Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48881 ที่เกี่ยวข้อง

สกพอ. ผนึก สวทช. และกนอ. โรดโชว์เนเธอร์แลนด์ ดึงบริษัทชั้นนำ ลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียวพื้นที่อีอีซี

(18 มิ.ย.68) ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นำคณะ เดินทางไปราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 8 – 15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อชักชวนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม Bio-Circular-Green (BCG) โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ อาหาร เคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมหมุนเวียน โดยคณะฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทชั้นนำด้านการเกษตรอัจฉริยะ ได้แก่ Rijk Zwaan, Priva, Van der Hoeven, Koppert Biologic และ Hydrosat กลุ่มบริษัทและองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ Unilever, Thai Union และ FoodX กลุ่มบริษัทชั้นนำด้านเคมีชีวภาพ ได้แก่ Corbion และ Avantium และกลุ่มบริษัทด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ได้แก่ Oryx Stainless  

ทั้งนี้ การเข้าร่วมประชุมและพบปะบริษัทชั้นนำจากเนเธอร์แลนด์ดังกล่าว สกพอ. สวทช. และ กนอ. ได้ร่วมกันนำเสนอความพร้อมในการรองรับการลงทุน การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ในด้านภาษีและมิใช่ภาษีสำหรับการลงทุน การส่งเสริมด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการลงทุน และการสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา ตลอดจนโอกาสในการลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสและพร้อมดึงดูดนักลงทุนให้เข้าสู่พื้นที่อีอีซีต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ สกพอ. และคณะฯ ได้มีโอกาสเข้าพบหารือกับบริษัทที่เข้าร่วมงาน GreenTech Amsterdam 2025 งานแสดงสินค้าและการประชุมระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ถือเป็นเวทีสำคัญของผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรสมัยใหม่ และอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ สกพอ. ต้องการส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ และเป็นศูนย์รวมระบบนิเวศนวัตกรรมชั้นนำ (Innovation Ecosystem) ที่ช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนไทย และภาคเอกชนจากต่างประเทศ 

พร้อมกันนี้ ได้มีโอกาสหารือกับบริษัทชั้นนำ เช่น Protix ที่มีเทคโนโลยีด้านการผลิตแมลงเพื่อใช้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ VISCON Group บริษัทระบบ Automation สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และมีโอกาสหารือกับ Invest International Netherlands หน่วยงานรัฐวิสาหกิจของเนเธอร์แลนด์ ที่มีภารกิจส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนเนเธอร์แลนด์ให้เกิดการลงทุนในต่างประเทศผ่านการสนับสนุนด้านการเงิน รวมทั้งได้ทำให้ทราบว่าภาคเอกชนเนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นพื้นที่เป้าหมายในการลงทุนในอนาคตต และเป็นโอกาสของพื้นที่อีอีซีและประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตสำหรับภาคเอกชนเนเธอร์แลนด์เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาค โดยอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร การแพทย์และสุขภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน พลังงาน เป็นสาขาที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์สนับสนุน 

สำหรับการเดินทางเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ครั้งนี้ สกพอ. ยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงธุรกิจในหัวข้อ “Thailand Meets Netherlands: Forging Stronger Business Partnerships on Bio-Circular-Green Economy in the Eastern Economic Corridor of Thailand” ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ร่วมกับหอการค้าเนเธอร์แลนด์ – ไทย (Netherlands – Thai Chamber of Commerce: NTCC) และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐไทย และภาคเอกชนเนเธอร์แลนด์ที่ประกอบธุรกิจในพื้นที่อีอีซีเข้าร่วมเป็นวิทยากร อาทิ 

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. นำเสนอโอกาสความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา และโอกาสในการลงทุนในพื้นที่ EECi นางสาวนลินี กาญจนามัย รองผู้ว่าการ (บริหาร) กนอ. นำเสนอพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสีเขียวเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต ดร. ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สกพอ. นำเสนอโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ BCG และภาคเอกชนไทยและเนเธอร์แลนด์ร่วมนำเสนอประสบการณ์การลงทุนในพื้นที่อีอีซีและประเทศไทย โดยงานสัมมนาดังกล่าวได้รับความสนใจจากภาครัฐและภาคเอกชนเนเธอร์แลนด์ เข้าร่วมงานมากกว่า 70 ราย

