ง มีประมาณ 160,000 คน ตัวอย่างเช่น เขตปกครองในเขตคลองสามวา มีประมาณ 200,000 คน, เขตบางเขน เขตประเวศ เขตลาดกระบังมีเขตละ 180,000 คน, เขตสายไหม 200,000 กว่าคน, เขตหนองจอก เขตบางขุนเทียน มีเขตละ 180,000 กว่าคน, เขตบางแค 190,000 คน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าทั้ง 8 เขตนี้ ไม่สามารถแบ่งเป็นเขตเดียวของการเลือกตั้งได้ เราจึงได้พิจารณาตามกฎหมายในมาตรา 21 (2) ที่กำหนดว่า ในกรณีที่ไม่สามารถทำตาม (1) ได้ เพราะราษฎรในแต่ละเขตไม่ใกล้เคียงกัน จึงให้แบ่งเขตตามสภาพของชุมชนที่มีราษฎรติดต่อกันประจำ ในลักษณะเป็นเขตชุมชนเดียวกัน โดยจะต้องให้จำนวนประชากรมีจำนวนใกล้เคียงกันมากที่สุด

นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีตามที่เป็นข่าวที่ยกตัวอย่างเขต 8 และ 9 ว่าไม่มีเขตหลัก ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีเขตหลัก ซึ่งเขต 8 และ 9 มองแล้วมีเขตหลักและจำเป็นต้องเอาแขวงที่ใกล้เคียงมารวมกัน เพื่อให้จำนวนประชากรมีจำนวนใกล้เคียงกันมากที่สุด อย่างไรก็ตามเราได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 (2) อย่างเคร่งครัด ทุกเขตจะเป็นลักษณะชุมชนเดียวกัน จำนวนราษฎรจะไม่เกินหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่ง กกต.ได้ออกหลักเกณฑ์ระเบียบที่ว่า จังหวัดแบ่งเขตโดยค่าเฉลี่ยประชากรในจังหวัดเป็นเกณฑ์ แต่ละเขตไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ยประชากร หรือในกรุงเทพมหานครแต่ละเขตไม่ควรเกิน 16,000 คน

‘หนุ่ม’ แชร์อุทาหรณ์ ซด ‘น้ำกระท่อม’ แทนน้ำเปล่า เผยลำไส้อุดตันเฉียดตาย 14 วัน น้ำหนักหายฮวบ 12 กก.

หนุ่มเตือนเลิกได้เลิก ซดแต่น้ำกระท่อม ลำไส้อุดตันเฉียดตาย เผย 14 วันน้ำหนักฮวบ 12 กิโลกรัม

(17 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ หลังต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากซดน้ำกระท่อมแทนน้ำเปล่ามาเป็นเวลานาน โดยโพสต์ภาพขณะนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล

รวบหนุ่มใหญ่ชาวจีนมอมเหล้าสาวเพื่อนร่วมชาติ ก่อนลากไปขืนใจคาโรงแรมกลางเมืองกรุง

บก.สส.สตม. ได้จับกุมตัว นายหยาง (นามสมมติ) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปี สืบเนื่องมาจาก กก.2     บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายหยางฯ สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.2566 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น” โดยพฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อเดือน ธ.ค.2565 นายหยางฯ ได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมาไม่ได้สติ นายหยางฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายหยางฯ ตามหมายจับข้างต้น

บก.สส.สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรหนีคดีเลี่ยงภาษีศุลกากรเสียหายกว่า 100 ล้านบาท 

บก.สส.สตม. จับกุมนายลู่ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยจับกุมตัวในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในย่าน ต.บางพลี อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีน หน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

ประสานงานผ่านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ราย นายลู่ (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 52 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่ารวม 20 ล้านหยวน (ประมาณ 100 ล้านบาท) ผบก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ บก.สส.สตม. ทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายลู่ สัญชาติจีน ซึ่งต่อมาสืบทราบว่า ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี  ปัจจุบันพักอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่งย่านบางพลี จว.สมุทรปราการ

รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ คณะผู้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(RBC) กัมพูชา–ไทย ครั้งที่ 24

วันที่ 16 มีนาคม 2556 พลตรีบุญสิน พาดกลาง รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ พลเอกโปว เฮง รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา เเละคณะ ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(RBC) กัมพูชา – ไทย ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) ไทย - กัมพูชา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top