Wednesday, 14 May 2025
SPECIAL

กาฬสินธุ์ รับสมัครเลือกตั้งส.ส.กาฬสินธุ์คึกคักตบเท้ามาก่อนเวลาหวังได้เบอร์สวย

บรรยากาศรับสมัคร ส.ส.กาฬสินุทั้ง 6 เขตวันแรกสุดคึกคัก ว่าที่ผู้สมัครตบเท้ามาก่อนเวลาหวังได้เบอร์สวยและเลขมงคล โดยเฉพาะเบอร์ 1 และเบอร์ 9 ขณะที่พรรคเพื่อไทย 6 เขต แท็กทีมเข้าสมัครพร้อมเพียงประกาศแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด ด้านเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยนำว่าที่ผู้สมัครประกาศชิงเก้าอี้ 5 เขต ส่วนพรรคพลังประชารัฐเขต 3 ลั่นพร้อมสู้ศึกมั่นใจได้ชัยชนะ ขณะที่ภูมิใจไทยเขต 4 เข้าสมัครประกาศชิงเก้าอี้ ส.ส.เขต 4 ด้านว่าที่ผู้สมัคร 1 เดียวของพรรคชาติไทยพัฒนาประกาศล้มช้างชิงเก้าอี้เขต 5


เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) ซึ่งเป็นสถานที่ รับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กาฬสินธุ์ แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 6 เขต  บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคการเมืองต่างๆเดินทางมารอยื่นเอกสารสมัครก่อนเวลา 08.30 น. บางคนมากันตั้งแต่ 07.00 น.เพื่อต้องการจับสลากหมายเลข และส่วนใหญ่อยากได้หมายเลข 1 เพราะเชื่อว่าหมายเลข 1 เป็นเลขมงคลไม่เป็น 2 รองใคร อีกทั้งประชาชนจดจำง่ายเวลาเข้าคูหา นอกจากนี้หลายคนยังอยากได้หมายเลข 9 เพราะถือว่าเป็นเลขมงคลอีกด้วย


ทั้งนี้ในการรับสมัครนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้เดินทางมาติดตามบรรยากาศการรับสมัครด้วย โดยมีนายสุรพงษ์  ทิพย์โอสถ  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กกต.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก และรักษาความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางผู้สนับสนุน และกองเชียร์ที่เดินทางนำดอกไม้มามอบให้กำลังใจกันจำนวนมาก


โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งวันนี้ได้แท็กทีมกัน เดินทางมารับสมัครพร้อมกันทั้ง 6 เขต ประกอบด้วยเขต 1 นายวิรัช พิมพะนิตย์   เขต 2 นายพลากร พิมพะนิตย์ เขต 3 นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล , เขต 4 นายพีระเพชร ศิริกุล, เขต 5 นายทินพล ศรีธเรศ  เขต 6 นายประเสริฐ บุญเรือง พร้อมประกาศแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด
ขณะที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นำว่าที่ผู้สมัคร 5 เขต ตบเท้าเข้ารับสมัครตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นกัน  โดยเฉพาะนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 และ นายนิพนธ์ ศรีธเรศ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นผู้ที่คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคฯหมายมั่นปั้นมือ พร้อมประกาศชิงเก้าอี้ทั้ง 5 เขต

‘บิ๊กตู่’ ย้ำ!! ไม่ได้มอง ‘บิ๊กป้อม’ เป็นคู่แข่ง ปัด!! รวมกันวันหน้า วันนี้แยกมาก็คือแยก

‘ประยุทธ์’ แจงปมไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ หวังส่งไม้ต่อให้ "พีระพันธุ์" หลังได้นั่งนายกฯ อีก 2 ปี ปัดมอง ‘บิ๊กป้อม’ เป็นคู่แข่ง แค่แยกมาอยู่คนละพรรค โอดบังคับใครไม่ได้ แค่พรรคตัวเองก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เตือนคนแซะต้นเหตุทำสภาล่ม เป็นผู้ใหญ่แล้วพูดจาให้ระวัง

(3 เม.ย.66) อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการลงสนามการเมืองอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก ว่า ก็ดี มาครั้งแรกก็เรียบร้อยดี ไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรงต่อกัน แถมอยู่คนละพรรคก็มาทักทายกัน สวัสดีกัน ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกัน บางคนก็คุ้นเคยกัน ก่อนหน้านี้ตนก็รู้จักกับแกนนำพรรคหลายคน คุ้นเคยกัน 

