Thursday, 16 January 2025
SPECIAL

‘มณีรัตน์-ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย ‘ส่งเสริมอาชีพคนรุ่นใหม่’  หนุนผู้ค้าธุรกิจออนไลน์ พร้อม 'ลดค่าขนส่ง-ลดภาษี' 

(11 พ.ค. 66) น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตพระโขนง บางนา หมายเลข 6 พรรคภูมิใจไทย พูดถึงประสบการณ์การทำงานตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตอนนี้ตนอายุ 40 แล้ว พร้อมเสนอนโยบายส่งเสริมอาชีพคนรุ่นใหม่ และมุ่งเน้นนโยบายต่อเนื่อง โดยระบุว่า…

“อายุ 40 ล่ะ ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้วค่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เป็น 20 ปีที่มีคุณค่ามากๆ ถ้าเราก้าวข้ามเรื่องการทะเลาะกัน ทำทุกอย่างโดยใช้เวลา 20 ปีนี้ ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน”

ต่อข้อคำถาม “จุดยืน และแนวทางการทำงานการเมือง” น.ส.มณีรัตน์ กล่าวว่า “เราอยากทำการเมืองสร้างสรรค์ เราเรียกตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่คือคนที่จะต้องทำงานได้กับทุกคน ผูกมิตร และก็ทำเพื่อประชาชน ให้มีผลลัพธ์ ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงผ่านนโยบายต่างๆ ส่งผลไปถึงคนในพื้นที่ของเรา โดยเฉพาะในเขตพระโขนง” 

“พรรคภูมิใจไทย มุ่งเน้นเรื่องนโยบายต่อเนื่องและสัญญาที่จะทำด้านสาธารณะสุข ต่อยอดนโยบายศูนย์ฟอกไตฟรี ซึ่งก่อนหน้านี้การฟอกไตของเราฟรีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะทำต่อจากนี้ก็คือให้มีศูนย์ฟอกไต ทุกเขต ทุกอำเภอ ล่นระยะเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนที่ต้องพาผู้ป่วยไป”

เข้าใจหัวอกคนวัยทำงาน…ในการที่จะออกไปทำงาน ค่าเดินทางเป็น Cost เป็นต้นทุนอย่างนึงของทุกคน เพราะฉะนั้นเนี่ย ถ้าได้มีโอกาสเข้าไปทำงาน ก็อยากจะผลักดันให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย ลดความทุกข์พี่น้องประชาชนคนเมือง

พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายส่งเสริมอาชีพคนรุ่นใหม่ โดย น.ส.มณีรัตน์ กล่าวว่า “พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำที่อยากจะมีอาชีพอิสระ หรือแม้กระทั่งแค่อยากจะมีรายได้เสริม แต่ก็มีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าขนส่ง หรือแม้กระทั่งช่องทางที่จะค้าขาย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่อยากจะช่วยผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าขนส่งต่างๆ เจรจาเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อซัพพอร์ตพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เดินต่อไปได้”

หากถามถึงกระแสการเลือกตั้งโค้งสุดท้าย “กระแสก็เป็นเรื่องของกระแส แต่ก็อยากจะให้มองที่คุณสมบัติและการตั้งใจจริงในการทำงาน ข้อดีอย่างนึงก็คือเป็นคนที่ทำงานผ่านมาหลายบทบาท 3 ส่วนหลักๆ คือ ภาคประชาชน ภาคเอกชน หรือฝั่งราชการ เราเคยทำงานกับเขา ร่วมมาทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราสามารถที่จะเห็นภาพรวมต่างๆ และก็ทำงานขับเคลื่อนออกมาให้เป็นผลลัพทธ์แก่ประชาชน”

ต่อข้อคำถาม ‘คนรุ่นใหม่กับการเมืองใหม่’ ในมุมมองของน.ส.มณีรัตน์ เปิดเผยว่า “แน่นอนคนรุ่นใหม่ไม่ได้ตัดสินที่อายุ มันอยู่ที่แนวคิด อยู่ที่ความเข้าใจเขามากกว่า ว่าเขาอยากจะได้อะไร คนรุ่นใหม่เหล่านี้เขามีความฝัน  มีแพชชัน มีความที่อยากจะทำนู้นอยากจะทำนี้ หน้าที่ของเราคืออยากจะเป็นคนที่จะผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสาธารณะสุข ที่เขาจะห่วงใยพ่อแม่เขา แต่ตัวเขาเนี่ยแหละเอฟเฟกโดยตรงในการที่จะต้องดูแลพ่อแม่เรื่องการหาหมอ หายา หรือแม้กระทั่งเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าเดินทาง ในการที่จะไปทำงาน หรือสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เป็นดิจิทัลครีเอเตอร์ เป็นเชฟ หรือเป็นอาชีพต่างๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะผลักดันทั้งเชิงนโยบาย ทั้งเชิงปฏิบัติต่างๆ ก็คืออยากจะให้เขาไปสู่ฝันให้ได้”

ต่อข้อคำถามสุดท้าย ถึงความตั้งใจที่ทำให้มานั่งอยู่ตรงนี้ คืออะไร… “ก็อยากจะทำจริงๆ อยากจะทำให้กับทุกคนในพื้นที่ มีความตั้งใจจริงๆ ที่อยากจะมา มาเป็นทั้งตัวเชื่อม มาเป็นทั้งตัวคนทำงาน ให้ผลประโยชน์ตกกับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตพระโขนง-บางนา อย่างแท้จริง” น.ส.มณีรัตน์ ผู้สมัครส.ส. ภูมิใจไทย กล่าวทิ้งท้าย

