Sunday, 11 May 2025
SPECIAL

ป.ป.ส. เผยยึดทรัพย์เครือข่าย ‘ทุน มิน หลัด’ กว่าพันล้าน พบ เส้นทางการเงิน ‘บ.อัลลัวร์กรุ๊ป' เชื่อมโยงนักการเมือง

ป.ป.ส.แถลงความคืบหน้ายึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่ม ‘ทุน มิน หลัด’ ยอมรับมีเงินบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป บางส่วนเชื่อมโยงนักการเมือง แต่ต้องตรวจพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องยาเสพติดหรือไม่

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายนายมานพ แสงโสทร นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงาน ปปส.กทม. ได้แถลงผลการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนาย ทุน มิน หลัด (Tun Min Latt) และผู้เกี่ยวข้อง

นายวิชัย กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 6 คดี ต่อมาได้มีขยายผลและสืบทราบว่า นายทุน มิน หลัด กับพวก เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับของศาลอาญา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ให้จับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 6 คน พร้อมนิติบุคคล ในฐานะผู้ต้องหาอีก จำนวน 3 บริษัทในเครืออัลลัวร์กรุ๊ป ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันจับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 4 ราย ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ จำนวน 2 ราย คือนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์  หรือ เอ็ดดี้ และ นางสาวกัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ ภรรยา ซึ่งภายหลังการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน และยึดหรืออายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา และกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องไว้เพื่อตรวจสอบรวมมูลค่าประมาณ 1,398.5 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดหรืออายัดไว้ มีทั้งทรัพย์สินประเภทที่ดิน , สิ่งปลูกสร้าง ,  เครื่องประดับ , เงินสด , เงินฝากในบัญชีธนาคาร , ยานพาหนะ , หลักทรัพย์ , เงินประกันและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ

นอกจากนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง บัญชีที่ระบุว่าเป็นบัญชีม้า รวม 111 บัญชี มูลค่าเงินที่อายัดประมาณ 163.58 ล้านบาท ซึ่งจะเรียกผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่อายัดไว้ทั้งหมดมาชี้แจงต่อไป ส่วนบัญชีอื่นที่เป็นบัญชีม้าอยู่ระหว่างดำเนินการอายัด

ส่วนกรณีที่โรงแรมอัลลัวร์ในคดีนี้และทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ดำเนินการแจ้งคำสั่งการตรวจสอบ และยึดหรืออายัดทรัพย์สิน รวมถึงการแจ้งให้ระงับการรับเงินค่าใช้ไฟฟ้าจากบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการชำระเงินในนามของบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ปฯ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้รับทราบและดำเนินการตามที่ สำนักงาน ป.ป.ส. แจ้งแล้ว แต่เนื่องจากการซื้อ-ขายไฟฟ้า ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายกับผู้ใช้ไฟฟ้าในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น จะต้องทําสัญญากับบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมา จึงจะสามารถทำการซื้อ-ขายไฟฟ้าดังกล่าวได้ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้ประสานงานไปยังประเทศเมียนมาเพื่อเร่งดำเนินการให้สัมปทานแก่บริษัทอื่น เพื่อมาทําสัญญา ซื้อ-ขายไฟฟ้าแทนบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ประหว่างรอการดำเนินการ

‘บิ๊กป้อม’ ดึง ‘บิ๊กแอ๊ด’ ร่วมทัพ พปชร. คาด!! ช่วยคุมอีสานใต้ ‘บุรีรัมย์-สุรินทร์’

(22 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรค พปชร.ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ได้มอบให้คนใกล้ชิด เข้าทาบทาม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมงานกับพรรค เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อช่วยสู้ศึกเลือกตั้ง

โดยล่าสุด พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้ตอบรับที่จะมาช่วยงานดูแลพื้นที่อีสาน โดยเฉพาะอีสานใต้ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค ที่ พล.อ.ประวิตร มอบให้รับผิดชอบดูแลงานมวลชน และขับเคลื่อนงานตามนโยบายพรรค ทั้งเรื่องบริหารจัดการน้ำ และที่ดินทำกิน มาก่อนหน้านั้น โดย พล.อ.ประวิตร จะเปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ที่พรรค พปชร.

