Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

กล้วยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ง่ายอีกทั้งยังอุดมไปด้วยประโยชน์มหาศาล วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับประโยชน์ของกล้วย 17 ประการ ที่บอกเลยว่าใครได้รู้ต้องร้องว้าว!

รู้ไหมคะว่ากล้วยเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีสารอาหารมากที่สุดในโลก อีกทั้งมีโพแทสเซียมในปริมาณที่สูงที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมด หากคุณกินกล้วยสุกวันละสองลูก คุณจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมหาศาลและสิ่งที่เรียกว่า Tumor Necrosis Factor ซึ่งช่วยในการต่อต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็งและสารอาหารก็จะสูง เท่านั้นยังไม่พอคุณจะได้รับประโยชน์อะไรอีกบ้างจากการกินกล้วยสองสามลูกในแต่ละวัน ไปดูกันเลย

1.) กล้วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะมีระดับของเซโรโทนินในสมองต่ำ กล้วยมีทริปโตเฟนในระดับสูงซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน กล้วยจึงช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้

2.) คุณจะมีพลังงานมากขึ้น กล้วยมีน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ฟรุกโตส กลูโคส และซูโครส และเป็นไฟเบอร์ที่ดี โรงไฟฟ้าแห่งโภชนาการนี้ให้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและยั่งยืน กล้วยเพียงสองลูกให้พลังงานเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย 90 นาที!

3.) กล้วยช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก ด้วยแคลอรี่เพียง 100 แคลอรี่ต่อมื้อ กล้วยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักสักสองสามปอนด์ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ 3 กรัมช่วยให้เรารู้สึกอิ่มมากขึ้นและลดความอยาก

4.) กล้วยดีต่อสมอง กล้วยจะปล่อยพลังงานออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้สมองตื่นตัวได้นานขึ้น ระดับโพแทสเซียมที่สูงทำให้เราตื่นตัวมากขึ้น และแมกนีเซียมช่วยให้สมองมีสมาธิ

5.) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของคุณ กล้วยมีโพแทสเซียมและวิตามินบี 6 ในปริมาณสูง กล้วยเป็นแหล่งสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างฮอร์โมน

6.) ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้อง กล้วยที่มีโพแทสเซียมสูงช่วยลดความเป็นกรดของกระเพาะอาหารในขณะที่ไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหาร ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จำเป็นต่อการบรรเทาอาการเสียดท้อง

7.) กล้วยช่วยลดความดันโลหิต การวิจัยพบว่าการกินกล้วยสองลูกต่อวันสามารถลดความดันโลหิตได้ 10% สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต กล้วยมีโซเดียมต่ำและโพแทสเซียมสูงจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการบริโภค

8.) ช่วยให้เลือดของคุณแข็งแรง กล้วยมีธาตุเหล็กในปริมาณที่ดีช่วยให้เลือดแข็งแรงและลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง กล้วยยังมีวิตามิน B6 ในปริมาณสูง นอกจากนี้กล้วยยังช่วยในการผลิตเม็ดเลือดขาว

9.) กล้วยดีต่อกระดูก สารอาหารในกล้วยช่วยเสริมสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรงโดยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม

10.) กล้วยต่อสู้กับความเจ็บป่วย กล้วยมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูง ให้การปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วย เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ

11.) ช่วยในการเลิกบุหรี่ได้ แม้ว่าอาจเป็นการกล่าวอ้างที่ถกเถียงกัน แต่กล้วยมีส่วนผสมของโพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 6 เมื่อรวมกันแล้วสารอาหารเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเลิกนิโคตินได้เร็ว

12.) กล้วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ในขณะที่แพทย์ในอินเดียได้ประกาศถึงประโยชน์ของกล้วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารมาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อไม่นานมานี้แพทย์ในอังกฤษได้ค้นพบสิ่งเดียวกันนั่นคือกล้วยมีสารไซโตอินโดไซด์ ซึ่งช่วยป้องกันและสมานแผล

13.) สามารถแก้อาการเมาค้างได้ ด้วยการมีอิเล็กโทรไลต์ในปริมาณสูง กล้วยจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งในการควบคุมระดับอิเล็กโทรไลต์และทำให้ร่างกายกลับมามีสุขภาพดี

14.) ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เพราะกล้วยมีเส้นใยสูงและมีไฟเบอร์ ช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ

15.) กล้วยช่วยป้องกันความผิดปกติของสมอง กล้วยอุดมไปด้วยแมกนีเซียมช่วยในการเปลี่ยนกรดไขมันให้เป็น DHA ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 ที่สำคัญ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการขาด DHA และความผิดปกติของระบบประสาท เช่น โรคสมาธิสั้นและโรคอัลไซเมอร์ อ้อ! กล้วยมีวิตามินบีสูงช่วยป้องกันโรคพาร์คินสันได้ด้วยนะ