‘ไอซ์’ ยันอีกเสียง 'ก้าวไกล' ไม่เคยบอกตัดเงินบำนาญข้าราชการ ที่พูดๆ กัน คือ 'เฟกนิวส์' และคำว่า 'ช้างป่วย' ก็หมายถึงรัฐบาล

(10 พ.ค. 66) ผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อ ‘Userjvb09b1row’ โพสต์คลิปวิดีโอ ‘น.ส.รักชนก ศรีนอก’ หรือ ‘ไอซ์’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 28 (บางขุนเทียน หนองแขม บางบอน บางบอนเหนือ คลองบางพราน) พรรคก้าวไกล โดยขณะที่กำลังลงพื้นที่หาเสียงอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านคนนึง เข้ามาสอบถามถึงประเด็นการตัดเงินบำนาญข้าราชการของพรรคก้าวไกล ที่กำลังถกเถียงกันอยู่ขณะนี้ ทำให้ น.ส.รักชนก ได้ตอบกับชาวบ้านท่านนั้น ว่า…

“พรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายในการตัดบำนาญข้าราชการ สิ่งที่เราพูดคือ ถ้าประยุทธ์ยังบริหารงบประมาณแบบทุกวันนี้ คือกู้มาแล้วก็ใช้ สุดท้ายมันจะไปกระทบกับบำนาญข้าราชการ นั่นคือเราต้องมาจัดสรรจัดการใช้ภาษี หรือการใช้เงินมาใหม่ แล้วจะทำให้บำนาญข้าราชการมั่งคั่งมั่นคงในรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ที่ใช้เงินเป็น ที่หาเงินได้...ข้าราชการบำนาญจะไม่ต้องมานั่งเอาตีนก่ายหน้าผากกังวลว่าในอนาคตจะมีเงินบำนาญไหม เพราะว่าจะทำให้มันมั่งคั่งมั่นคงค่ะคุณพี่ นี่คือคำมั่นสัญญาจากพรรคก้าวไกล ไม่มีนโยบายในการจัดการกับบำนาญข้าราชการ” 

ต่ออีกข้อคำถามจากชาวบ้าน คำว่าช้างป่วยคืออะไรนั้น? น.ส.รักชนก ตอบว่า “ช้างป่วยเราเปรียบเทียบวิธีการในการใช้เงินของรัฐบาลชุดนี้ ว่านั่นคือวิธีการใช้เงินแบบช้างป่วย” ชาวบ้านถามต่อว่า "ก็คือว่าจะไม่มายุ่ง" ด้าน น.ส.รักชนก ยืนยันว่า "ไม่ยุ่งแน่นอน"

น.ส.รักชนก กล่าวเสริมต่อว่า "คุณทิมก็เป็นข้าราชการบำนาญ ในพรรคเราก็มีข้าราชการบำนาญหลายคน เราไม่ทำเรื่องนี้ให้มันเสียกับเราเองแน่นอน"

ชาวบ้าน พูดต่ออีกว่า "เพราะว่าตอนนี้ เถียงกันเรื่องนี้อยู่" น.ส.รักชนก กล่าวว่า “ไม่ต้องเถียงค่ะคุณพี่ เฟกนิวส์ 100% จากฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการจะดิสเครดิตพวกเรา หนูขอแรงคุณพี่นะ กราบขอแรง ไปช่วยพวกหนูทำความเข้าใจที นี่คือสิ่งที่พวกหนูโดนโจมตี แล้วก็ทำให้พวกเราเนี่ยเสียตรงนี้อย่างมาก เยอะมากจริงๆ

“ในพรรคนะคุณพี่ไปถามร้อยคนก็ตรงกันร้อยคน ถามห้าร้อยก็ตรงกันห้าร้อย ไม่มีนโยบายในการตัดบำนาญข้าราชการ ยืนยันได้หัวหน้าพรรคเราพูดเอง”

น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า “คือพวกนี้ทำกันเป็นกระบวนการมากนะคะ ไม่ว่าจะบอกว่าเป็นคนล้มเจ้า หรือว่ามีนโยบายในการตัดบำนาญข้าราชการ แล้วมันมีพรรคการเมืองพรรคนึงที่เป็นพรรครัฐบาลอยู่ตอนนี้ เอาเรื่องนี้ไปตีฟูว่าพวกเราจะตัดบำนาญข้าราชการ แล้วต่อไปข้าราชการบำนาญจะเป็นขอทาน 'ตอแหลทั้งเพคุณพี่' เราไม่เคยมีนโยบายนี้ มีแต่ฝั่งนั้นแหละที่เอาไปตีฟูสร้างเฟกนิวส์ ปล่อยเฟกนิวส์เป็นกระบวนการทำให้พวกเราเสียหาย เสียหายมากจริงๆ ฝากพี่ด้วยนะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”

“กาก้าวไกลพี่ แล้วบำนาญของบ้านพี่จะมั่นคง อยู่ในมือนะคะ ถ้าการบริหารงบประมาณอยู่ในมือของคนที่หางบเป็น บริหารจัดการเงินได้ตรงไปตรงมา บำนาญพี่จะมั่นคงไปอีกร้อยปีเลย” น.ส.รักชนก กล่าวทิ้งท้าย