อย่างไรก็ตาม หลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะอยู่กันคนละพรรคแต่ความผูกพันส่วนตัวไม่มีปัญหา ความเป็นเพื่อน ความคุ้นเคย การทำงานร่วมกัน แต่การที่เขาจะเลือกพรรคไหนก็เป็นเรื่องของเขา ก็เพียงแต่ขอว่าให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าหวังแต่เพียงหาเสียง สมมติว่าได้จากนโยบายที่หาเสียง แล้วทำไม่ได้จะตอบประชาชนว่ายังไง บางอย่างที่ตนกลัวว่ามันอันตรายพอสมควร เช่น การใช้จ่ายงบประมาณ ถ้าทำตรงนี้ต้องบอกว่ารายได้จะเอามาจากไหน บางนโยบายล่อไป 9 แสนล้านบาท จะเอามาจากไหนนี่คือสิ่งที่อันตรายและต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ต้องดูว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร 

เมื่อถามว่า ตอนที่นั่งติดกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการพูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็พูดคุยกันไป สนุกสนานกันไป เมื่อถามย้ำว่า วันนี้มาในฐานะคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นแข่งอะไรกับใครเลย เมื่อกี้นั่งคุยกัน ก็แหย่กันไปแหย่กันมา ท่านก็ทำของท่านตนก็ทำของตน แต่ให้รู้ว่าวันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ส่วนจะคิดว่าจะรวมกันวันหน้าหรือเปล่า ตนก็แจ้งแล้วว่าตนแยกมา แยกก็คือแยก ไม่อย่างนั้นตนจะมานั่งสัมภาษณ์ตรงนี้ทำไม ก็ให้ พล.อ.ประวิตรสัมภาษณ์ไปแล้ว พรรคตนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

‘กกต.’ เตือน!! หลังรับหมายเลข ระวังแห่หาเสียงผิด กม. แนะทุกพรรคการเมือง ‘ติดป้ายหาเสียง’ ไม่บดบังการจราจร

(3 เม.ย.66) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น) นายฐิติเชฏฐ์​ นุชนาฎ กรรมการ​การเลือกตั้ง​ (กกต.)​ กล่าวภายหลังร่วมสังเกตการณ์​ผู้สมัครส.ส. 33 เขต​ ของ​กรุงเทพมหานคร​ว่า​ กกต.พอใจการเปิดรับสมัครในวันนี้​ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย​ โดยเจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมมาเดือนเศษ​ ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในการรับสมัครส.ส.เมื่อปี​ 2562 เราได้ถอดบทเรียน​ และกรรมการการเลือกตั้งแต่ละคนก็ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์​ในแต่ละจังหวัด​ จึงเชื่อว่าในการรับสมัครครั้งนี้จะไม่มีปัญหา 

ทั้งนี้หลังปิดการรับสมัครทางกกต.จะทำการตรวจสอบ​คุณสมบัติ​ภายใน​ 7 วัน และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง​ หากใครไม่มีรายชื่อก็สามารถยื่นร้องต่อศาลฎีกา​ โดยขณะนี้ผู้สมัครได้หมายเลขประจำตัวแล้วสามารถหาเสียงได้ทันที​ ส่วนผู้สมัครบางคนที่ในวันนี้เตรียมเอกสารมาไม่ครบถ้วน​ ซึ่งพบว่าไม่ได้นำใบรับรองการส่งสมัครของหัวหน้าพรรคมายื่นก็ยังสามารถมายื่นใหม่ได้​ เพราะยังเปิดรับสมัครถึงวันที่​ 7 เม.ย.

‘โรม’ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ ทั้ง 10 เขต ลุ้นเบอร์ อ้อน!! ชาวนครฯ กาก้าวไกล เลือกคนใหม่ไปเปลี่ยนประเทศ

(3 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช ทั้ง 10 เขต ของพรรคก้าวไกล เดินทางไปสมัคร ส.ส. และลุ้นเบอร์ ที่หอประชุมเมืองเทศบาลนครนครศรีธรรมราช บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยรังสิมันต์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีความตั้งใจและมั่นใจว่าครั้งนี้มีโอกาสชนะทุกเขต เพราะเรามีความพร้อม การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 กับครั้งนี้ แตกต่างกันสิ้นเชิง เราเห็นแล้วว่าพี่น้องประชาชนเปิดรับพรรคก้าวไกล จึงมั่นใจว่าครั้งนี้เรามาเพื่อชนะ ปักธงในนครศรีธรรมราชได้ ประชาชนจะให้โอกาสพรรคก้าวไกล เลือกคนใหม่เข้าไปเปลี่ยนประเทศ ให้นครศรีธรรมราชเปลี่ยน ประเทศไทยเปลี่ยน

