Sunday, 11 May 2025
SPECIAL

‘อนุทิน’ ชี้!! ‘ภท.’ พกพาความจริงใจเข้ากรุง หวังใช้ผลงานมัดใจ แม้ไร้ ‘กระแส-กระสุน’

(23 มี.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. ที่พรรคมีความเคลื่อนไหวที่เข้มข้นกว่าครั้งที่ผ่านมา ว่า เราเต็มที่กับการเลือกตั้งทุกครั้ง และเอาจริงในทุกเขตเลือกตั้ง เราเลือกคนที่เข้าใจพื้นที่ ต้องเกิดที่นั่น โตที่นั่น เป็นคนดี มีความสามารถ กับพื้นที่ กทม. เรามีประสบการณ์แล้วว่า คน กทม.ต้องการอะไร และเรามีแนวทางแก้ไขไว้ให้ ที่ผ่านมา หลานคนบอบช้ำจากเรื่องเศรษฐกิจ ที่มาจากเรื่องโรคระบาด มีการกู้หนี้ยืมสิน เราเลยมีนโยบายพักหนี้ หลายคน มีความลำบากเรื่องค่าครองชีพ เรามีนโยบายกำหนดอัตราการขนส่งคมนาคมใหม่ เพื่อลดภาระคนไทย

อีกทั้งเรายังมีนโยบายแยกย่อยออกไปอีก ทั้งเรื่องสังคม ความปลอดภัย เขตนี้ จะมีกล้องตรงถนน เขตนี้จะมีการยกระดับเรื่องการเดินทาง แต่ละเขตมีปัญหา และมีการดูแลที่ต่างกัน เราศึกษามาแล้วว่าท่านต้องการอะไร เราก็เสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมา เราพูดและเราทำ ผลงานเห็นชัดอยู่แล้ว ก็หวังว่าจะทำให้คนกรุงเทพฯ ไว้วางใจพรรคภูมิใจไทย ที่ผ่านมา ตนดีใจที่เวลาไปไหนมาไหน มีคนเข้ามาถ่ายรูป ทักทายพูดคุยด้วย แสดงว่าเราก็มีคะแนน ที่ทำไปไม่เสียเปล่า

เมื่อถามว่า คิดอย่างไร ที่มีการตั้งฉายาว่าภูมิใจไทย เป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง นายอนุทิน  กล่าวว่า เป็นเรื่องดี เพราะ คำพูดนี้ มันสะท้อนว่าคนต่างจังหวัดเวลาเขามากรุงเทพฯ เขามาด้วยความจริงใจ และจริงจัง หวังจะทำงาน พิสูจน์ตัวเอง ภูมิใจไทยก็เหมือนกัน เราก็หวังจะทำงานรับใช้ประชาชน กทม. และเราก็จริงใจ ตั้งใจด้วย ขอเพียงท่านให้โอกาส เราไม่ทำให้ผิดหวัง

เมื่อถามว่า เรื่องพรรคภูมิใจไทย ไม่มีกระแส อาจจะผิดหวังในพื้นที่เมืองหลวง นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคเราไม่มีกระแส ไม่มีกระสุน แต่เรามีผลงาน และผลงาน ก็น่าจะทำให้ประชาชนเห็นว่า เลือกพรรคภูมิใจไทยมา ท่านจะได้เห็นความเป็นรูปธรรม จับต้องได้ของนโยบายเรา เรากล้าบอกว่า เราเป็นพรรคพูดแล้วทำ เพราะเรามีผลงานมีความเชื่อมั่นจากประชาชน มีความน่าเชื่อถือต่อสิ่งที่เราให้ไว้กับประชาชน 

'เรืองไกร' รับ 'พปชร.-ภท.' ถกตัวเลขขั้วรัฐบาล เชื่อ ‘เพื่อไทย’ ไม่แลนด์สไลด์เหตุปัจจัยเปลี่ยน

