Sunday, 6 July 2025
ค้นหา พบ 49226 ที่เกี่ยวข้อง

จังหวัดฉะเชิงเทรา ผุดโครงการ ‘ไม่เผา เราทำได้’ ดันราชสาส์นโมเดล เป็นต้นแบบ รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร เพื่อลดปัญหาการเผาตอซังฟางข้าวของเกษตรกร ต้นตอปัญหาฝุ่น PM 2.5

นายเกรียงไกร ปัญญาพงศธร นายอำเภอราชสาส์น เป็นประธานเปิดกิจกรรม รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่เกษตรอำเภอราชสาส์น พ.ศ.2564 “ไม่เผา เราทำได้” จัดขึ้นที่หอประชุมอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งพร้อมด้วย สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา กรมควบคุมมลพิษ

และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติไทยพีบีเอส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. สำนักงานเกษตรอำเภอราชสาส์น สถานีตำรวจภูธรราชสาส์น ส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอราชสาส์น บริษัท ยันมา เอส พี จำกัด บริษัท ป.ต.ท. จำกัด (มหาชน) เกษตรกร และนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมพิธีเปิดอย่างพร้อมเพรียง

โดยสาเหตุหลักที่เกษตรกรมีการเผาในพื้นที่เกษตร เนื่องจากเกษตรกรมีต้นทุนน้อย การเผาเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และเกษตรยังไม่มี วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลการเกษตร ที่จะนำมาอัดฟาง เป็นต้น

ขณะเดียวกัน การซื้อ - ขายฟาง มีข้อจำกัด ได้แก่ การซื้อไม่ทันเนื่องจากผู้ค้าน้อยราย การเข้าไม่ถึงแปลงที่ที่ต้องการซื้อ และที่สำคัญการประสานบูรณาการระหว่างหน่วยงาน และการบังคับใช้กฎหมายยังขาดประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ "ราชสาส์นโมเดล" จึงเป็นแนวทางลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ซึ่งมีการประชุมผู้เกี่ยวข้อง ทบทวนปัญหาที่ผ่านมา กำหนดแนวทาง การบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนงาน

ภายใต้โครงการรณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร อำเภอราชสาส์น มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกลดการเผาเสริมความรู้เทคนิควิธีทำนาโดยไม่ต้องเผา เช่น ไถกลบ การหมักตอซัง ขอความร่วมมือ สร้างแรงจูใจ เกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการฯ และทำข้อตกลง(MOU)หยุดเผา ซึ่งมีเกษตรกรที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์ไม่เผา เราทำได้ รวม 604 ราย ทั้งนี้ ยังได้มีแปลงสาธิต เพื่อสาธิตการไถกลบตอซัง และการปรับปรุงบำรุงดิน และได้มีการขอรับการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์

ทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน ตามมาตรการ ดึงฟางออกจากไฟ เป้าหมายคือ การนำฟางออกจากพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยหาผู้รับซื้อฟางให้เพียงพอต่อปริมาณฟาง และ ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการทั้งการซื้อ และการขนส่งฟาง โดยมีการจัดกิจกรรม Kick Off โครงการรณรงค์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร อำเภอราชสาส์น

พร้อมทั้งกำหนดมาตรการรับมือ ด้วยการจัดชุดเฝ้าระวัง และชุดระงับเหตุ และบังคับใช้กฎหมาย ติดตามประเมินผล เพื่อเป็นข้อมูลขับคลื่อนในปีต่อไป เช่น ผลผลิต รายได้เกษตรกรหลังเข้าร่วมโครงการ

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันพบว่าในประเทศไทยมีการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมเป็นปัญหาสำคัญ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดมลภาวะส่งผลต่อสุขภาพของประขาชนในพื้นที่แล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร ในส่วนของอำเภอราชสาส์นเอง มีพื้นที่ทำนาถึง 31,000 ไร่ หลังการเก็บเกี่ยว

โดยเฉพาะเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี มักพบการเผาตอชังฟางข้าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ อำเภอราชสาส์นจึงได้จัดทำโครงการ รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร เพื่อลดสาเหตุของการเกิดมลภาวะโดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และเพิ่มทางเลือกเพื่อทดแทนการเผา เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ส่งผลต่อผลผลิต รายได้และความยั่งยืนของเกษตรกรต่อไป


