Saturday, 24 May 2025
SPECIAL

ชลบุรี - คนไทยไม่ทิ้งกัน IWRM เร่งส่งมอบน้ำดื่มช่วยโรงพยาบาลสนาม ผู้ป่วยโควิด-19

บริษัท อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีสอร์ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) โดย คุณธนวัฒน์ สันตินรนนท์  กรรมการผู้จัดการ คุณวิเชษฐ์ เกตุแก้ว กลุ่มช่วยกัน  ร่วมสนับสนุนน้ำดื่ม CHON WATER จำนวน 2,400 ขวด ให้แก่ โรงพยาบาลสนามค่ายพระมหาเจษฏาราชเจ้า กองพลนาวิกโยธิน  และโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ฝึกทหารใหม่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ (เกล็ดแก้ว) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

โดยมี นายแพทย์ สิทธิลักษณ์ วงษ์วันทนีย์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามผู้ป่วยโควิด-19 คุณเสาวณีย์  อุ่ยตระกูล ผู้จัดการโรงพยาบาลสนามและ ทีมแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลระยอง ร่วมรับมอบน้ำดื่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยที่มาพักรักษาตัวจากโรคโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสนามพลเรือน ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  เมื่อ 3 ก.ค.64 ที่ผ่านมา

ซึ่ง ทางโรงพยาบาลสนาม ฝากประชาสัมพันธ์  หากผู้ใดอยากจะบริจาคสิ่งของหรือน้ำดื่มสามารถมาบริจาคได้เลย แต่ถ้าหากถ้าเป็นอาหารประเภทข้าวกล่อง ให้แจ้งกับทาง รพ.สนามล่วงหน้าก่อน ซึ่งทางรพ.สนามจะได้มีการบริหารจัดการ ในเรื่องของปริมาณ อาหาร เพราะทางรพฯมีอาหารให้กับผู้ป่วย ทุกมื้อ  ฝากประชาสัมพันธ์ มาณ ที่นี้ 

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

ยะลา - ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจตามแนวชายแดน เน้นย้ำให้บูรณาการกับหน่วยกำลังในพื้นที่เพิ่มความเข้มแนวชายแดน ป้องกันลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.64 ที่สำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม มอบนโยบายการปฏิบัติราชการและให้โอวาทกำลังพล ขอให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรนา พร้อมมอบสิ่งของและชุดอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 เพื่อบำรุงขวัญเป็นกำลังใจ แก่ข้าราชการตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อำเภอเบตง โดยมี พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตง พ.ต.ท.สมเจตน์ หนูชัยแก้ว สว.ตม.เบตง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธรเบตง ตชด.445 นปพ.ยะลา32 ให้การต้อนรับ

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจดูที่บริเวณด่านพรมแดนเบตง พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยในพื้นที่อำเภอเบตง ทั้ง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธร ตชด. นปพ. รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร ให้บูรณาการ ทั้งด้านการข่าว และในการปฏิบัติงานตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวตามช่องทางธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะแรงงานเหล่านี้อาจจะนำเชื้อไวรัสโควิด19 มาแพร่ในประเทศมากขึ้น จึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้ม ให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม ยังขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ หากพบเห็นหรือทราบเบาะแส การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้รีบเข้าควบคุมตัวและดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเร่งด่วน

ลำพูน - ร่วมส่งและให้กำลังใจ "นักรบชุดขาว" จังหวัดลำพูน ชุดที่ 4  เพื่อเดินทางไปร่วมปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี

วันนี้( 4 ก.ค. 64 ) ที่บริเวณสนามหน้าเสาธง โรงพยาบาลลำพูน เลขที่ 177 ถนนจามเทวี ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน  เป็นประธานในพิธีส่งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (นักรบชุดขาว) ชุดที่ 4  เพื่อไปปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยจะปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 5 ถึง 18 กรกฎาคม 2564  ณ โรงพยาบาลสนามสนามบุษราคัม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี  โดยมีนางปนัดดา เนาวรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน , บุคลากรทางการแพทย์ , เจ้าหน้าที่ฯ และประชาชน ร่วมให้กำลังใจส่งทีมนักรบชุดขาวหรือทีมบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดลำพูนในครั้งนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน, นายแพทย์สาธารณสุข, หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด, ผู้บริหารบุคลากรทางการแพทย์ ยังได้มอบกระเป๋าสัมภาระให้แก่คณะบุคลากรการแพทย์ (นักรบชุดขาว ชุดที่ 4) และพยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลลำพูน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมมอบดอกไม้ และของใช้ที่จำเป็น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่คณะฯอีกด้วย    

 สำหรับผู้ที่เดินทางไปยังโรงพยาบาลสนามบุษราคัมฯ ประกอบด้วย 
1. นายแพทย์วรวุฒิ วรวุฒิวิทยา นายแพทย์ชำนาญการ (หัวหน้าทีม) โรงพยาบาลลำพูน 
2. แพทย์หญิงกิ่งกาญจน์ ชมพูกลาง นายแพทย์ปฏิบัติการ โรงพยาบาลลำพูน
 3. นางสายสวาท พัฒนการุณย์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลลำพูน    
4. นางสาวปิยาภนณ์ ปินตาศรี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลลำพูน   
5. นางสาวจุฑามาศ คำพฤกษ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลลำพูน 
6. นางสาวอังศนันท์ คุณจินระรุ่งเรือง พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลลำพูน  
7. นางสาวสุปรียา ปัญญาวงค์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลลำพูน
8. นางสาวณัฐพร วงค์อานา เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลลี้ 
9. นางการเกต รังรองธานินทร์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลแม่ทา   
10.นางสาวเกวลิน ปัญโญนันท์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) บ้านห้วยหละ  
11.นางสาวรจนา พวงรัตน์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ป่าเลา  
12.นางจินตนา เรืองอินทร์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ตะเคียนปม    
13.นางสาวบุษยา ธิฉลาดสืบ พยาบาลวิชาชีพปฏิติการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) บ้านห้วยอ้อ

กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดลำพูน

5 เคล็ดลับการพูดให้ดูแพง ในโลกของการทำงาน การพูดเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ

ใครๆ ก็พูดได้ ใครๆ ก็พูดเป็น แต่จะพูดอย่างไรให้ดูดีมีราคา และมีเสน่ห์น่าประทับใจ บางคนบุคลิกภาพดี หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่พอพูดออกมา หมดเสน่ห์ไปเลยก็มี ต่างจากบางคน บุคลิกหน้าตาการแต่งตัวแสนจะธรรมดา แต่พอพูดออกมาช่างน่าฟังและมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ติดตราตรึงใจไม่รู้ลืม เป็นเพราะอะไร ความลับเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยไหน อย่างไร เรามาดูกันค่ะ

ถ้าคุณอยากเป็นคนหนึ่งที่ต้องการพูดแล้วให้มีเสน่ห์และแลดูแพง จงทำสิ่งต่อไปนี้
.
1. ฝึกพูดให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย โดยเฉพาะเรื่อง วรรณยุกต์ อักขระ และควบกล้ำ

วิธีฝึก ให้อ่านหนังสือออกเสียงเบาๆ แต่จริงจัง พวกเราติดนิสัยการอ่านหนังสือในใจ จึงทำให้ขาดทักษะในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ทั้งๆ ที่ภาษาไทย เป็นภาษาที่ไพเราะมาก คนที่พูดได้ไพเราะ ให้ภาษาได้ดี สละสวยฟังเพลินเหมือนฟังดนตรี เป็นเพราะเขาออกเสียงได้ตรงตามหลักของภาษาไทยนั่นเอง

2. ฝึกการแบ่งวรรคตอนให้ดี พูดให้เป็นจังหวะ อัตราความช้าเร็วของการพูดไม่มากไป ไม่น้อยไป จังหวะการพูดให้สอดคล้องกับจังหวะของลมหายใจของผู้พูด 

วิธีฝึก กำหนดจังหวะการพูดด้วยการตั้งคำถาม  ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร 

3. การปรับระดับน้ำเสียงให้สอดคล้องกับเรื่องที่เรากำลังพูด ระดับของน้ำเสียงต้องสอดคล้องกับอารมณ์และความรู้สึกในเรื่องที่คุณกำลังพูด คุณต้องการสื่อสารให้ผู้ฟังรู้สึกอย่างไร กำหนดอารมณ์ของคุณให้ชัด เช่น มีแรงบันดาลใจ ฮึกเหิม ลุกขึ้นสู้ กังวลใจ เห็นอกเห็นใจ เช้าใจ เศร้า เสียใจ หมดหวัง สะใจ เสียดาย ฯลฯ