‘ชพก.’ แท็กทีม ผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่วัดระฆังฯ - วังหลัง ชาวบ้าน ลั่น!! อยากให้ ‘กรณ์’ เป็นนายกฯ ช่วย ปชช.ปลดหนี้

(22 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย นายศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา, นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล, นายธนาวุฒิ  รัศมีฉาย, พ.ต.อ. ทศพล โชติคุตร์, นายสงกรานต์ พงษ์พันนา, นายวรนัยน์ วาณิชกะ, นายพรชัย มาระเนตร์, นางสาววิเวียน จุลมนต์ ลงพื้นที่เพื่อช่วยนายกฤษณ์ สุริยผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย และ นางสาวอรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา ว่าที่ผู้สมัครเขตภาษีเจริญ-บางกอกใหญ่ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ ท่าน้ำวังหลัง วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเดินหาเสียง มีชาวบ้านออกมาให้กำลังใจนายกรณ์ และทีมผู้สมัคร กันอย่างคึกคัก พร้อมกับพูดว่า อยากได้นายกรณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเชื่อมั่นใจในความเป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ ที่จะสามารถปลดหนี้ ปลดสิน ให้กับประชาชน จะได้หมดทุกข์และมีความสุขกับเขาเสียที

‘เสี่ยหนู’ มั่นใจ ‘ภท.’ มีความรับผิดชอบ ไม่ขายฝัน ทำได้จริง ลั่น!! หากได้เป็นนายกฯ พร้อมดูแลคุณภาพชีวิต ปชช.ทุกด้าน

(22 มี.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการทำงาน หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า การจะเป็นนายกฯ ได้ ต้องอาศัยหลายปัจจัย ชั่วโมงนี้ใกล้เลือกตั้ง ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจในตัวเรา และตัวพรรค ที่ผ่านมาน่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า พรรคเราพูดแล้วทำ ไม่ขายฝัน ทำได้จริง ตรงนี้เชื่อว่าประชาชนมองเห็น แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ ตนมองว่าเรื่องคุณภาพชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุข

รัฐฯ ต้องดูแลคนไทย เราต้องช่วยอำนวยความสะดวกกับประชาชน เขาบอบช้ำจากวิกฤตเศรษฐกิจ เราต้องพักหนี้ให้เขา ให้เขามีโอกาสฟื้นตัว เมื่อเขาแก่ตัวลง เราต้องมีระบบคัดกรองสุขภาพ ดูแลช่วยเหลือ พอถึงช่วงวัยหนึ่ง ผู้สูงวัยอาจป่วยติดเตียง รัฐฯ ต้องไม่ทอดทิ้ง ให้เป็นภาระของลูกหลาน พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายกรมธรรม์ผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ ได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ผู้สูงอายุสามารถกู้เงินมาดูแลตัวเองได้ เมื่อเสียชีวิต ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาทและครอบครัว รายละ 1 แสนบาท ให้คนที่จากไปไม่ต้องกังวล

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน เราต้องทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น การที่ไทยตั้งอยู่ศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน นี่คือโอกาสที่ไทยต้องรักษาไว้ ในเวทีโลกต่างพูดกันว่าใน 20 ปีนี้ อาเซียนจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของโลก นี่คือสิ่งที่ไทยต้องได้ประโยชน์ด้วย เราต้องเร่งพัฒนาตัวเอง วางเป้าหมายให้ชัด แล้วไปให้ถึง จะเป็น ‘เมดิคัล ฮับ’ จะเป็นศูนย์กลางการลงทุน จะเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยว เราต้องเอาจริง ตอนนี้ เราเป็นเซ็นเตอร์ด้านการขนส่งได้

พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายแลนด์บริดจ์ เชื่อมอ่าวไทยกับอันดามัน ด้วยทางถนน ทางรถไฟ ทางด่วน ทางท่อ ร่นเวลาการขนส่งจาก 7 วันเหลือเพียง 1 วัน เป็นโครงการที่จะช่วยให้ไทยมีศักยภาพ ในการเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมของภูมิภาค

“การเป็นผู้นำไทย ต้องคิดถึงประชาชน ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และต้องรับผิดชอบ นี่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง” นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7572175

‘ปชป.’ ชู ‘เดลตา เวิกส์ ไทยแลนด์’ แก้ปัญหาน้ำท่วม ลั่น!! ขออาสากลับมาดูแล ปชช. - พลิกฟื้นกรุงเทพฯ

(22 มี.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร นำทีม กทม. ทั้งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม., น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่ กทม.พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. และทีมยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรคฯ ร่วมกัน เปิดนโยบาย กทม. พร้อมชม ‘Policy Exhibition’ ที่ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์

โดยนายองอาจ กล่าวว่า นโยบายของกรุงเทพฯ เดินตามนโยบายสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน จากกระบวนการฟัง คิด ทำ และนำมาจัดทำเป็นนโยบาย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ของคน กทม. และเชื่อว่า ประชาชนจะเห็นความตั้งใจจริงของ ปชป.ที่จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อในเชิงโครงสร้าง กทม.ได้รับการแก้ไข พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ยืนยันว่าพรรค ปชป.มีความพร้อมทั้งบุคคลและนโยบาย ขอให้ช่วยสนับสนุนผู้สมัครจากพรรค ปชป.โดยเลือกทั้งคนทั้งพรรคเพื่อนำนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติ และขอให้เชื่อมั่นว่าพรรค ปชป.พร้อมที่จะกลับมาเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ

ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวถึงนโยบายการสร้างคน ว่า 4 ปีที่ผ่านมาพรรค ปชป.ไม่ได้ ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว และ 4 ปี ที่ผ่านมา กทม. ยังคงมีปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังอยู่ในภาวะรอจมน้ำทุกวัน มีความไม่เท่าเทียม รวมทั้งโอกาสเข้าถึงการศึกษา ขนส่งสาธารณะก็ยังมีปัญหา ดังนั้น ครั้งนี้พรรค ปชป.อาสาจะแก้ปัญหาให้กับประชาชน หมดเวลารอฟ้า รอฝน แต่หากจะรอใครสักคนขอให้รอคนของพรรค ปชป.และขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5  ไม่ใช่ให้ภาครัฐพูดเองเออเอง และขอประกาศให้พื้นที่ 16 เขตชั้นในเป็นเขตมลพิษต่ำ ซึ่งในพื้นที่ชั้นในมีโรงเรียนมากกว่า 300 แห่ง และ โรงพยาบาลกว่า 40 โรงพยาบาล ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่อลุ่มอล่วย แต่ให้โบนัสกับผู้ที่ช่วยลดฝุ่นพิษ 

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมี นโยบาย ‘เดลตา เวิกส์ ไทยแลนด์’ กรุงเทพฯ ต้องไม่จมน้ำ ที่จะมาแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำขัง น้ำหนุน โดยจะผลักดันให้มีการทำโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนครั้งแรกของกรุงเทพฯ บูรณาการระบบป้องกันน้ำท่วม โดยใช้ดาวเทียม ซึ่งโครงการนี้จะไม่ได้ช่วยแค่กรุงเทพฯ แต่จะช่วยในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดด้วย

นายสุชัชวีร์​กล่าวด้วยว่า โครงการเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ไม่มีค่าหน่วยกิต พร้อมเริ่มทำทันทีหากพรรค ปชป.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยให้โอกาสนักเรียน นักศึกษา ได้ฝึกงานตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งจะสามารถผลิตนักศึกษาที่มีงานทำได้ 1 ล้านคนต่อปี เพื่อเงินค่าครองชีให้กับผู้กู้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จากเดือนละ 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท และมีอินเตอร์เน็ตฟรี 1 แสนจุดทั่ว กทม. และอินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด จะเกิดขึ้นทันทีทั่วประเทศ

นายสุชัชวีร์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พรรค ปชป.สนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ เมื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะให้รัฐบาลซื้อตั๋วรถไฟฟ้าล่วงหน้า และนำส่วนต่างจากการลดราคามาให้กับประชาชน รวมถึงนโยบายนมโรงเรียนฟรี 365 วัน และนโยบายที่จะให้ประชาชนตรวจสุขภาพฟรี  ดังนั้น ขอโอกาสให้พรรค ปชป.กลับบ้านมาดูแลลูกหลานชาว กทม. ขอให้ช่วยเลือกพรรค ปชป.ทั้งคน ทั้งพรรค ส.ส. 33 เขต

‘บิ๊กป้อม’ ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ‘พลังประชารัฐ’ ‘ชัยวุฒิ’ เห็นพ้อง โดยหลักการต้องเป็น ‘หัวหน้าพรรค’

‘บิ๊กป้อม’รอกรรมการบริหารพรรคพิจารณา ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 หรือไม่ พร้อมระบุจะเป็นนายกฯที่มาจากประชาธิปไตยหรือไม่ ให้ประชาชนพิจารณา พร้อมยิ้มกว้างต้อนรับหาก ‘ลุงตู่’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 รทสช.ชี้ใครก็ลงทั้งนั้น ‘ชัยวุฒิ’ชี้โดยหลักการปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 พปชร. เป็นของ ‘บิ๊กป้อม’ เว้นเจ้าตัวจะติดขัด แขวะบางพรรคอันดับ1 อาจเป็นหัวหน้าครอบครัว

(22 มี.ค.66) ที่ห้องบอลรูม ชั้น 4 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้น ๆ ถึงกรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 มีนาคม 2566 นายพูน แก้วภราดัย ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความ “ลุงตู่ ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 รวมไทยสร้างชาติ” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นและแชร์ต่อ

พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่าใครลงปาร์ตี้ลิสต์ ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า พล.อ. ประยุทธ์ จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การลงก็ดีทั้งนั้นแหละ ใครก็ลงทั้งนั้นแหละ ทุกคนก็ลง

เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ลงเป็นทางเลือกที่ดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร เพียงแต่ยิ้มกว้าง ๆ โดยไม่ได้ตอบคำถาม จากนั้นเดินเข้าห้องประชุมทันที เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา PDPA Going Forward

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ช่วงสายวันที่ 22 มีนาคม 2566 นายพูน ได้ลบเนื้อหาที่โพสต์ออกทั้งหมด

ต่อมาเวลา 10.55 น.พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการลงสมัคร ส.ส. บัญชีราย ชื่ออันดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ขอรอให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเป็นการปูทางเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าขึ้นอยู่กับประชาชน

'วิทยา' แจงปมโพสต์ 'บิ๊กตู่' ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 พบเป็นความผิดพลาดก่อนโพสต์ ลบทิ้งแล้ว

‘วิทยา’ แจงแทนบุตรชาย เหตุโพสต์ข้อความระบุ ‘พลเอกประยุทธ์’ เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 พรรค รทสช. อ้างแอดมินนำมาจากสื่อทีวีช่องหนึ่ง และไม่ได้ตรวจสอบ ก่อนลบทิ้ง ยืนยันพรรค รทสช.ส่งผู้สมัครครบ 400 เขต

(22 มี.ค.66) นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมากล่าวถึงกรณีที่ นายพูน แก้วภราดัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นบุตรชาย ได้โพสต์รูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมข้อความ ‘ลุงตู่ ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 รวมไทยสร้างชาติ’ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่ภายหลังลบข้อความดังกล่าว ว่า...  

ทีมเศรษฐกิจก้าวไกล กร้าว!! ขอมุ่งโตอย่างเป็นธรรม ปัก 3 เป้า ‘ชีวิตมั่นคง-แข่งขันเป็นธรรม-ลุยโกลบอล'

‘ก้าวไกล’ เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ ประกาศ 7 วาระสู่อนาคต ปักธงสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม ตั้ง 3 เป้าหมาย รากฐานชีวิตคนไทยมั่นคง - กติกาแข่งขันเป็นธรรม - พาธุรกิจไทยบุกตลาดโลก

(22 มี.ค.66) พรรคก้าวไกลเปิดตัวแกนนำหลักทีมเศรษฐกิจ 7 คน ซึ่งมีส่วนผสมที่หลากหลายอย่างลงตัว ทั้งในแง่อาชีพ มีทั้ง ส.ส. นักวิชาการ ข้าราชการ นักธุรกิจ ในแง่ช่วงวัย มีทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเก๋า และในแง่มิตินโยบายเศรษฐกิจ ที่ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจภาคเมือง เศรษฐกิจภาคชนบท เศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมไฮเทค

โดยทั้ง 7 คน ประกอบด้วย (1) วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร (2) สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล (3) วรภพ วิริยะโรจน์ (4) อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล (5) ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร (6) เดชรัต สุขกำเนิด และ (7) ศิริกัญญา ตันสกุล

ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล คือการเติบโตอย่างเป็นธรรม (Inclusive Growth) ด้วยการทำให้เศรษฐกิจเติบโต แต่ขณะเดียวกันดอกผลของการพัฒนาต้องถูกกระจายอย่างเป็นธรรม ซึ่งจะทำแบบนี้ได้ มีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ การสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้มั่นคง (Firm Ground) การสร้างกลไกภาครัฐและกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม (Fair Game) และ การทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตพุ่งทะยานรองรับความท้าทายใหม่ๆ ของโลก (Fast Forward Growth)

วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยด้านนโยบายสาธารณะ National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ประเทศญี่ปุ่น ประกาศวาระ ‘เปลี่ยน Made in Thailand เป็น Made with Thailand’ โดยกล่าวว่า นโยบาย Made in Thailand ถูกใช้มาตั้งแต่ยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือการชวนคนเข้ามาลงทุน ลดแลกแจกแถม มีมาตรการภาษีสร้างแรงจูงใจ ทำให้จีดีพีประเทศโตขึ้น แต่คนไทยได้ส่วนแบ่งดอกผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนโยบายนี้ไม่เหมาะกับอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ที่ห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ไม่ได้ยึดติดกับดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เกี่ยวข้องกับหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่น การผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่งประเทศไทยตกขบวนไปแล้ว มีการออกแบบในสหรัฐอเมริกา ใช้ชิปจากไต้หวัน ตัวเก็บประจุ (Capacitor) จากญี่ปุ่น จอภาพจากเกาหลีใต้ ประกอบในจีนและอินเดีย ใช้สิทธิบัตรจากสวีเดน ดังนั้น ประเทศไทยต้องไม่ยึดติดกับคำว่า ‘In’ หรือการลงทุนในดินแดน แต่ต้องคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้ คนไทย การผลิตแบบไทย สิทธิบัตรไทย เข้าไปเชื่อมโยงเป็นส่วนผสมหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของโลก เปลี่ยนจาก Made in Thailand เป็น ‘Made with Thailand’

“พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมและภาคการผลิต ให้เป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจ เราต้องคิดใหม่ เปลี่ยนวิธีการ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ รวมถึงเปลี่ยนผู้ทำนโยบายเท่านั้น ถึงจะเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยได้” วีรยุทธกล่าว

สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล อดีตผู้พิพากษาศาลสมทบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อดีตกรรมการบริษัทเอกชนสินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ไทย Moshi Moshi ประกาศวาระ ‘เปิดโอกาส เปิดตลาด SME’ โดยกล่าวว่า ปัจจุบันไทยมี SME 3 ล้านราย จ้างงานถึง 1 ใน 3 ของประเทศ แต่ที่ผ่านมา SME อ่อนแอลงเรื่อยๆ พรรคก้าวไกลเสนอนโยบาย 5ต ทำให้ SME กลับมาเข้มแข็งเป็นพลังของเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย (1) ‘เติมทุน’ คือทุนตั้งตัว 100,000 บาท และทุนสร้างตัว 1,000,000 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น โดยภายใน 4 ปีภายใต้รัฐบาลก้าวไกล ตั้งเป้าจะสร้างผู้ประกอบการ SME ที่เข้มแข็งกว่า 1 ล้านราย (2) ‘เติมตลาด’ เพื่อให้ SME เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น (3) ‘ตั้งสภา’ SME ให้สามารถรวมกลุ่มกันได้ มีปากเสียงทัดเทียมกับทุนใหญ่ รวมถึงกำหนดนิยาม SME ให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาบริษัทขนาดใหญ่แตกบริษัทขนาดย่อยมาแข่งขัน (4) ‘ตัดรายจ่าย’ โดยปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคลในระบบก้าวหน้า ให้ SME เสียภาษีอัตราต่ำลง และเมื่อรัฐบาลก้าวไกลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำเร็จ SME สามารถนำค่าจ้างลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าเป็นเวลา 2 ปี และ (5) ‘แต้มต่อ’ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทขนาดใหญ่ที่สนับสนุน SME สร้างระบบบริษัทใหญ่ช่วยบริษัทเล็ก เติบโตไปด้วยกัน รวมถึงนโยบายหวยใบเสร็จ อุดหนุนสินค้าจากร้านรายย่อย ลุ้นได้เงินล้านทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

วรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกาศวาระ ‘ทลายทุนผูกขาดเพื่อลดค่าครองชีพ’ โดยกล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ SMEs จำเป็นค้องทลายทุนผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสุราที่มีมูลค่า 500,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งพรรคก้าวไกลจะแก้กฎหมายให้ประชาชนมีสิทธิ์เติบโตไปแข่งขันกับเจ้าสัวได้ การผูกขาดพลังงานหรือค่าไฟฟ้า ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเสนอให้ยุติการผูกขาดสายส่ง เปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้า, ปลดล็อกหลังคา เปิดให้บ้านเรือนใช้ ระบบ Net Metering ได้ ประชาชนติดตั้งโซลาร์บนหลังคา กลางวันไม่ได้ใช้ไฟฟ้าก็ขายคืนเข้าระบบ และจัดสรรก๊าซธรรมชาติของอ่าวไทยใหม่ให้คนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่กลุ่มทุนเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลจะยกเครื่องกฎหมายแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ เปลี่ยนที่มาและเพิ่มอำนาจในการยุติการควบรวม และสั่งให้มีการแยกกิจการที่ผูกขาดได้เหมือนกับประเทศที่ทลายทุนผูกขาดได้สำเร็จ

อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประกาศวาระ ‘UNLOCK เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยมีมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท มีคนทำงานในอุตสาหกรรมราว 900,000 คน พรรคก้าวไกลพร้อมพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยให้เทียบเท่านานาอารยประเทศ โดยจะเข้าไปแก้ปัญหาที่ฝังรากลึกทั้งหมด 4 อย่าง ประกอบด้วย (1) เติมงบประมาณ โดยต้องมีทิศทางการใช้จ่ายที่ชัดเจนไปในทางเดียวกัน ผ่านการเติมเงินกองทุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคนตัวเล็กในการแสดงความสามารถ และกองทุนนี้ต้องทำหน้าที่เหมือนกองทุนตั้งตัวของ SME (2) สร้างสวัสดิการให้แก่คนทำงานสร้างสรรค์ ซึ่งมีทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลังหลายส่วน เช่น คนยกของ คนจัดไฟ ทุกคนต้องมีสวัสดิการรองรับ ให้มีคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานที่ดี รองรับความไม่แน่นอน (3) เพิ่มทักษะความรู้และคุณภาพแก่คนในอุตสาหกรรม รวมถึงเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในจังหวัดต่างๆ โดยนำพื้นที่ราชพัสดุหรือพื้นที่ทหารมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และ (4) ให้เสรีภาพแก่คนทำงาน ทบทวนแก้ไขกฎหมายที่กดทับวิธีคิดสร้างสรรค์ เช่น กฎหมายเซ็นเซอร์