16.) กล้วยช่วยเพิ่มความจำ กล้วยสามารถช่วยปรับปรุงและรักษาความจำได้ เนื่องจากมีทริปโตเฟน โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในระดับสูง

17.) กล้วยช่วยให้หัวใจแข็งแรง กล้วยมีสารอาหารและวิตามินในปริมาณสูง การเพิ่มปริมาณโพแทสเซียมและการลดปริมาณโซเดียมอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คนสามารถทำได้เพื่อปกป้องหัวใจของพวกเขา และกล้วยเป็นอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงและมีโซเดียมต่ำ อีกทั้งส่วนผสมของไฟเบอร์ วิตามินซี และบี 6 ในกล้วยยังส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด 

เป็นยังไงกันบ้างคะ คาดไม่ถึงเลยใช่ไหมว่ากล้วยที่เราเห็นอยู่ทุกวันจะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ อ่านจบแล้วต้องรีบไปหากล้วยมาทานเลยนะเนี่ย


ที่มา: https://www.powerofpositivity.com/eat-two-ripe-bananas-every-day-for-30-days/

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัลใหญ่ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ระหว่างปี 2001 - 2020

สร้างสถิติและล่ารางวัลไม่หยุดหย่อน สำหรับซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งได้รับรางวัลใหญ่ ‘นักเตะยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ระหว่างปี 2001-2020’ จากงาน The Globe Soccer Award ที่จัดขึ้นโดยสมาคมกีฬาดูไบ ณ เบิร์จ คาลิฟา ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

งานนี้เจ้าตัวได้ออกมาเผยในฐานะที่ได้รางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้ว่า "ผมอยากจะพูดขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ได้โหวตให้แก่ผม รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมทุก ๆ คน ทุกสโมสรที่ผมเคยลงเล่น และรวมถึงทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งยังมีครอบครัวของผม รวมไปถึงเพื่อน ๆ และแน่นอนลูก ๆ ทั้ง 3 คน กับแฟนสาวของผมด้วย ที่พวกเขาคอยช่วยเหลือให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในฐานะผู้เล่น และในฐานะคน ๆ หนึ่ง"

"อย่างที่ผมได้พูดมาตลอดว่า การคว้ารางวัลนั้น มันทำให้ผมมีแรงผลักดันที่จะดำเนินชีวิตของผมต่อไป ด้วยการเล่นฟุตบอล และมันเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ที่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งกับความสำเร็จในครั้งนี้ ที่เหล่าบรรดาผู้เล่นชั้นยอดนั้นต้องมาคัดเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งคนที่ดีที่สุด ซึ่งมันเป็นเกียรติมาก ๆ แก่ตัวผม"

"มันจะไม่มีประโยชน์อะไร หากคุณมีพรสวรรค์ แต่ขาดความพยายาม ถ้าคุณต้องการที่จะได้สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต คุณต้องเต็มใจที่จะทุ่มเททุกอย่างของคุณลงไปในงานที่คุณทำ"

ด่วน! ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ‘วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี’ติดโควิด เร่งตรวจสอบคนใกล้ชิด-กลุ่มเสี่ยงสูงขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ผลตรวจเป็นลบ แต่ต้องกักตัว 14 วัน หลังร่วมกิจกรรมกับผู้ว่าฯสมุทรสาคร

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ยอมรับว่า มีข้าราชการระดับสูงของจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด หลังจากมีกระแสข่าวระบุว่านายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด-19

โฆษก ศบค.ระบุอีกว่า ขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยการทำ swap test และกักตัว เนื่องจากได้เข้าร่วมทำกิจกรรมและประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

ด้านคนใกล้ชิดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวดังกล่าวแล้ว และยืนยันผลการตรวจดังกล่าวว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งนายอนุทินเองก็ได้รับการตรวจ ทั้งการ ตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและคอหรือ SWAP (สวอป) แล้วและผล ออกมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ธันวาคมนี้พบว่า เป็นลบ แต่อย่างไรก็ตาม นายอนุทินจะเข้ากักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการของด้านสาธารณสุข ดังนั้นในวันอังคารที่ 29 ธันวาคมนี้นายอนุทินจะไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่อย่างใด

 

ความเปลี่ยนแปลงของเมียนมาในปี 2020

คอลัมน์ AEC ภาคปฏิบัติ

ในช่วงเวลาที่เรามีการพูดถึงการแพร่ระบาดกันมากของโควิด-19 ในประเทศไทย โดยพุ่งประเด็นไปที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวเมียนมาที่ทำงาน ณ ตลาดกุ้งในจังหวัดสมุทรสาครนั้น จะว่าไปแล้ว ปี 2020 ก็เป็นปีที่มีความตื่นเต้นไม่น้อยในเมียนมา

