Wednesday, 22 January 2025
SPECIAL

‘เศรษฐา’ ปลุกประชาชนเลือก ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล ชูกระเป๋าเงินดิจิทัล กระตุ้น ศก.ครั้งใหญ่ ขจัด ‘เหลื่อมล้ำ-ยากจน’

(10 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่อง ‘ถึงเวลาปลุกชีวิตเศรษฐกิจที่หลับใหล’ ระบุว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่สามารถเดินต่อหน้าไปได้ และยังคงก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะจากสถานการณ์โรคระบาดหรือแนว การทางบริหารประเทศที่ล้มเหลว คนไทยถูกกดให้จนลงจนลง แล้วแจกเงินครั้งละไม่กี่ร้อยบาท เพื่อหยอดน้ำข้าวต้มยื้อเวลาให้พอประทังชีวิต โดยไม่มีการคำนึงถึงวิธีเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน

“วันนี้ประเทศไทยรอไม่ได้อีกแล้ว ผมยืนยันว่าเราต้องชนะทันที เพื่อให้เพื่อไทยได้มีโอกาสเข้าไปเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วที่สุด ด้วยนโยบายเติมเงิน 10,000 เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ที่จะเข้าไปปั๊มหัวใจประเทศด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับทันที เพราะเป้าหมายของเราคือการทำให้ประเทศไทยไม่ต้องมีคนจนอีกต่อไป” นายเศรษฐา ระบุ

นายเศรษฐา ระบุว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เม็ดเงินจะถูกกระจายไปทั่วประเทศ ทุกอำเภอ และทุกตำบล ตามจำนวนประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปในแต่ละพื้นที่

นายเศรษฐา ระบุต่อว่า เงิน 10,000 ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของพี่น้องประชาชนนั้น ไม่ได้แจกแล้วหมดไป แต่เราออกแบบโดยหวังผลให้นำไปสู่การใช้จ่ายเพื่อฟื้นชีวิตให้กับเศรษฐกิจทั้งระบบ และคงเงินให้หมุนเวียนอยู่ในชุมชน อยู่ในระบบ นโยบายนี้จึงมาพร้อมเงื่อนไขสำคัญ 4 อย่าง คือ 1. เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล 2. ใช้ได้เฉพาะอาหารของใช้ประจำวัน หรือวัตถุดิบประกอบสัมมาชีพ 3. ใช้ได้ภายในพื้นที่ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่หน้าบัตรประชาชนเท่านั้น 4. แจกรอบเดียวเท่านั้น ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน

“หน้าที่ของผมคือการเปลี่ยนสิ่งที่ใครก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง วันที่ 14 พ.ค. นี้ ขอโอกาสให้เพื่อไทยได้เข้าไปจัดการกับศัตรูที่มีชื่อว่าความเหลื่อมล้ำและความยากจน” นายเศรษฐา ระบุ

‘ลุงตู่’ บุกชุมพร อ้อนชาวบ้าน บอก “รักจังฮู้ มาเพราะแรงคิดถึง” ปลุกพลังเงียบเลือก ‘รทสช.’ ลั่น!! หากได้เป็น รบ.ทุกอย่างจะดีขึ้น

‘ลุงตู่’ ขนแกนนำหาเสียงชุมพรคึกคัก ปลุกพลังเงียบออกมาใช้สิทธิ์ กา ‘รทสช.’ ทั้ง 2 ใบ ให้เข้ามาบริหารประเทศ สัญญาได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน

(10 พ.ค. 66) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการทำเนียบรัฐบาล สวมเสื้อพรรค รทสช.และรองเท้าสีครีมสดใส ลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดชุมพร ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน โดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค

โดยเมื่อมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดชุมพร อำเภอปะทิว มีประชาชนชาวประทิวสวมเสื้อสีเหลืองมาต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายภาพ จากนั้นจุดแรกเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางพบปะประชาชนในพื้นที่ตลาดประทิว เพื่อหาเสียงช่วย นายสันต์ แซ่ตั้ง ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 2 ชุมพร โดย พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นยืนปราศรัยบนรถแห่ กล่าวสวัสดีชาวชุมพร พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า การเรียนหนังสือสำคัญที่สุด เรียนแล้วต้องรู้จักคิดไม่อย่างนั้นจะถูกคนเข้ามาโกหก กล่อมเกลา ซึ่งอันตรายสำหรับบ้านเรา

ทั้งนี้ วันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ออกไปกาบัตรเลือกตั้ง อย่ากาผิด 2 บัตรสองใบ สีม่วงเบอร์ 12 สีเขียวเบอร์ 22 ต้องไปทั้งคู่ ให้ได้คะแนนเสียงซึ่งตนจะได้เข้ามาบริหารได้ ถ้าบริหารไม่ได้มันก็ลำบากในสภา วันนี้เราเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว เดินหน้าประเทศพร้อมกันไปกับตน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาบอกรักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ตนไม่เอา ตนเอารักมาก ๆ แต่รักนาน ๆ ด้วย 
รักคนใต้ วันนี้ที่มา มาเพราะแรงคิดถึง รักอย่างแรง รักแล้ว รักต่อ ก่อนจะแซวชาวบ้านว่าจะร้องเรียนอะไรหรอ เป็นรัฐบาลแล้วค่อยว่ากัน แต่คิดว่าหมดแล้ว 8 ปีที่อยู่มาเราต้องหาเงินเข้ากระเป๋าให้ได้ก่อน ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนให้ได้มากที่สุด

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถามประชาชนว่า “เห็นในทีวีทุกวันยังไม่เบื่อหรอ รูปในกล้องก็ใช้ไม่ได้ ทีวีเสีย ผมไม่หล่อ วันนี้มีเรื่องจะพูดเยอะแต่มันตื้นตัน รักจังฮู้ ที่มาเพราะแรงคิดถึง รักแรง ทั้งนี้ ทำมา 8 ปี ตนรู้ปัญหา คือต้องหาเงินเข้ากระเป๋าไม่อย่างนั้นทำไม่ได้ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด เงินกระเป๋าซ้ายก็ตุงขึ้นมาและจ่ายกระเป๋าขวาให้พวกเรา ดูแลสวัสดิการ ถ้าไม่มีสตางค์มันทำอะไรไม่ได้ มันดีแต่โม้กันทั้งนั้น”