รังสิมันต์กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะกับการเริ่มต้นของฤดูการเกณฑ์ทหารประจำปี 2566 จึงเดินทางไปที่อำเภอคีรีรัฐนิคม เพื่อจัดแคมเปญยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยที่ตนและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ต้องเข้าร่วมการจับใบดำใบแดงและครอบครัวที่มาให้กำลังใจว่าต้องการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจหรือต้องการให้ใช้ระบบเดิมต่อไป ซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาที่ 62:3 เป็นคะแนนที่ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าประชาชนส่วนมากไม่ต้องการให้มีการบังคับเกณฑ์ทหารอีกต่อไป

หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลคือการปฏิรูปกองทัพและยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร โดยเปลี่ยนมาเป็นระบบสมัครใจ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยและสามารถทำให้การสมัครเป็นทหารเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ โดยผู้ที่สมัครเข้าไปเป็นทหารจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการจากรัฐเพิ่มมากขึ้น เช่นประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงครอบครัว มีทุนการศึกษาและทุนประกอบอาชีพหลังปลดประจำการ สามารถต่อยอดไปเป็นทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตรที่มีสิทธิในการเลื่อนขั้นได้สูงสุดถึงพันโท นอกจากนี้นโยบายของเราจะผลักดันให้เกิดการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย จิตใจ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีการกำหนดโทษวินัยร้ายแรงสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aging Society) นั่นหมายความว่าเราจะมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานน้อยลง ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลเชื่อว่าการนำคนหนุ่มที่อยู่ในวัยทำงานนี้ไปอยู่ในกองทัพเป็นการใช้งานบุคคลากรของประเทศที่สิ้นเปลืองที่สุด หลายคนต้องลาออกจากงานที่กำลังไปได้ด้วยดี ต้องจากครอบครัวที่เพิ่งมีลูกอ่อน หรือจากพ่อแม่ที่ชราเริ่มภาพและขาดคนดูแลไป เพียงเพื่อไปเป็นทหารรับใช้ส่วนตัว สู้กับมดรบกับหญ้า เป็นเวลา 1 - 2 ปีก่อนจะโดนปลดประจำการออกมาโดยไม่มีสวัสดิการอะไรรองรับพวกเขาเลย

2 ป. นั่งคู่!! ระหว่างรอเวลาเปิดรับสมัครส.ส. ร่วมลุ้นเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคตัวเอง

(3 เม.ย.66) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น) ตั้งแต่เวลา 07.00 น. บรรดาแกนนำและว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากพรรคการเมืองต่าง ๆ พร้อมด้วยกองเชียร์และผู้สนับสนุนแต่ละพรรค ทยอยเดินทางมาถึงสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) กำหนดไว้ ซึ่งกกต. ประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.)  กำหนดเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. โดยใช้พื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2  เป็นสถานที่รับสมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างรอเวลาเปิดรับสมัครส.ส. แกนนำพรรคการเมืองต่าง ๆ ทยอยเข้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครส.ส. เพื่อร่วมเป็นกำลังใจและลุ้นการจับสลากเบอร์ที่ใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครของพรรคตนเอง พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั่งเก้าอี้บริเวณโถงกลางของอาคาร ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้รองรับหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค และผู้ติดตามผู้สมัครส.ส.


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/353485/

‘พุทธิพงษ์’ นำทีมภูมิใจไทย กทม. สมัครเลือกตั้ง ส.ส. ลั่น!! พรรคพร้อมทุกด้าน ขอมัดใจคนกรุงด้วยนโยบาย

(3 เม.ย.66) ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถ.พหลโยธิน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีมกทม. พรรคภูมิใจไทย พร้อมผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรค ทั้ง 33 เขต ได้รวมตัวกันเพื่อขึ้นรถเมล์ไฟฟ้า EV เดินทางไปยังอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ของ กทม. ทั้ง 33 เขต

จากนั้น เวลา 07.15 น. นายพุทธิพงษ์ และคณะผู้สมัครส.ส.กทม. 33 เขตพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาถึงบริเวณสถานที่รับสมัคร โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก บรรดาพี่น้องประชาชนแต่ละพื้นที่ในเขต กทม. ที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ได้มารอรับ ชูป้ายพร้อมตะโกนส่งเสียงเชียร์ผู้สมัครของตัวเองอย่างคึกคัก 

