Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

มนุษย์ที่ลืมความกลัว | TIME TO KNOW EP.17

‘หนึ่ง วิทิตนันท์ โรจนพานิช’ คนไทยคนแรกที่ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จ ซึ่งเขากล่าวว่าได้ใช้พลังศรัทธา ที่ทำให้ฝ่าฟันอุปสรรค ลืมความกลัวและมุ่งสู่ความสำเร็จในการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ จุดสูงสุดของโลก ที่มีขนาดเพียง 4x4 เมตร ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนบนโลกใบนี้ที่จะไปถึง ติดตามชมคลิปนี้แล้วจะได้พลังและกำลังใจดีๆ ไปใช้ในชีวิตได้อย่างแน่นอน…. 

.

วันนี้ได้รับเกียรติจาก คุณ วิทิตนันท์ โรจนพานิช 

คนไทยคนแรกผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์

.

ดำเนินรายการโดย อ๊อดโต้ วสันต์ 

Content Manager THE STATES TIMES

.

รับชม TIME TO KNOW ตอนอื่นๆ ได้ที่ :  https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLeCUW3J3YQWxrNs4ZAeXBp 

.

🎥 ช่องทางรับชม

Facebook: THE STATES TIMES PODCAST

YouTube: THE STATES TIMES PODCAST

TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

.

#THESTATESTIMESPodcast

#THESTATESTIMES

#TIMETOLISTENING

#คนไทยคนแรก

#ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์

#ยอดเขาเอเวอเรสต์

‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ เลือดใหม่แห่ง ‘ภูมิใจไทย’ ผู้เชื่อมั่นในสังคมดี ต้องเริ่มจากเยาวชนที่มีคุณภาพ

‘ภูมิใจไทย’ ส่ง ‘มณีรัตน์’ คนรุ่นใหม่ ดีกรีนักกฎหมายจาก King’s College London นักธุรกิจมากความสามารถ และนักขับเคลื่อนงานด้านประชาสังคม พ่วงบทบาทในแวดวงการเมืองร่วม 10 ปี ชิงชัยสนาม กทม. เขต 'พระโขนง-บางนา'

นาทีนี้ หลายพรรคการเมืองเริ่มประกาศตัว ว่าที่ผู้สมัครผู้แทนราษฎรในกรุงเทพมหานครกันครบ 33 เขตเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งส่วนใหญ่ มักจะเป็นผู้สมัครหน้าคุ้น ที่ต้องลุ้นว่าในสมัยหน้าพวกเขาเหล่านี้จะกลับเข้ามาทำงานและแก้ปัญหา กทม.ได้โดนใจคนกรุงมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ก็มีหลากหน้าผู้สมัครเลือดใหม่ ที่ต้องยอมรับว่าพรรษาอาจจะยังไม่ถึงขั้นบรมครู แต่เท่าที่รู้หลายคนมีดีกรีและความมุ่งมั่นที่น่าสนใจมาลองทำงานให้คนกรุงดูสักคำรบไม่น้อย เฉกเช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขตพระโขนง-บางนา

ด้วยประสบการณ์ที่เคยร่วมงานกับบรรดาพรรคการเมืองและคนการเมืองชั้นนำของประเทศมามากมาย ในวันนี้ ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ดีกรีนักกฎหมายจาก King's College สาขาความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายองค์กรและพาณิชย์ ได้เลือกปักธงลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย ด้วยมุมมองทางการเมืองที่คลิกตรงกัน นั่นคือ ‘พูดแล้วทำ’ ซึ่งเธอเชื่อในความเอาจริงเอาจังกับทุกเรื่องของพรรคนี้ เช่นเดียวกันกับบุคลิกส่วนตัวที่ ‘คิด-พูด-ทำ’ ในทุกๆ เรื่องที่โฟกัส

แม้ ‘มณีรัตน์’ จะแลดูเป็นคนรุ่นใหม่วัยเยาว์ แต่ประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ต้องเรียกว่าโชกโชน ทั้งกับธุรกิจส่วนตัวที่เป็นผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ทำธุรกิจด้าน e-Commerce เจ้าแรกๆ ในประเทศไทย และเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของสินค้าหลากหลายแบรนด์ที่เอ่ยชื่อมาทุกคนล้วนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันนี้ธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มียอดขายและกำไรที่น่าพึงพอใจ ภายใต้ความตั้งใจในการที่จะให้ธุรกิจนี้ยืนอยู่และเดินหน้าได้อย่างยั่งยืนต่อเธอและผู้เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม สนามธุรกิจ ที่เธอยังคงยืนเคียงข้างมาจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตในช่วงระยะเวลาเกือบ 20 กว่าปีมานี้ แต่เธอยังคงเลือกเข้าไปมีบทบาทกับงานภาคประชาสังคม ภาคประชาชน รวมถึงการเข้าร่วมกับงานภาคการเมืองเท่าที่จะมีโอกาส โดยหวังว่าจะมีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยพัฒนากรุงเทพฯ โดยเฉพาะในมิติของสังคมและเยาวชน ที่เธอเชื่อว่า สังคมดีจะเกิดขึ้นได้จากรากฐานอย่างเยาวชนที่ดี

