Wednesday, 2 July 2025
SPECIAL

กาฬสินธุ์ - สร้างปราสาทรวงข้าว ในงาน "ประเพณีบุญคูณลานสู่ขวัญ" ประจำปี 2565 เพื่อสืบสานตำนานพระแม่โพสพ ระหว่างวันที่ ณ วัดเศวตวันวนาราม อำเภอเมืองกาฬสินธุ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยที่ปรึกษารมว.คมนาคม นำส่วนราชการ ประชาชน สืบสานประเพณีบุญคูณลาน เพื่อบูชาพระแม่โพสพ และสู่ขวัญข้าวเพื่อความเป็นสิริมงคล ไฮไลต์อยู่ที่การสร้างปราสาทรวงข้าว ซึ่งชาวบ้านได้ใช้ภูมิปัญญานำรวงข้าวจำนวนมาก มาร้อยเรียงสร้างขึ้นอย่างวิจิตรสวยงาม รายล้อมด้วยการจัดซุ้มปราสาทรวงข้าวบริวารอีกหลายหลัง อีกหนึ่งแลนด์มาร์กส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่หาดูได้ยาก และมีที่เดียวในจังหวัดกาฬสินธุ์

ที่บริเวณวัดเศวตวันวนาราม ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายชาญณ์ บุตรวงค์ ปลัดอาวุโส อ.เมืองกาฬสินธุ์ ส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน และเยาวชน ร่วมกันจัดงานประเพณีบุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลานสืบตำนานพระแม่โพสพ ประจำปี 2565  โดยมีนางรำกว่า 300 คน รำบวงสรวงพระแม่โพสพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาผืนนาและรวงข้าวให้อุดมสมบูรณ์ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลานสืบตำนานพระแม่โพสพ เป็นอีกหนึ่งประเพณีในฮีต 12 คอง 14 ของชาวอีสาน ที่สืบสานมาตั้งแต่บรรพบุรุษในช่วงเดือน 3 หลังเสร็จสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี โดยมีการถ่ายทอดมารุ่นต่อรุ่น เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่ง จ.กาฬสินธุ์ มีความโดดเด่นด้านวิถีชีวิตและประเพณีที่ยิ่งใหญ่ตลอดปี  อย่างบุญคูนลานของชาว ต.เหนือ ที่ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยเฉพาะรูปแบบปราสาทรวงข้าวมีการพัฒนาเรื่อยมา จนกระทั่งมีรูปแบบเป็นปราสาทรวงข้าวตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีความสวยงามโดดเด่นและยังคงรูปแบบวัฒนธรรมอีสานไว้ จนกระทั่งถูกยกระดับให้เป็นประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวของ จ.กาฬสินธุ์ และปฏิทินการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ด้านนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ มีวัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญตามฮีต 12 คอง 14 และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งทุกภาคส่วนทั้งราชการ ภาคประชาชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน ให้อนุชนรุ่นใหม่ได้เห็นคุณค่า และร่วมกันรักษาประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป เช่นเดียวกับการจัดงานประเพณีบุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน สืบตำนานพระแม่โพสพในครั้งนี้  เป็นการแสดงถึงศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตดั้งเดิม ผ่านรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ ในงาน เช่น การร่วมบริจาคข้าวเปลือก เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ยากไร้ บำรุงพระพุทธศาสนา พัฒนาชุมชน แสดงออกถึงพลังสามัคคี และความกตัญญูต่อพระแม่โพสพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษานาข้าว น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ และหล่อเลี้ยงต้นข้าวให้เจริญงอกงาม ออกผลผลิตข้าวให้บริบูรณ์ ได้รับประทานเพื่อยังชีพและจำหน่ายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

กรุงเทพฯ - ม.เกษตร ผนึกกำลัง! ซีพีเอฟ ซีพีพี ยกระดับงานวิจัย - การศึกษาของชาติ นำร่องการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชา และอาหารเพื่อนักกีฬา

ดร.จงรักษ์ วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding – MoU) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Agreement – MoA) กับนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด หรือ ซีพีพี บริษัทในเครือซีพี