ศักรินทร์ กิยาหัต รายงาน

ส.ส.พลังประชารัฐ ขอพรรคการเมือง เลิกตีตราจอง แสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ ชี้ควรเคารพเสียงของประชาชน เป็นผู้ตัดสินใจเลือกคนมาทำงานเป็นตัวแทน แนะพรรคการเมืองควรทำหน้าที่เป็นตัวเลือก ไม่ใช่ผู้ชี้ขาด

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ส่งตัวแทน คือ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อมในเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช แทน นายเทพไท เสนพงศ์ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมือง ว่า เป็นเพราะตนเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

การที่พรรคส่งตัวแทนผู้สมัคร นั่นหมายความว่า พรรคไม่สนับสนุนให้มี “การตีตราจอง” ว่าใครเป็นเจ้าของพื้นที่ และ ยืนยันว่า จะไม่มี “การฮั้วกันทางการเมือง” แต่เป็นการเพิ่มช่องทางตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับประชาชน

“30 ปี ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ต้องเผชิญกับคำว่า "พรรคของเรา คนของเรา" มาโดยตลอด คนภายนอกอาจมองว่า พื้นที่นี้มีแต่พรรคการเมือง พรรคเดียวเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว ในสนามเลือกตั้งไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่ที่แท้จริงนอกจากพี่น้องประชาชน”

สำหรับวันนี้บ้านเมืองอยู่ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเลือกตั้งซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในระบอบประชาธิปไตย จึงควรที่จะต้องมาจากคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน ในฐานะพรรคการเมือง เราเป็นเพียงตัวเลือกของพี่น้องประชาชน ในการเสนอตัวรับใช้ ไม่ใช่ “การตีตราจอง” ว่า พื้นที่นี้เป็นของฉัน หรือพื้นที่นี้เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง

และ ผมเชื่อว่า “การฮั้ว” กัน ไม่ใช่หนทางของการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง และยังขัดต่อหลักการอย่างที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นการกระทำที่ปิดโอกาสทางเลือกให้พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจเลือกผู้แทนที่เขาอยากเลือก เพื่อมาทำงานรับใช้เขา

“สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันในหลักการมาโดยตลอดคือ เราต้องให้ความเคารพต่อคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน แม้ว่าเขาไม่ได้เลือกเรา แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะต้องพ่ายแพ้ในเขตเลือกตั้งนั้นๆ เราไม่เคยตีโพยตีพาย แต่เราต้องใช้สถานการณ์ดังกล่าวในการคิดทบทวน และปรับปรุงตัวเราเอง”

อย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชารัฐ เคารพและถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุดที่พี่น้องประชาชน ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตัวแทนของพรรค เราเชื่อว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้รับ คือ “คะแนนบริสุทธิ์” ที่พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตัวแทนของเขาแล้ว และคือผู้ให้โอกาสเราได้ทำงานตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจนั้น โดยเราพร้อมที่จะยอมรับกติกาที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

รายงานจาก TechCrunch ได้มีการเปิดเผยว่า Instagram กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ที่เลียนแบบการจัดวางฟังก์ชันการใช้งาน Story ให้เป็นฟีดแนวตั้ง (Vertical) เหมือนกันแอปพลิเคชัน TikTok จากจีน หลังจากก่อนหน้านี้ หากผู้ใช้งานต้องการดู Story ถัดไป

แนวคิดในการการปรับฟังก์ชันใน Story ครั้งนี้ของ Instagram มาจากผลงานวิจัยต่างๆ ที่ทางทีม Instagram ค้นหามา โดยพวกเขาพบว่า เหล่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ จะมีความรู้สึกที่ดีกับการปัด ‘ขึ้น และ ลง’ มากกว่า เพราะรู้สึกถึงความสะดวกและง่าย ซึ่งนั่นก็ไปตรงกับลักษณะการทำงานของแอป ‘TikTok’

ล่าสุด หนึ่งในผู้พัฒนา Instagram อย่าง Alessandro Paluzzi ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้เขาได้เขียนโค้ดรองรับการเปลี่ยนแปลงสำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ทดลองใช้งานมันจริงๆ และตัวเขาก็รู้สึกว่า “น่าใช้งานมากกว่า”

ขณะที่หัวเรือใหญ่ของ Instagram อย่าง Adam Mosseri ก็ได้เผยว่า การพัฒนาในครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากการพัฒนาฟีเจอร์ที่ออกมาในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่าง Reels หรือฟีเจอร์อัดคลิปวิดีโอสั้นความยาว 15 วินาที แต่ถึงกระนั้นหากสิ่งไหนที่ทำให้ผู้ใช้งานชื่นชอบ และ ง่ายต่อการใช้งาน ก็พร้อมที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับ Instagram

