Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48919 ที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กเล็ก’ หัวหน้าทีมไทยแลนด์ มองคลิปเสียง ฮุนเซน แผนแยบยล ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกทั้งรัง แต่จะไม่ยอมให้เขาสมหวัง พร้อมฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม/ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวในการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เมื่อวันที่ (19 มิ.ย.68) ว่า ในช่วงเวลา 4–5 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปราะบางและท้าทายตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา  ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ท้าทายอธิปไตยของชาติ หากยังทดสอบความพร้อมของเรา ในฐานะคนไทย ที่ต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง ด้วยสติ ปัญญา และความสามัคคี

รัฐบาลจึงมีมติให้จัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา” หรือ “Team Thailand” ขึ้น โดยมอบหมายให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าทีม  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารระดับสูง จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและจำเป็น เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ และทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวให้กลับมาสู่ความสงบสุขโดยเร็ว และอย่างมีศักดิ์ศรี

วานนี้ ประเทศของเราต้องเผชิญกับอุบัติการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดคิด คลิปเสียงการสนทนาระหว่างผู้นำระดับสูงของไทยและกัมพูชา ถูกเผยแพร่ออกมาโดยเจตนาหวังผลร้ายต่อประเทศไทย อย่างแน่นอน 

แต่ผมขอเรียนอย่างหนักแน่นว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการที่ซับซ้อน มีเป้าหมายที่ลึกซึ้งและแยบยลจากฝ่ายตรงข้าม การปล่อยคลิปเสียงในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการหวังผลทางการทูต แต่เป็นการ “ยิงกระสุนนัดเดียว เพื่อหวังจะได้นกทั้งรัง” และเราจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง เป็นอันขาด

ในส่วนของการเมือง ผมขอไม่กล่าวถึง ให้เป็นไปตามกลไกการเมืองที่เหมาะสม แต่ในส่วนของ “Team Thailand” ผมขอยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจนี้ หรือทีมงานนี้  เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับเหตุไม่คาดฝัน อย่างวันนี้ และจะต้องเดินหน้าต่อไป 

นาทีนี้ เราต้องมองไปข้างหน้า มองไปที่ประชาชน มองไปยังชายแดนที่ร้อนระอุ และถามตัวเราเองว่า…เราจะทำอย่างไร ให้แผ่นดินนี้มีแต่ความสงบสุข มีความสามัคคี มีความร่มเย็น บริเวณชายแดนมีความสงบเรียบร้อย และประชาชนปลอดภัย สามารถดำรงชีวิตประจำวันอย่างสงบสุข เช่นเดิม

ผมขอวิงวอนให้ทุกท่านร่วมใจกัน “บูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น“ ...”ติดตาม ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนงานระยะยาว” ให้ความสำคัญสูงสุดกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของแผ่นดิน ด้วยหลัก “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ผมกราบขอความกรุณาจากทุกท่าน ในการที่จะเสียสละทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ฝ่าฟันวิกฤติชาติครั้งนี้ไปให้ได้

ขอให้เราทำงานด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถกแถลงกันด้วยเหตุผล ด้วยความอดทนอดกลั้น และยืนหยัดบนหลักการแห่งความร่วมมือร่วมใจ ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยุ และไม่ปล่อยให้ความแตกแยกทางอุดมการณ์ความคิด มาบั่นทอนความเป็นหนึ่งเดียวของเรา

แม้วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะไม่ได้อยู่ ณ จุดนี้ แต่ผมขอฝากใจของผมไว้กับทุกท่าน ขอฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้ อย่างสง่างาม

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดการแข่งขัน 'Cabling Contest ปีที่ 13' เฟ้นหา 5 ทีมแกร่งภาคเหนือ สู่รอบชิงชัย คว้าถ้วยพระราชทานฯ ก้าวเป็นสุดยอดทักษะสายสัญญาณ ระดับประเทศ

เปิดสนามประลองฝีมือ เปิดตัวเต็ง 5 ทีมสถาบันแรก ที่ผสานทักษะ และเทคโนโลยี วันนี้ (18 มิ.ย. 68) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดการแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณ (Cabling Contest ปีที่ 13)' รอบคัดเลือกเฟ้นหาตัวแทนภาคเหนือ ภายใต้การสนับสนุนจาก สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงินรางวัลและถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

เป็นความมุ่งมั่นที่ บริษัทฯ ได้นำความเชี่ยวชาญด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณ จากสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK ที่เป็นมาตรฐาน STANDARD มีมาตรฐานสากลการันตี และมี SOLUTION ดีเยี่ยมที่ตอบโจทย์ทุกงานระบบอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมกับมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณในกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษา ให้มีความรู้ ความสามารถที่ทันสมัย ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในยุคดิจิทัล

โดยงานนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้การสนับสนุนหลักของการแข่งขัน มาร่วมให้โอวาท ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าแข่งขันทุกสถาบันในวันนี้อีกด้วย