วิธีฝึก การฝึกพูดจากอินเนอร์ พูดให้เหมือนการร้องเพลง ลีลาให้เหมือนนักแสดง


4. ฝึกการใช้ภาษากายและลีลาท่าทางให้มีประสิทธิภาพ บุคลิกภาพการพูดการใช้ภาษากายได้ดี จะมีอิทธิพลต่อผู้ฟังมากที่สุด เช่น การใช้สายตา การใช้มือ การเคลื่อนไหวของร่างกาย ท่าท่างที่มั่นใจ สามารถสร้างเสน่ห์ ดึงดูด และสร้างความเชื่อมั่นได้มากทีเดียว

วิธีฝึก ประสานสายตากับผู้ฟังขณะที่พูด แต่ไม่ต้องถึงกับจ้อง ภาษามือใช้ซ้ายขวาพอประมาณ อย่าให้ดูวุ่นวายจนเกินไป


5. พูดเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังเท่านั้น เรื่องบางเรื่องเป็นความจริง แต่ความจริงนั้นไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่ควรพูด เช่น เพื่อนถูกแฟนทิ้ง ความจริงคือเพื่อนถูกทิ้ง แต่พูดแล้วเกิดประโยชน์ไหม ถ้าไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่ควรพูด 

วิธีฝึก การพูดที่ดี ผู้พูดต้องมีจิตวิทยาการพูด เรื่องที่เราพูดคู่สนทนาเราอยากฟังหรือไม่ เพราะในมุมของคนฟังเขาต้องการได้ยินในเรื่องที่เขาชอบ มีประโยชน์และทำให้เขาสบายใจเท่านั้น

การพูดไม่ยาก ทุกคนสามารถพูดได้ แค่รู้วิธี

เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์
#Talktonitima


อ้างอิงข้อมูล: #สโมสรการพูดแห่งประเทศไทย #ระบบโทสมาสเตอร์สากล 
พัฒนาศักยภาพด้านการพูดและบุคลิกภาพ ได้ที่ #Talktonitima

วิชาคณิตศาสตร์: เรื่อง ตัวอย่างการสอบคณิตศาสตร์ ม.ปลาย

THE STUDY TIMES X DekThai Online

????วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม

วิชาคณิตศาสตร์: เรื่อง ตัวอย่างการสอบคณิตศาสตร์ ม.ปลาย

โดย ครูพี่ปุ๊ องอาจ สุภัคชูกุล

อดีตตัวแทนคณิตศาสตร์โอลิมปิก นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

#สอนวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ม.ต้น-ม.ปลาย

#DekThaiOnline

https://dekthai-online.com/browse

.

คุยกับ 'ระนาด' ชายผู้กล้าบอกสังคมว่า 'ผมเก่งมาก' | LOCK LENS GURU EP.34

???? LOCK LENS GURU ประจำวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2564

คุณระนาด ณัฐชนน กำเนิดมณี

ประธานกรรมการ บริษัท คลาสออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด

หัวข้อ : คุยกับ 'ระนาด' ชายผู้กล้าบอกสังคมว่า 'ผมเก่งมาก'

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2021022824

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ธรรมนัส'​ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ รุดมอบเตียงสนามพร้อมอุปกรณ์โรงพยาบาลสนาม​ที่ฉะเชิงเทรา

ณ​ ศาลาประชาคมเฉลิมพระเกียรติ ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมามอบเตียงสนาม พร้องชุดเครื่องนอน จำนวน 500 ชุด ให้กับจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวต้อนรับ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับมอบเตียงสนามในครั้งนี้ ได้แก่ ดร.กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา, นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส.ฉะเชิงเทราเขต 2, พันเอกเฉลิม เนียมช่วย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการรับมอบ

ทั้งนี้นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.ฉะเชิงเทรา ได้เร่งจัดหาสถานที่ตั้งโรงพยาบาลสนาม เพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน หลังเตียงที่มีอยู่แล้ว 2 แห่งคือ รพ.สนาม มรภ.ราชนครินทร์ อ.บางคล้า 120 เตียง และ รพ.สนามศูนย์พุทธโสธรประชารักษ์ กองพลทหารพัฒนา​ อ.พนมสารคาม 160 เตียง รวม 280 เตียง เริ่มไม่พอผู้กับป่วยที่เพิ่มขึ้น 

ดังนั้นจึงได้จับมือเอกชน เร่งสร้าง รพ.สนาม รองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีโรงงานเอกชน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ อนุญาตให้ใช้พื้นที่ประมาณ 12,000 ต.ร.ม. อยู่ห่างจากชุมชน สามารถตั้งเตียงสนาม รองรับผู้ป่วยได้ 500 - 1,000 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ เตรียมการด้านไฟฟ้า น้ำประปา ห้องน้ำ และระบบการสื่อสาร​ โดยเตียงสนามที่ได้รับมอบในวันนี้จะทำการแจกจ่ายไปยังโรงพยาบาลสนามต่างๆ​ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราต่อไป

“พอเพียงสู่ความยั่งยืน” (ตอนที่ 4) “รู้เขา รู้เรา” การสร้างโอกาสและความได้เปรียบของผู้ประกอบการยุคใหม่ ในมุมมองของครูบัญชี

“การชนะทั้งร้อยมิใช่วิธีการอันประเสริฐแท้ แต่ชนะโดยไม่ต้องรบเลย จึงถือว่าเป็นวิธีการอันวิเศษยิ่ง” และ “หากรู้เขา รู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขารู้แต่เพียงเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธ์นั้นแล” หลาย ๆ ท่านคงไม่คุ้นเคยกับประโยคนี้เท่าใดนัก แต่ถ้าได้ยินคำว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” คิดว่าคงจะคุ้นเคยมากกว่า จากประโยคดังกล่าวเป็นข้อคิดเชิงปรัชญาของซุนวู ซึ่งเป็นผู้เขียนตำราพิชัยสงครามของซุนวู ได้ให้ข้อคิดและผู้เขียนได้นำมาเป็นแนวทางสำหรับการเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะการเป็นผู้ประกอบการใหม่ว่า ไม่ว่าเราจะกระทำการใด ๆ ก็ตาม จะต้องมีการเรียนรู้ที่จะรู้จักตนเองและฝ่ายตรงข้ามเพื่อหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจากความเดิมจากตอนที่ 3 ผู้เขียนได้กล่าวถึงการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ โดยการทำ SWOT analysis เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการใหม่พิจารณาสภาพแวดล้อมภายในองค์การที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อน และสภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อประเมินโอกาสและอุปสรรคต่าง ๆ ขององค์การ ถือเป็นการประเมินการ “รู้เขา รู้เรา” เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการประกอบธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการใหม่

สำหรับผู้ประกอบการใหม่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Micro, Small and Medium-Size Enterprises หรือ MSME) คงพิจารณาได้แล้วสำหรับวิธีการเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นธุรกิจที่มีอยู่เดิมของครอบครัว (Family business) การก่อตั้งขึ้นใหม่ (New entrepreneurship) การซื้อต่อจากผู้ประกอบการอื่น (Takeover) หรือธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise) โดยในการเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการนั้นควรมีการตรวจสอบความพร้อมด้านต่าง ๆ เช่น ความพร้อมด้านตนเองโดยการประเมินคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรู้ ความสามารถ การยอมรับความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การเลือกประเภทธุรกิจ ทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมกับตนเอง รวมถึงการสำรวจฐานะทางการเงินมีเพียงพอเพื่อประกอบธุรกิจหรือไม่

ดังนั้น การบริหารงานของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงมีความแตกต่างกันไปในแต่ละลักษณะการดำเนินธุรกิจ แต่โดยทั่วไปการบริหารงานของผู้ประกอบการจะมีหน้าที่การบริหารงานที่สำคัญเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามแนวทางทฤษฎีการบริหารจัดการสมัยใหม่ ของ Peter F. Drucker (2005) ดังต่อไปนี้

1.) การวางแผน (Planning)

2.) การจัดองค์การ (Organizing)

3.) การชี้นำและการจูงใจ (Leading)

4.) การควบคุม (Controlling)

ที่มา : https://www.pinterest.com/njbusinessbuild/management/

สืบค้น : เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564

 

1.) การวางแผน (Planning) 

การวางแผนถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญขององค์การ โดยผู้ประกอบการจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางในการดำเนินงานหรือควบคุมให้องค์การดำเนินงานในอนาคต ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย (Goal) หรือวัตถุประสงค์ (Objectives) ขององค์การในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การวางแผนจึงเป็นการผสมผสานระหว่างกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กรโดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ปัจจัยในการดำเนินธุรกิจถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์การ ประกอบด้วย

1.1.) กำลังคน (Man)
คนงาน พนักงาน หรือบุคลากรภายในและภายนอกองค์กรถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุด องค์การจะต้องมีการบริหารกำลังคนอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลกับงานมากที่สุด

1.2.) เงินทุน (Money)
เงินหรือทุนที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจถือเป็นหัวใจของการบริหารงานในทุกระบบขององค์การ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจไม่สามารถดำเนินได้ดีหากขาดเงินหรือทุนที่ใช้ในการดำเนินงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจและปัจจัยต่าง ๆ ให้ดำเนินการไปได้

