Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48958 ที่เกี่ยวข้อง

‘เอกนัฏ’ คุมกำเนิดเหล็กห่วยเซฟอุตสาหกรรมเหล็กไทย สั่งห้ามตั้งโรงเหล็กเส้นทั่วประเทศ ถึงปี 73 คุมคุณภาพ

(22 มิ.ย. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นอกจากการดำเนินการสั่งจับสั่งปิดโรงงานเหล็กไม่มาตรฐานอย่างต่อเนื่องของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ยกระดับมาตรการควบคุมเหล็กให้มีคุณภาพให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการ ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกห้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... เป็นระยะเวลา 5 ปี มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2573 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดย รัฐมนตรี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เสนอ 

นายพงศ์พลฯ กล่าวว่า จากผลการตรวจสอบคุณภาพเหล็กของโรงงานหลอมเหล็กจากเตา IF (Induction Furnace) จำนวน 7 แห่งจาก 11 แห่งทั่วประเทศ โดยทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า มีผลิตภัณฑ์เหล็กไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะค่าโบรอนต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคเป็นวงกว้าง และขณะนี้ยังเหลือโรงงานอีก 4 แห่ง ที่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในไม่ช้า การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรฐาน และการควบคุมคุณภาพเหล็ก เพื่อให้มั่นใจว่า เหล็กที่ส่งออกสู่ตลาดมีคุณภาพสูงตามเกณฑ์ และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค 

สาระสำคัญของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับนี้  คือ การขยายระยะเวลาการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2573 (เดิมสิ้นสุดการใช้บังคับเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568) เพื่อเป็นการควบคุมกำลังการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตเกินความต้องการบริโภค (Over Supply) และใช้โอกาสนี้เพื่อเซฟอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ ควบคุมคุณภาพการผลิต โดยเฉพาะมาตรฐานผลิตเหล็กเส้นชนิด IF ที่พบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง จากการลงตรวจของทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม 

นายพงศ์พล กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตระหนักถึงผลกระทบอย่างรุนแรงจากการผลิตเหล็กส่วนเกินและการตีตลาดจากเหล็กเส้นราคาต่ำ แต่มีปัญหาด้านคุณภาพ ที่ทะลักเพิ่มมากขึ้นในตลาดจากทุนข้ามชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน และเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน จึงได้ผลักดันร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกห้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... โดยขยายเวลาใช้บังคับออกไปอีกเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่ง ครม. มีมติอนุมัติในหลักการ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

“ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับนี้ โดยการผลักดันของรัฐมนตรีเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จะช่วยแก้ปัญหาทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพของการผลิตเหล็กเส้นในประเทศ ควบคุมการเข้ามาของทุนต่างชาติที่นำเข้าเหล็กเกินความจำเป็น และยังเป็นการเซฟอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีกับระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศโดยรวม” นายพงศ์พลฯ กล่าวทิ้งท้าย

ทำความรู้จัก ‘Northrop B-2 Spirit’ เครื่องบินทิ้งระเบิดราคาแพงลิบของสหรัฐฯ

(22 มิ.ย. 68) เมื่อพูดถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก หนึ่งในชื่อที่ถูกกล่าวถึงเสมอคือ Northrop B-2 Spirit เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการข่มขวัญในระดับโลกของกองทัพอากาศสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้าน “ความลับ” และ “ความล่องหน”

เปิดตัวพร้อมเปลี่ยนสมรภูมิ 

Northrop B-2 Spirit เปิดตัวครั้งแรกในปี 1989 ท่ามกลางยุคสงครามเย็น ด้วยภารกิจเฉพาะคือการเจาะทะลวงพื้นที่เป้าหมายภายใต้การป้องกันทางอากาศที่แน่นหนา ด้วยคุณสมบัติ Stealth Bomber ที่ออกแบบมาเพื่อลดการตรวจจับจากเรดาร์ได้อย่างน่าทึ่ง โดยแต่ละลำมีราคาสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 66,000 ล้านบาท