พล.อประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้รักรวมไทยสร้างชาติ เราเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่รวบรวมคนเก่าและคนใหม่เข้ามา ทั้งหมดจะได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลอยู่ที่พวกเราทุกคน และช่วยกันไปเลือกตั้ง 14 พ.ค. ลากกันไปเลือกตั้ง เคาะข้างบ้านด้วย ใครไม่ไปชวนกันไป อนาคตประเทศไทยอยู่ที่มือของพวกเราทุกคน บ้านเมืองต้องมั่นคง สถาบันหลักของประเทศต้องมั่นคง ตนมีแต่ความจริงใจให้ท่าน ตนเป็นทหารเก่ามาทุ่มเททั้งชีวิตไปแล้วในการรักษาแผ่นดินผืนนี้ให้กับท่าน เราต้องช่วยกันรักษาต่อไปในสิ่งที่ดีงาม ถ้าอยากให้ตนเป็นนายกฯต้องเลือกกี่ใบ จำไว้ 2 เลข อย่าไปเดินชนอะไรแล้วลืมเบอร์ ช่วยกันส่งพลังเงียบออกมาได้หรือไม่ได้ ข้าราชการเกษียณว่าอย่างไร เราเป็นช้างป่วยหรือเปล่า เราเป็นช้างศึกไม่ใช่ช้างป่วย ทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินมาแล้วเท่าไหร่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการดี ๆ มีเยอะแยะไป ขอให้ช่วยกันทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง

จังหวะนี้ประชาชนตะโกนถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่างวดนี้ออกอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวถามกองสลากก่อน เขาเป็นคนหมุนเครื่องปั่น ผมไม่ได้ไปล้วงกับเขา ก็สุดแล้วแต่พวกเรา อย่าทุ่มเทมากนะ ตอนนี้รถมีหลายคันซื้อเบอร์กันทุกคัน เสียกันเยอะ” ขณะที่ประชาชนตะโกนว่า “ลุงตู่สู้ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ จึงชูกำปั้น พร้อมกล่าวว่า “สู้ตายๆ ไม่ใช่สิ สู้ไม่ตาย” พร้อมถามประชาชน “สู้ไม่สู้ๆๆ” ประชาชนกล่าวว่า “สู้ๆ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนคืออนาคตของประเทศไทย ร่วมกันก้าวเดินไปพร้อมกับลุงตู่ ตน ยืนยันถ้าได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน

‘จิรพงษ์’ เปลี่ยนป้ายหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำจุดยืน ไม่ขายตัว ปลุกความเชื่อมั่น ปชช. เลือก ‘เพื่อไทย’ ทั้งคนทั้งพรรค

‘จิรพงษ์’ เปลี่ยนป้ายหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำจุดยืน อุดมการณ์ ไม่ขายตัว ยึดมั่นในประชาชน ปลุกกาบัตรเลือก เพื่อไทย ทั้ง ส.ส.แบ่งเขต ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ

(10 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 2 เบอร์ 8 พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปลี่ยนป้ายหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งอีกครั้ง

โดยก่อนหน้านี้ นายจิรพงษ์ ได้จัดทำป้ายหาเสียงมาแล้ว 2 เวอร์ชัน ซึ่งเวอร์ชันแรกเป็นป้ายแนะนำตัว เวอร์ชันที่ 2 เป็นป้ายแนะนำนโยบายของพรรค พท. แต่ละนโยบาย และเวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันที่ 3 ย้ำถึงจุดยืน “ไม่ขายตัว ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ ยึดมั่นในประชาชน”

นายจิรพงษ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนป้ายโค้งสุดท้าย​ ตนต้องการย้ำอุดมการณ์​ว่า ไม่ว่าจะที่ผ่านมา วันนี้ หรือต่อไปในอนาคต ตนก็ยังจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน​ ที่เลือกตนให้มาเป็น​ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ตนไม่คิดขายตัว ไม่เคยย้ายพรรคไปไหน​ และเห็นว่า พรรค พท.คือคำตอบที่ทำให้ประชาชน​อยู่ดีกินดี มีเศรษฐกิจ​ที่ดี​

หากจะมีคนคิดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย​ แล้วคิดจะมาซื้อ​ ส.ส. โดยเฉพาะ​ ส.ส.เขต​ของ พท.คงยาก รับประกันได้เลยว่า ไม่มีใครยอม

ดังนั้น วัน​ที่​ 14​ พ.ค.​นี้​ ขอเขิญชวน​พ่อแม่พี่น้องมาลาจากความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่น เชื่อใจพรรค พท.อีกครั้งโดยการเข้าคูหา​ กาเพื่อไทยทั้งแบบแบ่งเขต​และบัญชีรายชื่อ

‘จุรินทร์-อภิสิทธิ์’ เตรียมปราศรัยโค้งสุดท้าย ลานคนเมือง 12 พ.ค.นี้ ชวนคนไทย เลือก ‘ปชป.’ เป็น รบ. พาประเทศเดินหน้าอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่ กทม.เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค.นี้ เวลา 17.00 น.พรรคประชาธิปัตย์ จัดปราศรัยใหญ่ ที่ลานคนเมือง นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพฯ, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานวัตกรรมการเมือง และตน พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกคับคั่ง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า การปราศรัยครั้งนี้จะเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ โดยจะเน้นเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศช่วยสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ ทั้ง ส.ส.แบบเขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การทำงานในสาขาวิชาชีพต่างๆ พร้อมทั้งการทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ จะชี้ให้เห็นถึงนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนกลุ่มต่างๆ และเป็นนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้จริงทันทีที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ที่จะชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทยว่า จะเดินไปทางไหน โดยพรรคประชาธิปัตย์จะชี้ให้เห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การเมืองเข้าสู่จุดเข้มข้นจนอาจถึงทางตัน แต่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะช่วยสร้างทางรอดให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการยึดมั่นในการทำงานบนความซื่อสัตย์สุจริต เชื่อมั่นว่า การปราศรัยใหญ่ครั้งนี้จะมีส่วนทำให้ประชาชนพร้อมจะตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาทำงานรับใช้ประชาชนอย่างท่วมท้นแน่นอน” นายองอาจ กล่าว