(23 มี.ค.66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) การสนทนารับประทานอาหารเที่ยง ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวานนี้ มีการพูดคุยสมการตัวเลขทางการเมืองขั้วรัฐบาล โดยเป็นการคุยกันต่อเนื่องจากครั้งก่อน พบปะคุยกันปกติ และครั้งที่แล้วยังบอกให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ในฐานะทำงานด้วยกันมา และพูดคุยว่าในเส้นทางการเมืองถ้าเป็นไปได้ก็เป็นพันธมิตรกันไป ส่วนการประเมินตัวเลข ก็เป็นสิ่งที่คาดหวังกัน

เมื่อถามว่า มีการประเมินสมการนี้ เหตุใดไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รวมอยู่ด้วย นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธรวมไทยสร้างชาติ เพราะเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คือเรื่องของความปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง และยินดีต้อนรับหมด เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองเดินหน้าไปได้

‘ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย ‘ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน’ เน้นกระจายงบฯ - อำนาจ พัฒนาพื้นที่ท้องถิ่น

(23 มี.ค.66) นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการกระจายอำนาจ หน้าที่ และงบประมาณ ไปสู่ท้องถิ่น โดยระบุว่า ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง เป็นสัจจะธรรม แต่อำนาจหน้าที่ กฎหมายไม่รองรับ เช่น ให้จัดทำบริการสาธารณะ ซึ่งต้องมีเครื่องมือ คืออำนาจ หน้าที่ และงบประมาณ ปัจจุบันไม่รองรับ 100% เช่นบุคลากร เข้ามาทำหน้าที่บริหารท้องถิ่นตัวเองทำเองไม่ได้ มีคนไปจัดการให้ ซึ่งไม่ตรงตามวัตถุประสงค์

“พื้นที่แต่ละแห่งไม่เหมือนกัน เช่น ทางใต้มีเรื่องทะเล ทรัพยากร สภาพสังคม และงบประมาณ เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา ท้องถิ่นเขาพูดกัน 2 เรื่อง คือ อำนาจในการบริหารจัดการ 100% ไม่ต้องอิงส่วนกลางได้ไหม เขาเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง เช่น กฎหมายการกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจ ถ้าไม่ให้ไป มันทำไม่ได้ การถ่ายโอนที่ไม่ครบ เช่น ไม่มีคนให้ ไม่มีงบประมาณให้ และภารกิจก็ถ่ายโอนไม่ครบอีก ให้ท้องถิ่นไปดูแลสถานีรถโดยสาร แต่สายทางไม่ให้ไป ให้ดูแค่สถานี หรือการถ่ายโอน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รพ.สต. แต่การรักษาทำอย่างไร ให้งานไปแต่ไม่สามารถทำงานได้ ให้มอบภารกิจไปแต่ทำไม่ได้ เราต้องคิดดำเนินการแก้ไขให้กฎหมายรองรับการกระจายอำนาจให้มากที่สุด

‘อ๋อม สกาวใจ’ กล่าวแนะนำตัว สะท้อนการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ที่สร้างความสับสนให้ประชาชน

“ขอแนะนำตัวอีกสักครั้งค่ะ เพราะตอนนี้ชัดเจนแล้ว อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 13 เขตลาดพร้าว ยกเว้นแขวงจรเข้บัว เขตบึงกุ่ม ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม ยาวนิดนึงนะคะ”

‘เสธ.อ้าย’ เข้าพบ ‘จุรินทร์’ พร้อมร่วมทัพประชาธิปัตย์ เผย เชื่อมั่นในการทำงานที่มุ่งทำเพื่อชาติและประชาชน

(23 มี.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ ‘เสธ.อ้าย’ ได้เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้าพบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ภายหลังการหารือกับนายจุรินทร์ พล.อ.บุญเลิศได้เข้าพบ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานสภา ที่ปรึกษาพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค พร้อมกับได้สมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แบบตลอดชีพ โดยนายจุรินทร์ และนายนิพนธ์ บุญญามนี ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเป็นผู้มอบบัตรสมาชิกพรรคให้ด้วยตนเอง

‘ก้าวไกล’ ปลุก ‘นศ. มธ.รังสิต’ ตื่นรู้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ย้ำ รัฐสวัสดิการที่ดีสามารถพาไทยออกจากวิกฤตได้