Northrop B-2 Spirit คือ เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่มีสมรรถนะทะลุทะลวงเรดาร์ พร้อมขนระเบิดได้ถึง 18 ตัน รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์และ GBU-57 ที่ใช้ถล่มฐานใต้ดินลึก เปิดตัวตั้งแต่ปี 1989 B-2 ถูกใช้งานในหลายสงครามทั่วโลก และไม่เคยถูกยิงตกแม้แต่ครั้งเดียว ปัจจุบันยังคงประจำการอยู่ 19 ลำ

สมรรถนะที่ยากจะเทียบเคียง
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ General Electric F118-GE จำนวน 4 เครื่อง ทำให้ B-2 Spirit สามารถบินได้ที่ระดับความสูงถึง 12,000 เมตร และทำความเร็วสูงสุดกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมพิสัยการบินไกลถึง 11,000 กิโลเมตร โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ

ความลับที่มองไม่เห็น
หัวใจของ B-2 คือ ความสามารถในการล่องหน (Stealth) ที่ออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากมาก ตัวเครื่องมีโครงสร้างแบบปีกบิน (flying wing) ที่แปลกตา ไม่มีหางแนวตั้งหรือแนวนอน พร้อมวัสดุดูดซับคลื่นเรดาร์ และมีค่าตัดขวางเรดาร์ (Radar Cross-Section) เพียง 0.1 ตารางเมตร ซึ่งเล็กพอ ๆ กับนกตัวหนึ่ง

ขุมพลังทำลายล้างในระยะลึก
B-2 Spirit มีช่องเก็บระเบิดภายใน 2 ช่องหลัก รองรับน้ำหนักรวมได้ถึง 18,000 กิโลกรัม โดยสามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย เช่น GBU-38 (ระเบิดนำวิถีขนาดเล็ก), GBU-31 (ระเบิดนำวิถีขนาดกลาง), AGM-154, AGM-158 (จรวดนำวิถีระยะไกล) และระเบิดนิวเคลียร์ GBU-57A/B MOP (Massive Ordnance Penetrator) ซึ่งมีศักยภาพทะลวงเป้าหมายใต้ดินได้ลึกถึง 60–90 เมตร

สำหรับระเบิด GBU-57 นี้เองที่ตกเป็นข่าวในกรณีที่อิสราเอลต้องการใช้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ Fordow ของอิหร่านซึ่งตั้งอยู่ในภูเขาลึกใกล้กรุงเตหะราน

ปัจจุบันเหลือใช้งานเพียง 19 ลำ
แม้เคยมีการผลิต B-2 Spirit ทั้งหมด 21 ลำ แต่เกิดอุบัติเหตุเครื่องตก 2 ครั้งในดินแดนสหรัฐฯ เอง ทำให้กองทัพอากาศต้องปลดประจำการบางลำลง ปัจจุบันมี B-2 ประจำการเหลืออยู่เพียง 19 ลำ และยังคงเป็นกำลังสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ จนกว่ารุ่นใหม่อย่าง B-21 Raider จะเข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์ในทศวรรษหน้า

เตือนภัยแดงทั่วอิสราเอล!! ไซเรนดังสนั่นลั่นเทลอาวีฟ – ระเบิดถล่มเยรูซาเลม หลังอิหร่านปฏิบัติการตอบโต้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล

เตือนภัยแดงทั่วอิสราเอล!! ไซเรนดังสนั่นลั่นเทลอาวีฟ – ระเบิดถล่มเยรูซาเลม หลังอิหร่านปฏิบัติการตอบโต้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล

‘จีน’ รุกสร้างคนรุ่นใหม่ผ่านระบบการศึกษา เด็กเก่งวิทย์-คณิต + คิดสร้างสรรค์ คือเป้าหมายของรัฐ

(22 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘สะใภ้จีนbyฮูหยินปักกิ่ง’ ได้โพสต์ข้อความว่า ชนชั้นกลางจีนจะพาลูก “รอด” จากระบบการศึกษาใหม่ได้อย่างไร?