มณีรัตน์เริ่มมีโอกาสก้าวเข้าสู่บทบาทของงานภาคการเมืองและภาคสังคมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ช่วงปี 2007-2008 โดยเธอได้มีโอกาสเข้าไปทำงานด้านกลยุทธ์ ในฐานะคณะกรรมด้านประชาสัมพันธ์ของพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในปีเดียวกัน เธอก็ได้ร่วมงานในคณะทำงานด้านเยาวชนของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเธอมุ่งมั่นในการผลักดันนโยบายด้านเด็กและเยาวชน เพื่อนำเสนอกับผู้ว่าฯ กทม. เพราะถือว่านโยบายด้านเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งที่สำคัญไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ตนยอมให้ถูกมองว่าหน้าด้าน แต่ตนอยากให้ผู้ว่าฯ กทม.ทำนโยบายเพื่อเด็กนำไปเป็นกรอบในการปฏิบัติราชการต่อไป 

หลังจากนั้นในปี 2009 ก็ขยับขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการ ด้านกิจการเยาวชนของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์บริพัตร

‘บิ๊กตู่’ โต้คนว่า “ไม่รู้เรื่อง” ลั่น!! ทำงานมา 8 ปี จะไม่รู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ ศาลาประชาคม​ อำเภอบ้านโป่ง​ จังหวัดราชบุรี ได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาล โดยบางช่วงบางตอนระบุว่า… รัฐบาลอยู่มา 4 ปีหลายคนคงเห็นบ้างว่าอะไรเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ตนตัดสินใจ คือการทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการขนส่ง อีกทั้งยังดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่จะให้ทั้งหมดไม่ได้เราไม่มีสตางค์พอ แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าสวัสดิการ มันผิดหลักการข้อกฎหมาย แต่ถ้าถามใจนายกฯ อยากให้ทุกคนมีกิน อยู่ดี แต่วันนี้ต้องแข็งแรงกว่าเดิม ประเทศไทยเดินผ่านความยากลำบากมา 8 ปีเต็ม เจอทั้งโควิด-19 สงครามทางการค้า และการสงครามที่หนักสุด คือ ราคาพลังงาน แก๊ส และน้ำมัน ซึ่งหลายอย่างถ้าทำได้ทำไมจะไม่ทำให้ ตนไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์เพื่อใคร แต่วันนี้ต้องสงวนงบประมาณที่มีอย่างจำกัด เพื่อรองรับ เพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นนอกจากนี้

‘สมศักดิ์’ เปิดใจ เหตุทิ้ง ‘พปชร.’ ย้ายซบ ‘เพื่อไทย’ เผย มีโอกาสแลนด์สไลด์ ชี้ เป็น รบ.หลายพรรคทำงานยาก

(17 มี.ค. 66) ที่ร้านกินเส้น สนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงถึงเส้นทางการเมือง ที่จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย ว่า แนวทางตัดสินใจ 3 ประเด็น คือ ฟ้า ดิน อากาศ โดยในส่วนของอากาศ คือข้อมูลพรรคการเมืองต่าง ๆ และต้องให้ความสำคัญกับทีมงาน แนวนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเสถียรภาพรัฐบาลมีความสำคัญ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรค พปชร.ได้ ส.ส.118 คน แต่ยังไม่สามารถทำเศรษฐกิจให้ประชาชนพอใจได้ เพราะเป็นรัฐบาลผสม มีการต่อรองกระทรวงและโควตาต่าง ๆ โดยพรรค พปชร.ไม่ได้ดูกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้ต้องคิดว่าการจะทำให้สิ่งต่าง ๆ ให้สัมฤทธิ์ผลช่วยประชาชนได้ คือดูพรรคที่จะแลนด์สไลด์ จะมีส่วนทำให้แนวนโยบายรัฐบาลใหม่ประสบผลสำเร็จ เป็นที่พึ่งของประชาชนใจในการแก้ปัญหาความยากจน จึงตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกเพื่อไทย โดยตนได้ทำหนังสือลาออกจากรัฐมนตรียุติธรรม และส่งเอกสารลงรับไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะไม่ขอรักษาการรัฐมนตรี เพื่อความสบายใจต่อฝ่ายต่าง ๆ และทำหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองลงรับเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจน และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยเอกสารจะเรียบร้อยในวันที่ 20 มี.ค.นี้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ติดใจอะไร และขอให้โชคดี โดยนายกฯ พูดกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ฝากมาถึงตนด้วย และต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในการทำงานที่ผ่านมา ตนอยู่กับพลังประชารัฐก็ทำงานเต็มที่เมื่อไปอยู่กับเพื่อไทยก็จะทำเต็มที่ แม้จะยังไม่ได้เข้าไปที่พรรคเพื่อไทย แต่เมื่อมีข่าวออกมา และเห็นแนวทางทำงานของตน ทำให้คนในพรรคเพื่อไทย โทรมาแสดงความยินดีจำนวนมาก ส่วนตนจะไปดูพื้นที่ไหนในพรรคเพื่อไทย สุดแล้วแต่ผู้บริหารพรรคจะเห็นเหมาะสม ตนไม่เลือก ไปได้ทุกที่ และไม่ได้คาดหวังจะไปนั่งกระทรวงใด เพราะเวลาตั้งรัฐบาลแล้วหวังไว้ที่หนึ่ง แต่ไปได้กระทรวงอื่น จึงไม่ได้คิดอะไร ไม่คาดหวัง แล้วแต่ประชาชนจะสนับสนุน ทั้งนี้ หากไปอยู่เพื่อไทยแล้วได้อยู่ในลำดับไม่เกิน 50 ก็น่าจะได้เป็น ส.ส.