โดย นายพุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า วันนี้มาด้วยความมั่นใจ เพราะทุกนโยบายตกผลึกจากการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ขอให้มั่นใจว่าเป็นนโยบายที่ทำได้จริง แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่เคยมีส.ส.กทม.มาก่อน แต่จากยุทธศาสตร์ และบุคลากรของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้เราพร้อมมาก

ขณะที่ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตห้วยขวาง - วังทองหลาง เปิดเผยก่อนการรับสมัครว่า ส่วนตัวอยากได้เบอร์ 9 ทั้งนี้ เมื่อเวลา 06.09 น. ก่อนเดินทางมาสถานที่รับสมัคร ตนได้ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักงานเขตห้วยขวาง ซึ่งส่วนตัวทำเป็นประจำทุกครั้งที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง วันนี้มาด้วยความมั่นใจรายการเข้ามาอาสาทำหน้าที่ส.ส. ในนามพรรคภูมิใจไทย เพื่อคนกทม. และประชาชนคนไทย

'อิ๊งค์' ขนแกนนำพาผู้สมัคร ส.ส.กทม.เพื่อไทยลุ้นจับเบอร์ เชื่อ!! ผลลัพธ์ ส.ก.ที่ผ่านมา หนุนชาวกทม. เลือก ส.ส.

(3 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำ, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 33 เขต เดินทางออกจากพรรคเพื่อไทย ด้วยรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า หรือรถเมล์ EV จำนวน 2 คัน เพื่อเดินทางมารับสมัครเลือกตั้งที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่นฯ โดยก่อนหน้านั้นได้ถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นเวลา 06.35 น. แกนนำพรรคเพื่อไทย มาถึงยังสถานที่รับสมัครเลือกตั้งศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่นฯ โดยกองเชียร์และกลุ่มสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนมาก ต่างตะโกน “เพื่อไทยสู้ๆ”

หลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร เดินทางมาถึง สถานที่รับสมัครส.ส.กทม. พร้อมกับให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังจำนวนส.ส.ในพื้นที่กทม. ว่าเรามากันอย่างฟูลทีม ตนมาเอาใจช่วยผู้สมัครส.ส. โดยคาดหวังมาก และพื้นที่ กทม.เราทำกันเต็มที่ นอกนั้นเป็นเรื่องของประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงกัน ส่วนจำนวนส.ส.แล้วแต่ประชาชน เพราะพรรคเพื่อไทยทำอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าการมาสัมผัสบรรยากาศการรับสมัครส.ส.จริงครั้งแรกรู้สึกอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มาแบบไม่ได้ดูผ่านทีวี ก็ตื่นเต้นว่าผู้สมัครแต่ละคนจะได้เบอร์อะไร

เมื่อถามว่าภาพรวมทั้งประเทศคาดหวังกี่เก้าอี้ เป้าหมายแลนด์สไลด์ยังเหมือนเดิมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป้าหมายเหมือนเดิม เราสู้เต็มที่เพื่อให้ถึงเป้าหมาย 

เมื่อถามถึงผลโพลที่ดีขึ้นทำให้รู้สึกดีขึ้นหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ขอบคุณสำหรับผลโพล ถือเป็นกำลังใจให้พรรคเพื่อไทย ตัวผู้สมัครทุกคนและทีมบริหาร แต่พรรคเพื่อไทยไม่ประมาทเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราต้องเดินหน้าต่อไปทุกวันมีความหมายทุกวันมีค่า เราทำอะไรได้เราทำเต็มที่แน่นอน เพื่อให้ได้มายืนเคียงข้างและรับใช้ประชาชนอีกครั้ง 

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งส.ก.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้เก้าอี้สูงสุด จะส่งผลต่อการเลือกตั้งสนามใหญ่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีผลสะท้อน การที่ ส.ก.ได้เยอะ ฉะนั้นเรื่องของ ส.ส.เราก็มีความมั่นใจและกำลังใจที่ดี ทีมงานก็ลงพื้นที่ตลอด เวลาตนไปช่วยหาเสียงจะทราบเลยเพราะชาวบ้านตอบรับดี จึงคิดว่ามีลุ้นถือเป็นกำลังใจที่ดี ตนก็หวังจะได้มากที่สุดฝากประชาชนช่วยกันนะ 