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. ปทุมธานี ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 7 เขตของจังหวัดปทุมธานี ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>>เขต 1 อำเภอเมืองปทุมธานี (เฉพาะ ต.บ้านฉาง ต.บางหลวง และ ต.บางเดื่อ) อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอสามโคก
>>เขต 2 อำเภอเมืองปทุมธานี (ยกเว้น ต.บ้านฉาง ต.บางหลวง ต.บางเดื่อ และ ต.สวนพริกไทย)
>>เขต 3 อำเภอคลองหลวง (เฉพาะเทศบาลเมืองท่าโขลง และ ต.คลองสาม)
>>เขต 4 อำเภอเมืองปทุมธานี (เฉพาะ ต.สวนพริกไทย) อำเภอคลองหลวง (เฉพาะเทศบาลเมืองคลองหลวง) และอำเภอธัญบุรี (เฉพาะ ต.ประชาธิปัตย์)
>>เขต 5 อำเภอคลองหลวง (เฉพาะ ต.คลองสี่ ต.คลองห้า ต.คลองหก และ ต.คลองเจ็ด) อำเภอธัญบุรี (เฉพาะ ต.บึงยี่โถ ต.รังสิต และ ต.ลำผักกูด) และอำเภอหนองเสือ (เฉพาะ ต.บึงชำอ้อ ต.บึงกาสาม และ ต.นพรัตน์)
>>เขต 6 อำเภอลำลูกกา (เฉพาะ ต.คูคต และ ต.ลาดสวาย)
>>เขต 7 อำเภอธัญบุรี (เฉพาะ ต.บึงสนั่น และ ต.บึงน้ำรักษ์) อำเภอหนองเสือ (เฉพาะ ต.บึงบอน ต.บึงบา ต.หนองสามวัง และ ต.ศาลาครุ) และอำเภอลำลูกกา (เฉพาะ ต.บึงคำพร้อย ต.ลำลูกกา ต.บึงทองหลาง ต.ลำไทร ต.บึงคอไห และ ต.พืชอุดม)

‘กรณ์’ ลุยเต็มที่โค้งสุดท้าย บุกภูเก็ตขอคะแนนเสียงให้ ‘เทมส์-อรทัย’ ปลื้ม!! ชาวบ้านชมสองผู้สมัครไม่ขาดปาก มั่นใจปักธง 2 เขตแน่นอน

(10 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อย้ำขอคะแนนเสียงช่วงสุดท้ายให้ 2 ผู้สมัคร นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 7 และนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 เบอร์ 1

โดยช่วงสาย นายกรณ์ และ นายเทมส์ พบปะพี่น้องประชาชนที่วัดฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต และขึ้นรถแห่ทั่ว ต.วิชิต ระหว่างทางถนนใหญ่มีพ่อค้า แม่ค้า ร้านรวงต่าง ๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปให้ความสนใจและมีเสียงตอบรับดีมาก โดยประชาชนได้เข้ามาทักทาย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอบคุณที่ช่วงโควิด ที่นายเทมส์เป็นจิตอาสาช่วยทำศูนย์วัคซีน พร้อมกล่าวว่า คนแถวนี้ไม่ลืมความขยันและทุ่มเทของนายเทมส์ ถือเป็นภาพติดตาของคนในภูเก็ตทุกคน

ต่อมาในช่วงบ่ายนายกรณ์ เดินทางไปยังวัดศรีสุนทร ซึ่งเป็นพื้นที่ของนางสาวอรทัย เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ในเขต อ.ถลาง โดยมีสมาชิกพรรค แฟนคลับ และทีมหาเสียงกว่า 90 คน มาช่วยเดินหาเสียงท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ชาวบ้านต.ศรีสุนทรกล่าวว่า อยากส่งนางสาวอรทัยเข้าไปเป็นผู้แทน จากนั้นนายกรณ์ได้เดินทางขึ้นรถแห่ไปตามถนนเส้นหลักของหมู่บ้านและชุมชน โบกไม้โบกมือในระหว่างเวลากลับบ้านของประชาชน ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

ต่อมาในช่วงเย็นได้ขึ้นปราศรัยย่อยที่ตลาดโกเบ๋ง โดยมีกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า วิสาหกิจชุมชนให้การต้อนรับอย่างดีมาก เนื่องจากนางสาวอรทัยได้เคยทำโครงการช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเรื่องการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เป็นของฝากนักท่องเที่ยวแบบพรีเมียม เพื่อช่วยทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งชาวบ้านสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและจริงใจของนางสาวอรทัย ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ประทับใจผู้สมัครทั้งสองคน ที่มีความตั้งใจ เสียสละ อดทน และเต็มที่กับทุกการทำงานเพื่อให้ผลลัพธ์ไปสู่เป้าหมายคือ เข้าไปเป็นผู้แทนของประชาชน โดยพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งใจที่จะเข้าไปแก้ปัญหาปากท้อง ลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการทำมาหากินให้กับพี่น้องประชาชน

เราเป็นพรรคแรกที่ออกมาต่อสู้เรื่องราคาน้ำมัน ค่าไฟ ที่เป็นต้นเหตุของต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากรัฐบาลเกรงใจทุนผูกขาด ทำให้ประชาชนต้องมาแบกภาระ ดังนั้นเราจึงเสนอให้มีการลดค่าไฟ และค่าน้ำมันลง นอกจากนี้ยังเสนอยกเลิกแบล็กลิสต์ เพื่อให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ซึ่งถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปทำงาน เราจะขับเคลื่อนทุกนโยบายทันที และเราก็มั่นใจว่า ผู้สมัครของเราจะสามารถปักธงชัยได้ทั้งสองเขตพร้อมคว่ำการเมืองแบบบบ้านใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตได้อย่างแน่นอน