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สมุทรปราการ ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 8 เขตของจังหวัดสมุทรปราการ ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้

>>เขต 1 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.บางโปรง ต.บางด้วน ต.บางเมือง ต.ท้ายบ้าน และ ต.ปากน้ำ)
>>เขต 2 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.บางปู ต.บางปูใหม่ ต.แพรกษา และ ต.ท้ายบ้านใหม่)
>>เขต 3 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.เทพารักษ์ ต.สำโรงเหนือ และ ต.บางเมืองใหม่)
>>เขต 4 อำเภอบางพลี (เฉพาะ ต.บางพลีใหญ่ และ ต.บางแก้ว)
>>เขต 5 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.แพรกษาใหม่) อำเภอบางพลี (เฉพาะ ต.บางปลา ต.บางโฉลง ต.ราชาเทวะ และ ต.หนองปรือ) และอำเภอบางเสาธง (เฉพาะ ต.ศีรษะจรเข้น้อย)
>>เขต 6 อำเภอพระประแดง (ยกเว้น ต.บางจาก)
>>เขต 7 อำเภอพระประแดง (เฉพาะ ต.บางจาก) และอำเภอพระสมุทรเจดีย์
>>เขต 8 อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง (เฉพาะ ต.บางเสาธง และ ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่)

‘มณีรัตน์’ ชู ปลดล็อกค้าขายออนไลน์-ลดค่าขนส่งระหว่างประเทศ หวังติดปีก e-Commerce ดันผู้ค้ารายย่อย-สินค้าไทยสู่ตลาดโลก

เมื่อไม่นานนี้ น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หมายเลข 6 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ถึงเรื่องการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยระบุว่า…

ปัจจุบันการซื้อสินค้าจากประเทศจีนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ค้าจีนสามารถส่งส่งสินค้ามาถึงผู้ซื้อในไทย ค่าส่งเพียง 20 บาท!! เขาทำกันได้อย่างไร??

ค่าส่งสินค้าที่สูงเป็นปัญหาใหญ่ ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไทยกำลังประสบกันอยู่ เพราะบางครั้งค่าส่งสินค้าภายในประเทศยังเสียค่าส่งแพงกว่านี้!!

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจค้าปลีก e-Commerce ของจีนจนสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จีนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ คือ ค่าขนส่งสินค้าไปต่างประเทศที่ถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทำให้ผู้ค้าจีนได้เปรียบผู้ค้าประเทศอื่น ๆ ด้านราคาเมื่อคิดรวมค่าขนส่งกับค่าสินค้าเข้าด้วยกัน โดยรัฐบาลจีนให้ความช่วยเหลือผู้ค้าในส่วนนี้ โดยการสนับสนุนค่าส่งสินค้าไปต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม, ผลักดันเรื่องการบริหารจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ, ควบคุมราคาค่าส่งสินค้าให้มีความเหมาะสม, ร่วมกับการเจรจาลดหย่อนภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้า

ในทางกลับกันประเทศไทยมีสินค้าไทย ที่ได้รับความที่นิยมจากลูกค้าชาวจีนและประเทศอื่น ๆ จำนวนมาก แต่หากคนไทยขายของออนไลน์ส่งไปต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน กลับต้องเสียค่าขนส่งสูงกว่าจากจีนมาไทยหลายเท่า เป็นปัญหาที่ดับฝันโอกาสทางธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อยชาวไทย ในการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มไปสู่ตลาดโลกอย่างสิ้นเชิง

ในครั้งนี้หากได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ประเด็นการค้าขายออนไลน์ เป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะผลักดัน โดยหนึ่งในนั้นคือ การปลดล็อก ลดค่าขนส่งสินค้ารายย่อยระหว่างประเทศ เพื่อติดปีก e-Commerce ไทย สนับสนุนให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล

‘กรณ์’ ลุยปราศรัยพัทลุง ปลื้ม!! กระแสแรงแซงพรรคใหญ่ ขอโอกาสคนเมืองลุง หนุน ‘ชพก.’ เข้าสภาฯ แก้ปัญหาให้ ปชช.

(8 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค, นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อกขวัญใจชาวใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สงขลา และทีมผู้สมัคร จ.สงขลา ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต1, ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ เขต 3 และทนายอาร์ม นายพงศธร สุวรรณรักษา เขต 9 ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงทางการเมืองช่วยนายธนากร บุญสนิท ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 2 โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกันอย่างคึกคัก

นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ภูมิใจมาก เพราะกระแสในพื้นที่คะแนนของนายธนากรมาแรงแซงพรรคใหญ่ โดยพรรคชาติพัฒนากล้า แม้จะเป็นพรรคใหม่ และผู้สมัครก็หน้าใหม่เกือบทั้งหมด พวกเราตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชน ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ ก็มักจะมีพี่น้องประชาชนมาฝากให้พวกเราเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟ ราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งตราบใดที่พี่น้องยังมีแรง มีเรื่องฝากให้เราทำ แสดงว่าพวกท่านยังมีความหวัง มีความเชื่อและศรัทธาเรา ไม่เช่นนั้นคงไม่เสียเวลา และนี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเรามุ่งมั่น และทุ่มเทที่ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

นายกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ตนอยู่ใต้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนรู้สึกชื่นใจที่สุด เดินไปเจอใครก็บอกจะเลือกพรรคชาติพัฒนากล้าแน่ เพราะเป็นพรรคแนวกลาง แนวเศรษฐกิจ เดินทางการเมืองในแนวทางที่ใสสะอาด แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีอีกหลายคนที่แม้จะอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย อีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งแล้ว แต่ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเลือกยังไงดี เพราะกระแสหลักทางสื่อผลักให้อยู่ใน 2 ขั้ว เหมือนถูกยัดเยียดให้เลือกในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เพื่อหนีสิ่งที่เขากลัว เขาไม่ต้องการเปลี่ยนประเทศ แต่ต้องการเปลี่ยนทิศทางของประเทศ ซึ่งตนได้ตอบไปว่า การเมืองมันมีทางเลือกแน่นอน และทางเลือกนั้นคือ ชาติพัฒนากล้า แม้เราจะไม่ใช่พรรคใหญ่ และเป็นพรรคใหม่ แต่ก็เชื่อว่า ใหญ่ เล็ก ใหม่ เก่า ไม่สำคัญ เท่าขนาดของหัวใจ ประชาชนให้โอกาสเรามาแล้ว ทุกนโยบายที่เรานำเสนอ มุ่งเป้าทำให้เศรษฐกิจปากท้องดีขึ้น และเราก็สู้มาตลอด

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นนักสู้ โดยยึดหลักเสรีนิยมประชาธิปไตย เราพร้อมทำงานกับทุกคน เราไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่ใครก็ตามที่จะเป็นนายก ต้องรวบรวมเสียงข้างมากในสภาฯ ที่ประชาชนเลือกมา เราไม่เห็นด้วยที่จะใช้เสียง สว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ประชาชนต้องเป็นคนเลือก สว.เลือกนายกได้แต่โหวตกฎหมายในสภาไม่ได้ นอกจากนี้ เรายังยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะสู้ เพื่อความมั่นคงในสถาบันหลักของประเทศ ม.112 ต้องมี และเราได้เสนอทางออกให้สังคมด้วยการตั้งคณะกรรมการกรองคำร้องเรียน เพื่อไม่ให้กฎหมายเป็นประเด็นขัดแย้งในสังคม เราเป็นพรรคแรกที่ยืนยันแนวทางนี้

เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ค่าไฟ เราก็มายืนหยัดสู้กับทุนใหญ่ ซึ่งเป็นทุนผูกขาด นอกจากนี้เรื่องเราได้รับการร้องขอให้ช่วยมากที่สุดคือ การยกเลิกแบล็กลิสต์ ที่ทำให้หลายคนขาดโอกาสในการทำกิน อีกนโยบายที่โดนใจชาวบ้านคือการ ‘หวยจังหวัด’ โดยการเพิ่มรางวัลให้กับประชาชนผู้ซื้อลอตเตอรี่  3 รางวัล ๆ ละ 1 ล้านบาท ในทุกงวด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เลือกพรรคเราไม่ผิดหวัง เราทำได้แน่นอน ทุกนโยบายเราศึกษามาแล้วอย่างละเอียด ทุกคะแนนที่ท่านให้กับพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นการเติมพลังให้กับสังคมและบ้านเมือง ทุกคนยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

‘กรณ์’ ฝ่าฝนขึ้นปราศรัย มั่นใจ!! ปชช.เทคะแนนหนุน ‘จูรี’ เข้าสภาฯ ลั่น!! ‘ชพก.’ ขอส่งลูกชาวบ้านสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สงขลา