'พิธา' เสียดาย 'บิ๊กป้อม' ไม่ขึ้นดีเบต มองสื่อสารทางเดียว ปิดโอกาส ปชช.ฟังวิสัยทัศน์ 'วิธีทำงาน-ความตั้งใจ'

‘พิธา’ นำทีม ผู้สมัครกทม.33 เขต จับเบอร์ มั่นใจติวเข้มผู้สมัคร ไม่มีงูเห่า เสียดาย ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ขึ้นดีเบต มองสื่อสารทางเดียว งัดกลยุทธ์ เคาะทุกประตู เดินทุกถนน แจกใบปลิวทุกคน

(3 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ได้เดินทางถึง ที่สนามกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น เวลา6.50น. นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พาผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33คน เดินทางด้วยรถเมล์ สาย97 เลขทะเบียนตต9243 โดยบรรยากาศมีกองเชียร์จำนวนมากมารอให้การต้อนรับ  

นายพิธา กล่าวว่า วันนี้กำลังใจเกินร้อย รู้สึกทั้งภูมิใจและตื่นเต้น ภูมิใจที่ได้ทำงานกับคนข้างหลัง และตื่นเต้นที่จะได้เลือกตั้งอย่างสมศักดิ์ศรี ขอบคุณกองเชียร์ทุกคนที่มาตั้งแต่เช้า พรรคก้าวไกลจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน

การเลือกตั้งครั้งนี้หลังจากได้เบอร์ เชื่อว่าจะหาเสียงอย่างสนุกขึ้น และอยากให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเยอะ ๆ ตอนนี้ตั้งเป้า กทม.ต้องได้ทั้ง 33 เขต เพราะโพลนำมาเป็นที่หนึ่งตลอด และ ส.ส.ในพื้นที่ก็พื้นที่ดี สภาเด่น

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนกับครั้งนี้ ครั้งไหนยากกว่ากัน นายพิธากล่าวว่า สองครั้งนี้แตกต่างกันเยอะ ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง เพราะฉะนั้นเรามีผู้สมัครที่เข้มแข็ง สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คือผลงานในสภาถ้าเราได้เข้าทำเนียบรัฐบาลต้องทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอน ว่าที่ผู้สมัครตอนสมัยอนาคตใหม่อาจจะมีโอกาสน้อยแต่ว่าที่ผู้สมัครชุดนี้สามารถทำหน้าที่ ส.ส.ได้ในวันพรุ่งนี้เลย

เมื่อถามว่า กทม.ยากกว่าต่างจังหวัดหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า กทม.พร้อมสู้ทุกเขตอยู่แล้ว เพราะจาก ส.ก.ที่ผ่านมาเราไม่แพ้ใครและผลงานก็จะส่งมาในสภา ถ้าประชาชนชอบการทำงานแบบก้าวไกลก็ต้องแก้กฎหมายในสภา ซึ่งถ้าอยากทำงานไร้รอยต่อต้องเลือกให้ครบทั้ง 33 เขต อยากแก้ปัญหาการคมนาคมและฝุ่น PM2.5 ต้องเลือกก้าวไกล 

เมื่อถามว่าการมี ส.ส.เพียง 2 คน จากเขตเดิม กังวลหรือไม่ นายพิธา ย้ำว่า ไม่มี เพราะเราต้องรักษาเขตเดิมเพิ่มเติมเขตใหม่ มองว่าการมีคนใหม่ ๆ เข้ามา ต้องทำอะไรให้ประชาชน คนเดิมก็ทั้งนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายเท่าพิภพ ลิ้มลิจิตรกร 

เมื่อถามว่ากระแสการเลือกตั้งครั้งอนาคตใหม่ต่างกับครั้งนี้หรือไม่ เราเปรียบเทียบกับตัวเองในเมื่อวาน คิดว่ากระแสดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือถึงภาคใต้ การเลือกตั้งครั้งนี้มีนโยบายมากกว่า 300 นโยบายที่ตอบโจทย์ในแต่ละพื้นที่ เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะออกไปใช้สิทธิอย่างถล่มถลายมากกว่า 80% และจะกระแสจะชนะกระสุนอย่างแน่นอน

‘สกลธี’ จับมือ ‘นฤมล’ นำทัพ กทม. พปชร. 33 เขต สมัครเลือกตั้ง ลั่น!! กระแสดี ไม่กลัวพรรคอื่น ย้ำอย่างน้อยบวกลบไม่ต่ำกว่าเดิม

‘สกลธี-นฤมล’ นําทีม กทม. พปชร. 33 เขต สมัครเลือกตั้ง ลั่นกระแสดี ไม่กลัวพรรคไหน ยํ้าเป้าบวกลบไม่ตํ่ากว่าเดิม

