Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

20 มิถุนายน พ.ศ. 2309 รำลึกวีรกรรมชาวบ้าน ‘ค่ายบางระจัน’ ถูกกองทัพพม่าตีแตก ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2

วันนี้ เมื่อ 256 ปี ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 ‘ค่ายบางระจัน’ ของชาวบ้านถูกตีแตกโดยกองทัพพม่า หลังต้านทานการเข้าตีได้หลายครั้ง 

‘ค่ายบางระจัน’ เป็นค่ายป้องกันตัวเองของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่าง ๆ ที่พากันมาหลบภัยจากกองทัพพม่าที่บางระจัน ก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้หลายครั้ง และมีกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านวีรกรรมความกล้าหาญในประวัติศาสตร์ไทย

ปี 2307 กองทัพพม่าภายใต้การนำของเนเมียวสีหบดียกเข้ามาในขอบคัณธสีมาด้านด่านระแหงแขวงเมืองตาก โดยกวาดต้อนผู้คนตัดกำลังของกรุงศรีอยุธยาทางหัวเมืองเหนือ ในขณะที่มังมหานรธา ตีเข้ามาทางหัวเมืองใต้ สกัดกำลังจากชายทะเลทิศใต้ โดยหมายใจบรรจบเข้าที่กรุงศรีอยุธยา

ต้นเดือนมกราคม 2308 กองทัพของเนเมียวสีหบดีได้มาหยุดอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหนึ่งเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทางเมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงแอบคบคิดกันเพื่อลุกขึ้นต่อสู้

ในเดือน 3 พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพากันคบคิดอุบายเพื่อล่อลวงทหารพม่า ทั้งรวบรวมผู้คนไว้เพื่อทำการต่อไป ในบรรดาชาวบ้านที่ร่วมกันอยู่นี้มีหัวหน้าที่สำคัญคือ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งได้หลอกลวงทหารพม่านำไปหาทรัพย์สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเชื่อตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปยังบางระจัน

รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมการดำเนินการ 'โครงการทหารพันธุ์ดี ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย' ของกรมทหารราบที่ 151

ที่ โรงเรียนบ้านเขาตันหยงมิตรภาพที่ 153 หมู่ที่ 4 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ เดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมการดำเนินการ 'โครงการทหารพันธุ์ดี ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย' ของกรมทหารราบที่ 151  โดยมี พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151, นายมะลีเป็ง ลีฆะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเขาตันหยงมิตรภาพที่ 153  หน่วยงานราชการ คณะครู นักเรียน ร่วมให้การต้อนรับ โดยพลตรีไพศาล หนูสังข์ และคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุปการดำเนินการ ของ 'โครงการทหารพันธุ์ดี ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย' ของกรมทหารราบที่ 151 พร้อมทั้งได้เยี่ยมชม แปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ของบ้านเขาตันหยงมิตรภาพ ที่ 153 โดยมีน้องนักเรียน มัคคุเทศก์น้อย ทำหน้าที่เป็นวิทยากรคอยให้ความรู้ ในแต่ส่วนของแปลงเกษตร ซึ่งโครงการดังกล่าว ดำเนินงานตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานโครงการทหารพันธุ์ดีแก่หน่วยมาเพื่อดำเนินการขยายผลสู่สถานศึกษา และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้รับความรู้ ซึมซับในวิถีพอเพียงการเรียนรู้ร่วมกับการปฏิบัติจริง 'เรื่อง การผลิตอาหารให้ชุมชน' ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดีสู่สถานศึกษา ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติแก่นักเรียน รวมถึงเพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับโรงเรียน และชุมชนโดยรอบ ตลอดจนเพื่อให้นักเรียน และพี่น้องประชาชนตระหนักในการเรียนรู้วิถี ความพอเพียง สามารถต่อยอด พัฒนาเป็นองค์ความรู้ใหม่สู่การปฏิบัติในการดำเนินชีวิตต่อไป

‘Lord West’ แห่ง Spithead ส่งคำเตือนถึงกองทัพอังกฤษว่า ‘อ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องประเทศจากผู้รุกรานได้’

 

ปัจจุบันคนไทยส่วนหนึ่งมักเอ่ยอ้างว่า การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการรักษาอธิปไตยของชาติไม่จำเป็นแล้ว ด้วยสมัยนี้ไม่มีใครรบกันแล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจนกลายเป็นสงคราม ทำให้สังคมต้องกลับมาคิดทบทวนถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ สำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังที่อดีตผู้บัญชาการทหารเรืออังกฤษได้กล่าวเตือนรัฐบาลอังกฤษในรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร

Lord West แห่ง Spithead (พลเรือเอก Sir Alan William John West) อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙

Lord West แห่ง Spithead (พลเรือเอก Sir Alan William John West) ได้กล่าวเตือนว่า กองทัพของสหราชอาณาจักรอ่อนแอเกินกว่าที่จะป้องกันประเทศในกรณีที่เกิดความขัดแย้งที่ต้องมีการใช้กองกำลังติดอาวุธ จากการประเมินของ Lord West แห่ง Spithead ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙ ได้เน้นย้ำถึงการเพิ่มงบประมาณทางทหารที่ไม่เพียงพอ อันเป็นปัญหาที่สะสมเรื้อรังมานาน โดยเขาบอกว่า งบประมาณในปัจจุบันนั้น "น้อยเกินไป"

Lord West แห่ง Spithead (พลเรือเอก Sir Alan William John West) อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙

Lord West กล่าวว่า 'อาจจะ' เกิดสงครามขึ้นได้ในอนาคต แต่กองทัพอังกฤษ 'ขาดอุปกรณ์และกำลังพลในระดับที่จะทำให้ประเทศมีความมั่นคง' เขากล่าวในฐานะสมาชิกสภาขุนนาง (House of Lords) ในรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร (UK Parliament) ณ พระราชวัง Westminster ในขณะที่มีการถกเถียงกันในรัฐสภาถึงผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครนหลังจากการบุกของรัสเซีย ซึ่งนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น


Ben Wallace รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม อดีตร้อยเอกแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร ผู้ซึ่งจบจากราชวิทยาลัยการทหาร Sandhurst

เดือนมีนาคมที่ผ่านมา Ben Wallace รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม อดีตร้อยเอกแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร ผู้ซึ่งจบจากราชวิทยาลัยการทหาร Sandhurst ได้ประกาศว่า กองทัพอังกฤษจะมีการลดกำลังทหารลง ๑๐,๐๐๐ นาย โดยอ้างว่า เทคโนโลยีใหม่มี 'ผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเพราะกำลังพลเพียงไม่กี่นายก็สามารถควบคุมปฏิบัติการทางทหารได้แล้ว' ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการสั่นคลอนครั้งใหญ่ต่อกองทัพอังกฤษ รัฐมนตรีกลาโหม Wallace ยังกล่าวด้วยว่า กำลังทหารของกองทัพบกอังกฤษโดยรวมจะลดลงเหลือ ๗๒,๕๐๐ นาย ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว

Lord West ขณะแถลงในรัฐสภา ด้วยฐานะสมาชิกแห่งสภาขุนนาง (House of Lords)

Lord West แถลงในรัฐสภาว่า “แม้จะมีความตั้งใจในทุกรูปแบบ แต่งบประมาณในการป้องกันประเทศก็ยังขาดแคลนซึ่งเป็นมาหลายปีแล้ว และเมื่อมองต่อไปยังอนาคต การขาดแคลนงบประมาณก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยสมมติฐานที่ว่า ‘เป็นการประหยัดที่มีประสิทธิภาพ’ ซึ่งเป็นเรื่องที่โกหกหลอกลวง เพราะการประหยัดที่มีประสิทธิภาพไม่มีทางเกิดขึ้นได้ และไม่มีจริง การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการป้องกันประเทศอย่างชัดเจนเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับรัฐบาลในสังคมของเราที่อบอุ่นและมั่นคง แต่เหตุผลที่เราสามารถอยู่ในสังคมที่อบอุ่นและมั่นคงได้ ก็เพราะว่าเราใช้จ่ายงบประมาณในการป้องกันประเทศ” 

“คำกล่าวที่ว่า สงครามไม่ได้แพ้ชนะกันในสนามรบ แต่แพ้ชนะกันด้วยการสร้างขีดความสามารถทางการทหารไว้ล่วงหน้า นั้นเป็นความจริง โดยเฉพาะเมื่อศัตรูสังเกตเห็น ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมไม่ให้เกิดสงคราม ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณ”


“พวกเราหลายคนได้เคยเตือนถึงการขาดแคลนงบประมาณที่เรื้อรังต่อเนื่องมายาวนาน แต่เราได้รับการบอกตอบครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ‘เราคิดผิด’ ซึ่งความจริงก็คือกองกำลังติดอาวุธของเราอ่อนแอเกินกว่าที่จะป้องกันประเทศจากสงครามได้...และหากมีสงคราม เกรงว่า สักวันพวกเขาอาจจะขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพลในระดับที่จะให้ประเทศของเราปลอดภัย และกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศในปัจจุบันของเรามีขนาดเล็กเกินไป พวกเขาขาดแคลนทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อให้เพียงพอสำหรับอัตราการใช้ในสงครามที่จะสูงอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การลดขนาดของกองทัพเป็น ‘ขั้นตอนที่เร็วเกินไป’ ” Lord West กล่าวในรัฐสภา