(23 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษในรายวิชา TU101 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในหัวข้อเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจและสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำ การเข้าสู่สังคมสูงวัย ปัญหากับดักรายได้ปานกลาง และความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ขึันมาในประเทศไทย เพื่อรองรับปัญหาเหล่านี้

ในช่วงหนึ่งของการบรรยาย นายธนาธรชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักที่สังคมไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ คือ ปัญหาอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำลง และการเข้าสู่สังคมสูงวัย จะมีผลกระทบที่รุนแรงขึ้นตราบที่ประเทศไทยยังคงมีความเหลื่อมล้ำมหาศาลเช่นในปัจจุบันดำรงอยู่ และทั้งหมดจะยิ่งตอกย้ำปัญหากับดักรายได้ปานกลางของประเทศไทยให้รุนแรงขึ้น จากการมาถึงจุดอิ่มตัวไม่สามารถไปต่อได้แล้วของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

จึงทำให้ประเทศไทย มีความต้องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา โดยนำปัญหาสังคมมาสร้างเป็นความต้องการ พัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเพิ่มผลิตภาพให้กับประเทศ สร้างงานที่มีคุณภาพเพื่อรองรับคนจบใหม่ ลดความเหลื่อมล้ำและสังคมสูงวัยไปพร้อม ๆ กัน

“แต่เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างเป็นธรรมหรือไม่ สุดท้ายเป็นเรื่องที่แยกไม่ออกจากเรื่องของการเมือง และการจัดสรรภาษี ว่าจะกระจายดอกผลให้คนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยในสังคม อำนาจเมื่อกระจุกตัวอยู่ที่ใครก็ตาม ทรัพยากรก็มักจะกระจุกตัวอยู่ที่คนกลุ่มนั้น การสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชนเท่านั้น ที่จะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยได้” นายธนาธรกล่าว

ส่วนในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ก็ได้รับเชิญให้มาเป็นผู้บรรยายพิเศษ ในรายวิชา TU101 และได้บรรยายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยเช่นกัน โดยเน้นไปที่ด้านการเมือง ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุนขนาดใหญ่กับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน ที่จะสังเกตได้ว่าหลังการรัฐประหารทุกครั้ง จะมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นมาจากการได้สัมปทานพิเศษจากอำนาจ รัฐฯ เสมอ เช่น ในกรณีของกลุ่มทุนพลังงานกลุ่มหนึ่ง ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาจากนโยบายพลังงานในยุครัฐบาลรัฐประหารและรัฐบาลทหารจำแลงเมื่อเร็ว ๆ นี้

น.ส.พรรณิการ์ ยังกล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และนำประเทศไทยออกจากปัญหาที่กำลังรุมล้อมอยู่ตอนนี้ แต่ที่สำคัญคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวไม่อาจแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะไม่ใช่ทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีเป้าหมายในการแก้ความเหลื่อมล้ำ และกลุ่มทุนใหญ่จำนวนมากต่างก็คอยให้การสนับสนุนทุนแก่พรรคการเมืองใหญ่ของทุกฝ่ายอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะยังคงอิงแอบอยู่กับอำนาจรัฐฯ ได้ต่อไปไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

‘วัยรุ่นกัมพูชา’ 2 แก๊ง ขับ จยย. ไล่ยิงกันกลางตลาด พ่อค้าขายผักโดนลูกหลง ‘เสียชีวิต 1 ราย’

(23 มี.ค. 66) รตท.ชัชวาล ประกอบกิจ พนักงานสอบสวน สภ.คูคต รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันภายในตลาดแห่งหนึ่งย่านคูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ศพฐ.1 ปทุมธานี แพทย์เวรจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในตลาด ใกล้เคียงโซนอาคารรถผักหลังคาแดง พบผู้เสียชีวิต 1 รายสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทากางเกงขาสั้นสีดำ สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณช่องจอดรถผู้ซื้อ ทราบชื่อต่อมานายโกวิทย์ เนตรศรีไพบูลย์ อายุ 59 ปี ชาววิหารแดง จังหวัดสระบุรี ใกล้เคียงกันพบรถจยย.ยี่ห้อฟีโน่สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของผู้เสียชีวิต