(3 เม.ย.66) – เมื่อเวลา 06.45 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ กทม. และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. นํากลุ่มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรค พปชร. ทั้ง 33 เขต เดินทางมาสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยรวมตัวกันเพื่อรอเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดให้รับสมัคร รวมถึงรอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เดินทางมาถึง

จากนั้น นายสกลธี ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งเป้า ส.ส.กทม.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า บวกลบให้ได้อย่างน้อยเท่าเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่อยากได้เท่าเดิม แต่ปัจจุบัน ส.ส. เก่าเหลือคนเดียว จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร นายสกลธี กล่าวว่า ครั้งที่แล้วในสนาม กทม. ส.ส.ทั้ง 12 คนของ พปชร. เป็นคนใหม่ทั้งหมด ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง คน กทม.จะกาคนใหม่เยอะ ไม่กังวลว่าจะเป็น ส.ส.เก่ากี่คน อยู่ที่ว่าพรรคเราจะทำตามแผนหาเสียงที่วางไว้ได้หรือไม่

เมื่อถามถึงกระแส พล.อ.ประวิตร ในพื้นที่ กทม. นายสกลธี กล่าวว่า ก็ดี เสียงตอบรับประชาชนก็ดี

เมื่อถามว่า เวลาไปลงพื้นที่กระแสตอบรับดีขึ้นหรือไม่ หรือเท่าเดิม นายสกลธี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน ได้ลงพื้นที่บางคอแหลม กระแสดีมาก ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หลายคนที่เลือกตนยังคงยึดมั่นในพรรค

เมื่อถามย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้กลัวพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายสกลธี กล่าวว่า ไม่กลัวเลย ตอนนี้ทุกคนเท่ากัน ไปวัดกันช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง


ที่มา : https://www.thaipost.net/politics-news/353408/

ส่งท้าย 'รัฐบาลลุงตู่' ส่งขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่รัฐ

ถึงจะประกาศยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว แต่รัฐบาลลุงตู่ยังคงทำหน้าที่รักษาการ ไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนจะประกาศยุบสภา รัฐบาลโดยการนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังส่งขวัญกำลังใจไปสู่เหล่าข้าราชการส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ ด้วยการปรับอัตราเงินเดือน 

‘มาดามเดียร์’ ควง ‘ดร.เอ้’ ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ร่อนใบสมัคร ส.ส ประกาศกร้าว!! มั่นใจ ‘ปชป.’ พร้อมคัมแบคสนามกรุงเทพฯ

3 เม.ย. 2566 – ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัคร ส.ส. กทม. เป็นวันแรก น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังสถานที่รับสมัครด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

โดย น.ส.วทันยา มั่นใจว่า วันนี้เป็นการแสดงความพร้อมว่าพรรคประชาธิปัตย์เราจะกลับมาคว้าชัยในสนามกรุงเทพมหานคร.
 

‘กรณ์’ ลงพื้นที่ช่วย ‘ธาม’ ขอเสียงชาวบางกะปิ ขอโอกาส ‘ชาติพัฒนากล้า’ แก้ปัญหาปากท้อง ปชช.

‘กรณ์’ ลงพื้นที่ บางกะปิ ช่วย ‘ธาม’ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ขอโอกาส ชาติพัฒนากล้าเข้าไปทำงานแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน ปลื้ม นศ.ราม เทใจสนับสนุน หลังศึกษานโยบาย จับต้องได้ ทำได้จริง  

(2 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่บางกะปิ เพื่อช่วยนายธาม สมุทรานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ หาเสียงพบพี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้าย่านรามคำแหง และตลาดนัด การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. มาร่วมให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น ประกอบด้วย นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี, นายกฤษณ์ เครือเจริญพร, ร.อ.วีรพล วงษ์มะเซาะ, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และ นางสาวริณดา คงตาละ โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคัก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินสายพบประชาชนของนายกรณ์ และ นายธาม ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงกว่า 10 คน มาเฝ้ารอพบนายกรณ์ และทีมว่าที่ผุ้สมัคร ส.ส. เพื่อเสนอตัวช่วยเดินสายหาเสียงในเขตบางกะปิ ซึ่งเป็นเขตที่ตัวเองพำนักอาศัยและศึกษาอยู่ 