'อนุทิน' ประกาศแยกทางร่วมรัฐบาลเพื่อไทย บอกไม่มีนายกฯ คนไหนอยู่ได้ด้วยงูเห่าค้ำยัน

'อนุทิน' ลั่นถ้ารักษาข้อตกลงไม่ได้พร้อมแยกทาง รับไม่เคยคิดเดินมาถึงนี้ ลั่นไม่มีนายกฯ คนไหนอยู่ได้ด้วยงูเห่าค้ำยัน ไม่ประเมินอายุรัฐบาลจะสั้นหรือไม่ แต่หากเป็นฝ่ายค้านพร้อมทำงานเต็มที่

(18 มิ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยขีดเส้นใต้ 48 ชั่วโมงให้คืนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า ไม่มี อย่าไปพูดขีดเส้น ใครจะมาขีดเส้นได้ เมื่อวานนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มาหารือกันและบอกว่าพรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นอยากจะบริหารกระทรวงมหาดไทยเอง ซึ่งได้ปฏิเสธไปแล้วเพราะมันผิดข้อตกลง แต่นายแพทย์พรหมมินทร์ บอกว่าเป็นความต้องการของพรรคเพื่อไทย โดยใช้คำว่าไพ่ใบสุดท้าย เมื่อเริ่มต้นมาเช่นนี้ไม่ต้องรอ 2-3 วันตอบได้เลย และได้ตอบไปแล้ว

เมื่อถามว่าเมื่อนายแพทย์พรหมมินทร์ ได้ยินคำตอบก็ยกหูหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทันทีใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เหรอ อันนี้ไม่ทราบ แต่ก็คงเป็นอย่างนั้น เพราะท่านมาหาถึงกระทรวงมหาดไทย คงได้รับการร้องขอให้มาหาตนที่กระทรวง

เมื่อถามต่อว่าจากสัญญาณที่ส่งมา หากพรรคภูมิใจไทยไม่ยอมจะเดินหน้าอย่างไรกันต่ออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้มีเงื่อนไขอื่น มันไม่ใช่เรื่องการต่อรอง จะเอาอย่างนั้นได้ไหม อย่างนี้ได้ไหม แต่มันเป็นข้อตกลงในการสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งเป็นเอกภาพมาโดยตลอด คงตอบได้แค่นี้

ส่วนกรณีที่ สส. พรรคเพื่อไทยอ้างว่ากระทรวงมหาดไทยไม่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่จริง

“สุดท้ายผมก็ตอบได้หมด และเมื่อตอบได้หมดสุดท้ายเขาก็บอกว่าพูดกันตรงๆ เลยอยากได้กระทรวงมหาดไทยกลับคืนไป ผมก็บอกพูดกันตรงๆ ให้ไม่ได้”

พร้อมกันนี้นายอนุทิน กล่าวว่า เราพร้อม ถ้าเราไม่พร้อมจะตอบไปอย่างนั้นเหรอ ของต่อรองอย่างนี้มันไม่ใช่ของต่อรองอย่างที่บอกไป เรื่องของการบริหารบ้านเมือง

เมื่อถามว่าเหมือนพรรคภูมิใจไทยเตรียมจะแถลงพร้อมจะเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่มี ตนได้รับอำนาจจากกรรมการบริหารตัดสินใจในเรื่องนี้ และได้แจ้งการตัดสินใจไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อวาน

เมื่อถามย้ำว่าเคยคิดหรือไม่ว่าจะเดินมาถึงจุดนี้กับรัฐบาลเพื่อไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เคยคิดเพราะคิดว่าทุกคนจะรักษาข้อตกลง แต่ไม่เป็นไร ถ้าข้อตกลงรักษากันไม่ได้ เราก็ต่างคนต่างไป

เมื่อถามว่าการที่เมื่อวานเจอเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแต่ไม่ได้เจอตัวนายกรัฐมนตรีถือเป็นการเข้าหน้ากันไม่ติดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคุยกับตนแล้วจะสบายใจมากนัก และทุกคนก็ทราบดีว่ามันมีการเบรกข้อตกลง ซึ่งถ้าถามว่ามันดีหรือไม่ก็คงไม่ดี เพราะหลังจากนี้ก็คงต้องมานั่งเขียนเงื่อนไข เขียนสัญญา ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะข้อตกลงแบบนี้ต้องมีความหมาย มีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าข้อตกลงที่เป็นข้อเขียนด้วยซ้ำ เพราะเป็นความเชื่อมั่นเชื่อใจซึ่งกันและกัน และที่ผ่านมาไม่มีอะไรที่พรรคภูมิใจไทยไม่ทำตามข้อตกลงแม้แต่อย่างเดียว

