Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

รมว.แรงงาน ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ กำชับสำนักงานประกันสังคม ดูแล ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เดินทางช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ย้ำเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้ารักษารพ. ทุกแห่งไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมเตือนการ์ดอย่าตกช่วงวิกฤตโควิด 19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยลูกจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ กำชับ นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งหน่วยงานในกำกับสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมประชาสัมพันธ์ เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินแก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่

พร้อมกำชับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน การ์ดอย่าตกในช่วงวิกฤตโควิด-19 หลีกเลี่ยงกิจกรรมการรวมตัวของคนจำนวนมา ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเอง สวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทาง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัย ปลอดโรค

ด้านนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทาง กลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ 2564

ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน พร้อมกำชับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน แก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในขณะเดินทางด้วยความระมัดระวัง ในการขับขี่ยานพาหนะ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง

พร้อมแนะนำให้พกบัตรประจำตัวประชาชน ติดตัวไว้ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือได้รับอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะพิจารณา จ่ายประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ให้ภายใน 72 ชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด

ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกันตน หรือโรงพยาบาลที่ให้การรักษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง แจ้งโรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ทราบโดยเร็ว ตั้งแต่เข้ารับการรักษา เพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบให้บริการทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตนต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้ย้ำในเรื่อง การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้วิธีป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่นี้ ให้กับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทางออกนอกบ้านในช่วงนี้ หรือเดินทางกลับภูมิลำเนา ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

โดยไม่จำเป็น และรวมตัวของคนจำนวนมาก และง่ายต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเองอย่าประมาท สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อคนไทยปลอดภัย ปราศจากโรคแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

Beyonce จะมอบเงินช่วยเหลือ 5,000 ดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องเผชิญกับการยึดทรัพย์สินหรือการถูกขับไล่ เนื่องจากวิกฤตที่อยู่อาศัยที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ผ่านมูลนิธิการกุศล BeyGOOD ของเธอ

ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2021 โดยนักร้องสาวประกาศในเว็บไซต์ของเธอเมื่อวันอังคารว่า เงินช่วยเหลือจะถูกส่งไปยัง 100 คนที่ได้รับการคัดเลือก ในช่วงปลายเดือนมกราคม

แถลงการณ์ที่ออกโดยมูลนิธิการกุศลของนักร้องดัง ระบุถึงการบริจาคเงินครั้งนี้ว่า : "Beyoncé ยังคงให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในจุดที่จำเป็นที่สุด

“ระยะที่สองของกองทุน BeyGOOD Impact Fund จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่อยู่อาศัย

"การเลื่อนการชำระหนี้ที่อยู่อาศัยกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคมส่งผลให้มีการบังคับจำนองและการขับไล่ผู้เช่า

"หลายครอบครัวได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคที่ส่งผลให้ตกงานเจ็บป่วยและเศรษฐกิจโดยรวมตกต่ำ"

การสูญเสียรายได้ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เสี่ยงต่อการถูกขับไล่ออกจากที่พักอาศัย

นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกของ Beyoncé ในการช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ที่ผ่านมามูลนิธิของ Beyonce ได้ให้การสนับสนุนอื่น ๆ ตลอดการแพร่ระบาด รวมทั้งการมอบเงินกองทุนให้กับชาวอเมริกาผิวสีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ 250 รายด้วยเงินช่วยเหลือ10,000 ดอลลาร์

ในเดือนพฤษภาคม เธอได้จัดตั้งหน่วยตรวจ Covid-19 เคลื่อนที่กับ Tina Knowles-Lawson แม่ของเธอ ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส นอกจากนี้เมื่อเดือนเมษายน เธอยังบริจาคร่วมกับกองทุน Start Small ของแจ็ค ดอร์ซีย์ ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึง 6 ล้านดอลลาร์

โดยครั้งนี้ Beyonce จะมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 ดอลลาร์ หรือราว 150,000 บาท ให้กับครอบครัวที่เดือดร้อน 100 ครอบครัวในสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ โดยจะมีการเปิดรับสมัครรอบแรกในวันที่ 7 มกราคม และเปิดรับสมัครรอบที่สองในเดือนกุมภาพันธ์


ที่มา

https://news.sky.com/story/covid-19-beyonce-donates-500-000-to-people-facing-eviction-due-to-housing-crisis-12172679

https://edition.cnn.com/2020/12/26/entertainment/beyonce-donates-eviction-housing-crisis-trnd/index.htmlutm_medium=social&utm_term=link&utm_source=twCNN&utm_content=2020-12-28T03%3A35%3A04

29 ธันวาคม พ.ศ. 2540 วันนี้ในอดีต ฮ่องกงปลิดชีวิตไก่นับล้านเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก

วันนี้โลกยังวุ่นวายกับ ‘โควิด-19’ โรคระบาดครั้งใหญ่ที่กินระยะเวลามา 1 ปีเศษๆ แต่หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 23 ปีก่อน ยังจำโรคนี้กันได้ไหมครับ ‘โรคไข้หวัดนก’ หรือ Bird Flu H5N1 มันคือไข้หวัดใหญ่ชนิด A ซึ่งถือว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดที่รุนแรงที่สุด