ซีอีโอแบรนด์แฮวอน เจ้าของยาสีฟันแจงปมฟ้องผู้บริโภครายหนึ่ง เรียกค่าเสียหาย 1.7 ล้านบาท ระบุ ไม่มีเหตุผลที่จะฟ้องผู้บริโภค วิพากษ์วิจารณ์ตามจริงได้ แต่ฟ้องเฉพาะคนที่มีเจตนาไม่สุจริต ต้องการดิสเครดิตสินค้าเท่าน้ัน

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า ตนถูกเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,700,000 บาท เพราะโพสต์ข้อความรีวิวผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ครอบครัวใช้ยาสีฟันยี่ห้อดังกล่าวทั้งบ้านมายาวนาน ตนรีวิวตามจริงที่เคยใช้ แต่อยู่ๆ เจ้าของแบรนด์มาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่รีวิวตามจริงในฐานะผู้บริโภค ตอนนี้เดือดร้อนมาก ยังไม่มีรายได้ เพิ่งคลอดบุตรด้วย แฟนทำงานคนเดียว จะกินจะใช้ยังลำบาก จะทำยังไงดี 

แต่ทว่าชาวเน็ตได้ขุดข้อความที่เจ้าตัวโพสต์รีวิวยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งโดยพาดพิงยี่ห้ออื่น พร้อมกับคอมเมนต์คนที่เข้ามาเตือนว่า ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องมาถ้าไม่พอใจเชิญโพสต์อื่น ตนเสียเงินซื้อ พอใจที่จะรีวิวแบบนี้ จนกลายเป็นกระแสพลิกกลับ

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Dolhathai Teenakul ของ น.ส.ดลหทัย ทีนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮวอน จำกัด เจ้าของแบรนด์ยาสีฟันแฮวอน (Haewon) โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่มีเหตุผลที่แบรนด์แฮวอน จะฟ้องผู้บริโภคเลยค่ะ ผู้บริโภคย่อมวิพากษ์วิจารณ์สินค้าตามความเป็นจริงได้ อยู่กันมาเกือบ 10 ปี ไม่เคยฟ้องลูกค้าเลยซักคนเดียว สินค้าไหนก็ตาม เราไม่เคยมีความคิดแบบนี้ เพราะแบรนด์แฮวอนโตมาจากความเชื่อมั่นของลูกค้า ทุกคำแนะนำเรายินดีรับฟังเสมอ

‘ศ.สุชาติ’ ชี้ ลาว ศรีลังกา ค่าเงินอ่อนลงมาก เพราะคนขาดความเชื่อมั่น เนื่องจากเป็นหนี้ต่างประเทศมากเกินไป แต่ญี่ปุ่น ตั้งใจอ่อนค่าเงิน เพื่อเพิ่มความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน และเพิ่มรายได้ประชาชน

ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเราได้เห็นค่าเงินของลาว, ศรีลังกา, ปากีสถาน และค่าเงินของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงมาก แต่สาเหตุมาจากสิ่งตรงกันข้าม

ในกรณี ประเทศลาว เงินกีบอ่อนค่าลง 53.6% เทียบดอลลาร์ จาก 1 ปีที่ผ่านมา, ศรีลังกาอ่อนค่าลง 82%, ปากีสถานอ่อนค่าลง 31% และยังมีแอฟริกาอีกหลายประเทศที่เงินอ่อนค่าลงนั้น เป็นเพราะเป็นหนี้เงินตราต่างประเทศมากเกินไป

แม้ว่าจะกู้เงินมาสร้างโครงสร้างบริการพื้นฐานก็ตาม แต่รายได้ (GDP) เติบโตไม่ทัน มีเงินสำรองระหว่างประเทศเหลือน้อยไม่เพียงพอในการสร้างความเชื่อมั่น นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจึงถอนทุนหนี ทำให้ไม่มีเงินซื้อสินค้าต่างประเทศที่จำเป็น ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์

การเป็นหนี้มากเกินไปและถูกถอนเงินทุน เนื่องจากเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล แม้คนในประเทศก็ถอนเงินออกไปต่างประเทศด้วย ทำให้เงินตราในประเทศลดค่าลงอย่างมาก จึงทำให้เกิดต้นทุนสูงขึ้นในสินค้านำเข้า แล้วส่งต่อเป็นทอดๆ ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงมากในประเทศ และเกิดการขาดแคลนสินค้านำเข้า เช่น น้ำมัน

ประเทศเหล่านี้ จึงต้องหดตัวทางการผลิต เพราะขาดแคลนสินค้านำเข้าขั้นกลาง ในขณะที่เกิดเงินเฟ้อสูงมาก ไปพร้อมๆ กัน

การแก้ไข คงต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนโลกก่อน ซึ่งอาจต้องหาองค์กรที่น่าเชื่อถือมาค้ำประเงินกู้ ว่ามีจ่ายแน่ อาจต้องเพิ่มภาษี และขายรัฐวิสาหกิจ ไปเจรจาผัดผ่อนหนี้ระยะสั้น เป็นหนี้ระยะยาว แล้วนำเสนอแผนฯ ที่นักลงทุนมองว่าเป็นไปได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top