'อริย์ธัช' ชูจุดแข็ง 'ชาติไทยพัฒนา' พรรคเพื่อคนทุกวัย วอนคนไทยกาสีชมพู 'สร้างสรรค์-ไม่โจมตี-ไม่ขัดแย้ง'

(10 พ.ค.66) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตประเวศ สะพานสูง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจัดปราศรัยที่ใจกลางเมือง กรุงเทพมหานคร สามย่านมิตรทาวน์ หลายคนมองว่าพรรคของเราเป็นพรรคท้องถิ่น มีโอกาสยาก แต่มันเกิดขึ้นแล้วที่เวทีสามย่านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะภายใต้การนำของพี่ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค คือการ “เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำ ให้คนเก่งนำประเทศไปสู่อนาคต” พรรคของเราคือพรรคที่รวมคนหลายรุ่นรวมคนที่มีวิธีคิด แบบคนรุ่นใหม่ มีความสามารถมาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ

เราจึงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าเราพร้อมแล้วสำหรับการบริหารประเทศ รวมถึงเป็นปากเป็นเสียงให้กับชาวกรุงเทพฯ กราบขอบพระคุณทุกท่านทุกเสียงที่มาให้สนับสนุนและให้กำลังใจพวกเราในวันนั้นอย่างล้นหลามมากกว่า 3.000 คน หากได้รับโอกาส เราจะไม่ทำให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯผิดหวังอย่างแน่นอน “เราชาติไทยพัฒนาคือพรรคของบ้านและเมือง” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ท่านกัญจนา ศิลปอาชา ได้กล่าวบนเวที

นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า พวกเราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์เป็นรูปธรรมโดยไม่โจมตีใครเลย ไม่สร้างความขัดแย้งวุ่นวาย เรารวมพลังของคนทุกรุ่นทุก Gen ที่มีวิธีคิด มาผสานกำลังทวีคูณกัน วัยรุ่นมีพลังแห่งความสร้างสรรค์ วัยทำงานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น วัยเกษียณเต็มไปด้วยประสบการณ์ นี่คือจุดแข็งของสีชมพูเรา

"ผมขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนชุมชนคนกรุงเทพฯ เป็นปากเป็นเสียง เป็นมือ ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการเป็นผู้แทนราษฏรไปทำงานเพื่อให้ประเทศชาติไทยของเราพัฒนา วัฒนธรรมการทำงานสีชมพูของเราพร้อมเปิดโอกาสให้คนทุกรุ่น ไม่ใช่คนรุ่นใหม่เข้ามาต้องกดทับเขาไว้ อย่างคอยชงกาแฟถ่ายเอกสารรอไต่เต้า ไม่มีแน่นอน นั่นไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคเรา เราจะดูตามศักยภาพ พร้อมการเปิดโอกาส ทุกๆคนทุกๆท่านเท่ากันในการทำงานแบบทีมชาติไทยพัฒนา นี่คือหลักคิดในการเปลี่ยนแปลงประเทศของเราที่อยากให้ทุกคนมาเป็นทีมสีชมพูที่เดินมุ่งสู่เป้าหมายด้วยกัน เราจะทำให้พี่น้องชุมชนกรุงเทพชมพูสดใส เหมือนพี่น้องชุมชนสีชมพูชาวสุพรรณบุรี พวกเราการันตี"

‘กทม.’ ชิงชี้แจง!! จนท.ทยอยส่งบัตรเลือกตั้ง 10-12 พ.ค.นี้ พร้อมเพิ่มฟังก์ชัน ‘คำชี้แจงเหตุการณ์’ บนเว็บ ป้องกันเข้าใจผิด

(10 พ.ค.66) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 10-12 พฤษภาคมนี้ ทางศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง โดยสำนักปกครองและทะเบียน กรุงเทพมหานคร ได้ชี้แจงว่า จะมีการนำส่งบัตรเลือกตั้งที่จะใช้ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ และบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและนอกราชอาณาจักรแก่เขตเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะเป็นผู้ตรวจรับและนำหีบเข้าห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งซึ่งอาจทำให้มีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นการทุจริตได้

โฆษกกรุงเทพมหานครกล่าวต่อว่า เพื่อความเข้าใจของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อการจัดเก็บบัตร จึงได้ดำเนินการเพิ่มฟังก์ชัน “คำชี้แจงเหตุการณ์” บนเว็บไซต์ซึ่งจะระบุข้อมูลชี้แจงความเคลื่อนไหวแต่ละเขต ต่อการเคลื่อนไหวผ่านห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปติดตาม การถ่ายทอดสดห้องเก็บรักษาบัตรผ่านกล้อง CCTV ที่ กทม. ได้ติดตั้งไว้ทุกห้องเก็บรักษาบัตรเพื่อความโปร่งใสในการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งต่อไป ได้ทาง

https://general-election.bangkokcc.com/

โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.นี้

โค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ หลายพรรคปักธงสนาม ‘กรุงเทพฯ’ เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ เวทีสุดท้าย THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้วว่าพรรคไหน จัดที่ไหนกันบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
 

ดร.หิมาลัย ลั่น!! อุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ‘ปกป้องสถาบัน รับใช้ชาติ และประชาชน’