(9 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า จัดเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ณ บริเวณ สี่แยกสะพานดำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เลือกตั้งของ นายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต็อกชื่อดัง ขวัญใจคนใต้ ผู้สมัครพรรคชาติพัฒนากล้า เขต 2 เบอร์ 8 ผู้ที่มีคะแนนนิยมอย่างล้มหลามจากกระแสทั้งชุมชนและออนไลน์ โดยมีแกนนำพรรคนำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ร่วมด้วย ผู้สมัคร ทั้ง 3 คน ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 3 ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 3 และทนายอาร์ม สุวรรณรักษา ผู้สมัครเขต 9 เบอร์ 8 มาให้การสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางประชาชนที่เข้ารับฟังอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก แต่ประชาชนก็ยังปักหลักฟังการปราศรัยไม่ถอย โดยจูรี กล่าวปราศรัยท่ามกลางสายฝน โดยมีนายกรณ์กางร่มให้ สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมฟังปราศรัยเป็นอย่างมาก
.
โดยนายจูรี กล่าวว่า วันนี้ฟ้าฝนมาพรมน้ำมนต์ให้ความเป็นสิริมงคล ว่าเราได้ทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง เราไม่ได้มาทำอะไรที่จะนำไปสู่การทุรยศ อัปรีย์ จัญไร ให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง มั่นใจตนจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน จ.สงขลา ให้เกิดขึ้นได้ เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนเขต 2 จะส่งลูกชาวบ้านเข้าสภาฯ ได้อย่างแน่นอน
.
นายจูรี กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างลูกชาวบ้านกับเงิน และอิทธิพลมากมาย ป้ายหาเสียงของตนถูกทำลายเกือบทั้งหมด ในคูหาภาพก็หาย โดนแม้กระทั่งมีคนเอาเงินไปแจกชาวบ้านหัวละ 200 แล้วบอกว่าเป็นเงินของจูรี ตนขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อทวด หลักบ้านหลักเมือง จ.สงขลา ว่าหากตนใช้เงินซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว ขอให้ตายโหงไปเลย แต่ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เบอร์ 8 อยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชนแล้ว ตนจะทำให้การเมืองบริสุทธิ์จะเกิดขึ้นที่ จ.สงขลา วันที่ 14 พฤษภาคม เขต 2 สงขลา กาเบอร์ 8 หักปากกาเซียน ด้วยปากกาของพี่น้องประชาชน เพื่อให้วันที่ 15 พฤษภาคม ข่าวออกไปทั่วประเทศว่า การเมืองบริสุทธิ์ใสสะอาด เกิดขึ้นที่ หาดใหญ่ จ.สงขลา
.
นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้พี่น้องประชาชนสุดยอดจริง ๆ ตนได้เห็นแววตา เห็นรอยยิ้ม เห็นหัวใจของพี่น้องทุกคน ทำให้มั่นใจว่า วันที่ 14 พฤษภาคม เราจะได้สรางประวัติศาสตร์ร่วมกันอย่างแน่นอน ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ร่วมหาเสียงกับจูรีมาหลายครั้ง เจอทั้งแดด ทั้งฝน แต่เพราะตนรักคนหาดใหญ่ อยากให้ได้ ส.ส.คุณภาพอย่างนายจูรีเข้าไปทำงาน เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน เพราะหากสภาฯ ได้ผู้แทนแบบจูรี และเพื่อนผู้สมัคร อีก 3 คน ใน จ.สงขลา ของพรรคชาติพัฒนากล้า การเมืองไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า จ.สงขลา มี 9 เขต แต่เราส่งผู้สมัคร แค่ 4 เขต ทั้งที่ความจริงเราจะส่งครบก็ได้ แต่เพราะเราเลือกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง สร้างการเมืองที่ใสสะอาดให้กับ จ.สงขลา เราจึงส่งคนที่เราคิดว่าจะสามารถเดินไปสู่จุดหมายเดียวกันได้
.
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้ตนมั่นใจว่าเรายืนในจุดที่ถูกต้อง จึงขอให้ประชาชนเลือกคนที่รัก คนที่เราศรัทธา ท่ามกลางการเมืองที่พยายามปั่นกระแส สร้างความเกลียด สร้างความกลัว ให้พวกเราอึดอัดสับสน ว่าจะเลือกใครดี ตนขอบอกว่า สูตรสำเร็จทางการเมือง คือ ทำให้พวกเรากลัว ทำให้เกลียด ทำให้หลงรักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนโดนมาตลอด เคยยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถูกหาว่าเป็นเผด็จการ ทั้งที่ท่านก็ได้เสียงมากกว่าคู่แข่งทุกคน พอขึ้นเวทียิ้มให้นายพิธา ก็โดนกล่าวหาว่าติ่งส้ม มันมีความพยายามที่จะแบ่งคนเป็นขั้ว เพื่อให้พวกเราเลือกตามขั้ว แทนที่เราจะเลือกคนอยากเลือก แทนที่เราจะเลือกนโยบายที่เราอยากได้ เราถูกบังคับให้เลือกใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ
.
“วันนี้ผมมั่นใจ เห็นด้วยใจ ด้วยสายตาของทุกท่าน ว่าท่านเลือกจูรี แน่นอน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ติดกับดักว่า ถ้าเขาเลือกแล้ว ใครจะมา คนที่เขากลัวจะชนะหรือเปล่า ผมขอบอกว่า ผมทำงานการเมืองมาเกือบ 20 ปี ในแต่ละยุค แต่ละสมัย เราจะได้นักการเมืองแห่งอนาคต ที่ชาวบ้านสามารถฝากความหวังไว้ได้ ยุคละไม่เกินคนสองคน ผมไม่เคยเห็นใครที่เป็นร่างทรงที่แท้จริงของชาวบ้าน ฝ่าด่านอุปสรรคความยากจน สะสมความรู้ ประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ  มากกว่าผู้สมัครคนอื่นทุกพรรค จึงขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยผลักดันจูรี ให้มีโอกาสเข้าไปทำงานในสภาฯ นี่คือ เพชรน้ำงามของ จ.สงขลา ที่ทั้งชีวิตอาจจะไม่มีใครน่าเลือกไปกว่านี้อีกแล้ว” นายกรณ์ กล่าว
.
ด้านนายอรรถวิชช์ ก็ได้ร่วมฝ่าสายฝน เพื่อให้กำลังใจนายจูรี และผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 คน โดยระบุว่า ฝนตกก็หยุดเราไม่ได้ ขอให้เชื่อในสิ่งที่เราทำ วันนี้พิสูจน์แล้วว่า เราได้เดินมาในหนทางที่ถูกต้องแล้ว และเชื่อว่าการเมืองที่ใสสะอาด จะเกิดขึ้นได้ ขอให้พี่น้องประชาชน ส่งลูกชาวบ้านเข้าสภาฯ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นที่ จ.สงขลา

‘รัฐบาลลุงตู่’ ก่อหนี้ไม่สูญเปล่า

ที่ผ่านมา ‘รัฐบาลลุงตู่’ ก่อหนี้…แต่ไม่สูญเปล่า

กู้ 3 ล้านล้าน สร้างความเจริญ
>> ถนนจาก 4,000 กม. เป็นกว่า 10,000 กม.
>> รถไฟฟ้าสารพัดสี จากเดิมมีแค่ 2 สาย (บนดิน-ใต้ดิน)
>> รถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง
>> พัฒนาขนส่งทางน้ำ
>> พัฒนาขนส่งทางอากาศ

รู้หรือไม่?
หนี้สาธารณะที่บางคนบอกว่า ‘เพิ่มสูงขึ้น’ นั้น ต้องดูว่าการเพิ่มขึ้นไม่ใช่การกู้มาแจก แต่กู้มาลงทุน นั่นเพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ลงทุนแบบนี้มานานมากแล้ว

ชัยวุฒิ’ ชู!! นโยบายการศึกษา มุ่งพัฒนา ‘ภาษา-ดิจิทัล’ ด้าน นักศึกษา มศว ปลื้ม ‘พี่โอ๋ ตัวตึง’ เป็นกันเองกว่าที่คิด

‘ชัยวุฒิ’ ร่วมเสวนานโยบายการศึกษา ระบุชัด ความจริงมีเรื่องเดียว แต่ได้รับข้อมูลไม่ตรงกัน จึงมีความเห็นต่าง พปชร.ขออาสาประสานให้ทุกฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้ เพื่อพัฒนาประเทศและระบบการศึกษาไทย ด้านนักศึกษา มศว ปลื้ม ‘พี่โอ๋ ตัวตึง’ เป็นกันเองกว่าที่คิด ให้ถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด 