ในปีนี้ การแข่งขันยังคงจัดขึ้นอย่างเข้มข้น และจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ในรูปแบบออนไลน์ โดยในวันที่จัดงานนี้ เป็นการแข่งขันในรอบคัดเลือกภาคเหนือ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดฝีมือจากตัวแทนสถาบันการศึกษาทั่วภูมิภาค ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยมีเพียง 5 สถาบัน ประจำภาคเหนือเพียงเท่านั้น ที่จะได้สิทธิ์เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายเพื่อชิง ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงินรางวัล และถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

โดยในช่วงเช้า จะเริ่มต้นด้วยการให้ความรู้พื้นฐานด้านระบบสายสัญญาณ ในหัวข้อ “Moving Forward with Innovation: Cabling Infrastructure for Future Solutions (Design – Installation – Solution)” โดยได้รับเกียรติจาก นายภาคภูมิ พลธร Technical and Products Training Manager จากบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมระบบสายสัญญาณ และแนวทางออกแบบ ติดตั้ง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตพร้อมการแข่งขันภาคทฤษฎี เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้เข้าแข่งขัน และในช่วงบ่าย จะเป็นการแข่งขันภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวัดผลทักษะที่แท้จริงของแต่ละทีม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น เต็มไปด้วยพลัง ความมุ่งมั่น และศักดิ์ศรีของแต่ละสถาบันที่เข้าร่วม

ซึ่งก่อนเข้าสู่การสนามของแข่งขันในภาคปฏิบัติ ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับฟังคำชี้แจง กติกาการแข่งขัน จากทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมความพร้อม และทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ของการแข่งขันในรอบนี้ โดยมี ผู้เข้าแข่งขันจากทั่วทุกสถาบันในภูมิภาคเหนือ สมัครเข้าแข่งขันอย่างล้นหลาม และแข่งขันกันอย่างดุเดือดเข้มข้นอีกด้วย

และสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ทุกท่านจะสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสด กิจกรรมตลอดทั้งวันได้ผ่านระบบ Zoom และช่องทางออนไลน์ของบริษัท เพื่อมาร่วมลุ้นว่า 5 สถาบันการศึกษาจากภาคเหนือแห่งใด จะคว้าสิทธิ์เข้าสู่ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ และเข้าใกล้โอกาสในการคว้าถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติไปครองและในที่สุด! ได้ 5 ทีมตัวแทนจากภาคเหนือ ที่ฝ่าฟันศึกแห่งศักดิ์ศรี และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิง ถ้วยพระราชทานฯ แล้ว ได้แก่
1. วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง
2.วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก
3.วิทยาลัยการอาชีพฝาง
4.วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร
5.วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จึงขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการสนับสนุนการศึกษาด้านเทคโนโลยี ช่วยสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาทักษะ และเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับเยาวชนทั่วประเทศ สร้างแรงบันดาลใจ และประสบการณ์จริงที่หาไม่ได้จากห้องเรียน พร้อมผลักดันให้เยาวชนไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคง เพื่อพัฒนาทักษะของเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้อุตสาหกรรมโครงข่ายสายสัญญาณของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

สำหรับการแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณ Cabling Contest ปีที่ 13' รอบคัดเลือกยังไม่จบเพียงเท่านี้ โดยรอบถัดไปจะจัดขึ้น เพื่อเฟ้นหาสุดยอด 5 ทีมตัวแทนภาคใต้ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ จึงขอเชิญทุกท่านติดตาม และร่วมเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนคนเก่งจากทั่วภาคใต้ ในการแข่งขันรอบคัดเลือก วันที่ 16 กรกฎาคม 2568

มาร่วมลุ้น และร่วมเชียร์ไปด้วยกันว่า สถาบันใดจะคว้าตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศ บนเวทีแห่งเกียรติยศนี้! และเตรียมพบกับรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศที่จะรวมตัวแทนจากทั่วประเทศมาประชันทักษะครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งด้านโครงข่ายสายสัญญาณ

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โทร 02-666-1111 ต่อ 1705 
สนใจสมัครแข่งขันได้ที่ : http://cablingcontest.net/home2.php   
สนใจเข้าร่วมสัมมนา ฟรี ได้ที่ https://interlink.co.th/seminar/seminar_view?seminar_id=116  

5 มหาวิทยาลัยในฮ่องกง ติดอันดับโลก QS ปี 2026 HKU ครองที่ 11 ของโลก รั้งอันดับ 2 เอเชีย

(20 มิ.ย. 68) การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก QS ปี 2026 เผยผลล่าสุด มหาวิทยาลัยในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนก้าวหน้าก้าวกระโดด โดยมีถึง 5 สถาบันติด 100 อันดับแรกของโลก สะท้อนคุณภาพทางวิชาการและบทบาทที่โดดเด่นในเวทีโลก

มหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU) ไต่ขึ้นถึงอันดับ 11 ของโลก ขึ้นจากอันดับเดิมถึง 6 ลำดับ ขณะที่มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (CUHK) ขยับมาอยู่ที่อันดับ 32 และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (HKUST) ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 44 ด้านมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกง (HKPU) และมหาวิทยาลัยเมืองฮ่องกง (CityU) อยู่ในอันดับ 54 และ 63 ตามลำดับ