เพื่อยกระดับงานวิจัยด้านอาหารและการเกษตร ควบคู่กับพัฒนาการศึกษาของประเทศให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้านพัฒนางานวิจัย และด้านการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นเปิดโอกาสให้นิสิตได้แสดงศักยภาพของตนเอง ได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและการลงมือทำจริง ช่วยสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ มีทักษะความรู้ที่ตรงตามความต้องการของตลาด

โดยมีคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และบริษัท ร่วมด้วย ได้แก่ รศ.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร รศ.อภิสิฎฐ์ ศงสะเสน คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล และ ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบด้วย MoU และ MoA ซึ่งนำไปสู่สัญญาให้ทุนอุดหนุนโครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชาไทยให้มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีส่วนร่วมสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมอาหารของไทย ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสมกับบริบทความต้องการของคนไทย เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และเพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านความร่วมมือในการดำเนินโครงการวิจัยต่าง ๆ อาทิ อาหารเพื่อนักกีฬา อาหารเพื่อผู้สูงวัย จุลินทรีย์โปรตีนทางเลือก อาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อยกระดับงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในเชิงอุตสาหกรรม

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านวิชาการ การศึกษาวิจัย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีความเป็นเลิศในด้านการเกษตร และวิทยาศาสตร์อาหาร จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ รวมถึงองค์กรทั้ง 2 ฝ่าย ในการนำองค์ความรู้ต่อยอดด้านงานวิจัย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทยบนเวทีโลก

"ซีพีเอฟมุ่งมั่นส่งมอบอาหารปลอดภัย สร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งเน้นสุขโภชนาการ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้คนไทยมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี นอกจากนั้น ยังส่งเสริมการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ผลิตเชิงอุตสาหกรรม ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายประสิทธิ์กล่าว

ด้านนายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีพีกล่าวเสริมถึงความมุ่งมั่นขององค์กร “ในฐานะของบริษัทที่เป็นดั่งต้นน้ำของธุรกิจการเกษตรภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์  ซีพีพีทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรของไทย  ด้วยเหตุนี้เอง ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจคือ “เกษตรกร คือ คู่ชีวิต” เพราะเราต้องการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เรามุ่งพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรไทยให้มีประสิทธิภาพและมีความเป็นเลิศไม่แพ้ชาติอื่น  บริษัทต้องการเห็นเกษตรกรไทยมีรายได้ที่คงที่และยั่งยืน  จึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจแบบ Business-to-Customer (B2C) ของเกษตรกรไทยมีรูปแบบที่ครบวงจร มีคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่การผลิตไปจนการนำผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ตลาด รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร การดูแลทางด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรผ่านนโยบารับซื้อคืน และให้การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ สำหรับการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน บริการการเกษตร เทคโนโลยีเกษตรกรสมัยใหม่ เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรไทย

"ซีพีพีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจับมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การผนึกกำลังระหว่างซีพีพีและซีพีเอฟในครั้งนี้ จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการนำองค์ความรู้ที่เรามีจากประสบการณ์ของพวกเราในฐานะผู้ประกอบการ มาผนวกรวมกับองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการชั้นนำ ที่มากไปด้วยนิสิตและคณาจารย์ที่รอบรู้ และเปี่ยมด้วยความสามารถ  มีความเชื่อมั่นว่า พวกเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่อุตสาหกรรมเกษตรของประเทศไทยได้แน่นอนจากการจับมือกัน” นายสุเมธกล่าว

ประจวบคีรีขันธ์ - มอบเข็ม- เกียรติบัตรดีเด่น!! ให้ อส.ครบรอบ 68 ปี

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดประจวบฯเป็นประธานพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ครบรอบ 68 ปี ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัด เพื่อระลึกถึงคุณความดี ความเสียสละของผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือสมาชิก อส.ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วมในพิธี จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้อ่านสารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ประธานได้มอบเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดีผู้ประกอบคุณงามความดี จำนวน 5 นาย มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่สมาชิก อส.ที่มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 10 นาย มอบทุนการศึกษามูลนิธิอาสารักษาดินแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์ให้แก่บุตรสมาชิก อส.จำนวน 5 ราย 