ไม่นามานี้ ‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า วันนี้ ผมในฐานะผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับมอบหมายให้มารับฟังข้อเรียกร้องของพวกท่าน เพื่อนำไปเรียนผู้ใหญ่ของพรรค ว่าพรรคมีข้อผิดพลาดอย่างไรในการดำเนินงานตามอุดมการณ์ของพรรค มีนโยบายเรื่องใดที่จะต้องนำไปแก้ไข

พรรคนี้เป็นพรรคเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง เราไม่ได้มีทุนทรัพย์มาก เงินบริจาคที่ได้มา จึงต้องใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอย่างประหยัดและระมัดระวัง เราไม่สนับสนุนการซื้อสิทธิขายเสียง เราต้องการทำการเมืองอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม กระทำการหาเสียงด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตามกติกาของ กกต. และรัฐธรรมนูญ ซึ่งการดำเนินงานตามนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่อย่างใด

พรรคการเมืองเป็นที่รวบรวมคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน ไม่ใช้สถาบันทางการเงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนให้ผู้สมัคร ผู้ที่เสนอตัวเพื่อมารับใช้แบ่งเบาภาระของพ่อแม่พี่น้อง จึงควรเป็นผู้ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด ส่วนเรื่องปประมาณ ท่านก็ควรจะทราบว่าท่านมีงบฯ อยู่เท่าไร ซึ่งต้องเป็นไปตามกฎกติกาของ กกต. ก็ควรจะบริหารให้อยู่ในกรอบที่ตัวเองรับได้ และไม่เดือดร้อน

พรรค รทสช.บริหารตามอุดมการณ์ทางการเมือง ด้วยความศรัทธาจากประชาชนและผู้สนับสนุน พรรคไม่มีกิจกรรมอื่นใดที่จะไปเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มทุนต่าง ๆ ได้ ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถบริหารประเทศรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนโดย ปราศจากการแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพลใด ๆ ก่อนที่ท่านจะเสนอตัวเข้ามาสมัครจึงควรจะศึกษาแนวทางและอุดมการณ์ของพรรคให้ดีเสียก่อน ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคนี้ เป็นผู้มีชื่อเสียงเรื่องความชื่อสัตย์สุจริต อะไรที่ผิด ๆ ทางผู้ใหญ่ของพรรคไม่ทำแน่นอน ดังนี้นเราจึงไม่ได้มีเงินมากมายอย่างที่พวกท่านคิด

ต้องขอโทษผู้สมัครทุกท่านที่มาในวันนี้ด้วย ที่การคาดหวังของท่านในบางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกกติกาของ กกต. ทางพรรคไม่สามารถสนองตอบได้ รวมไทยสร้างชาติ ต้องการทำการเมืองที่ โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อมุ่งสู่อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค ตามอุดมคติที่ว่า "รวมไทยสร้างชาติ ปกป้องสถาบัน รับใช้ชาติและประชาชน"

‘พิธา’ ลั่น!! มีทั้ง ‘หลักฐาน-หลักการกฎหมาย’ พร้อมชี้แจงปมถือหุ้น ‘ไอทีวี’ รอฟังคำร้องจาก กกต.ก่อน ซัดแหลกเกมการเมืองเลือกตั้งโค้งสุดท้าย เย้ย!! เขาทำอะไรเราไม่ได้

(10 พ.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีถูกยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบปมข้อกล่าวหาถือหุ้นสื่อ ITV ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า รอให้คำร้องมาแล้วเดี๋ยวชี้แจงได้ มีทั้งหลักฐาน และหลักการทางกฎหมาย และทีมกฎหมาย เตรียมพร้อม เพราะฉะนั้นไม่กังวลในเรื่องนี้ ขอให้ประชาชนเข้าสู่การเลือกตั้งด้วยความหวัง

“ไม่มีอะไรต้องกังวลเหมือนอย่างที่ชี้แจงไปแล้ว หลักฐานและหลักการเกี่ยวกับกฎหมายรัดกุม ตอนนี้ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เราได้แจ้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเกมเตะตัดขาทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มันเกิดขึ้นช่วงโค้งสุดท้าย 3-4 วันก่อนเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าทำอะไรเราไม่ได้ ประชาชนยังมีความหวัง เพื่อเข้าสู่คูหากันอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ ส่วนเรื่องไปถึงขั้นที่มีการร้องป.ป.ช.เรื่องการซุกหุ้น ปกปิดบัญชีทรัพย์สินนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูคำร้องก่อน 

‘ดร.สฤษดิ์’ บุกเยาวราช ชูนโยบายท่องเที่ยว ‘แก้เศรษฐกิจ-ปากท้อง’ ดันกรุงเทพฯ ให้เป็นแหล่งดึง นทท. ชี้ เป็นช่องทางหาเงินเข้าประเทศเร็วสุด

(10 พ.ค. 66) ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง หรือ ดร.ลั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 หมายเลข 11 กล่าวในระหว่างลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราชว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เสียงสะท้อนที่ได้รับฟังส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ทางพรรค ผลักดันเร่งด่วนยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนโดยเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายของพปชร.นั้น จะมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพื่อเร่งนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการหารายเข้าประเทศ เพราะการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องรอการก่อสร้าง รอเพียงแต่นักท่องเที่ยวมาในประเทศ ก็ได้เงินเข้าประเทศทันที ซึ่งกรุงเทพฯเป็นหมุดหมาย และเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน มีย่านการค้าและการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นย่านของกินชื่อดังอย่างเยาวราช ย่านศิลปวัฒนธรรมอย่างพระบรมมหาราชวัง และย่านถนนข้าวสาร ซึ่งสามารถพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงต่อยอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ได้เช่นกัน