(9 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมเสวนาทางการเมือง ซึ่งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จัดขึ้นในหัวข้อ นโยบายด้านการศึกษาและสังคม ณ สนามกีฬากลาง ม.ร.ว.จุรีพรหม กมลาศน์ (มศว ประสานมิตร) โดยมีตัวแทนจาก ทั้งหมด 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม

ทั้งนี้ ได้กล่าวถึงนโยบายระบบการศึกษาว่า ส่วนมากหลายพรรคการเมืองมักไม่ค่อยพูดถึงเรื่องการศึกษาในเวทีดีเบตต่างๆ เท่าที่ควร เนื่องจากเป็นนโยบายที่ไม่ค่อยมีความขัดแย้งทางความคิดกันมากนัก หลายๆ พรรคมักจะมีนโยบายเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดโอกาส การเรียนเสริมด้านภาษา เทคโนโลยีและดิจิทัล ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการพัฒนามาโดยตลอด เพราะไม่ต้องใช้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนึ่งปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ การขาดแรงงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ ‘STEM’ ที่ค่อนข้างมีน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และเรื่องของภาษาก็มีส่วนสำคัญ ที่ต้องพัฒนา เพราะมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้ามาเปิดโรงงาน หรือ ฐานการผลิตภายในประเทศ 

ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษา ระหว่างพื้นที่ห่างไกลกับเขตเมือง ซึ่งยังคงมีคุณภาพที่แตกต่างกันอยู่ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข โดยทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไข ให้โอกาสเด็กๆ ทั้งประเทศได้มีความเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษา

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายในการเสวนาครั้งนี้อีกด้วยว่า เห็นด้วยกับหลายนโยบายด้านการศึกษาของพรรคต่างๆ ที่มาร่วมเสวนาในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ เรื่องของการเมืองนั้นไม่ได้สำคัญแค่เรื่องนโยบาย แต่สำคัญที่ว่า หากพรรคนั้นได้เป็นรัฐบาลแล้ว สามารถทำให้รัฐบาลมีสเถียรภาพได้หรือไม่ ทำงานได้ บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าได้ โดยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ขออาสาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง บางเรื่องสามารถคิดต่างกันได้ เห็นไม่ตรงกันได้ แม้ความจริงจะมีอยู่เรื่องเดียว แต่รับข้อมูลมาไม่เหมือนกันก็เกิดเป็นความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐจึงสามารถประสานให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยทำความเข้าใจกันได้ หาทางออกแก้ไขร่วมกัน จับมือไปด้วยกัน ให้ประเทศไทย เป็นบ้านเมืองที่น่าอยู่ตลอดไป

ด้าน ‘น้องมังกร’ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มศว ปี 1 นักศึกษาที่มาร่วมรับฟังการเสวนา ได้สะท้อนมุมมองที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ว่า รู้สึกปลื้มใจ ไม่คิดว่าจะเป็นกันเองมากขนาดนี้ จากที่เห็นภาพลักษณ์ตามเวทีดีเบตต่างๆ ที่ได้ฉายา ‘ตัวตึง’ คิดว่าจะเข้าถึงได้ยาก แต่กลับกัน เป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ขอถ่ายรูปก็ได้ถ่ายด้วยอย่างใกล้ชิด จึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่มาร่วมในการเสวนา และให้ความรู้ในวันนี้

‘กกต.’ ร่อนหนังสือกำชับ ผอ.กกต. ทุกจังหวัดทั่วประเทศ คุมเข้มเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ย้ำ!! ทำงานรอบคอบ กันผิดพลาดซ้ำ

(9 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพมหานคร เรื่องกำชับการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ว่าในการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพรวมของการจัดการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ปรากฏข้อมูลตามสื่อต่างๆ พบความผิดพลาดในการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการประจำที่เลือกตั้งกลางหลายแห่ง ดังนั้น เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 14 พ.ค.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

ในการอบรมคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ให้เน้นย้ำการปฎิบัติหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความรอบคอบและถูกต้องตามกฏหมาย ระเบียบ ประกาศ และแนวทางที่ กกต.กำหนด คู่มือปฎิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่พนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด หากมีเหตุการณ์ใดให้บันทึกลงในรายงานเหตุการณ์ประจำที่เลือกตั้ง ส.ส.

การดำเนินงานในวันเลือกตั้ง ก่อนเปิดการลงคะแนน ให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งตรวจสอบความถูกต้องของป้ายปิดประกาศให้ครบถ้วน และเมื่อเสร็จสิ้นการนับคะแนน ให้รีบดำเนินการรายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการโดยเร็ว

กำชับการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการประจำเขตเลือกตั้งและผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และแนวทางที่ กกต.กำหนด โดยให้ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดและกรุงเทพฯ ปฎิบัติหน้าที่ในการอำนวยการจัดการเลือกตั้งด้วยความเข้มแข็งและรับผิดชอบ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง และผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อขัดข้องในการปฎิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ ในกรณีเกิดเหตุจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอย่างอื่นในวันเลือกตั้ง และมีผลกระทบต่อการออกเสียงลงคะแนน หรือการนับคะแนนให้รายงานเหตุดังกล่าวต่อสำนักงาน กกต.โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายของหนังสือ ยังระบุว่า ได้แจ้งรายชื่อและเลขโทรศัพท์ของผู้บริหารและฝ่ายที่รับผิดชอบ เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงาน และแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ไปให้กับผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดด้วย

‘สกลธี’ ย้ำ!! พปชร. ไม่จับมือพรรคแก้ ม.112 เตือน!! ต่างชาติหยุดแทรกแซงเลือกตั้ง

‘สกลธี’ ลงพื้นที่เขตบางกอกใหญ่ ช่วยหาเสียง ‘ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เบอร์ 6 ย้ำจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้ง วอน กกต.ลดความผิดพลาด อย่าให้เป็นเงื่อนไข เตือนต่างชาติหยุดแทรกแซงการเลือกตั้ง