‘กรณ์’ ปล่อยนโยบาย ‘Dark Economy’ จัดโซนนิ่ง ‘ฟ้ามืด’ ส่งเสริมคุ้มครองอุทยานท้องฟ้ามืด เพิ่มโอกาส-สร้างรายได้ให้คนไทย

ปล่อยนโยบายสร้างความฮือฮาอย่างต่อเนื่องสำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า โดยล่าสุดได้ส่งนโยบาย 'Dark Economy' เป็นจุดขาย ซึ่งหนึ่งในชุดนโยบายเฉดสี Spectrum Economy ที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้

(23 มี.ค. 66) นายกรณ์ จากติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงนโยบาย Dark Economy ว่า เป็นการท่องเที่ยวแนวใหม่โดยจัดโซนนิ่งฟ้ามืด ทั้งนี้ต้องถามตัวเองว่า ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นดาวแบบเต็มท้องฟ้าคือเมื่อไร เพราะโลกหมุนเร็ว ไม่เฉพาะในเมืองที่มีแสงสว่างจนบดบังความงามของดวงดาวบนท้องฟ้า แม้แต่ต่างจังหวัดเองก็หาพื้นที่ที่มืดสนิทจริง ๆ ได้ยากขึ้นทุกวัน

'เศรษฐา' ขอบคุณ 'ทักษิณ' ชมเป็นนายกฯได้ ด้าน 'ชลน่าน' ออกตัวยังไม่เคาะชื่อแคนดิเดตฯ

‘เศรษฐา’ เผย รู้สึกเป็นเกียรติ ‘ทักษิณ’ ชม ชี้ ยังมีข้อต่างอีกเยอะ ลั่น หากเป็นนายกฯ จะไม่ตั้งคณะกรรมการซ้อนกรรมการ แก้ปัญหาปชช. ชู หลักคิดเร็ว ทำเร็ว ด้าน ‘ชลน่าน’ บอก เรื่องแคนดิเดตเป็นแค่ความเห็นของ ‘อดีตนายกฯ’

(22 มี.ค. 66) ที่จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปราศรัยในเวทีแรก หลังนายกฯประกาศยุบสภาฯ ว่า จัดเต็มทุกเวที ไม่มีข้อยกเว้น เราเสนอนโยบายตามความเป็นจริงทุกอย่าง ทั้งนี้ สำหรับเวทีที่นนทบุรี เราจะเน้นหลายประเด็น ซึ่งเหมือนทุกจังหวัดที่เน้นเรื่องความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ความล้มเหลว ขณะนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของกระบวนการคืนอำนาจสู่ประชาชน และขอให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะๆ

เมื่อถามว่า มองประเด็นที่เมื่อคืนนี้ (21 มี.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปรียบเทียบนายเศรษฐา เหมือนตอนที่นายทักษิณเข้ามาทำงานการเมืองแรกๆว่าอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เราก็มีความเหมือนกันได้ แต่เมื่อมีความเหมือนก็มีความแตกต่างในตัวของมันเอง ถือเป็นเกียรติเพราะท่านก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความนิยมชมชอบมาตลอดกาล ส่วนในความแตกต่างที่ตนพูดถึงนั้นมีหลายอย่าง ท่านเองเป็นคนที่ก่อร่างสร้างตัวมา ตนมาช่วยเติมเต็ม ท่านวางรากฐานมาไว้ดีอยู่แล้ว และเรามีบุคคลที่มีคุณภาพในพรรค

เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณ ชมนายเศรษฐาเช่นนั้นอนาคตจะชูเป็นแคนดิเดตใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้เป็นขั้นเป็นตอนไป คณะกรรมการบริหารก็จะประชุมกันในเร็ววันนี้ ขอให้อดใจรออีกนิด เพราะมีคนที่มีคุณภาพอยู่หลายคน ขอเวลาเล็กน้อย ให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่า