หลังสอบ Gaokao (高考) หรือ “เอนทรานซ์จีน” ปี 2025 เพิ่งจบ
ตามด้วยการสอบ Zhongkao (中考) หรือสอบ ม.3 ขึ้น ม.4 กำลังสิ้นสุด
ลูกฮูหยินเองที่อยู่ประถมก็กำลังจะสอบวันศุกร์นี้เหมือนกัน

สิ่งที่เรามองเห็นชัดขึ้นคือ…
ระบบการศึกษาจีน กำลัง “เปลี่ยนครั้งใหญ่”
จีนยุคใหม่ไม่ใช่แค่เรียนเพื่อสอบ แต่เป็นการปั้น “สมองของชาติ”
เพราะการศึกษาไม่ใช่แค่นโยบาย…แต่มันคือ “ยุทธศาสตร์ชาติ”
จีนจึงออกนโยบาย 教育强国 (การศึกษาพัฒนาชาติ) ปี 2024-2035
ที่ปีนี้เริ่มนำ AI เข้ามาสู่ห้องเรียนเด็กประถมและมัธยมแล้ว

การศึกษาในจีนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
 • ลืมคำว่า “双减” (ลดการบ้าน ลดติวเตอร์) ไปได้เลย
 • รัฐบาลอนุญาตให้กลับมาเปิดสถาบันกวดวิชาอีกครั้ง
 • วิชาภาษาอังกฤษกลับมาเป็นที่สำคัญ
 • ข้อสอบยากขึ้น 20% เพื่อ “คัดกรองเพชร” ออกจาก “ก้อนกรวด”
รัฐจีนต้องการเด็ก “อัจฉริยะ” มารับใช้ชาติ
ส่วนคนธรรมดา… ก็ไปเป็นแรงงาน มีหน้าที่ต่างกันไป
ฟังดูโหด แต่ “ความจริง” ก็โหดกว่า

แล้วพ่อแม่ชนชั้นกลางอย่างเรา…จะช่วยลูกยังไง?
 1. การวางแผน คือ อาวุธสำคัญของครอบครัวยุคใหม่
เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทุกอย่างเปลี่ยนหมด – ระบบสอบ การคัดเลือกที่นั่ง
กีฬา ศิลปะ การประเมินแบบองค์รวมล้วนถูกนำมาใช้
ใครวางแผนได้ไว เข้าถึงข้อมูลได้ก่อน ย่อมได้เปรียบ
เพราะ “การขึ้นรถถูกคัน” สำคัญกว่าการ “วิ่งให้เร็ว”

2. ข้อสอบใหม่ ไม่ใช่แค่ท่องได้ แต่ต้อง “คิดให้ลึก”
 • ลดการใช้สูตรสำเร็จ
 • ลดการท่องจำ
 • ลดการคิดแบบเส้นตรง
เด็กต้องอ่านให้เยอะ คิดให้ลึก และเชื่อมโยงเป็น
แม้แต่วิชาที่เคยเปิดตำราหาคำตอบได้ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้อีกแล้ว

3. วิทย์-คณิต กลับมาอย่างสง่างาม
ตอนนี้ “เด็กเก่งวิทย์-คณิต + คิดสร้างสรรค์” คือเป้าหมายของรัฐ
โจทย์ไม่ใช่แค่คิดเลขเก่ง แต่ต้องอ่านบทความ เข้าใจและวิเคราะห์
แม้แต่เด็กสายภาษาก็หนีไม่พ้น เพราะทุกอย่างต้องเริ่มจาก “การอ่าน”

เด็กจีนต้อง “อ่าน” เพื่อรอด
ไม่ใช่แค่ภาษาจีนหรืออังกฤษ…
แต่ต้องอ่าน วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ทั้งสองภาษาได้ด้วย
อ่านให้เข้าใจลึก
อ่านแล้ววิเคราะห์
อ่านแล้วประยุกต์ใช้ได้

จีนกำลังสร้างคนรุ่นใหม่แบบ “รอบด้าน”
เด็กเรียนกฎหมาย ก็ต้องเรียนคอมพิวเตอร์
เด็กสายวิทย์ ก็ต้องมีมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยจีนชั้นนำเริ่มผสม “สายวิชา” เพื่อสร้างเด็กที่แข็งแกร่งรอบด้าน

สรุปสุดท้าย: 
เด็กสมัยนี้“แค่ขยันอย่างเดียว ไม่พอแล้ว”แต่ต้อง “ขยันให้ถูกทาง” เดินให้ตรงจุดแล้วลูกเราจะไปได้ไกลกว่าใคร

เปิดปูม ‘สหรัฐฯ’ เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ ‘อิหร่าน’ เหตุเพราะไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติอย่างที่เคยเป็น