1.3.) วัสดุ (Material)
วัสดุ วัตถุดิบ ชิ้นส่วนอะไหล่ ผลิตภัณฑ์ บริการหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญในการนำไปใช้ผลิตสินค้าหรือจำหน่าย ผู้ประกอบการต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพียงพอต่อการใช้ในการผลิตและจำหน่าย มีคุณภาพและต้นทุนที่ต่ำ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและต้นทุนขาย

1.4.) การบริหารจัดการ (Management)
การบริหารจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นกระบวนการจัดการบริหารควบคุม เพื่อให้งานทั้งหมดภายในองค์การมีระบบที่ชัดเจนตลอดจนมีระเบียบขั้นตอน วิธีการต่าง ๆ ในการทำงานที่ส่งให้องค์การประสบความสำเร็จ มีการนำทรัพยากรต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้ธุรกิจบรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

ที่มา : https://www.twenty20.com/photos/91bcfe00-556f-4a52-ad05-f7d95c9b31ab
สืบค้น : เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564

 

2.) การจัดองค์การ (Organizing)
การจัดองค์การเกี่ยวข้องกับการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างองค์กรประกอบด้วย การแบ่งส่วนงานย่อยภายในกิจการให้เป็นหน่วยงานต่าง ๆ การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งงานให้ชัดเจน และการกำหนดคำบรรยายลักษณะงาน (Job description) เป็นลายลักษณ์อักษร การจัดองค์การเป็นส่วนที่สำคัญ เนื่องจากการวางแผนและการควบคุมของกิจการขึ้นอยู่กับระดับของโครงสร้างองค์การ (ศิลปพร ศรีจั่นเพชร, 2555) ดังนั้น ผู้ประกอบการใหม่ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมควรกำหนดรูปแบบการตัดสินใจและควบคุมว่าจะเป็นการกระจายอำนาจ (Decentralize) หรือ การรวมอำนาจ (Centralize) กำหนดจำนวนพนักงานในแต่ละหน่วยงานตามขนาดของกิจการ รวมถึงความรู้ความสามารถของพนักงานให้เหมาะสมกับแต่ละหน่วยงานภายในองค์การ 

3.) การชี้นำและการจูงใจ (Leading)
การชี้นำและการจูงใจเกี่ยวข้องกับการมอบหมายงานให้บุคคลนำไปปฏิบัติงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ ซึ่งต้องอาศัยการประสานงาน การมอบหมายงานด้วยการสื่อสาร (Communication) ที่ทั่วถึงทั้งองค์การ ผู้ประกอบการใหม่ในฐานะผู้บริหารต้องจัดองค์การ โดยการจัดทำผังองค์การ (Organization chart) ที่ระบุอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบตลอดจนสายการบังคับบัญชาและควรมีการจูงใจอย่างมีประสิทธิผล เพื่อให้พนักงานตั้งใจและกระตือรือร้นและเต็มใจทำงานให้แก่องค์การ

4.) การควบคุม (Controlling)
การควบคุมถือเป็นขั้นตอนการดำเนินงานขั้นสุดท้าย เป็นกิจกรรมการติดตามผลและการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้งานบรรลุตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแผนงานจะนำไปปฏิบัติอย่างประสบความสำเร็จ การควบคุมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะบรรลุผลได้นั้นจะต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการในฐานะผู้บริหาร (Management control) และการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน (Operational control) โดยการควบคุมจะมีการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน (Performance report) เพื่อประเมินผลโดยเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานจริงกับแผนงานที่วางไว้ (เมธสิทธิ์ พูลดี, 2550) 

จากที่กล่าวมา ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการใหม่ในกิจการขนาดใดก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบการจะละเลยไม่ได้ก็คือ “หน้าที่การบริหาร” เพื่อนำพาให้องค์การอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตเริ่มต้นจากการวางแผนเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินงานเกี่ยวกับกำลังคน เงินทุน วัสดุ และการบริหารจัดการ หรือ ที่เรารู้จักในคำว่า “4 M” การจัดองค์การ เพื่อออกแบบและพัฒนาโครงสร้างองค์การในการใช้ประโยชน์ในการควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์การ การชี้นำและการจูงใจ ในการมอบหมายงานให้บุคลากรนำไปปฏิบัติตามแผนงานที่กำหนด และท้ายที่สุดคือ การควบคุม เป็นการติดตามและประเมินผลเพื่อให้แน่ใจว่าแผนงานที่วางไว้ได้นำไปปฏิบัติและประสบผลสำเร็จ

 

เอกสารอ้างอิง 
เมธสิทธิ์  พูลดี. การบัญชีบริหาร. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล เอ็ดดูเคชั่น, 2550.
ศิลปพร ศรีจั่นเพชร. การวางแผนและควบคุมทางการบัญชี. กรุงเทพฯ : ทีพีเอ็น เพรส, 2555. 


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จับแก๊งต้มตุ๋น!! หลอกจองฉีดวัคซีน หลังแอบอ้างเป็นบุคลากรทางการแพทย์ หลอกจองฉีด 'ซิโนฟาร์ม'​

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ​​​แจ้งยอดสุข​ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์​ ​​กิตติประภัสร์​รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ยรรยง ​​เวชโอสถ ​ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ​ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ​​ประชุม ​ผบก.สส.ภ.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการในการดำเนินการ : บก.สส.ภ.4, กก.สืบสวน ภ.จว.อุดรธานี​ ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ดังนี้... 

นายรนกร พุทธรักษา อายุ 31 ปี ที่อยู่ 86/8 ม.10 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี (ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ. 131/64 ลงวันที่ 2 ก.ค.64 ) ​ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน​ ​“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่หน้าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

พฤติการณ์​ ​จากกรณีเมื่อ วันที่ 30 มิ.ย 2564 ได้มีผู้เสียหาย ชื่อ นส.เพิ่มพูน แซ่ก๊วย ที่อยู่ 316/52 ต.หมาแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้มาแจ้งความกับ พงส. สภ.เมืองอุดรธานี ว่า...

วันที่ 22 มิ.ย.64 ได้ถูกคนร้ายหลอกลวงอ้างว่าเป็นนายแพทย์ รพ.ศิริราช ชื่อ นายแพทย์ สิทธิโชค ทวีประดิษฐ์ผล มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อ 'ซิโนฟาร์ม'​ เหลือจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้สั่งชื้อจาก ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หากต้องการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้ชำระเงินค่าวัคซีนรายละ 1,800 บาท (จำนวน 2 โดส) จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้เข้าไปในไลน์กลุ่ม 'Vaccine Sinopharm'​ 

เมื่อผู้เสียหายได้เข้าไปอยู่ในไลน์กลุ่มดังกล่าวแล้ว คนร้ายยิ่งให้ความเชื่อมั่นว่าเป็นกลุ่มที่แท้จริง โดยให้ผู้แจ้งเข้ากลุ่มอีกหนึ่งกลุ่ม ชื่อว่า 'ระบบ ไอที วัคซีนทางเลือก'​ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เสียหายหลงชื่อว่ามีอยู่จริง จึงได้ติดต่อและรวบรวมเงินจากบุคคลที่ผู้เสียหายรู้จัก ที่อยากมาร่วมฉีดวัคซีนได้จำนวน 20 คน รวมเป็นเงิน 36,000 บาท และได้โอนเงินเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 64 เข้าบัญชี ธ.กสิกรไทย เลขที่ 0331431532 ซึ่งปรากฏชื่อบัญชี นายวีระศักดิ์ สุขสำแดง

ต่อมาผู้เสียหายไปตรวจสอบรายชื่อในโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดอุดรธานีกลับไม่มีรายชื่อที่แจ้งไว้ จึงเชื่อว่าได้ถูกหลอกลวงแล้วและได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่สภ.เมืองอุดรธานี และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ ทราบชื่อว่านายรนกร พุทธรักษา และนายวีระศักดิ์ สุขสำแดง ตามหมายจับที่ 131/64 และ 130/64 เมื่อวันที่  2 ก.ค.64 ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันหลอกผู้เสียหายรวมทั้งสิ้นไปแล้วกว่า 200 ราย และมีมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 360,000 บาท 

ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า ให้รอฟังติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะไม่ให้โดนหลอกคล้ายกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ และจากการตรวจสอบความเสียหายได้พบว่า ยังมีความเสียหายอีกในหลายพื้นที่อาทิเช่น สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น, สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ,​ สน.เตาปูน,​สภ.สมเด็จเจ้าพระยา และ ยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนหลายร้อยรายที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี ทั้งนี้หากมีผู้เสียหายท่านใดที่หลงเชื่อไปแล้ว ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจที่มีการโอนเงิน เนื่องจากเป็นการกระทำผิดหลายท้องที่