พร้อมกันนี้ ดร.สฤษดิ์ ยังได้นำเสนอ นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หาก พปชร.ได้เป็นรัฐบาล จะผลักดันทันที เช่น ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท, ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 6.30 บาท และเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คือ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อเดือน, อายุ 70 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 4,000 บาทต่อเดือน อายุ 80 ปีขึ้นไป, เพิ่มเป็น 5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศในการลงพื้นที่เยาวราช ของดร.สฤษดิ์ในครั้งนี้ ยังคงมีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า และแฟนคลับ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับส่งเสียงเชียร์เหมือนเช่นเคย

‘เศรษฐา’ ลั่น ประเทศไทยไม่มีเวลาลองของใหม่ กร้าว!! พท.ต้องชนะขาด เพื่อขับเคลื่อนประเทศ

(10 พ.ค.66) ที่โรงแรม Wintree City Resort อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค, นายปานปรีย์ พหทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ อาทิ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัครส.ส.เขต 5 พบปะผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ มีภาคธุรกิจเข้าร่วม อาทิ สภาหอการค้าเชียงใหม่

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ พท.มาเต็มทีม เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่า พท.มีความพร้อมในทุกด้าน โดย 8 ปีที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาต่างๆ มากมาย ประเทศจึงต้องการเปลี่ยนแปลง และในอดีตตั้งแต่สมัยไทยรักไทย, พลังประชาชน, ประชาชนเชื่อว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เพื่อไทยพร้อมรับใช้ประชาชนทุกกลุ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ ที่เราบอบช้ำมาเยอะ การเติบโตสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ จำเป็นต้องใช้มืออาชีพมาเปลี่ยน เราไม่มีเวลามาลองของใหม่อีกแล้ว ต้องการทีมงานที่มีคุณภาพ ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนประเทศต้องใช้กระทรวงต่างๆ ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ถ้าเพื่อไทยชนะไม่ขาด การเข้าไปบริหารจัดการจะลำบาก และเรามั่นใจว่าเพื่อไทยพร้อมที่สุด 

จากนั้น นายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อไปยังสหกรณ์นครลานนาเดินรถ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับผู้ประกอบการรถแดงถึงปัญหาการคมนาคมขนส่งใน จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มั่นใจในพื้นที่นี้แค่ไหน นายเศรษฐา ตอบว่า “บ้านของเราตรงนี้ เราจะยกทั้งจังหวัด”

เมื่อถามต่อว่าพื้นที่เมืองพรรคก้าวไกลพยายามจะตี นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคก้าวไกล มีหลายพรรค วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา” 

เมื่อถามว่ากังวลถึงกระแสของพรรคก้าวไกลที่มาแรงช่วงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ครับ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่” 

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทวีตขอความจะกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค. โดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า “ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุท่านก็มาก ท่านเองก็อยากที่จะกลับมา แต่ท่านก็พูดชัดเจนคือการกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรคพท. เหนือสิ่งอื่นใดการที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือน ก.ค.ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรคพท. ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวกหรือแรงลบประชาชนต้องตัดสินเอง ผมพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯ และคนเป็นพ่อว่าเห็นใจท่าน” 

เมื่อถามว่าจากเนื้อหาการทวีตประเมินหรือไม่จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อการเลือกตั้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ยังไม่ได้มีการประเมิน” และเมื่อถามย้ำว่ามีคนออกมาตั้งขอสังเกตว่าเป็นการเรียกคะแนนให้พรรคพท.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มีคอมเมนต์ตรงนี้”

‘สุวัจน์’ นำทีมผู้สมัคร ‘ชพก.’ ขึ้นรถแห่ปราศรัยรอบเมืองโคราช ย้ำนโยบายพัฒนาอีสานสู่ระเบียง ศก.ใหม่ มั่นใจ!! ตอบโจทย์ ปชช.

ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย!! ‘สุวัจน์’ นำผู้สมัครพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นรถแห่ปราศรัยรอบเมืองนครราชสีมา มั่นใจ!! นโยบายตอบโจทย์แก้ปัญหาประชาชนได้จริง ย้ำ หนุนพรรค ส.ส.อันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล

(10 พ.ค. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย นำ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 5 นครราชสีมา, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 6 เขต 2 และผู้สมัครฯ ในเขตอื่นๆ ของพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นรถแห่ปราศรัยรอบเมืองช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ซึ่งได้รับการต้อนรับจากประชาชน พ่อค้าแม่ค้า สองฝั่งถนน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เขต 1 และ เขต 3 อย่างดี

ส่วนการปราศรัยบนรถแห่ นายสุวัจน์ ยังคงนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาต่างๆ ทุกด้านของพรรคชาติพัฒนากล้า ให้กับประชาชนได้ตัดสินใจ และมีความมั่นใจว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เข้าไปทำงานในสภาฯ เพื่อทำตามที่ได้สัญญาเอาไว้ แต่จะได้กี่ที่นั่งนั้นมีอยู่ในใจแล้ว แต่ต้องรอดูวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้อีกที

ซึ่งช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ยังคงใช้วิธีเดินหาเสียงสลับขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียง รวมถึงจัดปราศรัยย่อยจนถึงเวลาสิ้นสุดหาเสียงตามที่กฎหมายกำหนด