โอกาสนี้ นายเสถียร ได้กล่าวให้โอวาทแก่สมาชิก อส.โดยน้อมนำพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพิธีสวนสนามและพระราชทานธงประจำกองอาสารักษาดินแดน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2497 ความว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่โดยพยายามฝึกสอนอบรมประชาชนให้เข้าใจกิจการในหน้าที่ของตน ทั้งในส่วนตัวบุคคล ของครอบครัว ของหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ ตลอดจนบ้านเมืองในที่สุด เพื่อให้ได้มีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันที่จะช่วยป้องกันภัยอันตรายและรักษาความสงบในท้องถิ่นของตนด้วยความองอาจ กล้าหาญ และซื่อสัตย์สุจริตเพื่อชาติบ้านเมือง และความเป็นเอกราชของเรา จะได้วัฒนาถาวร" 

นราธิวาส - ศอ.บต.ร่วมกิจกรรมฯ ถวายเพลพระ - ส่งเสริมคุณธรรม - จริยธรรม ให้เกิดขึ้นในหมู่ข้าราชการ และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายอำนวย ศรีระแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(พช.) นางเยาวภา พูลพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (ปภ.) และนายสมพร เนติรัฐกร ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(สธ.) ร่วมกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมข้าราชการ ถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ร่วมกับพุทธศาสนิกชน จำนวน 12 รูป ณ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง ตำบลสะเตง อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา โดยมีร้อยตำรวจเอก สมบูรณ์ ชุมศรี รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เป็นประธานนำเพลถวายฯ พร้อมด้วย ข้าราชการ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เข้าร่วม ภายใต้มาตรการการแพร่ระบาดของเขื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สำหรับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมข้าราชการ ถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ร่วมกับพุทธศาสนิกชน เป็นการดำเนินการจัดขึ้นโดยสำนักงานพระพุทธศาสนา และมอบหมายให้ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงสถานศึกษา ได้ออกเยี่ยมเยียนวัด พระภิกษุ สามเณร และประชาชนที่อาศัยอยู่รอบบริเวณวัดในพื้นที่ ในวันธรรมสวนะ หรือวันพระ เพื่อร่วมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ให้เกิดขึ้นในหมู่ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างและพุทธศาสนิกชน

ตร.ผุดไอเดีย!! เปิดโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)

ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกรูปแบบ โดยบูรณาการการดำเนินการจากทุกภาคส่วน ผนึกกำลังกับเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมกันพัฒนา และแก้ไขปัญหาในชุมชน สังคม และท้องถิ่น ตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุก ๆ มิติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ ในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยได้จัดทำโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)” ให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล

โดยมอบหมายให้ พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมี พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน ตาม คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 36/2565 ลงวันที่ 31 มกราคม 2565 โดยมีเป้าหมาย “เพื่อให้ชุมชน สังคมมีความสุขสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพมีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว”

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำการคัดเลือกและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสถานีตำรวจ และระดับกองบังคับการทั่วประเทศ จำนวนกว่า 9,000 นาย เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชน หลังจากนั้นจะทำการคัดเลือกและฝึกอบรมเครือข่ายภาคประชาชนจากทุกสาขาอาชีพที่มีบทบาทในสังคมหรือชุมชนนั้น ๆ เช่น ผู้นำตามธรรมชาติ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น หรืออื่น ๆ สถานีตำรวจละ 50 คนทั่วประเทศ รวมกว่า 74,200 คน เพื่อทำหน้าที่ในการสะท้อนปัญหา และความต้องการของชุมชน มายังคณะกรรมการระดับสถานีตำรวจพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือเกินขีดความสามารถ จะเสนอไปยังคณะกรรมการระดับอำเภอ คณะกรรมการระดับกองบังคับการ คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด คณะกรรมการระดับกองบัญชาการ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา ความต้องการของประชาชน แต่หากยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำการรวบรวมปัญหา ความต้องการจากทุกพื้นที่ แล้วรายงานไปยังรัฐบาล เพื่อหาแนวทางการแก้ไขในระดับประเทศต่อไป

ชุมพร - ครบรอบ ปีที่ 68 วันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ปี 2565