“ดารา” กับต้นทุนที่ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่พ่วงมาด้วยทักษะ “ทุนร่างกาย” ที่สามารถต่อยอดการทำงานได้

ดารา นักแสดง ในวงการบันเทิง นอกจากความสามารถในการแสดง การร้องเพลง การเล่นดนตรีแล้ว การมีทักษะความสามารถพิเศษอื่น ๆ ที่เสริมเข้ามา เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำงาน เช่น การออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬา ก็เป็นงานอดิเรกที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ เนื่องจากการทำอาชีพนักร้อง นักแสดง ต้องใช้ร่างกายในการทำงาน ทำให้การดูแลรูปร่างเป็นสิ่งที่คู่กันกับคนในวงการบันเทิง 

แต่บางคนพัฒนาทักษะการออกกำลังกายโดยการยกระดับความจริงจังไปจนถึงการฝึกฝนจนเป็นกีฬา ซึ่งจะมีระดับการฝึกฝนที่เข้มข้นและจริงจังกว่าแค่การออกกำลังกายเพื่อดูแลรูปร่าง และถึงแม้ว่าจะไม่ถึงระดับการแข่งขันกีฬาเป็นอาชีพ แต่สิ่งที่พวกเค้าเหล่านั้นได้ฝึกฝนมา กลายเป็น “ทุน” ติดตัวของตนเองที่สามารถสร้างรายได้ได้อีกหนึ่งช่องทางหนึ่ง 

หากพูดถึงกีฬาที่ดารา นักแสดง หรือแม้แต่คนธรรมดาเข้าได้ถึงได้ และในช่วงหนึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ต้องยกให้กับการวิ่ง ซึ่งบางคนพัฒนาไปจนถึงการวิ่งมาราธอน ได้รับการนำเสนอภาพลักษณ์ของกีฬาควบคู่ไปกับผลงานในวงการบันเทิง เช่น ตูน บอดี้แสลม, ณัฐ ศักดาทร, แมทธิว ดีน, โย ยศวดี เป็นต้น 

ความสำเร็จเบื้องต้น ดูได้จากการที่ดาราในวงการบันเทิงได้รับเลือกให้เป็น Influencer ของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกีฬา หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ไปจนถึงการเป็นพรีเซนเตอร์งานวิ่งมาราธอนต่าง ๆ ที่เป็นงานทางด้านกีฬา แต่ให้การยอมรับคนในวงการบันเทิงมาช่วงชิงพื้นที่ 

ซึ่งการที่จะพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในการเล่นกีฬาได้นั้น ทุกคนต้องผ่านการฝึกฝนด้วยตนเอง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ไม่มีคำว่าปาฏิหาริย์ หรือ ฟลุ๊ค แต่มันคือทักษะ และ “ทุนร่างกาย” ที่ต้องสร้างมันขึ้นมาเหมือนกับทักษะความสามารถในวงการบันเทิง อาจจะแตกต่างกับการทำงานในวงการบันเทิง ที่เมื่อดารา นักแสดง นักร้อง มีผลงานออกมา จะมีคนดูหรือคนฟังเป็นผู้ตัดสิน ความสามารถเราขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนอื่น 

แต่สำหรับเส้นทางของการเล่นกีฬานั้น ความสำเร็จ...มาจาก “ตัวเอง” การเป็นดารา คนดัง ในวงการบันเทิงมาก่อน ไม่ได้มีผลกับการเล่นกีฬา เพราะทุกคนต้องเริ่มฝึกฝนและพัฒนาตนเองใหม่หมด บางคนฝึกซ้อมกับโค้ชอย่างจริงจัง ใช้วิธีการฝึกซ้อมเช่นเดียวกันกับที่นักกีฬาอาชีพทำ สิ่งที่แตกต่างกันคือความยืดหยุ่นที่อาจจะต้องปรับให้เข้ากับการทำงานในวงการบันเทิง 

มนต์เสน่ห์ของการวิ่งมาราธอน ที่ทำให้คนดังในวงการบันเทิงสนใจและติดใจ หลาย ๆ คนเคยให้สัมภาษณ์ไว้คล้าย ๆ กันว่า มาราธอน มันคือความสนุกที่ได้ชนะใจตัวเอง และความภูมิใจที่ทำได้ แม้ในครั้งแรกที่ไปวิ่ง จะรู้สึกถึงความเหนื่อย ความทรมาน ทำไมทำไม่ได้ดีแบบที่คิดไว้ เพราะบางคนเล่นฟิตเนส ออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่เมื่อมาสนามวิ่ง ร่างกายกลับไม่สามารถตอบสนองได้อย่างที่ใจเราต้องการ เพราะมันคือการต่อสู้กันระหว่าง จิตใจและร่างกาย และการที่ได้ชนะใจตนเองนี่แหละ คือ แรงจูงใจอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความท้าทายให้กับตัวเอง โดยเราสามารถเป็นคนที่เก่งขึ้นได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะแต่ละคน มีต้นทุนในการสร้างร่างกายและการฝึกฝนมาต่างกัน แค่ชนะตัวเองในอดีตได้ ก็ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการวิ่งมาราธอนแล้ว 


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'รอง ผบ.ตร.'​ และ 'ผบช.สตม.'​ ร่วมต้อนรับคณะนายกฯ ร่วมพิธีเปิด Phuket Sandbox - ตม.ทอ.ภูเก็ต ตรวจผู้โดยสารวันแรก...ราบรื่น!!

สืบเนื่องจากวันที่ 1 ก.ค.64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นประธานเปิดโครงการฯ และให้การต้อนรับผู้โดยสารในโครงการ Phuket Sandbox โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.​ (มค), พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ร่วมพิธีและให้การต้อนรับคณะฯ

เหตุที่รัฐบาลเลือกนำร่องโครงการ Sandbox ที่จังหวัดภูเก็ตนั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่เล็ก สามารถจัดระบบควบคุมดูแลได้ง่าย นอกจากนั้น เศรษฐกิจร้อยละ 90 ของประเทศไทยมาจากการท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อมต่อไปยังภาคส่วนอื่น ๆ เช่น การผลิต ภาคการเกษตรโดยรวมของประเทศ หากสำเร็จก็สามารถขยายทำ Sandbox ต่อไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของประเทศได้

โดยการตรวจเที่ยวบิน ณ ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต ในโครงการ Phuket Sandbox เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 เป็นไปด้วยความราบรื่น มีเที่ยวบินขาเข้าทั้งหมด 5 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 339 คน

  -​ ALQ 24 คน
  - Sandbox 315 คน

ทางด้าน พล.ต.ต.อาชยน​ ไกรทอง รอง ผบช.สตม.ในฐานะโฆษก สตม. เเละ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะ รองโฆษก สตม.ร่วมกันเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่มี ตม.จว.อยู่ทุกจังหวัด คอยช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในด้านการบริการและความมั่นคงของประเทศไทยแบบผสมผสานควบคู่กันไปให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยสูงสุด 

โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพร้อมทำงานให้กับประเทศไทยและประชาชนอย่างเต็มที่​ ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด ผบ.ตร. ทั้งนี้หากประชาชนสนใจต้องการรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ตม. สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.immigration.go.th. ได้ทันที

'เตือนภัย'​ ระวังโดนแอปพลิเคชันเงินกู้เรียกดอกเบี้ยสุดโหด แถมขู่ฆ่าหรือหลอกให้ถ่ายคลิปเปลือยแลกหนี้

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 อาจคิดใช้บริการแอปพลิเคชันเงินกู้ ที่พยายามเข้าถึงประชาชนในหลายช่องทาง ทั้งการส่งข้อความสั้น (SMS) พร้อมลิงก์ เพื่อชักชวนผ่านเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ในหลายแพลตฟอร์ม โดยอ้างว่าไม่ต้องมีคนค้ำประกัน กู้ง่าย ได้ไว ไม่เช็คเครดิตบูโร ไม่ต้องมีเอกสาร รับเงินสดทันที

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยากจะเตือนพี่น้องประชาชนถึงภัยที่มากับแอปพลิเคชันเงินกู้เหล่านี้ โดยที่ปรากฎชัดเจนจะมีอยู่ 3 ลักษณะ ได้แก่... 