เมื่อถามว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกจะทำได้ดีเหมือนนายทักษิณหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อย้อนหลังไป 20 ปี ที่ผ่านมา ตนมองว่าธุรกิจที่ท่านทำประสบความสำเร็จมากกว่าตนเยอะ ท่านก่อร่างสร้างตัวจากตรงนั้นก็เป็นอะไรที่น่าชื่นชม และเป็นอะไรที่เปรียบเทียบกับตนยังไม่ได้

เมื่อถามต่อว่า ทั้งนายทักษิณและนายเศรษฐามาจากภาคธุรกิจเช่นกัน ในทางการเมืองจะนำวิธีการทำงานอะไรของนายทักษิณมาปรับใช้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นหลักการคิดเร็ว ทำเร็ว และต้องมีการวิเคราะห์ถึงความเสี่ยง เปรียบเทียบกับความเร่งด่วนว่าจะมีการบริหารจัดการอย่างไร ไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการซ้อนกรรมการ ถ้าทำแบบนั้นปากท้องแห้งพอดี

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่กองเชียร์พรรคเพื่อไทย ออกปากเชียร์ทั้งนายเศรษฐา และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่กองเชียร์ไม่ได้เอ่ยชื่อ เพียงแต่ตนอาจจะได้การสนับสนุน หรือออกสื่อมากหน่อย อาจจะเป็นเพราะตัวสูงมองเห็นง่าย แต่ตนก็รู้สึกว่ายังต้องเจียมตัว เพราะผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนล้วนมีความสุดยอดทั้งนั้น

‘ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย ‘ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์’ มั่นใจ!! ช่วยลดค่าไฟ 450 บาท/หลังคาเรือน

(22 มี.ค.66) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในเวทีเสวนาออนไลน์ : ล้านหลังคา ล้านโซล่าเซลล์ จัดโดย สภาองค์กรของผู้บริโภค โดยนำเสนอว่า พรรคภูมิใจไทย มี ‘นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อน เดือนละ 100 บาท 60 งวด’ โดยคาดว่าจะมีการติด โซล่าเซลล์ 21 ล้านหลังคาเรือน เราคิดว่าจะติดให้ฟรีทุกครัวเรือน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริง โดยแหล่งเงินจะมาจากการทำกองทุนขายพันธบัตร ระดมทุนให้สามารถติดโซล่าเซลล์ ได้ทุกหลังคาเรือน

“ทำเหมือนกับการเปลี่ยนระบบโทรทัศน์จากระบบอนาล็อก ไปเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิตอล เมื่อไม่นานที่ผ่านมา  เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ให้สามารถทำฐานการผลิตโซล่าเซลล์ ในประเทศไทย คิดดูว่าจะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมหาศาล คิดดูว่า 21 ล้านหลังคาเรือน จะมีการจ้างงานเท่าไหร่ ในปีที่ผ่านมา เรื่องหลังคาโซล่าเซลล์ เติบโตเพียง 1% ประเทศไทยไม่มีโรงงานผลิตโซล่าเซลล์ หากการติดโซล่าเซลล์ 20 ล้านหลังคาเรือน เกิดขึ้น เราจะเป็นฐานโรงงานผลิตโซล่าเซลล์ และเกิดกาจ้างงานมหาศาล และผลิตไฟฟ้า ได้ประมาณครึ่ง ของพลังงานที่ผลิตในประเทศ เป็นพลังงานสะอาด” นายสิริพงศ์ กล่าว

‘สกลธี’ เผย ‘สุวัฒน์ ม่วงศิริ’ ทิ้ง พลังประชารัฐ ยอมรับ!! กระทบฐานเสียง - เร่งหาผู้สมัครลงแทน

(22 มี.ค.66) นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยอมรับว่า นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ แล้ว หลังจากเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม. ของพรรคไปก่อนหน้านี้ ซึ่งแจ้งกระชั้นชิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะตอนที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพลังประชารัฐทั้ง 33 คน ก็คิดว่าทุกคนลงตัวหมดแล้ว และเตรียมเข้าสู่กระบวนการไพรมารีของของพรรค และเตรียมไปสมัคร