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 08.30 น. ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพรที่ 1 ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในฐานะผู้บังคับการกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร (ผบ.อส.จ.ชุมพร)ให้เกียรติมาเป็นประธาน ในพิธีจัดกิจกรรมวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนประจำปี 2565 และอ่านสารของนายกองใหญ่ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน พร้อมกล่าวให้โอวาท มอบเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดี และประดับชั้นยศให้กับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หลังจากนั้นนางปวีณ์ริศา เกิดสม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร มอบทุนการศึกษาจากมูลนิธิอาสารักษาดินแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์แก่บุตรของสมาชิกกองอาสารักษากินแดน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ประจำปี 2565 โดยมีผู้บังคับกองร้อย เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร สมาชิก อส. หัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร แม่บ้านมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี

สำหรับกองอาสารักษาดินแดน เป็นองค์กรขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2497 จัดตั้งขึ้นเพื่อกำลังสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ ทั้งยามปกติและสงคราม โดยรับสมัครราษฎรที่สมัครใจอาสาเข้ามาเป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (สมาชิก อส.) ซึ่งมีภารกิจหน้าที่ บรรเทาภัยที่เกิดจากธรรมชาติ และการกระทำของข้าศึก ทำหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบภายในท้องที่ ร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจ รักษาสถานที่สำคัญและการคมนาคม ป้องกันการจารกรรมและรายงานข่าวช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่ฝ่ายทหารตามที่ต้องการ และเป็นกำลังสำรองสนับสนุนกำลังทหารเมื่อจำเป็น

นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ของทุกปี กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดนกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดให้จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนเป็นประจำทุกปี ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมากองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร ได้ใช้กำลังพลสมาชิก อส. เข้าสนับสนุนดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และจังหวัดชุมพรในทุกด้าน ทั้งการปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหาความยากจน การป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติ การจัดระเบียบสังคม และการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

สตูล - ตำรวจตระเวนชายแดน 436 จ.สตูล นำสิ่งของมอบให้ชาวบ้านอำเภอละงู ถูกไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง!!

วันนี้ 9 ก.พ. 2565 พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436 มอบหมายให้ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436  พร้อม ข้าราชการตำรวจจิตอาสาชุดช่างสนาม ร้อย ตชด.436 ได้เดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้านที่โดนไฟไหม้บ้านเมื่อ วันที่ 8 ก.พ.2565 เวลา 17.30 น.สำหรับบ้านที่ถูกไฟไหม้ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านเลขที่ 651 ม.1 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงและมีผู้อยู่อาศัยคือนายรอบาอัน มาลัยสนั่น (เจ้าของบ้าน) พร้อมสมาชิกในบ้านรวม 4 คนได้รับความเสียหายเบื้องต้นทั้งหลังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้

ทั้งนี้ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436 พร้อม ข้าราชการตำรวจจิตอาสาชุดช่างสนาม ร้อย ตชด.436 ลงพื้นที่เพื่อออกสำรวจความเสียหาย และมอบสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น ให้แก่ นายรอบาอัน มาลัยสนั่น เจ้าของบ้านประสบเหตุไฟไหม้(อัคคีภัย) พร้อมทั้งหาทางช่วยเหลือตามกำลังของหน่วยงานซึ่งลักษณะเป็นบ้านไม้ยกสูง เป็นไม้ทั้งหลัง ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ของ ตร.พฐ จ.สตูลตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง

 

กรุงเทพฯ - กระทรวงเกษตรฯ เตรียมจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ภายใต้โครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ในราคาถูกกว่าท้องตลาด มั่นใจด้วยคุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก.

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” โดยมีดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายปณิธาน มีไชยโย รักษาการผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) นายฉันทานนท์ วรรณเขจร โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ (ZOOM Meeting)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาหมูแพง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ต่างได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จึงได้จัดโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 19 กุมภาพันธ์ 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก. เลียบคลองบางซื่อ ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการจัดจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นหมูเนื้อแดง คุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพียงกิโลกรัมละ 140 บาท ซึ่งจะนำมาจำหน่ายที่ตลาด อ.ต.ก. จำนวน 150,000 กิโลกรัม โดยกำหนดซื้อได้คนละไม่เกิน 5 กิโลกรัม เพื่อให้ทั่วถึงกันทุกคน

ปทุมธานี - ‘นายกแจ๊ส’ บริหารงาน 1 ปี ปปช.ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสได้ 94.76 จากเดิมที่ไม่ผ่านสักปี!!