1. การขูดรีดดอกเบี้ยที่มากเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยจะหักเงินจากวงเงินที่ขอกู้ทันที เช่น หากตกลงกู้ 6,000 บาท จะโอนมาให้ผู้ขอกู้เพียง 3,600 บาท โดยอ้างว่าเงินที่หัก 2,400 บาท คือดอกเบี้ยต้องหักเงินทันที เมื่อผู้กู้เห็นว่าถูกเรียกดอกเบี้ยมากเกินไป จะขอยกเลิกการกู้เงิน ทางแอปพลิเคชันกู้เงินจะไม่ยอม อีกทั้งยังบอกให้ผู้กู้ใข้เงินต้นคืนให้ได้ภายใน 5 วัน 

2. หากผู้กู้ผิดสัญญาไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเงินกู้ทันตามเวลาที่กำหนด จะมีการโทรข่มขู่ ผู้กู้ หรือ โทรไปทวงถามกับเพื่อนของผู้กู้ในลักษณะประจาน หรืออ้างว่าเพื่อนของผู้กู้ไปค้ำประกันเงินกู้ให้ผู้กู้ ทั้งๆ ที่เพื่อนผู้กู้ไม่ทราบเรื่องราวแต่อย่างใด แต่เหตุที่แอปพลิเคชันสามารถทราบหมายเลขโทรศัพท์ของเพื่อนผู้กู้ได้เป็นเพราะ เมื่อผู้กู้สมัครกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน

โดยแอปพลิเคชันเงินกู้จะสามารถเข้าถึงรายการบัญชีผู้ติดต่อ (Contact) ในโทรศัพท์ของผู้กู้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่แอปพลิเคชันเงินกู้จะสุ่มโทรศัพท์หรือส่งข้อความสั้นทวงเงินในลักษณะประจานไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเพื่อนผู้กู้

3. มีการโทรศัพท์ขู่ฆ่าผู้กู้ หรือ มีบางรายหลอกให้ผู้กู้ที่เป็นผู้หญิงเปลื้องผ้าผ่านกล้องโทรศัพท์เพื่อแลกกับการยกหนี้ให้ ซึ่งนอกจากเสี่ยงถูกเอาไปส่งต่อในโลกออนไลน์แล้วอาจจะถูกนำไปแบล็คเมล์ภายหลังได้ 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ว่าควรหลีกเลี่ยงการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อการถูกเอารัดเอาเปรียบขูดรีดดอกเบี้ย หรือถูกทวงหนี้ในลักษณะประจาน ตลอดจนการหลอกลวงให้ถ่ายคลิปอนาจารเพื่อต่อรองกับการยกหนี้ด้วย ซึ่งการปราบปรามแอปพลิเคชันเงินกู้ผิดกฎหมายดังกล่าว​ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มิได้นิ่งนอนใจ สั่งเข้มงวด รวมทั้งออกมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง เนื่องจากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้วในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 

อย่างไรก็ตาม การป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ให้กับประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ (ศปน.ตร.) ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่หลงไปเป็นเหยื่อ และเพื่อช่วยทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้มีอิทธิพล ผู้ปล่อยเงินกู้ที่มีลักษณะเรียกอัตราดอกเบี้ยเกิดกฎหมายกำหนด รวมถึงการทวงหนี้ในลักษณะที่เป็นการผิดกฎหมาย 

หากมีข้อมูลเบาะแสสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชั้น 3 อาคาร 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ถนนสาทรเหนือ เขตบางรัก กรุงเทพฯ หรือโทรศัพท์สายด่วน 1599 หรือแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เจ็บนี้อีกนาน !! อันตรายจาก “ข้อเท้าแพลง” รับมืออย่างไรให้ถูก ? 

“ข้อเท้าแพลง (Ankle Sprain)” เกิดจากอุบัติเหตุโดยเฉพาะการหกล้ม, การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือ การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับขนาดเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณผู้หญิงที่ใช้รองเท้าส้นสูงจะเพิ่มโอกาสเกิดข้อเท้าแพลงได้ ซึ่งการบาดเจ็บดังกล่าวส่งผลต่อเอ็นข้อเท้าบริเวณตาตุ่ม นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยของ American Academy of Orthopedic Surgeons พบว่าหากข้อเท้าพลิกบ่อย ๆ หรือเกิดข้อเท้าแพลงซ้ำ ๆ อาจนำไปสู่ปัญหาการปวดข้อเท้าเรื้อรัง ข้อเท้าเสื่อม และเกิดภาวะข้อเท้าไม่มั่นคงได้ ทำให้การรักษาข้อเท้าแพลงกลายเป็นเรื่องไม่ง่ายและใช้เวลานานกว่าจะหายขาด จนทำให้เป็นที่มาของคำว่า “ข้อเท้าแพลง” 

อาการข้อเท้าแพลงส่วนมากมักเกิดจากการพลิกของข้อเท้าเข้าสู่ด้านในแล้วเกิดอาการบาดเจ็บที่เอ็นข้อเท้าบริเวณตาตุ่มด้านนอก เนื่องจากเส้นเอ็นในบริเวณดังกล่าวเกิดการยืดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ข้อเท้าแพลงแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 

ระยะแรก มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ระยะที่สอง มีอาการบาดเจ็บจากเส้นเอ็นที่ฉีกขาด แต่ไม่ถึงครึ่งของเส้นเอ็น 

ระยะที่สาม เส้นเอ็นฉีกขาดทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถลงน้ำหนักได้ 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นใช้หลักการของ RICE ได้แก่

>> Rest - พัก หากทำกิจกรรมอะไรอยู่ต้องหยุดพัก ไม่ว่าจะเดินหรือเล่นกีฬา และหลีกเลี่ยงการใช้งาน
>> Ice - น้ำแข็งหรือการประคบด้วยความเย็น ควรรีบทำทันทีเพื่อให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้ลดอาการบวมและลดความเจ็บปวด
>> Compression - รัด เพื่อลดอาการบวม
>> Elevation - ยกให้สูงขึ้น เพื่อให้เลือดไหลลงได้สะดวก ช่วยลดอาการบวม

โดยปกติ ถ้าหากมีอาการข้อเท้าแพลงแบบไม่รุนแรง สามารถประคบด้วยความเย็นร่วมกับรับประทานยาแก้ปวด ซึ่งอาการปวดจะลดลงภายใน 2-3 วัน และหายขาดภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้ารุนแรงถึงขั้นข้อเท้าหลวม มีการปวดเรื้อรังเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน แนะนำให้ไปพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด 

สำหรับผู้ที่เคยข้อเท้าแพลง มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดข้อเท้าแพลงซ้ำได้อีกภายในปีเดียวกัน เนื่องจากเส้นเอ็นเคยได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับข้อเท้ามีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้ข้อเท้าแพลงบ่อย ๆ และลดอาการปวดข้อเท้าเรื้อรังได้ ดังนี้

1.) ยืนเขย่งปลายเท้าสลับกับยืนบนส้นเท้า (Standing heel/toe rocking) ทำ 20 ครั้ง 3 รอบ

2.) ยืนทรงตัวด้วยขาเดียวนาน 1 นาที 

ทำ 3 รอบ (สลับข้างซ้าย-ขวานับเป็น 1 รอบ) ช่วยกระตุ้นการรับรู้ของข้อเท้าในการทรงตัว (Ankle proprioception/balance) อาจยืนบนพื้นปกติ (แบบง่าย) หรือยืนบนพื้นนุ่ม เช่น บนเบาะนิ่ม ๆ หรือบนพื้นทราย เพื่อเพิ่มความยาก

3.) ยืดกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวายในท่ายืน

โดยก้าวขาไปข้างหน้า 1 ข้าง ปลายเท้าชี้ตรงไปด้านหน้าทั้งสองเท้า โน้มตัวไปข้างหน้า โดยส้นเท้าหลังไม่ยกจากพื้น และต้องรู้สึกตึงที่น่องของขาที่อยู่ด้านหลัง ยืดค้างไว้ 30 วินาที 3 รอบ (สลับขาและทำแบบเดียวกัน)

โดยทั้ง 3 ท่าที่แนะนำสามารถทำได้ทุกวันหรือหากท่านใดมีการบาดเจ็บของข้อเท้า ควรขอคำปรึกษาและออกกำลังกายภายใต้การดูแลของนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์หลังจากที่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว

 

เอกสารอ้างอิง
- Tran K, McCormack S. Exercise for the Treatment of Ankle Sprain: A Review of Clinical Effectiveness and Guidelines [Internet]. Ottawa (ON): Canadian Agency for Drugs and Technologies in Health; 2020 Apr 3. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK563007/
- Wells B, Allen C, Deyle G, Croy T. MANAGEMENT OF ACUTE GRADE II LATERAL ANKLE SPRAINS WITH AN EMPHASIS ON LIGAMENT PROTECTION: A DESCRIPTIVE CASE SERIES. Int J Sports Phys Ther. 2019;14(3):445-458. doi:10.26603/ijspt20190445
- https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/อันตรายจาก-ข้อเท้าพลิก/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โทษหนักเป็นเบา ‘California Proposition 47’ กฎหมายลดความผิดจากโทษทางอาญา เป็นความผิดลหุโทษ แต่กลายเป็นสาเหตุของอาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น

เหรียญมีสองด้านเสมอ เช่นเดียวกับกฎหมายฉบับนี้ California Proposition 47 ซึ่งเป็นกฎหมายปรับการกระทำความผิดบางเรื่องจากความผิดที่มีโทษทางอาญาให้กลายเป็นความผิดที่ถือเป็นลหุโทษ กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายใช้เฉพาะภายในรัฐ California เพราะออกโดยรัฐสภาแห่งรัฐ California ไม่ใช่กฎหมายที่ออกโดยรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา California Proposition 47 ฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ส่งผลกระทบมากมายต่อสังคมของรัฐ California ดังที่จะเล่าให้ทราบต่อไปนี้