“หลังการยุบสภาเปิดช่องให้ย้ายพรรค จึงคิดว่าได้มีการพูดจา หรือเจรจาโดยบางคนอาจได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่า จึงตัดสินใจย้ายพรรค ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เสียดาย เพราะจะกระทบต่อฐานเสียง เนื่องจากเป็นพื้นที่เป้าหมาย และเห็นว่าควรจะบอกกันตั้งแต่เนิ่น ๆ การมาบอกกระชั้นชิดถึงแม้จะหาตัวคนใหม่มาแทนได้ แต่จะเหนื่อยหน่อย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐกำลังพูดคุยเพื่อหาตัวว่าที่ผู้สมัครมาแทน โดยจะพิจารณาจากคนที่อยู่ในบัญชีสำรอง” นายสกลธี กล่าว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่านายสุวัฒน์ น่าจะไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
 

'ธนกร’ เผย งานเปิดตัวทีม ศก.รทสช. มีบิ๊กเนมร่วมทัพ พร้อมดันคนรุ่นใหม่-ผู้เชี่ยวชาญ ผนึกกำลังนำพรรคเดินหน้า

(22 มี.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค รทสช. ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ว่า สำหรับงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 มี.ค.นี้ มีบิ๊กเนมเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจแน่นอน แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในด้านเศรษฐกิจมีทีมคณะที่ปรึกษากว่า 20 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ฉะนั้น จะมี 2 ส่วน บางคนเมื่อเข้าสู่วงการการเมือง อาจจะไม่อยากอยู่เบื้องหน้า จึงอยู่ช่วยบริหารอยู่เบื้องหลัง และอีกส่วนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่ต้องการมาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้น พรุ่งนี้อาจจะมีการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ที่มาจากหลายฝ่ายทั้งคนรุ่นใหม่ ผู้มีประสบการณ์ ผสมผสานกัน

บรรยากาศภายในพรรคที่มีผู้สนใจลงสมัคร ส.ส. ขณะนี้เป็นไปด้วยความคึกคักในทุกพื้นที่ โดยมีผู้สมัครจากทั่วประเทศทยอยเดินทางมาสมัครที่พรรค ตอนนี้กระแสความนิยมใน พล.อ.ประยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้มีการขึ้นป้ายหาเสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือ ถือว่ากำลังไปได้ดี

รทสช. ปรับแผน ดัน ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่ถี่ขึ้น เพราะไปที่ไหน ได้คะแนนที่นั่นเสมอ

(22 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคว่า พรรคได้มอบหมายให้ตนเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ดังนั้นในการประชุมของทุกภาคตนจะเข้าร่วมประชุมก็พบว่ามีผู้สมัครล้นทุกจังหวัด ก็คงจะเหมือนกับทุกพรรค จึงต้องพิจารณาว่าทำอย่างไรถึงจะรักษาน้ำใจคนที่ไม่ได้รับเลือกให้ลงสมัคร

"ผู้สมัครของพรรคมีความพร้อมมาก ซึ่งในวันที่ 25 มีนาคมนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ ทำให้ดูว่าเรามีความพร้อมแค่ไหน เช่นเดียวกับผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ก็มีล้นแต่จะเลือกให้เหลือ 100 คน โดยขณะนี้ยังไม่ได้จัดลำดับ ส่วนนโยบายพรรคสรุปครั้งสุดท้ายในวันพฤหัสบดีนี้ และจะประกาศให้ประชาชนได้รู้ว่า นโยบายทั้งหมดเป็นแบบไหนทีมเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ใครบ้างจะมาเป็นทีมเศรษฐกิจ เพราะแต่ละคนล้วนเป็นคนเก่ง และมีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น"

นายไตรรงค์ กล่าวว่า ตนได้เสนอคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ในส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่รักษาการอยู่ในขณะนี้ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคมีความจำเป็นจะต้องลงพื้นที่ ไปปราศรัยช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง ตนได้เสนอที่ประชุมว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

'สันติ' โว ทำโพลได้ 6 ล้านเสียง ยึดปาร์ตี้ลิสต์เกิน 20 ที่นั่ง เสริมเป้า พปชร. ครอง 150 ที่นั่ง ไม่เปลี่ยน!!