เมื่อถามว่าหากเป็นฝ่ายค้านมองว่าอายุรัฐบาลจะสั้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากเป็นฝ่ายค้านก็คงทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเล่นเกมอะไร ต้องทำตามบทบาท เหมือนกับตอนที่เป็นฝ่ายบริหารก็บริหารอย่างเต็มที่ ซึ่งก็มั่นใจว่าได้ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องและเหมาะสม และการบริหารกระทรวงมหาดไทยก็เป็นปึกแผ่น จึงมองว่าอาจจะทำให้พรรคการเมืองอื่นกังวล

เมื่อถามถึงเอกภาพของเสียงพรรคภูมิใจไทย 77 เสียง จะไปด้วยกัน ใช่หรือไม่ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะมีเสียงมาเติมฝั่งรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่าเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ทราบดีว่าอะไรเป็นอะไรในการจัดตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีองค์ประกอบที่มาจากพรรคการเมือง มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เอา สส.ของพรรคอื่นมาประกอบ เชื่อมั่นว่าไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนที่อยากมีโครงสร้างรัฐบาลที่อยู่ได้เพราะเอางูเห่ามาค้ำยัน ซึ่งตด้ข่าวมาว่ามีคนพูดว่าไปก่อนแล้วค่อยเอางูเห่ามา แต่เชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม เพราะรัฐบาลควรมีองค์ประกอบที่เป็นนักการเมืองที่เริ่มต้นด้วยกันมาตั้งแต่แรก ซึ่งที่ผ่านมาเราสนับสนุนมาโดยตลอด

“การที่นายกรัฐมนตรีส่งนายแพทย์พรหมมินทร์ มาพูดคุยขอกระทรวงมหาดไทยคืนไปแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่านายกรัฐมนตรีคงไม่มีความสบายใจนักที่จะมาพูดคุยความสัมพันธ์เพราะความสัมพันธ์ของเรามันดีมาก แต่ก็ไม่เป็นไร ความสัมพันธ์ในการเคารพนับถือกันก็ยังเหมือนเดิม แต่ก็ไปทำตามหน้าที่ของแต่ละคน ท่านก็บริหารไป ผมเป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ รักษาประโยชน์ในบริบทที่ฝ่ายตรวจสอบพึงจะกระทำ”

เมื่อถามว่าในใจลึกๆ คิดไว้หรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกล้าตัดพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ย้อนว่า ถ้าไม่คิดจะออกมาพูดแบบนี้หรือ ถ้าไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ก็คงรับข้อเสนอไปแล้ว รับกระทรวงสาธารณสุขกับสำนักนายกรัฐมนตรีไปแล้ว มันเป็นคำตอบที่ตนไม่ต้องคิดมาก และที่บอกว่าจะให้เวลา 48 ชั่วโมง ในความจริงแล้วไม่ได้บอก แต่ท่านบอกว่าให้ไปคิด 2-3 วัน ไม่มีการขีดเส้นตาย แต่ไม่รู้ว่าสื่อออกไปได้อย่างไร เพราะท่านบอกว่าไม่ต้องรีบตอบนะ และยังบอกด้วยว่าอยากให้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าอยู่กันด้วยเงื่อนไขนี้ ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้แยกทางกันแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าหากเป็นไปตามนี้ ก็ต้องเป็นเช่นนั้นแหละ

ส่วนช่วงบ่ายวันนี้ที่จะมีประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินเก่าย้ำว่าตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอยู่ ก็ยังต้องทำตามหน้าที่จนกว่าจะมีการ โปรดเกล้าฯให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

‘ฮุน เซน’ รับมีคลิปเสียงคุย ‘นายกฯ อิ๊งค์’ จริง ลั่นจำเป็นต้องบันทึกเสียงกันถูกบิดเบือน

ฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊ก ยอมรับโทรศัพท์คุยกับ นายกฯ อิ๊งค์ และบันทึกเสียงไว้ แชร์ให้ผู้เกี่ยวข้องประมาณ 80 คน เผยคลิปเต็ม 17 นาที หลุดออกมาแค่ 9 นาที

