Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

ท่องเที่ยวไทยสดใส!! รายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

(17 มิ.ย. 65) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ผลการดำเนินงานเปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร จากการรายงานจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า วันที่ 1-15 มิ.ย. นักท่องเที่ยวเข้ามา 348,699 คน เฉลี่ยวันละ 2-2.5 หมื่นคน โดยประเทศที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากสุด คือ 

1.) มาเลเซีย 6.1 หมื่นคน 
2.) อินเดีย 5.1 หมื่นคน 
3.) สิงคโปร์ 3.1 หมื่นคน 
4.) เวียดนาม 1.8 หมื่นคน 
และ 5.) สหรัฐอเมริกา 1.5 หมื่นคน 

ส่วนตั้งแต่ยกเลิก Test & Go จะเห็นว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น หากนับตั้งแต่ต้นปีที่เข้ามามากสุด คือ อินเดีย 1.69 แสนคน 

"ส่วนไทยเที่ยวไทยมี 53.52 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 127% จังหวัดเป้าหมายที่ไปท่องเที่ยวมากสุด คือ กทม. ชลบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ขณะที่เรามีรายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขอบคุณคนไทยเที่ยวไทย สร้างเม็ดเงิน 2.48 แสนล้านบาท มากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งการผ่อนคลายที่จะเกิดขึ้น เช่น Thailand Pass อาจทำให้ขึ้นมาเป็นแสนล้านบาทโดยเร็ว" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ชื่นมื่น ควง ‘ชัชชาติ-นายกเมืองพัทยา’ แถลงข่าวพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลเต็มที่

(17 มิ.ย.65) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 9/2565 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจจำนวนมาก โดยทันทีที่ถึงโพเดียมนายกฯ ได้หันไปบอกนายชัชชาติว่า เห็นไหมวันนี้สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ นายชัชชาติ จึงกล่าวตอบว่า “ครับ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ” 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีแถลงว่า วันนี้ถือเป็นอีกวาระหนึ่งที่มีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อจะอนุมัติอนุญาต ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์หลักการต่าง ๆ มากมายหลายประการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ที่เราพยายามปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสถานการณ์การแพร่เชื้อ การติดเชื้อ การเสียชีวิตก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

“วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับนายกเมืองพัทยา และผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าเราจะร่วมมือกันทำงานที่เราต้องรับผิดชอบกันด้วยความร่วมมือกันอย่างครบถ้วนในทุก ๆ เรื่อง ผมพูดคุยกับท่าน เพราะรู้จักท่านดีอยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้แนะนำทั้ง 2 ท่านให้ที่ประชุมศบค.ด้วย ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน ช่วยกันทำทุกอย่างให้พี่น้องประชาชนของเราทั้งประเทศ และวันนี้ที่เชิญมาพิเศษคือ นายกเมืองพัทยา เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และในส่วนของกทม.ถือเป็นปกติที่มาร่วมประชุมกันอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงของการเลือกตั้งที่ส่งปลัดฯกทม.รักษาการมาแทน ก็เข้าใจกันทั้งหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เชิญนายชัชชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นผู้เข้าร่วมประชุมก็พร้อมดำเนินการร่วมกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะว่า เราต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ในส่วนของมติศบค. ก็มีความผ่อนคลายขึ้น คิดว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง และเราก็พร้อมที่จะดำเนินงานทุกอย่างกับทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดให้ทางศบค.เป็นผู้ชี้แจง

ควันหลง ‘นายกฯ’ ลงพื้นที่ ‘สกลนคร’ รับฟังปัญหาด้วยตัวเอง – เร่งบรรเทาความเดือดร้อนปปช.

เก็บตกจากสกลนคร! ‘บิ๊กตู่’ ได้หารือนอกรอบ ผู้ว่าฯ จุรีรัตน์ เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ พร้อมให้เร่งแก้ความเดือดร้อนประชาชน

หลายคนอาจค่อนขอดการลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า เป็นการลงพื้นที่เพื่อสำรวจคะแนนนิยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับสั่งการให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าสำรวจและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน

ขณะที่ในแต่ละจุดที่ นายกรัฐมนตรี ได้แวะเยี่ยมเยือน ยังได้สั่งการอย่างเป็นระบบอีกด้วย 

โดยจุดที่ 1 ที่ได้ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) และโอกาสความก้าวหน้าของสกลนครในการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร ณ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อ.พรรณานิคม ได้สั่งการให้

1) การใช้ประโยชน์จากข้อมูล TPMAP โดยให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางในการยกระดับการเก็บข้อมูลประชากรให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และนำข้อมูลดังกล่าวมากำหนดแนวทางในการวางแผนโครงการและการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