โดยเน้นชูนโยบายพัฒนาโคราช-อีสานระเบียงเศรษฐกิจใหม่, สร้างงานดี มีเงิน ของไม่แพง, โคราชเมืองคมนาคมที่ทันสมัย, น้ำไม่ท่วม ไม่แล้ง น้ำประปาเพียงพอ, มอเตอร์เวย์ทั่วไทยทุกทิศ, การเพิ่มนักท่องเที่ยว 80 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท, ปรับโครงสร้างพลังงาน, ลดค่ากลั่นน้ำมัน ลงลิตรละ 5 บาท เพื่อให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลง เป็นต้น

ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้ามีความมั่นใจว่า การนำเสนอนโยบายของพรรคฯ สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาของประชาชนได้จริง

ส่วนเรื่องกระแสนิยมของบางพรรค เช่น พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ที่กระแสพุ่งสูงขึ้นทุกวัน ตรงนี้เชื่อว่า ทุกพรรคต่างทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งจุดยืนของพรรคชาติพัฒนากล้า เคารพเสียงข้างมาก ยังคงสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียง ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง ได้จัดตั้งรัฐบาล ให้เป็นไปตามกติกา

เพราะต้องการสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ดีให้กับประเทศไทย ทำให้เป็นการเมืองที่พี่น้องประชาชนสบายใจ การเมืองไม่ขัดแย้ง และให้เกียรติพรรคที่มีเสียงมาเป็นอันดับ 1 เมื่อได้เสียงเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ก็ควรได้จัดตั้งรัฐบาล วอนทุกฝ่ายให้ยอมรับกติกาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นฉันทามติของประชาชน

‘ราชทัณฑ์ฯ’ เผย ‘ใบเตย’ เครียด-นอนไม่หลับ หลังฝากขังคืนแรก ด้าน ‘ดีเจแมน’ ยังปกติดี ยัน!! พร้อมดูแลผู้ต้องหาตามหลักสิทธิมนุษยชน

(10 พ.ค. 66) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวหลังจากทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวจำเลยในคดีร่วมกันฉ้อโกงแชร์ Forex 3D ทั้ง 6 คน รวมถึงนายพัฒนพล หรือ ‘ดีเจแมน’ และ น.ส.สุธีวัน หรือ ‘ใบเตย’ ไว้ในการควบคุมเรียบร้อยแล้ว

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจสอบจัดทำทะเบียนประวัติ ประเมินสุขภาพเบื้องต้น และส่งตัวเข้าสู่ห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เมื่อครบกำหนดจะส่งตัวเข้าแดนแรกรับ

ขณะที่เช้าวันนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ‘ใบเตย’ มีอาการเครียดเล็กน้อย นอนไม่หลับและยังไม่รับประทานอาหาร ส่วน ‘ดีเจแมน’ รับประทานอาหารได้ นอนหลับพักผ่อนได้ ไม่มีสภาวะความเครียด ซึ่งทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือดีในการปฏิบัติตามระเบียบของทัณฑสถานฯ และเรือนจำ

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การปฏิบัติต่อใบเตย ดีเจแมนและพวก เป็นไปตามมาตรการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่จากภายนอกตามปกติ และปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค พร้อมดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

ผ่าเกม 'ทักษิณ' ทวีตรัวๆ "ขออนุญาตกลับบ้าน" 'ตรึงคะแนนเพื่อไทย- ฝันหวานนอนเซฟเฮาส์'

อันที่จริงเรื่องการ 'ขออนุญาตกลับบ้าน' ของโทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร 'เล็ก เลียบด่วน' ได้ปุจฉาวิสัชนาไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา อันเนื่องจากนายทักษิณได้ทวิตเตอร์ต้อนรับหลานคนที่ 7 ที่อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ให้กำเนิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66

ทว่า จู่ ๆ วันอังคารที่ 9 พ.ค. 66 ทักษิณ ก็ทวิตเตอร์รัว ๆ สองครั้ง ประกาศเปรี้ยงอีกว่าจะกลับบ้านก่อนวันเกิดคือ วันที่ 26 ก.ค. 66 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลารัฐบาลรักษาการของพล.อ.ประยุทธ์

ข้อความที่ทำให้ใครต่อใครพลอยสะดุ้งก็คือท่อนที่ตบท้ายว่า ทั้งหมดคือ การตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา 

อ่านแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เมื่อวันที่ 1 พ.ค. บอกว่า “ขออนุญาตกลับบ้าน” จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ชี้ว่า เป็นการพูดที่หมิ่นเหม่ ไม่บังควร วันที่ 9 พ.ค.คนแดนไกล ก็เย้ยฟ้าท้าดินหนักกว่าเดิม เอ่ยคำว่า "เจ้านายของเรา"

ถามว่า ทวิตเตอร์รัว ๆ รอบนี้ ทักษิณต้องการอะไรกันแน่ มีอะไรลับลวงพรางหรือไม่ 'เล็ก เลียบด่วน' ขอฟันธงว่ามีสองเหตุผลสำคัญเท่านั้น

ประการแรก จุดประสงค์หลักอยู่ที่การเมืองการเลือกตั้ง ต้องการตรึงคะแนนพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไหลทะลักไปที่พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.เขต ส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ลือกันว่าก้าวไกลจะแซงเพื่อไทยไปอยู่ที่ 12 ล้านเสียงนั้น ไม่ซีเรียสเท่ากับการตรึง ส.ส.เขตเอาไว้ ซึ่งการประกาศกลับบ้านของทักษิณรอบนี้ ทำให้คะแนนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานกระชับ และกระเตื้องขึ้นระดับหนึ่ง