(9 พ.ค. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคฯ ลงพื้นที่ลานออกกำลังกาย คลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช), เขตบางกอกใหญ่, เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง), เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง), เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) หมายเลข 6 เพื่อพบปะประชาชน

นายสกลธีกล่าวว่า ในย่านนี้จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะมีความน่าสนใจที่เป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรื่องราวในชุมชนมากมายที่สามารถนำมาสร้าง Story ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านมาช่วยพัฒนาจุดนี้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่นี้ต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้ไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่ามีทหารและผู้อยู่เบื้องหลังการเลือกตั้ง และใช้อำนาจกดดันไม่ให้พรรคฝ่ายค้านหาเสียงนั้น นายสกลธีกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างวาทกรรมแบบนี้ เพราะประเทศกำลังเดินหน้าตามแนวทางประชาธิปไตย ทุกคนลงเลือกตั้งด้วยกติกาเดียวกัน ตนก็เห็นข่าวฝ่ายค้านหาเสียงอยู่ตลอด หรือเวลาตนลงพื้นที่ก็เจอพรรคฝ่ายค้านเดินอยู่ใกล้ๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบ อยู่ที่ใครจะตั้งใจหาเสียงหรือตั้งใจจะสร้างประเด็นการเมืองมากกว่า และขอเรียกร้องไปยัง กกต.ให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งอย่างระมัดระวัง อย่าให้เกิดความผิดพลาดเหมือนการเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะอาจถูกยกมาเป็นเงื่อนไขต่อไป

ส่วนกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ เสนอมติเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสิทธิในการชุมนุมนั้น นายสกลธีกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างชัดเจน มารยาททางการทูตเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องมี และกฎหมายที่คุ้มครองประมุขของรัฐฯ และการกำหนดสิทธิขอบเขตการชุมนุมก็มีอยู่ในทุกประเทศ ดังนั้น ประเทศอื่นๆ ต้องระวังไม่ให้มีการแทรกแซงการเลือกตั้งจากต่างประเทศ

“พรรคพลังประชารัฐย้ำมาตลอด ว่าเรามีจุดยืนที่จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112 เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้นหรือจนลง ควรมองไปที่นโยบายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น ดังนั้น ถ้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเขาแล้วต้องเอาอันนี้ด้วย แล้วทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เราไม่เอาแน่นอน รวมถึงเรื่องนโยบายที่เอาไปใช้แล้วประเทศล่มจมทางเศรษฐกิจ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน” นายสกลธี กล่าว

ด้าน ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสามารถนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แม้ลุงป้อมจะโดนบูลลี่ล้อเลียนอย่างไรก็ไม่เคยตอบโต้ เพราะท่านเห็นคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน สิ่งที่ลุงป้อมคิดมีเพียงจะทำให้ลูกหลานทำให้ประเทศชาติเท่านั้น จึงอยากขอฝากทุกคนในเขตเลือกตั้งที่ 32 บัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 บัตรสีเขียวทั่วประเทศกาเบอร์ 37 ด้วย

‘ก้าวไกล’ ร้อง ‘กกต.’ เปิดข้อมูลผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ารายเขต แนะ ถอดบทเรียน ป้องกันข้อความผิดพลาดก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้

(9 พ.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต.ขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ว่า

ประเด็นที่ 1 เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ขณะที่แต่ละจังหวัดได้แถลงข้อมูลว่า มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนเท่าไร เดินทางมาใช้สิทธิ์จริงเป็นจำนวนเท่าไร ซึ่งบางเขตมีผู้มาใช้สิทธิ์ตั้งแต่ 90% จนถึง 100% แต่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเปิดเผยข้อมูลว่า มีผู้เดินทางมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนเกิน 100% ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะออกมาแก้ไขจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ที่ถูกต้อง ซึ่งส่วนตัวยอมรับได้ ซึ่งปัญหาหลังการเลือกตั้งล่วงหน้านั้น ตนก็ยังไม่รู้ว่ามีผู้เข้ามาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งในและนอกเขตเป็นจำนวนเท่าไร โดยตนอยากให้ กกต.แจ้งรายละเอียดเป็นรายเขต ทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง และมีผู้มาใช้สิทธิ์จริงเป็นจำนวนเท่าไร

อีกทั้ง กรณีซองไปรษณีย์สำหรับใส่บัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ก็อยากทราบเหมือนกันว่า เมื่อแยกเป็นเขตแล้วมีจำนวนเท่าไร ซึ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งกรณีความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลต่าง ๆ ลงบนซองไปรษณีย์นั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งปัญหาดังกล่าว กกต.ได้ออกมาชี้แจงแล้ว แต่ถ้าไม่ได้จัดทำรายละเอียดตามที่ตนระบุ จะไม่ทราบว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ และมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนเท่าไร รวมถึงการส่งไปรษณีย์กลับไปนับคะแนนเป็นจำนวนเท่าไร บัตรจะตรงกับผู้ใช้สิทธิ์หรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันเล็กน้อยก็อาจจะเกิดความผิดพลาดที่ไม่มาก แต่ถ้าไม่ตรงกันเป็นจำนวนมาก ก็จะมีข้อสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.น่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง

ประเด็นที่ 2 ถ้าดูตามระเบียบของ กกต.จะต้องประกาศเรื่องการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในนอกเขต และจะต้องประกาศว่า จะมีการนับคะแนนที่ใดไม่น้อยกว่า 10 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. แม้ว่าทางการเมืองจะทราบแล้วว่า กกต.ได้มีการประกาศจำนวนผู้เดินทางมาใช้สิทธิ์แล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้ประกาศลงในเว็บไซต์ และยังตรวจพบว่า การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในบางจังหวัด ซึ่งไม่ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้ทั้งตัวแทนพรรคการเมือง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ภาคประชาชน และผู้สังเกตการณ์จะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องของการนับบัตรทั้งในและนอกเขต รวมถึงนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะทำให้ผู้สังเกตการณ์ไม่สามารถรู้ถึงสถานที่นับคะแนน