Proposition 47 หรือที่รู้จักในชื่อ การลงคะแนนว่าด้วยโทษอาญา อันเป็นธรรมนูญแห่งความคิดริเริ่ม เป็นการลงประชามติที่ผ่านกฎหมายโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐ California เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) ผู้ที่ลงคะแนนสนับสนุนยังเรียกมาตรการนี้ว่า รัฐบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัยละแวกบ้านและโรงเรียน โดยได้จัดประเภทความผิดที่ไม่รุนแรงบางอย่างใหม่ให้เป็นความผิดลหุโทษ แทนที่จะเป็นความผิดทางอาญา ตามที่เคยได้จัดประเภทไว้ก่อนหน้านี้

การกระทำความผิดหรืออาชญากรรมที่ได้รับผลกระทบ คือ 
- การขโมยของตามร้าน โดยที่มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป ไม่เกิน $950
- การโจรกรรม โดยที่มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป ไม่เกิน $950
- การรับทรัพย์สินที่ถูกขโมย (การรับของโจร) โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน ไม่เกิน $950
- การปลอมแปลง โดยที่มูลค่าของเช็คปลอม พันธบัตร หรือเอกสาร ไม่เกิน $950
- การฉ้อโกง โดยที่มูลค่าของเช็ค ดราฟต์ หรือการกระทำที่เป็นการฉ้อโกง ไม่เกิน $950
- การจ่ายเช็คไม่มีเงิน โดยที่มูลค่าของเช็ค ไม่เกิน $950
- การใช้ยาโดยส่วนตัวที่ผิดกฎหมาย ซึ่งปริมาณ / น้ำหนักในการครอบครอง / ใช้น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

ผลกระทบหลักของมาตรการตาม California Proposition 47 คือการเปลี่ยนความผิดที่ไม่รุนแรงหลายอย่าง เช่น ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและทรัพย์สิน จากที่เป็นความผิดทางอาญากลายเป็นความผิดลหุโทษ ความผิดเหล่านี้รวมถึงการขโมยของในห้างร้านต่าง ๆ การใช้เช็คโดยเจตนาที่ผิดกฎหมาย และการครอบครองยาที่ผิดกฎหมาย มาตรการดังกล่าวยังกำหนดให้เงินค่าปรับอันเป็นผลมาจากมาตรการดังกล่าว จะต้องใช้ใน "การป้องกันการละทิ้งโรงเรียน และป้องกันการไม่ให้ออกโรงเรียนกลางคัน ชดใช้เยียวยาเหยื่ออาชญากรรม และการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนโปรแกรมอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อกันผู้กระทำความผิดให้พ้นคุกและไม่ติดคุก" 

มาตรการดังกล่าวรวมถึงข้อยกเว้นสำหรับความผิดที่เกี่ยวข้องกับ มากกว่า $950 และอาชญากรที่มีประวัติความรุนแรงหรือความผิดทางเพศ ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้การปลอมแปลงเป็นความผิดที่อัยการอาจตั้งข้อหาว่า เป็นความผิดทางอาญา ด้วยเจตนารมย์ของ California Proposition 47 อัยการไม่สามารถตั้งข้อหาปลอมแปลง ที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่น้อยกว่า $950 ว่าเป็นความผิดทางอาญาได้ เว้นแต่จำเลยมีประวัติอาชญากรรม ส่งผลกระทบต่อการตัดสินลงโทษในอนาคต และอนุญาตให้บุคคลที่ถูกจองจำในคดีอาญาซึ่ง California Proposition 47 ครอบคลุม สามารถยื่นคำร้องให้พิพากษาอีกครั้ง

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 รายงานของโครงการ Stanford Justice Advocacy ซึ่งเขียนโดย Michael Romano ผู้ร่วมเขียน California Proposition 47 พบว่า Prop 47 สามารถลดจำนวนนักโทษในเรือนจำของรัฐ California ลง 13,000 คน และจะช่วยรัฐ California ประหยัดงบประมาณลงได้ประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ในปีนั้น ในส่วนของบทบัญญัติที่อนุญาตให้ผู้กระทำความผิดในอดีตสามารถยื่นคำร้องต่อการพิจารณาโทษหมดอายุในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2560 โดย Jerry Brown ผู้ว่าการรัฐ California ได้อนุมัติร่างกฎหมายซึ่งขยายกำหนดเวลาไปจนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 กองบรรณาธิการของ The New York Times ยกย่อง  Prop 47 ว่าเป็นวิธีการลดความแออัดในเรือนจำของรัฐ นอกจากนี้กองบรรณาธิการของ Los Angeles Times ซึ่งสรุปว่า Prop 47 เป็น "มาตรการที่ดีและทันเวลา ซึ่งสามารถช่วยให้รัฐใช้ความยุติธรรมทางอาญาและทรัพยากรในการกักขังได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น" และ The American Civil Liberties Union (ACLU) ยังสนับสนุน Prop 47 และบริจาคเงิน 3.5 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนมาตรการตาม Prop 47 ด้วย

Mark A. Peterson อัยการเขตของ Contra Costa County ระบุก่อนที่จะมี Prop 47 ว่า มาตรการตาม Prop 47 "จะทำให้ละแวกใกล้เคียงและโรงเรียนของเราปลอดภัยน้อยลง"

ผู้ต่อต้านมาตรการตาม Prop 47 รวมถึง Mark A. Peterson อัยการเขตของ Contra Costa County ผู้ซึ่งระบุก่อนที่จะมี Prop 47 ว่า มาตรการตาม Prop 47 "จะทำให้ละแวกใกล้เคียงและโรงเรียนของเราปลอดภัยน้อยลง" นอกจากนี้ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก Nancy E. O'Malley อัยการเขตของ Alameda County ซึ่งกล่าวว่า "จะทำให้ชาว California ได้รับอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ" และเรียกมันว่า "ม้าโทรจัน" 

ข้อโต้แย้งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับกฎหมายคือ การครอบครองยา Rohypnol ที่มักถูกนำไปใช้ในการมอมสตรีเพื่อจะข่มขืนภายใต้มาตรการตาม Prop 47 จะได้รับการลงโทษเป็นความผิดลหุโทษมากกว่าเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งนักวิจารณ์อธิบายว่าเป็น "การลงโทษที่ไม่มีผลต่อผู้ต้องโทษ" นักวิจารณ์ยังโต้แย้งว่า การที่ไม่สามารถใช้การกักขังเพื่อบังคับให้ผู้ใช้ยาเข้ารับการบำบัดได้ จะทำให้ผู้ใช้ยาเข้าสู่โปรแกรมการบำบัดรักษาได้ยากขึ้น

Nancy E. O'Malley อัยการเขตของ Alameda County กล่าวว่า "มาตรการตาม Prop 47 จะทำให้ชาว California ได้รับอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ"

George Gascón อัยการเขตของ San Francisco กล่าวว่า Prop 47 "ทำให้ผู้กระทำความผิดเรื่องยาเสพติดหลีกเลี่ยงโปรแกรมการรักษาที่ได้รับคำสั่งได้ง่ายขึ้น" (ปัจจุบัน George Gascón อัยการเขตของนคร Los Angeles)

ผลกระทบต่ออัตราการเกิดอาชญากรรม ในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) Los Angeles Times รายงานว่า "บรรดาเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตำหนิ Prop 47 ที่ยอมให้ผู้กระทำผิดซ้ำ ถูกดำเนินคดีโดยมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" นอกจากนี้แล้วในปีนั้นเอง George Gascón อัยการเขตของนคร San Francisco กล่าวว่า Prop 47 "ทำให้ผู้กระทำความผิดเรื่องยาเสพติดหลีกเลี่ยงโปรแกรมการรักษาที่ได้รับคำสั่งได้ง่ายขึ้น" Eric Garcetti นายกเทศมนตรีนคร Los Angeles ยังเสนอว่า Prop 47 อาจอธิบายได้ว่าทำไมอัตราการเกิดอาชญากรรมในเมืองของเขาจึงเปลี่ยนจากการลดลงเป็นเพิ่มขึ้น 

Eric Garcetti นายกเทศมนตรีนคร Los Angeles เสนอว่า Prop 47 อาจอธิบายได้ว่าทำไมอัตราการเกิดอาชญากรรมในเมืองของเขาจึงเปลี่ยนจากการลดลงเป็นเพิ่มขึ้น

Shelley Zimmerman หัวหน้าตำรวจของนคร San Diego ได้อธิบายใน The Washington Post ว่า Prop 47 เป็น "เสมือนบัตรสำหรับออกจากคุก" (ปัจจุบันเธอเป็น ศาสตราจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัย National)

ในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) เช่นกัน Shelley Zimmerman หัวหน้าตำรวจของนคร San Diego ได้อธิบายใน The Washington Post ว่า Prop 47 เป็น "เสมือนบัตรสำหรับออกจากคุก" เธอและหัวหน้าตำรวจคนอื่น ๆ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เพิ่มขึ้นของอาชญากร "ผู้เร่ร่อน" ซึ่งใช้ประโยชน์จาก Prop 47 เพื่อก่ออาชญากรรม ตัวอย่างเช่น อาชญากรรายหนึ่งถูกกล่าวหาว่า นำเครื่องคิดเลขเข้ามาในร้านเพื่อหลีกเลี่ยงการขโมยสินค้ามูลค่ากว่า 950 ดอลลาร์ แต่ ACLU ตอบโต้ด้วยการออกรายงานซึ่งกล่าวว่า ผู้ที่เชื่อมโยง Prop 47 กับอาชญากรรมกำลัง "แสดงข้อความที่ขาดความรับผิดชอบและไม่ถูกต้อง" Michael Romano ผู้อำนวยการโครงการ Stanford Justice Advocacy และผู้ร่วมเขียน Prop 47 กล่าวในเดือนพฤศจิกายน 2015 ว่า ในแง่ของ Prop 47 "ในระยะยาว การจัดสรรทรัพยากรใหม่ควรนำมาปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ" Romano จึงเขียนผลการศึกษาที่สนับสนุนข้อสรุปของเขา

Michael Romano ผู้อำนวยการโครงการ Stanford Justice Advocacy และผู้ร่วมเขียน Prop 47 กล่าวว่า ในแง่ของ Prop 47 "ในระยะยาว การจัดสรรทรัพยากรใหม่ควรนำมาปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ"

รายงานประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) ที่เผยแพร่โดยศูนย์กลางเยาวชนและความยุติธรรมทางอาญาได้สรุปว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า Prop 47 มีผลกระทบต่ออัตราการเกิดอาชญากรรมในรัฐ California หรือไม่ การศึกษาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 โดยสถาบันนโยบายสาธารณะแห่งแคลิฟอร์เนียพบหลักฐานว่า Prop 47 อาจมีส่วนทำให้เกิดการโจรกรรมและการโจรกรรมสิ่งของในรถยนต์เพิ่มขึ้น การศึกษาระบุพบว่า การกระทำผิดซ้ำลดลง และไม่มีหลักฐานว่าอาชญากรรมรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อเชื่อมโยงกับ Prop 47 อย่างไรก็ตาม การศึกษาในปี พ.ศ. 2561 โดยมหาวิทยาลัย California, Irvine ระบุว่า Prop 47 ไม่ใช่ "ตัวขับเคลื่อน" สำหรับการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม โดยอิงจากการเปรียบเทียบข้อมูลจากมลรัฐต่าง ๆ อาทิ New York Nevada Michigan และ New Jersey (รัฐที่มีความคล้ายใกล้เคียงกับรัฐ California เป็นอย่างมาก) แนวโน้มอาชญากรรม พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) ถึง พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) แต่ "สิ่งที่มาตรการตาม Prop 47 ทำให้อันตรายและความทุกข์ต่อผู้ถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมนั้นลดลง"

Prop 47 ทำให้โจรกรรมที่มีมูลค่าต่ำกว่า $950 กลายเป็นลหุโทษ ทำให้การขโมยสินค้าข้าวของตามห้างร้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจาก 15% เป็นมากกว่า 50% พนักงานรักษาความปลอดภัยทำได้แต่เพียงการบันทึกภาพและคลิป VDO

สื่อหลายแห่งยังคงรายงานการเพิ่มขึ้นของการโจรกรรมร้านค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับ Prop 47 ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ Safeway, Target, Rite Aid และ CVS เครือข่ายร้านขายยารายงานในปี พ.ศ. 2559 ว่าการขโมยของในร้านเพิ่มขึ้น (ในบางกรณี) จาก 15% เป็น มากกว่า 50% ตั้งแต่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอนุมัติ Prop 47 โดย Los Angeles Times รายงานในปี พ.ศ. 2560 ว่า ศาลฎีกาแห่งรัฐ California ตัดสินว่า บุคคลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานขโมยรถอาจมีความผิดลดลงเป็นความผิดลหุโทษ หากยานพาหนะมีมูลค่าไม่เกิน $950 และในปี พ.ศ. 2561 นักวิจัยพบว่า Prop 47 มีส่วนทำให้เกิดการโจรกรรมในรถยนต์ การขโมยของตามร้าน และการโจรกรรมอื่น ๆ San Francisco Chronicle รายงานในปี พ.ศ. 2561 ว่า Prop 47 นำไปสู่อัตราการโจรกรรมที่เพิ่มขึ้นประมาณ 9% เมื่อเทียบกับอัตราที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2557

Prop 47 ทำให้โจรกรรมที่มีมูลค่าต่ำกว่า $950 กลายเป็นลหุโทษ ทำให้การขโมยสินค้าข้าวของตามห้างร้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจาก 15% เป็นมากกว่า 50% พนักงานรักษาความปลอดภัยทำได้แต่เพียงการบันทึกภาพและคลิป VDO

Prop 47 ทำให้โจรกรรมที่มีมูลค่าต่ำกว่า $950 กลายเป็นลหุโทษ ทำให้การขโมยสินค้าข้าวของตามห้างร้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจาก 15% เป็นมากกว่า 50% พนักงานรักษาความปลอดภัยทำได้แต่เพียงการบันทึกภาพและคลิป VDO

ภายในปี พ.ศ. 2562 มีการโจรกรรมในร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น ตำรวจและเจ้าของร้านค้าอ้างว่า เป็นเพราะ Prop 47 สถานีโทรทัศน์ Fox News รายงานว่า กรณี Prop 47 ทั้งโจรที่ขโมยสินค้าข้าวของตามห้างร้าน และผู้ที่รับของโจรที่ดำเนินการอย่างเปิดเผยจะไม่ต้องรับโทษ โดยทั้งอาชญากรและเจ้าของร้านตระหนักดีว่า นโยบายบังคับใช้แบบคัดเลือกหมายความว่า ตำรวจส่วนใหญ่ต่างเพิกเฉยต่อรายงานการขโมยของในห้างร้าน หรือตอบสนองช้าเกินไป Rachel Michelin ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งรัฐ California กล่าวว่า โจรจะนำเครื่องคิดเลขมาเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เกินวงเงิน $950 และ “คน ๆ หนึ่งจะไปที่ร้านหยิบฉวยเอาสินค้าข้าวของเติมกระเป๋าเป้ ขนออกมา ทิ้งไว้ข้างนอก แล้วกลับเข้าไปทำใหม่ซ้ำอีกครั้ง” นอกจากนี้ เธอยังรายงานด้วยว่า เครือข่ายกลุ่มอาชญากรนอกรัฐ California ยังใช้เด็กทำความผิด เนื่องจากพวกเขามีโอกาสถูกดำเนินคดีน้อยกว่า และแม้ว่าตำรวจจะทำการจับกุม อัยการเขตก็แจ้งข้อกล่าวหาที่อ่อนหรือถูกลดระดับตาม Prop 47

Prop 47 ทำให้โจรกรรมที่มีมูลค่าต่ำกว่า $950 กลายเป็นลหุโทษ ทำให้การขโมยสินค้าข้าวของตามห้างร้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจาก 15% เป็นมากกว่า 50% พนักงานรักษาความปลอดภัยทำได้แต่เพียงการบันทึกภาพและคลิป VDO

คนไม่ได้ขโมยอาวุธปืนไปเพื่อการสะสม แต่เขาขโมยไปเพื่อก่ออาชยากรรมอื่น ๆ รวมทั้งฆาตกรรม

กฎหมายของรัฐ California ว่าด้วยการโจรกรรมย่อย การโจรกรรม และการขโมยของตามห้างร้านต่าง ๆ ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐ California ให้คำจำกัดความการโจรกรรมว่า เป็นการขโมยทรัพย์สินโดยการลักขโมย การเสแสร้งหลอกลวง หรือการยักยอกทรัพย์สินโดยมีเจตนาที่จะนำทรัพย์สินไปเสียจากเจ้าของทรัพย์สินอย่างถาวร การลักขโมยคือการยึดเอาทรัพย์สินของผู้อื่นโดยเจตนาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย การขโมยโดยการเสแสร้งหลอกลวงเป็นการได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่นโดยการหลอกลวง การฉ้อฉลเกิดขึ้นเมื่อการครอบครองทรัพย์สินดั้งเดิมของผู้ต้องหานั้นชอบด้วยกฎหมาย แต่ต่อมาผู้ต้องหาได้แปลงทรัพย์สินนั้นไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สำหรับความผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมอื่น ๆ กฎหมายว่า ด้วยการโจรกรรมของรัฐ California ยังรวมถึงความผิดเฉพาะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรม อาทิ การไม่คืนทรัพย์สินที่เช่าหรือยืมมา การปลอมแปลงข้อมูลเพื่อขายสินค้าให้โรงรับจำนำ การโอนเงินทุนเพื่อการบริการ แรงงาน หรือวัสดุโดยมิชอบด้วยกฎหมาย การฉ้อโกงโครงการบ้านจัดสรร การขายหรือโอนหรือใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตอย่างผิดกฎหมาย และ การยึดเอาทรัพย์สินที่เก็บได้ โดยไม่ต้องพยายามตามหาเจ้าของตามสมควร