โดยนักศึกษากลุ่มดังกล่าว เปิดเผยว่า รู้จักพรรคชาติพัฒนากล้าเพราะเป็นแฟนคลับของ นายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.สงขลา และโดยส่วนตัวก็ชื่นชมการทำงานของนายกรณ์ และติดตามผลงานมาโดยตลอด จึงได้ติดตามว่าใครเป็นผู้สมัครของพรรคในเขตบางกะปิ จนกระทั่งได้เจอนายธาม ได้พูดคุยจนทราบว่า นายธามเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นเจ้าของแนวคิด อารยสถาปัตย์ ซ่อมบ้าน เพื่อความปลอดภัยให้ผู้สูงอายุและคนพิการครอบครัวละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ส่วนนโยบายที่ชื่นชอบนั้นคือการยกเลิกแบล็กลิสต์ ที่จะทำให้ประชาชนขับเคลื่อนชีวิตต่อไปได้  รวมถึงนโยบายอื่น ๆ ที่เน้นการแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ซึ่งพวกตนได้ศึกษาแล้วว่า จับต้องได้ และทำได้จริง ในสถานการณ์ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันอย่างหนักในเวลานี้  

นายกรณ์ กล่าวว่า ดีใจที่คนรุ่นใหม่ตื่นตัวในเรื่องของการเมือง และมีการศึกษานโยบายของพรรคอย่างจริงจัง สำหรับเขตบางกะปิ ผู้สมัครของพรรคคือ นายธาม เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่อายุแค่ 28 ปี แต่มีประสบการณ์การทำงานทางด้านอสังหาริมทรัพย์และช่วยเหลือสังคมมานานหลายปี เราภาคภูมิใจในคนรุ่นใหม่ของพรรค ด้วยพรรคมีเจตนาตั้งแต่แรก ที่จะส่งเสริมและให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน 

“ผมมีความเชื่อมาตั้งแต่ตั้งพรรคว่าพรรคเราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นพรรคใหม่ แต่เราต้องการคนรุ่นใหม่ มีความคิดใหม่ ๆ มาช่วยกันขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงในแนวสร้างสรรค์ให้กับประเทศด้วย ผมขอฝาก ธาม ไว้กับพี่น้องชาวบางกะปิทุกคนด้วยครับ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว  

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้คนเป็นนายกฯต้องลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พร้อมเผย คนเชื่อนโยบาย ‘ภท.-ปชป.’ ทำได้จริง

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้ ‘นายกฯของประชาชน’ ต้องลงสมัครส.ส.‘ปาร์ตี้ลิสต์’ พร้อมเผยฝั่งรัฐบาล ‘ภท.-ปชป.’ ขึ้นแท่นนโยบายที่ทำได้จริง

(2 เม.ย. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง นายกฯ ของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,378 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. - 1 เม.ย. 2566 โดยเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อ นายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย พบว่า จำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 43.0 ระบุ ผู้ที่จะเป็นนายกฯ ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย เพราะเป็นผู้แทนประชาชน ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาจริง ใช้อำนาจประชาชนต้องมาจากประชาชน ไม่เอานายกฯ คนนอก ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ในขณะที่ ร้อยละ 33.6 ระบุ ไม่ต้องเป็น ส.ส. เพราะขอเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องสังกัดอะไรเป็นอิสระ ไม่ติดกับดัก และร้อยละ 23.4 ไม่แน่ใจ

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ป่วนเวทีหาเสียงผิด กม.เลือกตั้ง วอนเคารพกติกา ชี้ ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องขัดแย้ง

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ป่วนเวทีหาเสียงผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขอร้องเวทีใครเวทีมัน ชี้ ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องขัดแย้ง บอก เตรียมเพิ่มการ์ดผู้หญิง 