ประการที่สอง ทักษิณมีความต้องการที่จะกลับจริง ๆ เขาแทงหวยว่ารัฐบาลชุดใหม่เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ เบื้องต้นกฎกระทรวง 2 ฉบับของกระทรวงยุติธรรมที่ที่แก้ไขไว้เมื่อปี 2563 สามารถใช้เซฟเฮาส์ หรือสถานที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ เป็นที่คุมขังได้ ส่วนมาตรการอย่างอื่นทักษิณก็คงเตรียมการไว้แล้ว แต่ทั้งนี้หากหวยหลังเลือกตั้งยังเป็นรัฐบาลขั้วเดิม ทักษิณก็อาจจะเปลี่ยนใจยืดเวลากลับไปอีก...

คำประกาศของทักษิณที่จะกลับบ้าน 20 กว่าครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นนิยายเดิม ๆ อีกครั้ง จะมีอะไรให้ฉุกคิดอยู่บ้างก็ตรงที่การเอ่ยอ้างใช้คำว่า ‘เจ้านาย’ ทำให้นักข่าวไปถาม ‘ลุงตู่’ ว่าการส่งสัญญาณของทักษิณเที่ยวนี้เป็นไปในลักษณะดีลพิเศษใช่หรือไม่ ซึ่งลุงตู่ถามกลับว่า เขาส่งสัญญาณมาทางไหนเหรอ ตนไม่ได้รับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม

ครับ! สรุปว่าการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ ที่สุดก็มาเกี่ยวข้องกับเรื่อง ‘ทักษิณกลับบ้าน’ อีกครั้ง จนบางฝ่ายบอกว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ถ้าแน่จริง ‘ทักษิณ’ ควรกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะไม่มีใครห้ามกลับ...

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดใหม่ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าอาจจะยังเป็นรัฐบาลลุงตู่กับคณะเดิม ก็อาจจะถึงเวลาที่จะต้องถอดชนวนความขัดแย้งด้วยการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองที่ยังเป็นภูเขาใต้น้ำแข็ง นำประเทศออกจากความขัดแย้ง สลายสีเสื้อ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับพลังแผ่นดิน อย่างจริงจัง

ใช่หรือไม่ว่า...วันนี้คำว่า ‘ระบอบทักษิณ’ หรือผีทักษิณ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อน ที่น่ากลัวกว่าก็คือระบอบส้มพันธุ์ใหม่ ซึ่งหากสุดท้ายไปผสมพันธุ์กับระบอบทักษิณด้วยแล้ว บ้านนี้เมืองนี้ดูไม่จืดแน่นอน

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘เศรษฐา’ ปลุกประชาชนเลือก ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล ชูกระเป๋าเงินดิจิทัล กระตุ้น ศก.ครั้งใหญ่ ขจัด ‘เหลื่อมล้ำ-ยากจน’

(10 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่อง ‘ถึงเวลาปลุกชีวิตเศรษฐกิจที่หลับใหล’ ระบุว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่สามารถเดินต่อหน้าไปได้ และยังคงก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะจากสถานการณ์โรคระบาดหรือแนว การทางบริหารประเทศที่ล้มเหลว คนไทยถูกกดให้จนลงจนลง แล้วแจกเงินครั้งละไม่กี่ร้อยบาท เพื่อหยอดน้ำข้าวต้มยื้อเวลาให้พอประทังชีวิต โดยไม่มีการคำนึงถึงวิธีเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน

“วันนี้ประเทศไทยรอไม่ได้อีกแล้ว ผมยืนยันว่าเราต้องชนะทันที เพื่อให้เพื่อไทยได้มีโอกาสเข้าไปเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วที่สุด ด้วยนโยบายเติมเงิน 10,000 เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ที่จะเข้าไปปั๊มหัวใจประเทศด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับทันที เพราะเป้าหมายของเราคือการทำให้ประเทศไทยไม่ต้องมีคนจนอีกต่อไป” นายเศรษฐา ระบุ

นายเศรษฐา ระบุว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เม็ดเงินจะถูกกระจายไปทั่วประเทศ ทุกอำเภอ และทุกตำบล ตามจำนวนประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปในแต่ละพื้นที่

นายเศรษฐา ระบุต่อว่า เงิน 10,000 ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของพี่น้องประชาชนนั้น ไม่ได้แจกแล้วหมดไป แต่เราออกแบบโดยหวังผลให้นำไปสู่การใช้จ่ายเพื่อฟื้นชีวิตให้กับเศรษฐกิจทั้งระบบ และคงเงินให้หมุนเวียนอยู่ในชุมชน อยู่ในระบบ นโยบายนี้จึงมาพร้อมเงื่อนไขสำคัญ 4 อย่าง คือ 1. เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล 2. ใช้ได้เฉพาะอาหารของใช้ประจำวัน หรือวัตถุดิบประกอบสัมมาชีพ 3. ใช้ได้ภายในพื้นที่ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่หน้าบัตรประชาชนเท่านั้น 4. แจกรอบเดียวเท่านั้น ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน

“หน้าที่ของผมคือการเปลี่ยนสิ่งที่ใครก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง วันที่ 14 พ.ค. นี้ ขอโอกาสให้เพื่อไทยได้เข้าไปจัดการกับศัตรูที่มีชื่อว่าความเหลื่อมล้ำและความยากจน” นายเศรษฐา ระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top