‘ศุภชัย’ โว!! มีผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อเกิน 100 คน ยัน!! ยังไม่มีใครย้ายหนี แม้ กกต. แบ่งเขตทับซ้อน

(22 มี.ค.66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงถึงการความคืบหน้าของผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้มีผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เกินกว่า 100 คน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการสรรหา ส่วนส.ส.แบบแบ่งเขต ในบางเขตมีผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้งเกินกว่า 1 คน แต่บางเขตก็ยังขาดอยู่

📌ไทม์ไลน์เลือกตั้ง ส.ส. 2566 หลัง กกต. ปักหมุดลงปฏิทิน

ภายหลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง 2566 นั้น ทางด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้เผยถึงกำหนดการวันเลือกตั้งใหญ่ ว่า กกต. พิจารณาแล้ว ที่ประชุมเห็นชอบตามสำนักงาน กกต. เสนอวันเลือกตั้งใหญ่ คือ 14 พฤษภาคม 2566

โดยปฏิทินเลือกตั้ง 2566 ต่อจากนี้ จะมีไทม์ไลน์สำคัญ ๆ ได้แก่...

- 20 มีนาคม 2566 พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566
- 21 มีนาคม 2566 กกต. ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- 27 มีนาคม-13 เมษายน 2566 วันลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในเขต-นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร

จับตา ‘เพื่อไทย’ ปราศรัยใหญ่ 24 มี.ค.นี้ แย้ม!! ทีเด็ด 10 นโยบายเพื่อคนกรุงเทพฯ

(22 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้ซึ่งประสงค์รับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการจัดงาน 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ' ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.66 นี้

โดย นายวิชาญ กล่าวว่า แม้พรรคเพื่อไทยได้ท้วงติงและไม่เห็นด้วยกับการแบ่งเขต กทม.ว่าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาด้านข้อกฎหมาย และสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน เป็นการแบ่งเขตที่พิลึกพิลั่น และมีตวามกังวลว่าอาจจะเกิดการล้มบัตรกาเบอร์ในวันเลือกตั้ง แต่เมื่อมีการประกาศแล้ว พรรคเพื่อไทยพร้อมรับทุกกติกา จึงมีการจัดสรรผู้สมัคร ส.ส.กทม.ใหม่ทั้ง 33 เขต ให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ เพราะบางเขต บางแขวง มีการทับซ้อนกันบ้างในบางพื้นที่ จึงมีการเปลี่ยนป้ายหาเสียง และชี้แจงพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย กรุงเทพฯ มีความพร้อมแล้ว 100% และจะมีการเปิดตัวในเวทีปราศรัยใหญ่วันที่ 24 มี.ค.66 ภายใต้แคมเปญ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ' โดยภายในงานจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ ใหม่ในอนาคต 4 ด้าน เพื่อคนกรุงเทพฯ และประเทศไทย พร้อมเปิดตัวนโยบายใหม่ 10 ด้าน ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ มลพิษ การศึกษา สิ่งแวดล้อม การรักษาพยาบาล ฯลฯ ที่สเตเดียมวัน จุฬา ซอย 6 ตั้งแต่เวลา 17.30 - 19.30 น.

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีระบบในการจัดสรรผู้สมัคร แม้จะมีการสลับสับเปลี่ยนผู้สมัคร แต่พรรคเพื่อไทยมีฐานเดิม ซึ่งมีผู้สนับสนุนทุกเขต จากการที่เคยส่งผู้สมัคร สก.รวม 50 เขตในช่วงที่ผ่านมา และการที่พรรคเพื่อไทย มี สก.20 เขต ที่ยังคงทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง จึงไม่เป็นห่วง มั่นใจว่าผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต น่าจะทำงานได้ดีและประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้ง

‘ตร.’ บุก มาบุญครอง ทลายเครือข่ายมาเฟีย ‘บาบู’ ปลอมสินค้าแบรนด์ดัง หลอกขายนักท่องเที่ยว

