Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48951 ที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงคมนาคมแถลงผลงานรอบ 1 ปี เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้านคมนาคม เชื่อมโยงเส้นทางสู่ทุกภูมิภาคทุกมิติ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เดินหน้าสู่การคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมผู้บริหารกระทรวง แถลงผลการดำเนินงาน “การขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมสู่การปฏิบัติ” ประจำปี 2563 ของกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้านคมนาคม เชื่อมโยงเส้นทางสู่ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ นโยบายเร่งด่วน จำนวน 4 เรื่อง

1.) เร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2

2.) แก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่เกิดจากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ เรือโดยสาร พร้อมตรวจสอบสภาพและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

3.) ปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเวลาหลัง 24.00 น. ถึง 04.00 น. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร และการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบัน

4.) กำหนดอัตราความเร็วรถบนถนน 4 ช่องทางจราจรขึ้นไปให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 1 ปี ยังได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ ให้คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งริเริ่มโครงการใหม่ ๆ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ เพื่อให้โครงข่ายคมนาคมขนส่งทั่วประเทศมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งมิติคมนาคมทางบก ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง ในปี 2564 เปิดประตูเศรษฐกิจและการค้าชายแดนใต้ รองรับผู้โดยสาร 869,000 คนต่อปี

“ต่อจากนี้ไปกระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายและบริการด้านคมนาคมขนส่งของไทยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

องค์การอนามัยโลกประกาศยกให้วันที่ 27 ธันวาคม เป็นวันแห่งการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดสากล หรือ International Day of Epidemic Preparedness โดยเริ่มจากปี 2020 นี้เป็นปีแรก

หากจะมองย้อนกลับไป จะพบว่าโลกเราต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Covid-19 มาแล้ว 1 ปีเต็ม จากที่โลกเพิ่งเริ่มต้นนับ1 จากคนไข้รายแรกที่อู่ฮั่น ประเทศจีน จนถึงวันนี้มีผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกเกิน 80 ล้านคน

โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 1.76 ล้านราย ซึ่งผลพวงจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ไปไกลเกินกว่าอันตรายจากตัวของมัน แต่ลามไปกระทบกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการใช้ชีวิตของมนุษย์ในระดับที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน

แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้ออกถ้อยแถลง ในวันแห่งการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดสากลครั้งแรกของโลกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในครั้งนี้ เราควรตระหนักได้แล้วว่าควรอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดใหญ่ครั้งต่อ ๆ ไปในอนาคตข้างหน้า

และแน่นอนว่า “การเตรียมพร้อมรับมือ” เป็นการลงทุนที่สูง แต่ยังไงก็มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า “การรับมือ” เมื่อเกิดเหตุการระบาดครั้งใหญ่อย่างเทียบไม่ติด เราต้องลงทุนรับมือตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง ที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ไปสู่สังคม แต่ละชุมชนต้องได้รับการสนับสนุนด้านสาธารณสุขได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา

รวมถึงการร่วมมือ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสากล เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีชาติใดที่สามารถอยู่รอดได้เพียงชาติเดียว แต่ต้องร่วมมือให้รอดไปด้วยกันเท่านั้น จึงจะฝ่าวิกฤติครั้งนี้ได้

ทางองค์การสหประชาชาติได้แสดงความห่วงใยถึง ความเสี่ยงที่จะมีโอกาสเกิดโรคระบาดจากเชื้อโรคชนิดใหม่ เนื่องจากปัจจุบันพบว่า กว่า 74% ของโรคชนิดใหม่ ๆ เกิดจากการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน ที่มักเกิดจากการบุกรุกป่า และรุกล้ำพื้นที่ทางธรรมชาติของสัตว์ป่านำไปใช้ประโยชน์ในการทำปศุสัตว์ที่เป็นอาหารของมนุษย์

โดยทางองค์การสหประชาชาติต้องการเน้นย้ำให้เกิดการตระหนักรู้ในโอกาส และอันตรายที่อาจจะเกิดการแพร่ระบาดโรคระบาดใหญ่ครั้งใหม่ขึ้นได้อีกในอนาคต จึงเป็นที่มาของการสถาปนาวันแห่งการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดสากล ที่จะตรงกับวันที่ 27 ธันวาคมของทุกปี โดยเลือกเอาวันเกิดของ หลุยส์ ปาสเตอร์ นักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลก และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคระบาดในสัตว์ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดในมนุษย์

และองค์การสหประชาชาติ ยังคงทำงานร่วมกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยื่นคำร้องขอถอนตัว และตัดงบช่วยเหลือไปแล้วก็ตาม

จึงทำให้โลกของเรามีวันสำคัญเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน คือ วันแห่งการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดสากล ที่องค์การสหประชาชาติเน้นซ้ำย้ำชัดว่า ไม่มีการลงทุนใดที่จะคุ้มค่า และชาญฉลาด เท่ากับการลงทุนเพื่อเตรียมพร้อม ป้องกันการเกิดโรคระบาดอีกแล้ว


แหล่งข่าว

https://reliefweb.int/report/world/international-day-epidemic-preparedness-27-december

https://www.who.int/news-room/events/detail/2020/12/27/default-calendar/international-day-of-epidemic-preparedness

แนะนำ 5 เทรนด์แต่งหน้าปาร์ตี้ส่งท้ายปี 2020

เริ่มนับถอยหลังกันแล้วใช่ไหมล่ะ สำหรับการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ แม้ปีนี้อาจจะต้องฉลองแบบ ‘เบา ๆ’ ตามสถานการณ์การระบาดโควิด-19 แต่หากใครที่มีอันต้องไปร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปี จะไปแบบหน้าโล้น ๆ เลยก็ใช่ที่ เรามี 5 แนวการแต่งหน้าไปปาร์ตี้ เพื่องานเลี้ยงปีใหม่มาแนะนำกัน

เมื่อพวกทั่นมีชื่อภาษาเกาหลี

ช่วงปลายปี เห็นมีการตั้งชื่อฉายากันให้ครึกโครม คุณครูก็เลยอยากจะขอตั้งชื่อบ้าง แต่ตั้งแบบธรรมดาๆ ก็ไม่ใช่ทางเรา โฮะ ๆๆ งานนี้คุณครูขอเปิดคลาสวิชาเกาหลีค่ะ แล้วขอตั้งชื่อพวกทั่น ๆ เหล่านี้ เป็นภาษากิมจิ เอ้ย! เกาหลีนะคะ อันย๊อง!

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้ที่ประชุมครม. เดินหน้าโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลหนุนค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 5,000 บาท หวังกระตุ้นสูงวัยเที่ยวเพิ่มปีหน้า

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการประชุมจะพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า วงเงิน 5,000 ล้านบาท

เพื่อสนับสนุนนักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัย อายุ 55-75 ปี จำนวน 1 ล้านคน เดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดาผ่านบริษัททัวร์ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 5,000 บาท ให้เดินทางไปเที่ยวกระตุ้นการเดินทางในปีหน้า

ส่วนกระทรวงพาณิชย์เสนอการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมในโครการนำร่องสำหรับการดำเนินการระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของภูมิภาค โครงการที่ 2 เพื่อยุติโครการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง

โครงการที่ 2 ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และเสนอการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2564 - 2566 สินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป

ขณะที่กระทรวงการคลัง เสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก รวม 2 ฉบับ พร้อมทั้งรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top