โดยครึ่งปีแรก ในช่วงเวลาที่มีการระบาดของโควิด-19 ในหลาย ๆ ประเทศ  เมียนมาเองกลับเป็นชาติที่มีอัตราการติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ และอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำไป   เหตุการณ์เริ่มมาพลิกผันในช่วงไตรมาสที่สามของปีที่การระบาดเริ่มเพิ่มจำนวนสูงขึ้นจากการติดเชื้อมาจากการเดินทางระหว่างพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมายังนครย่างกุ้ง และขยายไปเมืองอื่น ๆ ในระยะต่อมา

ปีที่ผ่านมา ไทยเราติดอันดับ 4 ในการเป็นผู้นำเงินไปลงทุนในเมียนมา โดยที่ผู้ลงทุนมากที่สุดได้แก่ สิงคโปร์  ตามด้วยจีน  และฮ่องกง ที่มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนมาลงทุนกันมาก กลับกันในปีนี้ ไทยเรากลับไม่ติดในTop 5 ของการลงทุน แต่กลับมีอังกฤษและญี่ปุ่นสอดแทรกเข้ามาในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ในเมียนมาตามลำดับ 

เมียนมา เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจสูงขึ้นทุกปี โดยรัฐบาลมองการเพิ่มขนาดของGDP ให้โตได้เท่าตัวภายในปี 2029 รัฐบาลเองได้วาง 10 กลยุทธ์ 76 แผนปฏิบัติการภายใต้ชื่อ CERP (COVID19 Economic Relief Plan) โดยใช้ Digital economy เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อน (Digital Trading เติบโตถึง 183% ในเมียนมา โตเป็นลำดับ 7 ในอาเซียน)

นอกเหนือจากการวางรากฐานทางการเงิน และอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ การปรับโครงสร้างเรื่องแรงงาน   การจัดการด้านครัวเรือน ประชากรศาสตร์  และให้ความสำคัญด้านระบบสาธารณสุข ปัจจุบัน เมียนมามีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสาธารณสุขอยู่เพียง 130,000 คน มีหมอ 35,000 คน  พยาบาล 35,000 คน  หมอฟัน 12,000 คน และอื่น ๆ อีกไม่มาก

ซึ่งจะต้องเร่งเพิ่มปริมาณให้มีจำนวนมากขึ้นกว่านี้ ล่าสุดเมียนมาได้อัดฉีดเงินเข้าระบบสาธารณสุข โดยทำให้ยอดเงินลงทุนด้านสาธารณสุขปรับมาอยู่ที่ระดับ 5USD ต่อประชากรหนึ่งคน  และนอกจากนี้รัฐบาลยังได้อนุมัติในการกู้เงินเพื่อนำมาซื้อวัคซีนป้องกันโรคระบาด COVID-19 ไว้อีกระดับหนึ่ง  

ท่านผู้อ่านครับ ระบบโรงพยาบาลและสาธารณสุขในเมียนมายังค่อนข้างล้าหลัง และผู้คนต้องออกมารักษากันนอกประเทศปีหนึ่งถึง 250,000 คนโดยประมาณ ซึ่งเราจะพบว่า 56% ที่มาตรวจรักษาในประเทศไทย จนโรงพยาบาลเอกชนเราต้องรับชาวเมียนมา มาเป็นเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและไปเปิดสำนักงานตัวแทนกันถึงเมียนมาในหลากหลายเมือง

ตอนต่อไปจะกลับมาพูดถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในหมวดอื่น ๆ กันต่อครับ


จิรวัฒน์

ผู้บุกเบิกการตลาด อินโดจีน พม่า อาเซียนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ยุคที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกัน เอาประสบการณ์ตรงมาเล่าแบ่งปัน ในวันที่โควิด - 19 ล็อคประตูเพื่อนบ้าน เรายิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (28 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 144 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,285 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 19 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,180 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,045 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 144 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จาก สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย ,เนเธอร์แลนด์ 1 ราย ,เนปาล 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย ,อินเดีย 1 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,ญี่ปุ่น 3 ราย ,สหราชอาณาจักร 3 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,ตุรกี 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ (มีประวัติเชื่อมโยงกับ Cluster จ.สมุทรสาคร และ จ.ระยอง) จำนวน 115 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 14 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 364 ราย รักษาหายแล้ว 360 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.13 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.84 แสน เสียชีวิต 21,237 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.05 แสน ราย รักษาหายแล้ว 84,411 ราย เสียชีวิต 452 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.22 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.03 แสน ราย เสียชีวิต 2,601 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.7 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.39 แสน ราย เสียชีวิต 9,109 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,524 ราย รักษาหายแล้ว 58,370 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,441 ราย รักษาหายแล้ว1,303 ราย เสียชีวิต 35 ราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top