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09:00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี , นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี , พล.ต.ท.อดุลย์ รัตนภิรมย์   ที่ปรึกษาพิเศษนายก อบจ.ปทุมธานี , นายธนศักดิ์ แป้นมุข ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัด อบจ.ปทุมธานี , นางสาวกฤษฏาพร นาคถนอม หัวหน้าสำนักปลัด อบจ.ปทุมธานี ร่วมประชุมหารือนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อประชาชน หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564

ซึ่งได้ดำเนินการประเมิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้คะแนน 94.76 ระดับการประเมิน A เปรียบเทียบปีที่ผ่านมา +33.47  ซึ่งที่ผ่านมาทาง อบจ.ปทุมธานีไม่เคยผ่านเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส เช่น ปี พ.ศ. 2561 ได้ 79.37 ระดับ B ไม่ผ่านการประเมิน , ปี พ.ศ. 2562 ได้ 82.90 ระดับ B ไม่ผ่านการประเมิน , ปี พ.ศ. 2563 ได้ 61.29 ระดับ D ไม่ผ่านการประเมินในการดำเนินงานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส มีการเก็บข้อมูลจาก 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 การเก็บข้อมูลจากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ มี 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 1 การปฏิบัติหน้าที่ , ตัวชี้วัดที่ 2 การใช้งบประมาณ , ตัวขชี้วัดที่ 3 การใช้อำนาจ , ตัวชี้วัดที่ 4 การใช้ทรัพย์สินของราชการ , ตัวชี้วัดที่ 5 การแก้ไขปัญหาการทุจริต ในส่วนที่ 2 การเก็บข้อมูลจากผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ โดยสอบถามการรับรู้ และความคิดเห็นใน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 6 คุณภาพการดำเนินงาน , ตัวขชี้วัดที่ 7 ประสิทธิภาพการสื่อสาร , ตัวชี้วัดที่ 8 การปรับปรุงการทำงาน และส่วนที่ 3 การเปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน เป็นการตรวจสอบระดับการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่เผยแพร่ไว้ ทางหน้าเว็บไซต์หลักของหน่วยงาน มี 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 9 การเปิดเผยข้อมูล , ตัวชี้วัดที่ 10 การป้องกันการทุจริต

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เราพึ่งจะเข้ามาทำงานได้ 1 ปี ซึ่งการประเมินความโปร่งใสของ ปปช.จะมีเกรด A B C ที่มา อบจ.ปทุมธานีอยู่ในระดับ C ถือว่าไม่ผ่านคะแนนความโปร่งใส เราจึงได้ดูย้อนไปในปีก่อน ๆ ก็ไม่ผ่านเลย เมื่อเรามาทำงานจึงมาดูว่าสาเหตุอะไรที่คะแนนถึงตกต่ำ ตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งจึงได้หารือกับทีมงานผู้บริหารและหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องทุกคน มีประเด็นอะไรบ้างที่ทำให้ อบจ.ปทุมธานี ไม่ผ่านการประเมินความโปร่งใส ซึ่งคะแนนตรงนี้ไม่ใช้เพียงแค่การประเมินการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเดียว มีหลายองค์ประกอบกัน ทั้งงานเก่าที่ตกค้าง การประสานงานกับภายนอกหลายภาคส่วน หลายกองงานที่เรียกประชุม มีการวางแผนแต่ละกอง ในการปิดจุดอ่อนตรงนี้ อะไรที่แก้ไขได้ต้องรีบแก้และให้เร็ว เมื่อมีความโปร่งใส พี่น้องประชาชนต้องสามารถตรวจสอบได้ ต้องขอบคุณพี่น้องใน อบจ. หัวหน้าทุกหน่วยงาน ที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนคะแนนไต่ขึ้นมาที่ 94.76 อยู่ระดับ A หากได้คะแนน 95 เราจะได้ AA ถือว่าสูงสุด ผมจึงขอหารือกับน้อง ๆ ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน จากที่ผ่านมาได้ร่วมกันทำงานเพียงปีเดียวเราขยับขึ้นมาถึงขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าพนักงานในองค์กร พร้อมแล้วที่จะร่วมเดินกันไปข้างหน้าร่วมพัฒนาเมืองปทุมธานีของเราให้เป็นเมืองที่น่าอยู่น่าอาศัย คิดว่าองค์กรของเราจะขยับไประดับ AA แน่นอน ดังนั้นความดีความสำเร็จครั้งนี้มาจากเพื่อนร่วมงานทั้งหมดที่ช่วยกัน