ทั้งนี้ Adam Mosseri ยังบอกอีกว่า สิ่งต่อไปที่เขากำลังจะพัฒนาคือ การแบ่งความแตกต่าง ให้ชัดเจนระหว่าง IGTV และ การโพสต์วิดีโอทั่วไป ผ่านแอป Instagram


ที่มา:

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/3635479016544463/

https://techcrunch.com/2021/02/03/instagram-confirms-its-working-on-a-vertical-stories-feed/?fbclid=IwAR1qGr9-NpJZse2MidEgDNRP2_L_dCblJz_ATfdjDy3uwJBakkmFL5hl0K0

https://www.theverge.com/2021/2/3/22264891/instagram-stories-vertical-feed-tiktok-style?fbclid=IwAR35w-5op71Yaog34nobQBNNjg_p7NrNYWouc1BOFXBHlXb2SB5WbuJlJkg

“ธนาธร” ขึ้นศาลไต่สวนเพิกถอนคำสั่ง ดีอีเอสขอระงับเผยเเพร่ข้อมูลไลฟ์สดวัคซีนป้องกันโควิดกระทบมั่นคง มั่นใจพูดโดยสุจริต พร้อมย้ำต้องแก้ม.112 เหตุมีโทษที่สูงเกินไป

วันที่ 4 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมาที่ศาลเพื่อเข้าฟังนัดไต่สวนคำร้องคัดค้านของคณะก้าวหน้า ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลสั่งลบลิงค์ตามคำขอ กระทรวงดิจิตอลฯ (MDES) การเผยแพร่ภาพ-คลิปเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดพาดพิงสถาบันฯ ผ่านเพจคณะก้าวหน้า

นายธนาธร เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในวันนี้ ตนมาที่ศาลเพื่อขอคัดค้านใบคำสั่งจากกระทรวงดิจิตอลฯที่ขอให้ ปลดการไลฟ์เฟซบุ๊ก ทั้งในช่องทางเฟซบุ๊ก และยูทูป

เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าการตั้งคำถามในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันสามารถใช้หลักการวิจารณ์สุจริตกล่าวอ้างต่อศาลได้หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนเห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองล้วนเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ สถาบันพระมหากษัตริย์ก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทย ดังนั้นการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยสุจริต โดยไม่ว่าร้ายพยาบาท เพื่อหวังดีต่อสังคม ย่อมเป็นสิ่งที่พลเมืองพึงกระทำได้

เมื่อถามว่าคิดว่าศาลจะใช้ดุลยพินิจที่ครอบคลุมถึงหลักการข้างต้นด้วยหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า อันนี้ตนคงก้าวล่วงศาลไม่ได้ เพราะเห็นว่าสิ่งที่เราวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลให้คนไทย เป็นสิ่งที่พวกเราทำด้วยความประสงค์ดี ก็หวังว่าศาลคงจะเข้าใจ ตนคงไม่ไปก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาล

เมื่อถามว่าจนถึงตอนนี้แล้วมองว่าขอบเขตความผิด ม.112 ในประเทศไทย มีความต่างจากประเทศที่ปกครองด้วยราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญอย่างไรบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ใน ม.112 เป็นมาตราที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างแน่นอน เพราะสิทธิสิทธิมนุษยชนนั้นคือการมีเสรีภาพทางการแสดงออก และม.112 มีโทษที่สูงเกินไปด้วย จึงเห็นว่าควรมีการแก้ไขกฎหมาย ม.112

เมื่อถามว่าคิดว่าอะไรเป็นตัวแปรที่ทำให้สัดส่วนโทษทางอาญาของมาตรา 112 ในไทยรุนแรงกว่าชาติอื่น ที่ยังคงมีระบบกษัตริย์ นายธนาธร กล่าวว่า ตรงนี้ตนคงไม่ทราบ ต้องไปถามนักกฎหมาย