2) การยกระดับและพัฒนาคุณภาพการผลิตสมุนไพร ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงองค์ความรู้จากงานวิจัยมาพัฒนา มาช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตสมุนไพรให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การดำเนินการ และผลักดันการพัฒนาศักยภาพของผู้ปลูกสมุนไพรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ 

3) การส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยทางโลจิสติกส์ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการรวมกลุ่มทางโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการสมุนไพรรายย่อย เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

4) การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติกัญชาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสร้างการรับรู้กับประชาชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการนำกัญชาไปใช้จนเกิดโทษแก่ร่างกาย 

ขณะที่ จุดที่ 2 เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร ได้มอบหมายให้

1) การส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ปศุสัตว์ และนวัตกรรมทางการเกษตร 
    - ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาและสร้างความหลากหลายของสายพันธุ์ปศุสัตว์ต่างๆ ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น และตรงความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขยายการเพาะพันธุ์กระต่ายให้มากขึ้นโดยอาจดำเนินการในรูปแบบของธนาคารกระต่าย
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ ตลอดจนกำกับดูแลเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาอย่างเคร่งครัด

‘ชัชชาติ’ ชม ‘บิ๊กตู่’ มองประโยชน์ปชช.เป็นที่ตั้ง ฟาก ‘สุพัฒนพงษ์’ เสริม ให้หนุนเรื่องไหนบอก

‘ชัชชาติ’ ออกปากชมนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา เผย ‘บิ๊กตู่’ ขอให้จับมือร่วมกันทำงานยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมเผยไม่ติดใจปมคลุมถุงดำ-มัดมือ ช่วงรัฐประหาร คสช. ขอทิ้งอดีต มองไปที่อนาคตข้างหน้า พร้อมลงพื้นที่ร่วมกัน

(17 มิ.ย.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พาชมตึกภักดีบดินทร์ หลังจบประชุมศบค.ว่า นายกฯพาดูตึกใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็นเพราะเพิ่งสร้าง และนายกฯได้แสดงความยินดีกับตน และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยขอให้ร่วมมือกันทำงาน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และตนเคยเจอนายกฯเมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ท่านขอให้เน้นการทำงานและประสานงานร่วมกัน โดยกทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย

นายชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังได้พูดคุยกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้ากทม.กับรัฐบาลร่วมมือกันได้ เช่น เรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน เป็นต้น และตนได้แจ้งว่า กทม.อยากจัดงานถนนคนเดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุพัฒนพงษ์ บอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกัน และให้เอารายละเอียดโครงการมาพูดคุย เพื่อดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องไหนได้บ้าง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะ กทม.เป็นองค์กรท้องถิ่น ที่จะต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะสุดท้ายประโยชน์จะอยู่ที่ประชาชน

19 มิถุนายน พ.ศ. 2446 ในหลวง ร.5 เสด็จฯ ทรงเปิดการเดินรถไฟ เส้นทาง ‘สถานีบางกอกน้อย-เพชรบุรี เป็นครั้งแรก

วันนี้ในอดีต วันที่ (19 มิถุนายน พ.ศ. 2446) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดการเดินรถไฟ ในเส้นทางสายใต้ เป็นครั้งแรก ระหว่างสถานีบางกอกน้อย - เพชรบุรี ระยะทาง 150.49 กิโลเมตร

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง และขยายกิจการรถไฟ เพิ่มเติม โดยทรงมีพระราชดำริ ให้กระทรวงโยธาธิการ และกรมรถไฟ วางแผนงาน เพื่อสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดเพชรบุรี เมื่อปี พ.ศ.2441 ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ (8 กรกฏาคม 2442) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟสายนี้ เริ่มตั้งแต่ ปากคลองบางกอกน้อย ถึงเพชรบุรี เป็นทางกว้าง 1 เมตร ระยะทาง 150 กิโลเมตร แล้วเสร็จเปิดเดินรถได้ เมื่อวันที่ (19 มิถุนายน 2446)

ดังปรากฏในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 20 ร.ศ. 122  “ด้วยการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมรถไฟจัดสร้างทางรถไฟหลวงตั้งแต่ปากคลองบางกอกน้อยไปเมืองเพชรบุรีนั้น บัดนี้การสร้างทางรถไฟสายนี้สำเร็จตลอดถึงเมืองเพชรบุรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดการเปิดรถไฟสายนี้ เพื่อให้มหาชนโดยสารไปได้สะดวกต่อไป….”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top