Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48929 ที่เกี่ยวข้อง

ฮุน เซน โพสต์ภาพเมื่อเดือน เม.ย. 68 ที่เคยพา 'นายกฯ อิ๊งค์' ชมห้องพักของ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในบ้านกรุงพนมเปญ ลั่นความสัมพันธ์ 30 ปีถูกทำลายเพราะคลิปเสียงหลุด

(20 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 13.10 น. สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ภาพการพา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปชมห้องที่ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเข้าพัก

ฮุน เซน ยังระบุข้อความว่า “ทั้งข้าพเจ้าและรัฐบาลกัมพูชาต่างก็เคยให้การสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดาและอาของนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบัน”

“ในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อเดือน เม.ย. 68 นอกจากการเยือนอย่างเป็นทางการแล้ว เรายังได้จัดงานเลี้ยงภายในครอบครัว โดย ‘อุ๊งอิ๊งค์’ นายกรัฐมนตรีไทย และสามีของเธอ ได้รับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักของข้าพเจ้า”

“ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอเข้าชมห้องที่บิดาและอาของเธอเคยพัก บ้านของข้าพเจ้าได้สงวนห้องไว้ให้พวกเขา 2 ห้อง ห้องหนึ่งมีชื่อว่า ‘ห้องทักษิณ’ และอีกห้องหนึ่งชื่อว่า ‘ห้องยิ่งลักษณ์’ สามีของนายกรัฐมนตรีไทยได้ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอห้องทั้งสองห้องไว้”

“ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสองครอบครัวมานานกว่า 30 ปี ถูกทำลายลงเมื่อการสนทนาทางโทรศัพท์เกิดรั่วไหลโดยฝีมือเจ้าหน้าที่กัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งโกรธเคืองที่ข้าพเจ้าและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาถูกดูหมิ่น โดยกล่าวหาว่าเราไม่มีความเป็นมืออาชีพ”

(สุรินทร์) มทบ.25 จัดพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 225 กิโลกรัม จากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์  โดย พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้แก่ โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25 

เพื่อปลูกบนเนื้อที่ 15 ไร่ และเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 มอบให้แก่กำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 จำนวน 10 นาย ส่งผลให้ข้าราชการและผู้รับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวฯ มีความรู้สึกปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้ทรงพระเมตตาและห่วงใยความเป็นอยู่ของราษฎรทุกหมู่เหล่า ซึ่งมี คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 25, เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์, เจ้าหน้าที่โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25และกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องรับรอง 1 กองบัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 25

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เตรียมยื่นถอดถอนนายกฯ แพทองธาร 

(19 มิ.ย.68) เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ ออกแถลงการณ์โดยระบุถึงกรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงยอมรับว่าคลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้นเป็นคลิปเสียงของตนสนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งเป็นการด้อยค่าไม่ให้เกียรติทหารและกองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน อีกทั้งการสนทนาได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง อาจเข้าข่ายเป็นความผิด ดังนี้

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เช่น มาตรา 5 บุคคล มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย 

(1) ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม (4) สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน 

2. ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานเป็นกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 

3. นอกจากกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายมาตราดังกล่าว ยังส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิผู้นำทหาร คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา ซึ่งหมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ และยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต และละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมาธิการจึงไม่อาจปล่อยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศต่อไป จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมกันนี้ มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 และตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 รวมทั้งดำเนินการเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในแถลงการณ์ของ กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา ยังได้ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนรับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาจะยืนยันหยัดทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมจะยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลัง

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดอบรมหลักสูตร “การประมงกับความมั่นคงของชาติ และไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล” ประจำปีงบประมาณ 2568 ในพื้นที่จังหวัดระยอง

ระหว่างวันที่ 17 - 20 มิถุนายน 2568 ศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 1 จัดการอบรมหลักสูตร “การประมงกับความมั่นคงของชาติ และไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล” รุ่นที่ 129/361 ประจำปีงบประมาณ 2568 ให้แก่ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงและอาชีพต่อเนื่องจากการทำประมงในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีพิธีเปิดการอบรมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 และพิธีปิดในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาการเปรียญ วัดพลา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

พิธีเปิดการอบรมได้รับเกียรติจาก พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดการอบรม ส่วนพิธีปิดการอบรมมี พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีปิด

การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 70 คน โดยเน้นให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น
- ประวัติความเป็นมาและสิทธิประโยชน์ของไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล
- การปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติและความเป็นพลเมืองดี
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ การประมง และการสื่อสารทางวิทยุ
- การให้ข่าวสารทางทะเลที่เป็นประโยชน์ต่อราชการ
- สถานการณ์ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
- การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล
- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR และการใช้เครื่อง AED

การอบรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการในการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในภาคการประมงให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเลของกองทัพเรือในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top