อันที่จริงมันถูกค้นพบมาตั้งแต่ 100 กว่าปีก่อนที่ประเทศอิตาลี แต่จุดเริ่มต้นเป็นการระบาดในหมู่สัตว์ปีกด้วยกันเอง แต่แล้วมันก็กลายพันธุ์กลายเป็นการระบาดจากสัตว์ปีกสู่คนจนได้ ซึ่งประเทศแรกที่ถูกพบก็คือ ประเทศฮ่องกง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อย จากนั้นอีก 6 ปีให้หลัง มันก็กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง เป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2540 รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศออกคำสั่ง ให้กำจัดไก่บนเกาะจำนวนนับล้านตัวให้หมดไป แม้จะดูโหดร้ายต่อสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ไปสักหน่อย แต่เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดมาสู่ผู้คน ทางรัฐฮ่องกงจึงจำเป็นต้องลงมือทำ

 

บอร์ดคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เคาะแผนส่งเสริมเอสเอ็มอี กรอบ 2 ปี จำนวน 114 โครงการ ใช้งบประมาณ 5,334 ล้านบาท หวังช่วยเพิ่มสภาพคล่อง - ฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบแผนการส่งเสริมเอสเอ็มอี ปี 64-65 มีสาระสำคัญ คือ ช่วยให้เอสเอ็มอีไทยสามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19

โดยมีแนวทาง คือ การบรรเทาปัญหาและฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 เช่น ส่งเสริมสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี ,สร้างความพร้อมให้เอสเอ็มอีด้วยการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ และปรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เกิดความสะดวก โดยเฉพาะปรับแก้กฎหมายเพื่อลดอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ

ทั้งนี้ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติการส่งเสริมเอสเอ็มอี ปี 64 - 65 และข้อเสนอโครงการและงบประมาณฯ ประจำปีงบประมาณ 65 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน ซึ่งมีโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหาร สสว. เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63 จำนวน 114 โครงการ งบประมาณ 5,334 ล้านบาท

พร้อมกับเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินสนับสนุนงบประมาณโครงการสนับสนุนเอสเอ็มอีรายย่อย จากเดิมที่จัดสรรงบประมาณให้เอสเอ็มอีโดยตรง เป็นจัดสรรเงินกองทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) งบประมาณ 5,000 ล้านบาท

กระทรวงการคลัง แนะผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 2 รีบยืนยันตัวตนด่วน ภายในวันที่ 14 มกราคม 2564 ก่อนจะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติ พร้อมจ่อเปิดลงทะเบียน รอบใหม่อีก 1 ล้านสิทธิ

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จำนวน 5 ล้านสิทธิ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2563

โดยผู้รับสิทธิจะต้องรีบยืนยันตัวตนโดยเร็ว เพราะเมื่อได้รับข้อความ SMS แจ้งยืนยันสิทธิ ต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และยืนยันตัวตนครบถ้วนตามขั้นตอน เพื่อจะได้ใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 เนื่องจากปัจจุบันนี้ พบว่า มีผู้เข้ามายืนยันตัวตนสำเร็จแล้วประมาณ 75% ซึ่งยังเหลืออีกเกือบล้านคน ที่ยังไม่ได้มายืนยันตัวตนให้ครบตามขั้นตอน

ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 สามารถเลือกยืนยันตัวตนได้หลายช่องทางตามความสะดวก ได้แก่

1.) ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

2.) ยืนยันตัวตน ณ สาขาธนาคารกรุงไทย หรือ

3.) ยืนยันตัวตนโดยใช้บัตรประชาชน ณ ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย

ภายหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ภายใน 14 วัน คือ ภายในวันที่ 14 มกราคม 2564 มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติ

น.ส.กุลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า "ขณะนี้ มียอดผู้ลงทะเบียนมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ของรัฐบาลที่ไม่ผ่านคุณสมบัติอยู่จำนวน 4.9 แสนราย จากผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 5 ล้านราย และในจำนวน 4.9 แสนรายนี้ ทางรัฐบาลจะนำมาพิจารณาเปิดให้มีการลงทะเบียนในรอบต่อไป โดยจะนำมารวมกับยอดที่เหลือจากคนละครึ่งในเฟสแรกอีกจำนวน 4.3 แสนราย และ รวมกับ ผู้ที่ลงทะเบียนในเฟสที่สองแต่ไม่ใช้สิทธิ์ภายใน 14 วันนับจากวันที่ 1 มกราคม 2564 อีกด้วย"

"เบื้องต้น เรามีจำนวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาเปิดรอบใหม่อีกประมาณ 1 ล้านราย โดยเป็นสิทธิที่เกิดจากการขาดคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนคนละครึ่งในเฟสแรกและเฟสสอง ถ้าหากจะมีมากกว่านี้ ก็จะเป็นยอดของผู้ที่ไม่มาใช้จ่ายตามกำหนดภายใน 14 วันทำการ ซึ่งจะถือว่า เป็นการสละสิทธิ์ เราจะเริ่มรู้ยอดดังกล่าวนับจากวันที่ 14 ม.ค.เป็นต้นไป หลังจากนั้น เราจะพิจารณาว่า จะเปิดให้ลงทะเบียนรอบต่อไปอีกเมื่อไหร่"

สำหรับ ด้านความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2563 เวลา 21.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,565,644 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 49,049.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 25,100.5 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 23,949.2 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top