เมื่อถามว่าในวันนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี จะเดินทางมาไปแจ้งความเพิ่มเติม นายธนาธร กล่าวว่า เชิญครับเพราะตนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ ขอเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างนี้ว่าจนถึงวันนี้รัฐบาลไทยก็ยังไม่สามารถให้คำสัญญากับประชาชนได้ว่าตกลงวัคซีนที่จัดซื้อจัดหาได้แล้วจะมีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ เอกสารทางราชการก็ระบุไว้ชัดเจนว่าการหาวัคซีนให้คนไทยล่าช้าไป 1 เดือน ความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นแสนล้านบาท อย่าลืมว่าเมื่อไม่นานมานี้เองรัฐบาลยังยืนยันว่าจะฉีดวัคซีน 50% ให้กับคนไทยภายใน 3 ปี แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อมีการตั้งคำถามจากประชาชนที่ต้องการเห็นการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยได้อย่างเร็วที่สุด

ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องกลยุทธ์การจัดซื้อหาวัคซีนและการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยเป็นสิ่งที่พึงกระทำและตนอยากจะเห็นรัฐบาลให้คำสัญญาที่ชัดเจนว่าตกลงจะฉีดวัคซีนให้กับคนไทยได้จำนวนมากเท่าไหร่ในเวลาเท่าไหร่ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน คนที่หาเช้ากินค่ำ คนที่เป็นแรงงานนอกระบบไม่มีประกันสังคม ไม่มีความมั่นคงในชีวิตรอนานเป็นปีไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนกันแล้วอย่างอิสระเอลตั้งเป้าว่าจะฉีด วัคซีนให้ครบ 100% ให้ครบจำนวนประชากรในไตรมาสที่ 1 และวันนี้อังกฤษฉีดไปแล้ว 10 % อเมริกา 6-7 % ประเทศอินโดนีเซียก็เริ่มฉีดแล้ว ตนจึงเป็นกังวลเรื่องนี้ การมีวัคซีนเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ตราบใดที่เราฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมจำนวนประชากร เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันในสังคมไม่ได้ เราก็ยังอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด

ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ระบุว่า วันนี้เตรียมพยานหลักฐานมาพอสมควร แต่ต้องรอดูพยานหลักฐานฝั่งผู้กล่าวหาก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่มองว่าเรื่องนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนก็ได้ เพราะเจตนาของนายธนาธรคือต้องการจะปกป้องประชาชนจากนโยบายที่อาจจะผิดพลาดของรัฐบาล

"ผมไม่รู้ว่าจะใช้เวลาไต่สวนนานเท่าไหร่ แต่ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่พูดไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเพื่อปกป้องภาษีของประชาชน การสั่งซื้อวัคซีนจากแอสทราเซเนก้า เป็นเงินที่มาจากประชาชน ใช้ภาษีของประชาชน ดังนั้นการตรวจสอบการใช้เงินย่อมเป็นเรื่องที่พลเมืองพึงที่จะกระทำได้" นายธนาธร กล่าวทิ้งท้าย

เจ้าของเฟซบุ๊ก Natty in Myanmar โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยเอกสารที่มีการแพร่ในโลกโซเชี่ยลของเมียนมา ถึงการบล็อก Facebook / IG และ Messenger

เอกสารฉบับนี้แพร่หลายในโลกโซเชียลของเมียนมา ช่วงประมาณตี 2 ความว่า จะมีการตัดการเข้าถึง Facebook ตั้งแต่คืนนี้ ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 23:59 น.

มีรายงานว่า คนที่ใช้อินเตอร์เนทบ้าน หรือมือถือของค่าย MPT ไม่สามารถเข้าFacebook / IG / Messengerได้แล้ว คาดว่าภายในเช้านี้ค่ายอื่นๆ ก็จะทยอยบล็อกเช่นกัน

การดำเนินการดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นความพยายามในการจัดการกับการรุกฮือขึ้นต่อการรัฐประหารครั้งล่าสุด ซึ่งก็เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการอารยะขัดขืนโดยบรรดาแพทย์ และการออกมาชุมนุมทั้งในประเทศ และต่างประเทศของชาวเมียนมา

ส่วนของสาเหตุในการปิดการเข้าถึง Facebook นั้น เนื่องมาจากความนิยมใช้งานของชาวเมียนมา ที่ถือว่าเป็น Domain หลักที่ผู้คนมักใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็นในทางสังคม และทางอื่นๆ โดยคนเมียนมาเวลาค้นหาข้อมูลจะไม่นิยมค้นหา Google เท่าไรนัก แต่จะใช้วิธีการค้นหาผ่าน Facebook มากกว่า หรือหลายครั้งที่มีการสร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆ ก็จะเพิ่มเพื่อนใน Facebookทันที


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=259970128827438&id=100044433576342


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top