(18 มิ.ย. 68) สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อค่ำวันที่ 15 มิ.ย. ข้าพเจ้าได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยนาน 17 นาที 6 วินาที โดยมีล่าม

ตามปกติแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่องทางการ จึงจำเป็นต้องบันทึกเสียงการสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในกัมพูชาด้วย

จากนั้น ข้าพเจ้าได้แบ่งปันการบันทึกเสียงการสนทนาของข้าพเจ้ากับนายกรัฐมนตรีของไทย ให้แก่บุคคลประมาณ 80 คน รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค วุฒิสภา ทีมรัฐสภา หน่วยงานกิจการต่างประเทศ หน่วยการศึกษา กลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองทัพ ในบรรดาบุคคลเหล่านี้ เป็นไปได้ว่า บางคนไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีของไทย

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการสนทนาของเรา ผู้นำไทยได้กล่าวหาผู้นำกัมพูชาต่อสาธารณะว่า ดำเนินการทางการเมืองอย่าง 'ไม่เป็นมืออาชีพ' และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊ก

ส่วนเรื่องไฟล์เสียงที่หลุดออกมา ผมสังเกตว่ามีการเผยแพร่ต่อสาธารณะเพียงประมาณ 9 นาทีเท่านั้น ดังนั้น หากฝ่ายไทยต้องการไฟล์เสียงแบบเต็ม ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเผยแพร่ไฟล์เสียงความยาว 17 นาที 6 วินาทีทั้งหมด

‘เซเลนสกี้’ ต้องกลับบ้านมือเปล่าอีกครั้ง หลัง ‘ทรัมป์’ เทนัดออกจากงาน G7 ก่อนกำหนด

(18 มิ.ย.68) โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง หลังจากที่เขาลงทุนบินข้ามทวีป เดินทางมาแคนาดาเพื่อเข้าร่วมวงประชุมสุดยอดผู้นำ G-7 ที่เมือง  Kananaskis แต่ปรากฏว่าสวนทางกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะทรัมป์ขอตัวกลับกรุงวอชิงตัน ดีซี อย่างกะทันหัน โดยอ้างเหตุสถานการณ์ความรุนแรงระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน 

ทำให้เซเลนสกี้ไม่มีโอกาสได้เจอทรัมป์เป็นการส่วนตัว เพื่อขอความช่วยเหลือด้านอาวุธ และ ทุนสนับสนุนอีก แต่เมื่อไม่ได้เจอ ก็คือไม่ได้เงิน ต้องบินกลับบ้านอย่างผิดหวัง

ส่วน มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ที่เป็นเหมือนเจ้าภาพของงาน ก็ยอมให้เซเลนสกี้เข้าพบ หารือเป็นการส่วนตัว และได้มอบเงินช่วยเหลือให้เล็กน้อยเป็นขวัญถุงก่อนกลับบ้าน แต่ไม่ยอมออกแถลงการณ์ร่วมของ G-7 ให้กับเซเลนสกี้ในการแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนยูเครน 

ซึ่งเซเลนสกี้ คงต้องยอมรับว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่ใช่วาระสำคัญเร่งด่วนอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เกิดสงครามในกาซา เมื่อปี 2023 ตามมาด้วยความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน และล่าสุด การยิงถล่มกันระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

แต่ทั้งนี้ การนัดพบระดับผู้นำสหรัฐอย่างทรัมป์ และ เซเลนสกี้ ที่ในงาน G-7 มีการลงกำหนดการล่วงหน้า ยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้ว เซเลนสกี้ถึงยอมลงทุนบินข้ามน้ำ ข้ามทะเลกว่า 5,000 ไมล์ เพื่อมาหา 

และแหล่งข่าวยืนยันว่า เซเลนสกี้ มีคิวนัดเป็นลำดับที่ 3 ในตารางนัดหมายของทรัมป์ด้วยซ้ำ และไปถึงแคนาดาในช่วงบ่ายวันที่ 17 มิถุนายน ก่อนจะถึงคิวนัด  ก่อนที่จะรู้ว่า ทรัมป์ ยกเลิกคิวนัดทั้งหมดอย่างกะทันหัน และบินกลับดี.ซี.ไปก่อนหน้านั้นแล้วตั้งแต่หลังงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ เพราะต้องการไปติดตามสถานการณ์ระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน 