นางสาวกฤษฏาพร นาคถนอม หัวหน้าสำนักปลัด อบจ. ปทุมธานี กล่าวว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ในปี 2564 ทาง อบจ.ปทุมธานีได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ  A เนื่องมาจากว่าการปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน และความโปร่งใส รวมถึงความเสมอภาคของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เน้นไปที่ภายในและภายนอก โดยการตรวจสอบภายในคือข้าราชการเจ้าหน้าที่ด้วยกัน ส่วนภายนอกคือผู้ที่มาติดต่อประสานงานกับ อบจ. มีความเชื่อใจในการประเมินประสิทธิภาพของ อบจ.และผู้บริหารของเราจึงได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาในปีนี้

สำหรับในปี 2565 ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้วางนโยบายในการทำงานเพื่อให้คะแนนได้เพิ่มขึ้นมาโดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการทำงานต้องเพิ่มมากขึ้น นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัด อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า การทำงานของ อบจ.ปทุมธานี  ได้ทำตามนโยบายของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ทีมุ่งเน้นตามภาพรวมของประชาชนเป็นหลักที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากภาครัฐมากที่สุด เช่นเรื่องของถนนเส้นทางต่าง ๆ ด้านสาธารณภัย ที่สำคัญคือการใช้งบประมาณของท่านนายก อบจ.ปทุมธานีที่ใช้อย่างคุ้มค่า และสามารถตรวจสอบได้ ท่านให้ความสำคัญกับภาคประชาชนที่สามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานของเราได้ ทุกภาคส่วนจึงยอมรับว่าท่านมีความโปร่งใสในรูปของการปฏิบัติงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึงง

จันทบุรี - คณะกรรมการพิจารณาโครงการก่อสร้างสิ่งล่วงลำน้ำจังหวัดจันทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ก่อนพิจารณาแก้ไขปรับปรุงและอนุญาตการก่อสร้าง

วันนี้ (9 ก.พ.65) ที่ พื้นที่การขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงลำน้ำ นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำคณะกรรมการพิจารณาการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจำนวน 4 แห่ง ก่อนสรุปเสนอแนะแก้ไขปรับปรุงและอนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต่อไป ซึ่งการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต้องไม่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อแผนพัฒนาจังหวัด ผังเมือง แลการรักษาสภาพแวดล้อมของจังหวัดรวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยครั้งนี้ คณะได้ลงพื้นที่การขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ 4 แห่ง ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 20 ตันกรอส อ.ขลุงและท่าเทียบเรือแม่น้ำจันทบุรีบริเวณสะพานเกาะลอย ต.ตลาด อ.เมือง

การขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำประเภทสะพานข้ามคลองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้ทางตามโครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน กิจกรรมก่อสร้างทางหลวงพัฒนาพื้นที่ระดับภาค เขตรอยต่อ ต.ท่าช้าง อ.เมืองและต.พลอยแหวน อ.ท่าใหม่

มุกดาหาร - นรข.เตือน!! นักท่องเที่ยวและประชาชน ไม่ออกไปตั้งวงดื่มกิน – เล่นน้ำ ตามเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง อาจเกิดอุบัติเหตุทางน้ำและอาจผิดกฎหมาย ย้ำ!พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว

ณ สถานีเรือมุกดาหาร นาวาโท เฉลิมศักดิ์ ไชยกิจ หน.สน.เรือ นรข.มุกดาหารเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำเเม่น้ำโขง สถานีเรือมุกดาหาร (นรข.) ออกประกาศเตือนเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว เรื่องของสันดอนเกิดใหม่บริเวณกลางแม่น้ำโขงเนื่องจากปัจจุบันแม่น้ำโขงได้มีการลดระดับของน้ำลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีสันดอนเกิดใหม่เป็นจำนวนมากทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าใจว่าสามารถลงไปทำกิจกรรมเชิงการท่องเที่ยวได้เพราะเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยยังไม่ชัดเจนเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศล่าสุดเจ้าหน้าที่ นรข.มองเห็นนักท่องเที่ยวพากันออกสนุกสนานกันที่สันดอนทรายซึ่งเกิดจากบริเวณกลางแม่น้ำโขง โดยไม่มีพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งติดต่อกันกับริมฝั่งโขงของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่บริเวณนี้ อยากจะบอกกับประชาชนและนักท่องเที่ยวว่ามันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวล่าสุดมีนักท่องเที่ยวบรรทุกเรือติดเครื่องยนต์ความเร็วมาที่ จ.มุกดาหารแล้วพากันขับเรือออกไปตั้งวงดื่มกินและเล่นน้ำอยู่สันดอนทรายกลางแม่น้ำโขงเนื่องจากระดับน้ำผันผวนหนักระดับน้ำจะหนุนขึ้นลดลงแต่ละวันไม่แน่นอน อาจเกิดอุบัติเหตุทางน้ำได้และสุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางน้ำและสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

นาวาโท เฉลิมศักดิ์ ไชยกิจ หน.สน.เรือมุกดาหาร เปิดเผยว่า ในส่วนของสันดอนทรายมีสันดอนที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นมันมีความแตกต่างกันกับหาดทราย ซึ่งหาดทรายจะต้องเป็นหาดทรายที่เกิดขึ้นจากฝั่งไทย เวลาน้ำลงก็จะเป็นหาดทรายยื่นออกมา โดยมันต่างจากสันดอนซึ่งเกิดจากบริเวณกลางแม่น้ำโขง โดยไม่มีพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งติดต่อกันกับริมฝั่งโขงของประเทศไทย ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่บริเวณนี้ อยากจะบอกกับประชาชนว่ามันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งล่าสุดมีนักท่องเที่ยวบรรทุกเรือติดเครื่องยนต์ความเร็วมาที่ จ.มุกดาหาร แล้วพากันขับเรือออกไปตั้งวงดื่มกินและเล่นน้ำอยู่สันดอนทรายกลางแม่น้ำโขงซึ่งสุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางน้ำและสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศย้ำพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว เพราะอาจผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

พิษณุโลก - ม.นเรศวร เปิดหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาช่างสิบหมู่

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก  ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หอพระไตรปิฎก และห้องนิทรรศการช่างสิบหมู่

โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร  พร้อมด้วย นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และผู้บริหารจากมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมทั้งเป็นการพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาช่างสิบหมู่ให้คงอยู่สืบไป ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

หลังจากนั้น เยี่ยมชมหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (King Naresuan the Great Hall of Honor) จัดแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตั้งแต่พระองค์พระราชสมภพ ศึกเมืองคังมีแผ่พระบรมเดชานุภาพ ประกาศอิสรภาพ และสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา

หอพระไตรปิฎก มหาวิทยาลัยนเรศวร (Tripitaka Hall) จัดแสดงพระไตรปิฎก ที่เป็นหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรวบรวมบันทึกหลากหลายภาษาของหลายชนชาติ เช่น ภาษาพม่า ภาษาฮินดี ภาษาจีน และอื่น ๆ  ทั้งในรูปแบบหนังสือ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ห้องนิทรรศการช่างสิบหมู่ (Ten Divisions Of Traditional Thai Crafts) จัดแสดงงานศิลปกรรมต่าง ๆ ในหัวข้อ “มหาวิทยาลัยนเรศวรกับงานช่างสิบหมู่” เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญางานช่างสิบหมู่ที่เกิดจากการวิจัย ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ มาจัดแสดงในรูปแบบของนิทรรศการ เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางด้านศักยภาพ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย และชมสาธิตการดุนโลหะดอกเสลาและดอกรวงผึ้งแบบประยุกต์ การปักไทย โดยศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยนเรศวร

 

นครนายก - สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ จัดประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก

ที่แก่งน้ำซับ รีสอร์ท ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายศิริรัฐ เข็มนาค นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก คุณวกุล เข็มนาค รองนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก นายสว่าง ทองไพ ผู้ประสานงานสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ พร้อมคณะ จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก

โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงระเบียบวาระในการประชุมเช่นการแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม พิจารณาแบ่งอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการสมาคม พิจารณาการจัดทำแผนเพื่อการขับเคลื่อนสมาคมฯให้เกิดการบูรณาการทั้งจังหวัดและกลุ่มจังหวัดฯลฯ เป็นต้น

ตามที่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก โดยมีมติที่ประชุมมอบหมายให้นายศิริรัฐ เข็มนาค ตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก ต่อนายอำเภอเมืองนครนายก เพื่อให้จังหวัดนำเสนอต่อนายทะเบียนสมาคมจังหวัดนครนายกพิจารณา บัดนี้ นายทะเบียนสมาคมจังหวัดนครนายก ได้พิจารณารับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายกให้มีฐานะนิติบุคคลแล้ว

เชียงใหม่ - ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมสนับสนุนโครงการ ‘ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน บ้านดอยปุย’ ประจำปี 2565

นาวาอากาศโท มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) นำผู้บริหารและพนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมกิจกรรม “โครงการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน บ้านดอยปุย ประจำปี 2565” ณ บ้านดอยปุย หมู่ 11 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งสนับสนุนน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ ทอท.จำนวน 3,000 แก้ว/ขวด และงบประมาณจำนวน 5,000 บาท สมทบกองทุนในการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นยานพาหนะหลักที่ใช้ในการเข้าถึงพื้นที่เพื่อดับไฟป่าได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชนจิตอาสาในชุมชน เพื่อลดและป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่า ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ด้วยการจัดทำแนวกันไฟเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งถือเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ โดยในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี มักจะเกิดไฟป่า ทำให้ต้นไม้และทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย เกิดปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และบางครั้งยังมีผลต่อทัศนวิสัยการขึ้นลงของอากาศยานอีกด้วย

กระบี่ - ‘ปลาดาวทะเล’ สีแดงอมสีส้ม นับหลายร้อยตัว!! ยังคงหาดูได้ที่ อ่าวทึง ต.หนองทะเล อ.เมือง เขตอุทยานแห่งชาติ ‘หาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพี’ ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์!!

นางสาวโรจนา บุญชูวงศ์ นายสถานีวิทยุกระจายเสียงองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย จังหวัดกระบี่ หรืออ.ส.ม.ท. จังหวัดกระบี่ และรักษาการ นายสถานีอ.ส.ม.ท.จังหวัดตรัง พร้อมคณะได้เดินทางเข้าพื้นที่อ่าวทึง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่. เพื่อติดตามดูปลาดาวทะเล ซึ่งชาวบ้านบอกว่าจะพบเห็นได้ในช่วง วันขึ้น 1- 5 ค่ำ ของเดือน ในช่วง น้ำทะเลลดต่ำสุดจะเห็นแนวปะการังน้ำตื้นใกล้ฝั่ง และหญ้าทะเลน้ำตื้นที่ทอดเป็นแนวยาว กว่า 1 กิโลเมตร

นางสาวโรจนา บุญชูวงศ์ นายสถานีวิทยุอ.ส.ม.ท. จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่าได้พบเห็นแนวปะการังน้ำตื้น วางเรียงรายเป็นจำนวนมากและในแนวหญ้าทะเลน้ำตื้นยังอุดมสมบูรณ์ กว่า 1 กิโลเมตรจะมีปลาดาวทะเลตัวสีแดงอมสีส้ม วางเรียงรายเป็นแนวยาวนับหลายร้อยตัว และยังพบปลาดาวทะเลเผือกสีเหลืองอ่อน ๆ ด้วยจำนวนหนึ่ง สร้างความตื่นตาและ ประทับใจในความสวยงามเป็นอย่างมาก จึงได้ถ่ายภาพนิ่งและบันทึกภาพวิดีโอเอาไว้เป็นที่ระลึกและเตรียมนำเผยแพร่ทางสื่อวิทยุ สื่อโซเชียล เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักทั่วไปและเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความสวยงามของปลาดาวทะเล ที่อ่าวทึง ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพีจังหวัดกระบี่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top