(22 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้ครบทั้ง 400 เขต ส่วนบางเขตที่ผู้สมัคร ส.ส.เกิน วันนี้จะสรุปให้ชัดเจน เพื่อทำการรับรอง และจัดส่งไปทำไพรมารีโหวต ส่วนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ครบแล้ว 100 คน โดยลำดับที่ 1 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วนลำดับที่ 2 ตามธรรมเนียมน่าจะเป็นชื่อตนในฐานะเลขาธิการพรรค ส่วนผู้สมัคร ส.ส.ที่ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้น ในแต่ละพื้นที่แต่ละภาคจะต้องปรับมาให้ที่ส่วนกลาง จากนั้นพรรคจะดูความเหมาะสมว่าจะดันขึ้นเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้หรือไม่ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ยังเป็น พล.อ.ประวิตร คนเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในโซนปลอดภัยจะต้องอยู่ถึงลำดับที่เท่าไหร่ นายสันติ กล่าวว่า ประมาณลำดับที่ 20 เพราะครั้งที่แล้ว พปชร.ได้คะแนนรวม 8 ล้านเสียง แต่ครั้งนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเก่าไปอยู่พรรคอื่นแล้ว เราจึงประมาณว่าครั้งนี้จะได้สัก 6 ล้านเสียงโดยประมาณ เมื่อถามว่า ตัวเลข 6 ล้านเสียง พรรคประเมินว่าได้มาจากไหน นายสันติ กล่าวว่า มั่นใจจากเสียงสะท้อนที่ลงพื้นที่ รวมถึงการทำโพลที่เชื่อถือได้ ไม่ได้รับจ้าง ซึ่งระบุว่าจะได้ตัวเลข 6 ล้านเสียง แต่ยอมรับว่าบางครั้งโพลก็มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หากเรียงคะแนนแต่ละพรรค การคำนวณว่า พปชร.จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 คนยังน้อยไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเป้าหมาย ส.ส.ทั้งหมดของพรรคยังตั้งเอาไว้ที่ 150 ที่นั่งเหมือนเดิม และตัวเลขของผู้สมัคร ส.ส.ที่มั่นใจว่าจะชนะยังอยู่ในระดับนั้น ส่วนจะถึงตามเป้าหรือไม่อยู่ที่ประชาชนและคู่แข่งฯ แต่ขอย้ำว่าทุกนโยบายที่เราพูดออกไปว่าทำจริงทำทันทีจะได้รับการตอบรับ ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด เนื่องจากอำนาจที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นของนายกฯ

‘สันติ’ ดัน นโยบายแก้หนี้นอกระบบ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยกลุ่มเปราะบาง สร้างความเสมอภาคในการเลี้ยงอาชีพ

(22 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการผลักดันนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า จะมีมาตรการจะช่วยกลุ่มเปราะบาง ซึ่งโดยส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จะรับรองเงินนอกระบบมาเป็นเงินในระบบและคิดดอกเบี้ย 20-30% เพราะตามข้อเท็จจริงชาวบ้านและเกษตรกร ถ้าไม่ได้รับความเสมอภาคก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฟื้นตัว เพราะเขาต้องกู้เงินนอกระบบ แต่ต้องมาแบกดอกเบี้ยแพงขนาดนี้ แต่ปล่อยกู้ให้นายทุนคิดดอกเบี้ยเพียง 2-3% เท่านั้น ทั้งที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของประชาชนทั้งประเทศประมาณ 22 ล้านล้านบาท

ซึ่งธนาคารต่าง ๆ ปล่อยกู้ให้กิจการขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่ในระดับข้างล่าง อาทิ เอสเอ็มอี (SME) หาบเร่แผงลอย ได้มาพูดคุยกับตนและพรรคว่า เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนเหล่านี้ เพราะธนาคารคิดดอกเบี้ยแพง รวมถึงดอกเบี้ยเงินฝากได้เพียง 0.75-1% หรือได้ไม่ถึง 1% แต่เวลาธนาคารต่าง ๆ นำเงินไปปล่อยกู้ เก็บดอกเบี้ย 7-8% ฉะนั้น จะนำเรื่องนี้ประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อหาแนวทางแก้ไข


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top