ทรัมป์ได้กล่าวก่อนขอตัวออกจากงานประชุมว่า "พวกเราจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับผู้นำชาติสมาชิกแสนวิเศษ แต่ผมจะต้องขอตัวบินกลับก่อน ด้วยเหตุที่เป็นที่รู้กัน และผมหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจ" 

แม้จะรู้ถึงเหตุจำเป็นของทรัมป์ แต่คณะทูตยูเครนก็อดแสดงความน้อยใจไม่ได้ ที่เห็นว่าทรัมป์ลดลำดับความสำคัญของสงครามในยูเครน ซึ่งนอกจากจะไม่พูดถึงแล้ว ทรัมป์ยังใช้สิทธิ์ฐานะชาติสมาชิกหลัก ขอให้ยับยั้งแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุม G-7 ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนด้วย โดยให้เหตุผลว่าถ้อยแถลงของเซเลนสกี้ต่อต้านรัสเซียมากเกินไป ที่อาจกระทบกับวาระการเจรจาระหว่างทรัมป์ กับปูติน ที่กำลังดำเนินอยู่

ซึ่งเป็นข้ออ้างที่จะให้พูดแบบตรง ๆ ก็คือ เหมือนดีดเซเลนสกี้ออกจากงาน เพราะหากเทียบกับการเจรจาระหว่าง สหรัฐ-อิหร่าน ที่ก็ยังดำเนินอยู่เหมือนกัน แต่อิสราเอลก็ยังยกพลไปโจมตีทางอากาศอิหร่านได้โครม ๆ ไม่เห็นทรัมป์จะว่าอะไรเลย

เท่ากับว่าทริปนี้ เซเลนสกี้มาเพื่อถ่ายรูปกับเจ้าภาพ และ กลับบ้านมือเปล่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่การทูตยูเครน ถึงกับแสดงอาการถอดใจว่า ในสัปดาห์หน้าที่จะมีงานประชุมกลุ่มประเทศสมาชิก NATO ที่กรุงเฮก หากเซเลนสกี้จะเดินทางไปขอเข้าประชุมด้วย มันจะคุ้มหรือไม่ แม้ผู้นำเยอรมันจะออกมายืนยันว่า ทรัมป์จะเดินทางไปร่วมงานประชุม NATO ด้วยอย่างแน่นอนก็ตาม 

ถึงชาติพันธมิตรยุโรปจะปลอบใจเซเลนสกี้ และยืนยันว่ายังไงก็อยู่ข้างยูเครน แต่สำหรับเซเลนสกี้แล้ว มันไม่มีความหมายเลยถ้าสหรัฐอเมริกาไม่ลงมาช่วยสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง อย่างที่โจ ไบเดน เคยให้มาก่อน 

ซึ่งเซเลนสกี้ก็ต้องทำใจว่า ช่วงกระแสพีคสุดของยูเครนได้ผ่านไปแล้ว ต่อให้ในวันนี้ผู้นำสหรัฐยังเป็นโจ ไบเดน ก็ใช่ว่ายูเครนจะได้รับการสนับสนุนเหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้กระแสไหลมาที่ตะวันออกกลางหมดแล้ว และผลลัพธ์ของสงครามระหว่าง อิสราเอล-อิหร่าน อาจกลายเป็นจุดพลิกขั้วอำนาจในตะวันออกกลางได้นานอีกหลายสิบปีทีเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้ เซเลนสกี้ ต้องถอยกลับไปต่อคิวใหม่ เพราะหัวแถวไม่ว่างซะแล้ว

‘ปิยบุตร’ จี้ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ยุบสภาแสดงภาวะผู้นำ เซ่นคลิปเสียงคุย ‘ฮุน เซน’ หลีกเลี่ยงรัฐประหาร

(18 มิ.ย.68) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า...

จากกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุนเซน และกรณีความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จนกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาล

ประกอบกับ เกือบ 2 ปี ภายใต้รัฐบาล 'ข้ามขั้ว' นี้ พรรคเพื่อไทยไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้

จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ได้ตัดสินใจกันใหม่ว่าต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล

เพื่อแก้วิกฤตการเมืองในระยะสั้น ทั้งของประเทศ และทั้งของพรรคเพื่อไทยเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถึงทางตัน และเพื่อไม่ให้สถานการณ์เดินไปจนเข้าทางพวกจ้องรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรีโปรดแสดงภาวะผู้นำ ยุบสภาเถิดครับ

ไม่มีอะไรใหญ่กว่าประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top