ประเด็นที่ 3 ทราบว่าทั้งประเทศมีหน่วยเลือกตั้งเกือบแสนหน่วยตามที่ กกต.ได้ประกาศ แต่ไม่มีรายละเอียดที่ลงไว้ในเว็บไซต์ทั้งในส่วนกลาง และต่างจังหวัดที่ไม่ได้ลงข้อมูลดังกล่าว ทำให้ประชาชนไม่ทราบว่าหน่วยเลือกตั้งของตนเองอยู่ที่ไหน

โดยทั้ง 3 ประเด็นตนขอให้สำนักงาน กกต.ได้จัดทำข้อมูลดังกล่าวเป็นรูปแบบของไมโครซอฟต์ เอกซ์เซล เพื่อชี้จุดว่า เลือกตั้งอยู่ที่ไหน รวมถึงหน่วยเลือกตั้งกว่าแสนหน่วยนั้นอยู่ที่ใดบ้าง โดยขอให้ กกต.ส่วนกลางได้แจ้งพื้นที่ เพื่อประกาศข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนทราบต่อไป

เมื่อถามว่า กรณีความผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้าที่เกิดขึ้น มีทั้งภาคประชาชนและการเมืองบางส่วน ออกมาเรียกร้องว่าให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะเพื่อความโปร่งใส นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าจะเป็นโมฆะหรือไม่ ต้องดูข้อเท็จจริงในหลายปัจจัย ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับการร้องเรียนในขั้นตอนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่พบ เป็นเพียงความผิดพลาดส่วนบุคคล ส่วนตัวมองว่ากรรมการประจำหน่วยอาจจะเกิดความไม่เข้าใจแม้จะมีการอบรม เมื่อ กกต.ทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว ก็จะควรเร่งทำความเข้าใจ โดยส่วนตัวมาว่าเร็วไปถ้าทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะ ซึ่ง กกต.มีเวลาแก้ไขก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เดินหน้าไปดีกว่า

ส่วนรายละเอียดเรื่องที่จะฟ้องร้อง กกต.หรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล ซึ่งเบื้องต้นพบเพียงว่าเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ ใช่ปัญหาความตั้งใจของ กกต.หรือระเบียบข้อกฎหมายที่จะส่อไปได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีใครที่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนั้นเป็นไปหรือไม่ ยอมรับว่า พรรคก้าวไกลเป็นผู้ที่เสียหาย และเสียผลประโยชน์ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องรวบรวมข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่าจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลหรือไม่ หากมีข้อมูลหรือมีหลักฐานที่ส่อว่าเป็นไปตามนั้นก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ แต่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับนโยบาย คือ กกต. ส่วนตัวย้ำว่า กกต.ชุดนี้มีประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แล้ว ซึ่งผ่านมาแล้ว 4 ปี ถ้าหากทำให้เกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้ง กกต.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

‘มาร์ค-ตั๊น’ อ้อนคนพังงา หนุน ‘ปชป.’ สานงานพัฒนาใต้ต่อเนื่อง ชี้ โค้งสุดท้ายซื้อเสียงดุ จี้!! กกต.ทำงานเชิงรุก เรียกความเชื่อมั่น ปชช.

(9 พ.ค. 66) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรคฯ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่เพื่อรณรงค์หาเสียงให้ นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พังงา เบอร์ 1 ที่เทศบาลเมืองพังงา โรงเรียนบ้านกระโสม โรงเรียนบ้านบางจัน และตลาดโคกกลอย จังหวัดพังงา

โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่าพี่น้องชาวพังงาจะให้การตอบรับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง โดยเฉพาะนางกันตวรรณ ที่ทำงานในพื้นที่มาอย่างยาวนาน และดีใจที่พี่น้องประชาชนยังเข้ามาทักทายแสดงความผูกพันกับพรรค เชื่อว่าประชาชนเห็นการทำงานมาตลอด และพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ขอเน้นย้ำให้เลือกพรรคการเมือง เลือกนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยึดถืออุดมการณ์นี้มาโดยตลอด

ด้าน น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า ประสบการณ์การทำงานของนางกันตวรรณ กว่า 22 ปี เป็น ส.ส. 5 สมัยที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงที่สุดในประเทศ เมื่อปี 54 ล่าสุดยังได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการการ (กมธ.) เกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ที่พูดจริงทำจริง ร่วมคิดร่วมทำ มีผลงานทำงานเพื่อชาวพังงา ทั้งหมดนี้การันตีในตัวเองแล้ว จึงเชื่อมั่นว่าพี่น้องชาวพังงาจะให้โอกาสเลือกนางกันตวรรณอีกครั้ง เพราะเรามีความผูกพันกันอย่างยาวนาน เพื่อพัฒนาจังหวัดพังงาสู่ความยั่งยืน

“ขณะนี้ทราบว่าบางจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงรุนแรงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง จึงขอฝากถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าไปดูแลตรวจสอบในเชิงรุก สร้างความเชื่อมั่น และขอให้ประชาชนช่วยกันรณรงค์ต่อต้านการทุจริต ไม่ขายสิทธิ์ ไม่ซื้อเสียง ไม่โกง หากอยากได้รัฐบาลดีต้องได้ผู้แทนฯ ที่ดี อยากได้รัฐบาลซื่อสัตย์ ก็ต้องได้ผู้แทนฯ ที่ซื่อสัตย์ ตั๊นจึงมั่นใจว่าพี่น้องชาวพังงาที่มีศักดิ์ศรี จะเข้าคูหากาพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 2 ใบ” น.ส.จิตภัสร์ กล่าว

‘อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น!! เลือกเพื่อไทยไม่ต้องลุ้น ประเทศไทยเปลี่ยนทันที

‘อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น!! เลือกเพื่อไทยไม่ต้องลุ้น ประเทศไทยเปลี่ยนทันที

“เลือกเพื่อไทยไม่ต้องลุ้น ประเทศไทยเปลี่ยนทันที”

แพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top