(22 มี.ค. 66) สืบเนื่องจากศูนย์ปรายปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปลป.ตร.) ได้รับรายงานว่า มีเครือข่ายขบวนการมาเฟียเชื้อสายอินเดียชื่อว่า ‘บาบู’ ลักลอบนำสินค้าแบรนด์เนม รองเท้า, กระเป๋า, เสื้อผ้า, นาฬิกา เลียนแบบสินค้าแบรนด์ดัง มาหลอกขายให้คนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในมาบุญครอง และย่านปทุมวัน โดยหลอกลวงว่าเป็นสินค้าหิ้ว หรือ สินค้า Outlet โดยเครือข่ายนี้ส่งของกว่า 30 ร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง

กระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) พร้อมชุดทำงานชุด ศปลป.ตร. ขออนุมัติหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ประสานสนธิกำลัง 191 ปอศ. และพื้นที่เข้าตรวจค้นห้องเช่าอเนกประสงค์ ขั้น 3 ของศูนย์การค้า เอ็มบีเค เซ็นเตอร์

‘สธ.’ เร่งเข้าช่วยเหลือเด็กชายวัย 14 ปี ติดกัญชางอมแงม ยายหวั่นถูกหลานทำร้าย เผย เคยโดนเอาน้ำสาดหน้า

(22 มี.ค. 66) จากเหตุการณ์ชาวบ้าน ชุมชนห้องแถว ย่านซอยเขาตาโล หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบเห็นครอบครัว ซึ่งเป็น 2 ยายหลาน อาศัยอยู่ในห้องแถวดังกล่าว ในทุก ๆ วันจะเห็นหลานชายมีพฤติกรรม ขอเงินไปซื้อกัญชาเสพ อีกทั้งยังแสดงอาการโมโหร้าย จนผู้เป็นยายต้องเดินหนีออกมา ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว

นางดา ผู้เป็นยาย จับได้ว่าหลานชายติดกัญชาหนักมาก ต้องดูดกัญชาทุกวัน โดยจะต้องขอเงินวันละ 1-2 ร้อยบาท ไปซื้อกัญชามาเสพ หากวันไหน ไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิด จุกท้อง พูดไม่ชัด พูดจาโวยวาย ทำร้ายข้าวของ หนักสุด คือ ‘เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้ายาย’ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทุก ๆ ครั้งที่หลาน มีอาการอยากเสพกัญชาหรือหงุดหงิด ยายจะเดินหนีไปอยู่กับเพื่อนบ้านทันที เพราะกลัวหลานจะทำร้าย

'มิจฉาชีพ' เปลี่ยนรูปแบบ 'หลอกหลอน' ชาวบ้านไม่พักเลย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ร่วมกันนำเสนอสถิติการรับแจ้งความออนไลน์รอบสัปดาห์และภัยที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีภูมิป้องกันภัยออนไลน์ ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (12-18 มี.ค.2566) รวมทั้งสัปดาห์มีผู้แจ้งความ 4,291 เคส/351,191,412.31 บาท สถิติการรับแจ้งลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1,496 เคส/26,093,473.69 บาท โดยสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 1,500 เคส/14,003,677.05 บาท  2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม 578 เคส/71,469,279.03 บาท  3) คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ(call center) 529 เคส/65,547,808.73 บาท 4) คดีหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 429 เคส/17,113,573.64 บาท  และ 5) คดีหลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน 236 เคส/10,637,571.37 บาท 

ภัยออนไลน์ที่น่าสนใจและเกิดขึ้นมากในรอบสัปดาห์ เรื่องที่ 1 คือ  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า นม Thai-Denmark โดยมิจฉาชีพสร้างเพจ Facebook 'Thai-Denmark นมไทยแท้ ส่งทั่วไทย' คล้ายของจริง  เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสอบถามเพื่อขอซื้อนม เพจจะให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ก่อน แล้วปิดเพจหนีไป จุดสังเกตุ ของปลอม พบการกดปุ่มโกรธ (angry) จำนวนมาก สถานะของเพจเป็นอสังหาริมทรัพย์ เพิ่งเปิดเพจ และผู้จัดการเพจอยู่ต่างประเทศ  ส่วน ของแท้ เป็นธุรกิจท้องถิ่น และ เปิดมานานและผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนควรสงสัยไว้ก่อนว่าของดีและถูกเกินกว่าราคาตลาดมากๆ และบัญชีรับโอนเงินบุคคลธรรมดา น่าจะหลอกลวง 

เรื่องที่ 2 คดีแก๊งคอลเซนเตอร์ติดต่อร้านอาหารผ่านแอปพลิเคชันไลน์หลอกสั่งข้าวกล่อง และโอนมัดจำให้ร้านค้าก่อน  วันต่อมา คนร้ายได้โทรศัพท์บอกให้ร้านอาหารสั่งชุดอาหารพิเศษเพิ่ม 7 ชุด และส่ง QR Code มาให้ร้านแอด และบอกว่าจ่ายเงินเพิ่มให้ภายหลัง และอ้างด้วยว่าเป็น QR Code แอดไลน์เท่านั้น แต่เมื่อแสกน QR Code พบว่า หน้าจอค้าง เจ้าของโทรศัพท์จึงรีบเข้าแอปฯ ธนาคาร เพื่อโอนเงินออกไปบัญชีอื่นก่อน และปิดเครื่อง  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของ  QR Code ให้ดีก่อนที่จะ Scan หรือโอนเงิน