Walgreens ต้องปิดร้านค้าในนคร San Francisco เนื่องจากการขโมยของในร้านเพิ่มมากขึ้นจนรับไม่ไหว การโจรกรรมข้าวของในร้านค้าของนคร San Francisco เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ 

Thomas Fuller ผู้สื่อข่าว / นักเขียนประจำมลรัฐ California ของ The New York Times

Thomas Fuller ผู้สื่อข่าว/นักเขียนประจำมลรัฐ California ของ The New York Times ได้เล่าว่า ไม่นานหลังจากผมย้ายไปนคร San Francisco ในปี พ.ศ. 2559 ผมเดินเข้าไปในห้าง Walgreens ในเขต North Beach เพื่อซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า ขณะที่ผมจ่ายเงินอยู่ ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้าน หยิบเนื้อเค็มแท่ง (Beef jerky) หนึ่งกำมือแล้วเดินออกไป ผมมองไปยังพนักงานคนหนึ่งที่ยักไหล่ จากนั้นผมก็ไปที่ Safeway ข้างบ้านเพื่อซื้อของชำ และผมเห็นชายคนหนึ่งใส่ไวน์สามขวดใส่กระเป๋าเป้ และเดินไปที่ทางออกอย่างสบาย ๆ ระหว่างทางออกไป เขาหยิบขนมอีกห่อ ผมถามเสมียน Safeway เกี่ยวกับการโจรกรรมครั้งนี้ “ผมยังใหม่กับ Francisco” ผมพูดว่า “ที่นี่สามารถเลือกจ่ายสิ่งของได้หรือไม่” ห้าปีต่อมา การแพร่ระบาดของการขโมยของในร้านใน San Francisco ยิ่งเลวร้ายลงมากขึ้น ตัวแทนจาก Walgreens กล่าวว่าการโจรกรรมที่ร้านค้าในนคร San Francisco นั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศของเครือสี่เท่า และได้ปิดร้าน 17 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะจำนวนของการโจรกรรมมากจนธุรกิจไม่สามารถที่จะอยู่รอดได้

ร้านขายยาของเครือร้านขายยา CVS Health

Brendan Dugan ผู้อำนวยการแผนกอาชญากรรมค้าปลีกเครือร้านขายยา CVS Health เรียก นคร San Francisco ว่า “หนึ่งในศูนย์กลางของการก่ออาชญากรรมในร้านค้าปลีก” และกล่าวว่าพนักงานได้รับคำสั่งไม่ให้ไล่ตามผู้ต้องสงสัยขโมย เนื่องจากการเผชิญหน้านั้นอันตรายเกินไป “เรามีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราถูกทำร้ายเป็นประจำในนคร San Francisco” Dugan กล่าว ผู้บริหารร้านค้าปลีกและเจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นย้ำถึงบทบาทขององค์กรอาชญากรรมในการโจรกรรม และพวกเขาบอกผู้บังคับบัญชาว่า Prop 47  ซึ่งเป็นมาตรการจากลงคะแนนเสียงในปี พ.ศ. 2557 ที่จัดประเภทการโจรกรรมอย่างไม่รุนแรงเป็นความผิดลหุโทษ หากสินค้าที่ถูกขโมยมีมูลค่าน้อยกว่า $950 “แนวโน้มเดียวที่เราเห็นคือความรุนแรงและทวีความรุนแรงมากขึ้น และกล้ามากขึ้น” Raj Vaswani หัวหน้าสำนักงานสืบสวนของกรมตำรวจนคร San Francisco กล่าว “เราพบเห็นผู้กระทำผิดซ้ำหลายครั้ง” นคร San Francisco ได้รับความเดือดร้อนในหลาย ๆ ด้านในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 เมืองนี้มีการใช้ยาเกินขนาดที่ทำให้เสียชีวิตได้มากเป็นสองเท่าของการเสียชีวิตจาก COVID-19 กระโจมคนไร้บ้านตั้งเรียงรายตลอดช่วงการ Lock down แต่การพิจารณาคดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมุ่งเน้นไปที่บางสิ่งบางอย่างที่แสนจะธรรมดากว่ามาก 

Raj Vaswani หัวหน้าสำนักงานสืบสวนของกรมตำรวจนคร San Francisco กล่าว “เราพบเห็นผู้กระทำผิดซ้ำหลายครั้ง”


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รู้จัก Land Bridge หรือ ‘สะพานแผ่นดิน’ เส้นทางขนส่งร่นระยะทาง

วีคนี้จึงมาขอมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Land Bridge กันสักหน่อยว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง...

Land Bridge หรือแปลเป็นไทยว่า ‘สะพานแผ่นดิน’ เดิมเป็นคำศัพท์ทางชีวภูมิศาสตร์ หมายถึง พื้นที่ที่เป็น ‘คอคอด’ ซึ่งเชื่อมแผ่นดินขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน และใช้เป็นเส้นทางเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่ของสัตว์ต่าง ๆ เช่น พื้นที่ประเทศปานามาที่เชื่อมระหว่างทวีปอเมริกาเหนือกับทวีปอเมริกาใต้

ต่อมาเริ่มมีการใช้คำนี้ในทางคมนาคม คือ เส้นทางทางบก เพื่อใช้เชื่อมโยงระหว่างทะเลหรือมหาสมุทร แทนการใช้การขนส่งทางทะเล

ในช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้น มักจะใช้กับการขนส่งทางบกในระยะทางที่ไม่ไกล เนื่องจากระบบการขนส่งทางบกยังไม่พัฒนา สภาพเป็นทางเกวียนหรือเส้นทางธรรมชาติเป็นหลัก ส่งผลให้ใช้เวลาเดินทางนานและขนส่งได้น้อย เพราะข้อจำกัดของสภาพถนนและยานพาหนะ ทำให้ต้นทุนการขนส่งทางบก สูงกว่าการขนส่งทางทะเลที่ระยะทางไกลกว่า

เมื่อมีการพัฒนาระบบรถไฟหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งทางบกลดต่ำลง เพราะสามารถขนสินค้าได้ครั้งละจำนวนมากและทำความเร็วได้ดีกว่าเดิม เส้นทาง Land Bridge จึงมีระยะทางยาวขึ้น

ในช่วงปี 1880 มีโครงการแรกที่ถือได้ว่าเป็น Land Bridge สมัยใหม่ที่ใช้การขนส่งระบบราง คือ เส้นทาง Canadian Pacific Railway ที่เชื่อมโยงสองฝั่งของประเทศแคนาดา เนื่องจากช่วงนั้นมีการนำเข้าสินค้าราคาสูง เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ ชา จากเอเชียไปยังยุโรป โดยวิธีเดิมคือการขนส่งทางเรืออ้อมทวีปแอฟริกาหรืออ้อมทวีปอเมริกาใต้

แต่การใช้เส้นทางนี้ ช่วยร่นระยะทางด้วยการขนส่งข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แล้วขึ้นฝั่งทางตะวันตกของแคนาดาและขนส่งสินค้าทางรถไฟ เพื่อไปยังท่าเรือทางตะวันออกของประเทศ แล้วขนส่งสินค้าทางเรือต่อไปยังยุโรป

อย่างไรก็ตามเส้นทางขนส่งสินค้านี้ ได้รับความนิยมอยู่ประมาณ 40 ปี ก็กลับไปใช้การขนส่งทางทะเล เพราะมีการขุดคลองสุเอชและคลองปานามาที่ช่วยลดระยะเวลาในการเดินเรือ แต่เมื่อคลองสุเอชและคลองปานามา มีข้อจำกัดทางการใช้งานและปัญหาทางการเมือง การขนส่งสินค้าทาง Land Bridge ของอเมริกาเหนือ ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นได้ว่า การเลือกเส้นทางการขนส่งสินค้ามีปัจจัยประกอบหลายด้าน ทั้งในด้านเทคโนโลยีการขนส่ง ความสามารถของคู่แข่ง หรือรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีระยะเวลาคืนทุนหลายสิบปี จึงควรพิจารณาให้รอบคอบเพราะเหตุการณ์ในอนาคตอาจไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้

เขียนโดย อาจารย์ ศรัณย์ ดั่นสถิตย์ อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา 


ที่มา:
https://transportgeography.org/contents/applications/transcontinental-bridges
https://www.britannica.com/science/land-bridge


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top