(22 มิ.ย. 68) วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 และเป็นนักเขียนที่ได้รับ รางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เรื่องตลกเรื่องหนึ่งของเหตุการณ์สหรัฐฯโจมตีอิหร่านในครั้งนี้คือ Ted Cruz วุฒิสมาชิกที่กระหายสงครามและยุให้รบ ยังไม่รู้เลยว่าอิหร่านมีพลเมืองเท่าไร มีเชื้อชาติใดบ้าง รู้แต่ว่าต้องทำลายประเทศนี้ให้ราบ 

การที่ Ted Cruz ผู้เคยลงสมัครเป็นประธานาธิบดีไม่รู้เรื่องการเมืองโลก เป็นเรื่องน่ากังวลใจ พอๆ กับรัฐมนตรีกลาโหมไม่รู้ว่าโลกมีประเทศกลุ่มอาเซียน

ชาวตะวันตกจำนวนมากไม่รู้จักอิหร่านเลย ยังคิดว่าอิหร่านเป็นพวกอาหรับ และอาหรับเป็นพวกเลวร้าย ความจริงอิหร่านไม่ใช่อาหรับ ตุรกีก็ไม่ใช่อาหรับ

อิหร่านคือพวกเปอร์เซีย ใช้ภาษาฟาร์ซี เปอร์เซียเป็นอาณาจักรเก่าแก่ของโลก พังไปเพราะพวกมองโกล 

เปอร์เซียเป็นศูนย์กลางวิทยาการของโลกในอดีต ศาสตร์ต่างๆ ที่มีคำว่า 'อัล' คิดค้นโดยพวกเปอร์เซีย เช่น อัลกอริทึม พีชคณิต (Algebra) เป็นต้น

ดีที่อยู่ไกลนะ ไม่งั้นคงโดนบางประเทศเคลมไปแล้ว

เปอร์เซียส่งอิทธิพลไปทั่วโลกในอดีต ลัทธิเม้งก้าแห่ง ดาบมังกรหยก ก็มาจากเปอร์เซีย

ชาวเปอร์เซียที่อพยพมาอยู่สยามตั้งแต่สมัยอยุธยา เช่น เฉกอะหมัด เป็นข้าราชการระดับสูงของไทย

ชาวเปอร์เซียก็คือต้นตระกูลบุนนาค บุรานนท์ ศุภมิตร ศรีเพ็ญ เป็นต้น

อเมริกันมีภาพลบกับพวกอิหร่านเพราะเหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันในปี 1979 หลังจากเกิดปฏิวัติอิหร่านในปีนั้น ราชวงศ์ปาลาวีถูกโค่น ชาห์เรซา ปาลาวีหนีไปสหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษยึดครองอิหร่าน ปลดชาห์ นายกฯคือ Mohammad Mosaddegh อนุญาตให้บริษัทน้ำมันของอังกฤษเข้าไปหาผลประโยชน์ เขาปกครองจนปี 1953 ก็ถูกสหรัฐฯและอังกฤษล้มผ่านการรัฐประหาร เพราะ Mohammad Mosaddegh ไม่ยอมตะวันตกบางเรื่อง

สหรัฐฯตั้งชาห์ปาลาวีขึ้นมาครองอำนาจ เพราะโปรตะวันตก ตอนนั้นเองบริษัทน้ำมันสหรัฐฯก็เข้าไปในอิหร่าน อิหร่านเป็นประเทศที่ทันสมัยแบบตะวันตก จนเมื่อชาห์เรซา ปาลาวี ถูกโค่น ตั้งแต่นั้นมา สหรัฐฯก็เป็นศัตรูกับอิหร่านอย่างเปิดเผย

เหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันถูกสร้างเป็นหนังเรื่อง Argo ยิ่งตอกย้ำภาพอิหร่านเป็นคนเลวร้าย (หนังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์)

เล่ากันว่าก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 1980 รอนัลด์ เรแกน ส่งคนไปเจรจากับฝ่ายอิหร่านลับๆ ให้ปล่อยตัวประกัน ทำให้เขาชนะ จิมมี คาร์เตอร์ แต่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครยอมรับว่าจริง

เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้รู้ว่า เวลาอ่านเหตุการณ์ใดๆ ต้องรู้ประวัติศาสตร์ด้วย
เพราะที่สำคัญกว่า 'what' คือ 'why'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top