เรื่องที่ 3 คดีกลรักออนไลน์(Romance Scam) ถูกหลอกซ้ำซ้อน คือหลอกให้โอนเงิน 2 ครั้ง และหลอกให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว  เรื่องนี้คนร้ายได้ติดต่อพูดคุยกับผู้เสียหายทาง Facebook จากนั้นอ้างว่าอยากจะมาอยู่เมืองไทย มาใช้ชีวิตคู่กับผู้เสียหาย และส่งสินค้ามีค่ามาให้ โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินชำระภาษี ถือเป็นการหลอกให้โอนเงินรอบแรก จากนั้นจะหลอกว่าต้องการทำธุรกิจร่วมกับผู้เสียหาย แล้วให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีไว้สำหรับการลงทุน จากนั้นคนร้ายได้หลอกผู้เสียหายคนที่ 2 และให้โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหายคนแรก และให้ผู้เสียหายคนแรก ซื้อเหรียญคลิปโตให้คนร้าย ทำให้ผู้เสียหายคนแรก กลายเป็นผู้ต้องหาในคดี  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย 

ด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT)

คดีหลอกลวงซื้อขายผลิตภัณฑ์สินค้า 'Thai-Denmark นมไทยแท้ ส่งทั่วไทย'
กลโกง จุดสังเกต วิธีป้องกัน
1. สร้างเพจ Facebook ขึ้นมาโดยใช้ชื่อ รูปโปรไฟล์ รูปปก ที่อยู่ ข้อความแนะนำ ใกล้เคียงกับเพจ 'Thai-Denmark' ที่เป็นของจริง  
2. สร้างเป็นเพจ Facebook หรือซื้อโฆษณาเพจเพื่อให้คนเห็นได้จากระบบอินเตอร์เน็ต
3. เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสอบถามเพื่อขอซื้อ เพจจะให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ก่อน 
4. เมื่อถึงวันรับสินค้า เหยื่อจะส่งข้อมูลไปสอบถาม คนร้ายจะถ่วงเวลา 
5. เปลี่ยนเป็นเพจใหม่ เพื่อหลอกขายเช่นเดิมไปเรื่อยๆ ของปลอม 
1.พบการกดปุ่มโกรธ (angry) จำนวนมาก
2.สถานะของเพจเป็นอสังหาริมทรัพย์ 
3. เพิ่งเปิดเพจ และผู้จัดการเพจอยู่ต่างประเทศ
ของแท้ 

1.สถานะของเพจเป็นธุรกิจท้องถิ่น
2. เปิดมานานและผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทย
1. ตรวจสอบเพจ Facebook ให้แน่ใจก่อนซื้อ โดยกด เกี่ยวกับ 'ความโปร่งใส' ก็จะเห็นว่าเปิดมานานเท่าใด  ผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทยหรือไม่(อยู่ต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยง)  
2. ดูช่องกดไลค์(มีเครื่องหมาย 'โกรธ' ดูโพสต์เป็นหลัก อย่าดูด้านใต้ชื่อเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถซื้อ 'ไลค์' ได้  
3. ลองนำชื่อเพจนั้น ไปใส่ช่องค้นหาใน Facebook ว่ามีเพจอื่นอีกหรือไม่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกันดูว่า เพจไหนจริง/ปลอม
4. 'ของดีและถูกเกินกว่าราคาตลาดมากๆ' ให้สงสัยไว้ก่อนว่าหลอกลวง
5. บัญชีรับโอนเงินควรเป็นบัญชีชื่อร้าน หากเป็นบัญชีบุคคลธรรมดา ให้สงสัยไว้ก่อนว่าหลอกลวง

‘บิ๊กตู่’ ลงสนามเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 นำทัพ ‘รทสช.’ หลังอุบมานาน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการลงสนามเลือกตั้งและความชัดเจนในการลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมเปิดเผยความชัดเจนแต่ล่าสุด นายพูน แก้วภราดัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความพร้อมภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน มีโลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมป้องปากด้วยรอยยิ้ม ว่า ‘ลุงตู่’ ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 รวมไทยสร้างขาติ 

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. พล.อ. ประยุทธ์ได้ยื่นลากิจในช่วงบ่าย ซึ่งคาดว่าจะเดินทางเข้าร่วม แถลงข่าวเปิดตัวทีมเศรษฐกิจกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเวลา 13.00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top