(2 เม.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ ‘แบม’ อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ พร้อมพวกที่มาทำกิจกรรม เวทีปราศรัยย่อยพลังประชารัฐ ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า มีน้อง ๆ บางกลุ่มเข้ามาแจกใบปลิว และจะเข้ามาป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทำไม่ได้ เพราะนี่เป็นเวทีหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเราขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตามกฎหมาย ที่เป็นกระบวนการตามประชาธิปไตย ซึ่งไม่ควรมาร่วมเวที และเท่าที่ตนทราบก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย อย่าไปทำเลย ประชาธิปไตยก็ต่างคนต่างหาเสียง เวทีใครเวทีมัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเวทีอื่นอีกหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็น่าเป็นห่วง ถ้าสมมุติว่าฝ่ายนี้มาโจมตีเวทีพรรคนี้ เดี๋ยวฝั่งนี้ไปโจมตีเวทีพรรคอื่นบ้างก็ไม่จบ ประชาธิปไตยก็เดินหน้าไม่ได้ เราถึงบอกว่า อยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง เราหาเสียงกันตรงไปตรงมา ไม่มีใครเอาเปรียบกันหรอก ทำตามกฎหมายตรงๆ ทุกคน ก็อย่ามาป่วนกัน ทำแบบนี้ถือว่าเขาเอาเปรียบเรา เพราะเขามาป่วนเวทีเรา ถ้าฝั่งเราแค้นเคืองไปเอาคืนก็วุ่นวายไปอีก ขอว่าอย่าไปทำเลย เวทีใครเวทีมัน ถ้าเขาอยากแสดงออกในเรื่องที่เขาข้องใจ เขาก็ไปจัดเวทีของเขา ซึ่งก็จัดกันตลอดอยู่แล้ว เห็นออกสื่อตลอด มีโซเชียลมีเดียก็ไปทำของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก แต่เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องความขัดแย้งของเขามันไม่เหมาะ

‘เพื่อไทย’ ชู การเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่าน ‘Learn to Earn’ หนุนเด็กไทยมีความรู้ มีรายได้ เข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย

(2 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจหลักของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย หางานทำสร้างรายได้ทุกช่วงชีวิต พรรคเพื่อไทยส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต”

ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และผู้ดูแลนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย ร่วมตอบคำถามสดในรายการตอบโจทย์ ศึกประชันวิสัยทัศน์นโยบายด้านการศึกษา สถานีโทรทัศน์ Thai PBS โดยได้กล่าวโดยรวมถึงระบบการศึกษาในปัจจุบันว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้รองรับต่อความเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนแต่ละช่วงวัย แต่ละช่วงชั้นที่แตกต่างกัน โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องเป็นการศึกษาที่กินได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคด้านการศึกษา

ณหทัย ทิวไผ่งาม กล่าวว่า ด้วยเพราะสังคมทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว การส่งเสริมการเรียนรู้ เด็กเข้าโรงเรียนผ่านไป 4 ปี กลับออกมาปรากฏว่าสิ่งที่เรียนไปล้าสมัยแล้ว เราจึงต้องส่งเสริมให้ทุกคนไม่ใช่แค่เด็กนักเรียน “ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn” หมายถึงว่า ต้องเรียนด้วยและนำความรู้มาสร้างรายได้ด้วย และสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ เข้าถึงความรู้ได้ทุกช่วงวัย เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองตลอดเวลา แม้แต่ในวัยทำงานแล้วหากต้องการเพิ่มความรู้ก็จะมีสถาบันการศึกษา สถาบันวิชาชีพที่จะเสริมสร้างทักษะความรู้เฉพาะทางให้ศึกษาได้ และยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีเจริญขึ้น สามารถเรียนได้โดยไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เรียนผ่านคอร์สออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายหมื่นหลักสูตรของแทบทุกสถาบันที่รองรับ ตรงนี้จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์แก่การเรียนรู้ตลอดชีวิต

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เราเห็นความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนเพราะเด็กนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ เด็กที่พ่อแม่มีกำลังทรัพย์ ก็พอมีเงินซื้อโน๊ตบุ๊ก มือถือ เพื่อใช้เรียนออนไลน์ได้ แต่สำหรับเด็กยากจนก็ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ เราจะลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างไร สมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราเคยมีโครงการ One Tablet per Child ซึ่งตอนนั้นน่าเสียดายที่เราทำยังไม่สำเร็จดี ก็ถูกยกเลิกไป ทั้งที่ต่อมาจะเห็นว่า เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด Tablet ที่เราเคยแจกไปได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ รวมถึงทั้งปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดครู Tablet นี้ก็จะช่วยให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนครู สามารถเข้าถึงความรู้ เชื่อมการเรียนการสอนและหลักสูตรกับโรงเรียนหรือสถานศึกษาอื่นในเมืองได้โดยไม่ขาดโอกาสอีกต่อไป ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จะนำโครงการนี้กลับมา ไม่ใช่ให้ Tablet แค่เด็กนักเรียน แต่จะต้องให้คุณครูได้ด้วยเพื่อใช้สอนเด็ก พร้อมกับสัญญาณอินเทอร์เนตฟรี เพื่อให้ทั้งเด็กนักเรียนและครูได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากสื่อการเรียนการสอนชิ้นนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top