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น ได้กราบลานายวิษณุ เครืองาม และ พล.อ.ประวิตร ทั้งคู่ได้ให้ศีลให้พร ยืนยันว่าไม่มีความแตกแยก แต่การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ถือเป็นอุปสรรค และหากทีมงานที่ไม่สามัคคีจะเป็นอุปสรรค เพราะคนหนึ่งไปซ้าย คนหนึ่งไปขวา ส่วนพรรคเพื่อไทย นั้นทำงานเป็นระบบ และเป็นพรรคพวกกันมาก่อน จึงเข้าใจและพูดคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการทำงานในพรรค พปชร.ทำให้ทำงานลำบากหรือไม่ กล่าวว่า ไม่ลำบาก พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เป็นปกติ แต่บางคนเกิดความรู้สึกติดขัดบ้างเล็กน้อย เช่น ตนเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค แต่เมื่อไม่เป็นหนึ่งเดียวกันก็ทำงานยาก

เมื่อถามว่ามั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ดูจากโพลเมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้ 220 เสียง แต่ถ้าเราไปช่วยอีกทาง คิดว่าจะขยับได้ เมื่อถามย้ำว่า เป้าหมายที่ไปพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลแน่นอน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากเข้าไปช่วยหาเสียง มีนโยบายใหม่ จึงมั่นใจว่าจะได้เสียงมากขึ้นตามเป้าที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยวางไว้ ส่วนตนจะช่วยให้ดีที่สุด เพราะการเป็นรัฐบาลเป็นความใฝ่ฝันของทุกพรรค แต่จะเป็นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่มีมากน้อยของแต่ละพรรคจะดำเนินการ หากประชาชนช่วยเลือกเข้ามามาก จะได้แลนด์สไลด์ ส่วนจะได้ 310 เสียงหรือไม่ ตนไม่กล้าคิด เพราะไม่ได้ถือโพล หรือลงไปดูตรงนี้

เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้งพรรค พปชร.จะจับมือกับเพื่อไทย หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้บริหาร และผู้ใหญ่ของพรรคพูดคุยกัน โดยการพบกับ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ฟัง แสดงว่าไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จึงเชื่อว่ายังไม่ได้พูดคุยกัน

‘ลุงป้อม’ ลุยใต้ ขอบคุณ ปชช.ร่วมช่วยพัฒนาท้องถิ่น พร้อมหนุนค่าอาหารกลางวันเด็ก-ค่าจ้างครูอย่างต่อเนื่อง      

(17 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรีไทย เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไทย พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จังหวัดยะลา) โดยในช่วงบ่ายได้พบปะผู้นำศาสนา และเครือข่ายโรงเรียนตาดีกา รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ณ โรงเรียนประสานวิทยามูลนิธิ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับ และให้ความร่วมมือ ช่วยกันพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้สันติสุข ในการดำรงชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเจตจำนงในการเดินทางมาพบในครั้งนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมการดำรงชีวิตตามหลักการศาสนาของพี่น้องมุสลิม สนับสนุนค่าอาหารกลางวันตาดีกาต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มจำนวนครูผู้สอนให้เหมาะสมกับสัดส่วนนักเรียน และอื่น ๆ รวมทั้งการสนับสนุนครูโรงเรียนเอกชน ให้มีสิทธิ และการเพิ่มค่าตอบแทน/ค่าเสี่ยงภัยครู และผู้บริหารด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top