รายงานระบุว่า มหาวิทยาลัยฮ่องกง, มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง และโพลีเทคนิคฮ่องกง ทำอันดับได้ดีที่สุดในประวัติการจัดอันดับของสถาบัน โดยที่ มหาวิทยาลัยฮ่องกง ยังคงครองตำแหน่งอันดับ 2 ของเอเชีย ตอกย้ำบทบาทศูนย์กลางการศึกษาชั้นนำของภูมิภาค

ผู้นำจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ กล่าวแสดงความยินดี พร้อมย้ำถึงแผนพัฒนาด้านนวัตกรรม วิจัย และความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อเสริมบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการศึกษาระดับโลกและการพัฒนาระดับชาติ

ทั้งนี้ QS ได้ประเมินมหาวิทยาลัยกว่า 1,500 แห่งทั่วโลก จาก 9 เกณฑ์ เช่น ชื่อเสียงทางวิชาการ ความสามารถในการจ้างงาน และผลงานวิจัย

UN คอนเฟิร์ม ‘กัมพูชา’ คือศูนย์กลาง ‘สแกมเมอร์โลก’ เชื่อมกลุ่มทุน-เครือญาติ ‘ฮุน เซน’ กวาดเงินหมื่นล้าน

(20 มิ.ย. 68) องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) ชี้ว่ากัมพูชาได้กลายเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญของเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์ระดับโลก โดยมีการลงทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองปอยเปตที่ติดชายแดนไทย กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเจาะตลาดไทย

รายงานระบุว่าอาชญากรรมไซเบอร์ไม่ได้จำกัดเฉพาะเขตชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองหลวงกรุงพนมเปญ และจังหวัดสำคัญอย่างบาเวตและพระสีหนุ แสดงให้เห็นถึงการฝังรากลึกของธุรกิจหลอกลวงในโครงสร้างประเทศ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และอำนาจรัฐ

หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ถูกจับตามองคือ Huione Group บริษัทการเงินขนาดใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงกับครอบครัวผู้นำกัมพูชา โดยเฉพาะนายฮุน โต หลานชายของอดีตนายกฯ ฮุน เซน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน การฉ้อโกงทางไซเบอร์ และธุรกรรมผิดกฎหมายมูลค่ามหาศาลทั่วภูมิภาค

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำ Huione Group และตัดขาดจากระบบการเงินของอเมริกา พร้อมกับเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการของ Huione Pay ในกัมพูชา ขณะที่บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Elliptic ระบุว่าแพลตฟอร์ม Huione Guarantee ของกลุ่มนี้มีมูลค่าธุรกรรมต้องสงสัยรวมกว่า 27 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 1 ล้านล้านบาท

ด้านตำรวจไซเบอร์ไทยยืนยันพบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างกลุ่มพนันออนไลน์ในไทยกับบริษัทในกัมพูชา โดยเฉพาะ Huione Group ที่มีบทบาทสำคัญในการฟอกเงินจากการหลอกลวงแบบ Call-Centre และการพนัน ผ่านการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลและนำกลับมาใช้ในระบบเศรษฐกิจจริง

กรณีนี้กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่หลายฝ่ายในไทยเสนอให้รัฐบาลไม่ปล่อยให้กัมพูชายื่นข้อพิพาทชายแดนต่อศาลโลกฝ่ายเดียว พร้อมเรียกร้องให้นำประเด็นอาชญากรรมไซเบอร์ที่กัมพูชาถูกกล่าวหาทั่วโลกเข้าสู่การพิจารณาในเวทีสหประชาชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม

‘ทรัมป์’ ขอเวลาตัดสินใจ 2 สัปดาห์ ว่าจะส่งทหารร่วมศึกอิสราเอล-อิหร่าน หรือไม่

(20 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ว่าจะส่งกองกำลังเข้าแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่ โดยระบุว่าขณะนี้ยังมี 'โอกาสสำคัญ' สำหรับการเจรจาทางการทูตกับอิหร่าน จึงขอเวลาประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม

โฆษกทำเนียบขาว แครอลไลน์ ลีวิตต์ กล่าวว่า ทรัมป์ให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และยังไม่ปิดโอกาสสำหรับการเจรจา แม้จะมีรายงานว่าทรัมป์อนุมัติแผนโจมตีไซโลนิวเคลียร์ของอิหร่านแล้ว แต่ยังไม่ได้สั่งให้ดำเนินการในทันที

ขณะที่ อิหร่านเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าร่วมสงคราม จะยิ่งทำให้ภูมิภาคลุกเป็นไฟ โดยระบุว่า “นี่ไม่ใช่สงครามของอเมริกา” ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเผยว่าเว็บไซต์ฟอร์โด ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน อาจตกเป็นเป้าหมายโจมตีหากการเจรจาล้มเหลว

ทั้งนี้ สถานการณ์ทวีความตึงเครียดหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่โรงพยาบาลทางตอนใต้ของอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 70 คน ด้านอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านหลายจุด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้ใช้การทูตแทนการสู้รบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top