Tuesday, 1 July 2025
SPECIAL

‘นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย’ ทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา พร้อมกราบนมัสการ ‘พระอโสโกภิกฺขฺ’ พระเอกหนังโรงศรีลังกา บทเจ้าชายสิทธัตถะ!

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร เวลา 08.00 น. "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการ และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎรเข้ากราบนมัสการ และ ร่วมถวายภัตตาหารเช้า "พระอโสโกภิกฺขฺ" (นายกากัน มาลิก) นักแสดงพระเอกหนังโรงของศรีลังกา เรื่อง "ศรีสิทธัตถะโคตมะ" โดยรับบทเป็น "เจ้าชายสิทธัตถะ" 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ลงทุนสร้างโดยมูลนิธิ The Light of Asia ออกฉายในประเทศอเมริกาเมื่อปี 2013 มีหลายภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายรัง แก๊งค์ Call Center & Admin page ชาวไทยกว่า 70 คน หลอกชักชวนลงทุนออนไลน์และพนันออนไลน์ ก่อนเชิดเงินและบล็อคการติดต่อเหยื่อ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขผบ.ตร. ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็น นโยบายสำคัญที่ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัดกับผู้ระทำความผิดไม่มีละเว้น

จากกรณี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ว่าได้ถูกคนร้ายหลอกให้หลงเชื่อเพื่อให้นำเงินไปลงทุนกับคนร้าย โดยคนร้ายอ้างว่าสามารถนำเงินของผู้เสียหายไปลงทุนจนได้กำไรสูง ซึ่งต่อมาคนร้ายได้แจ้งให้ผู้เสียหายว่าได้รับกำไรจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว แต่ผู้เสียหายต้องโอนเงินเป็นค่าถอน ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และค่ารหัสผ่านในการถอนเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินให้แก่กลุ่มคนร้ายหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 12,139,000.25 บาท ต่อมาภายหลัง เมื่อผู้เสียหายทราบว่าตนถูกหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ สั่งการให้ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เป็นผู้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ได้ออกสืบสวนคดีนี้ พบว่ากลุ่มคนร้ายได้เปิดเพจหลอกลงทุนและนำเงินจากการลงทุนมาเล่นพนันออนไลน์

ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน หาตัวคนร้ายกับกลุ่มที่ร่วมขบวนการ ทราบว่า ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ หอพักคิตตี้ เลขที่ 601 หมู่ 10 ชั้น 2 ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี จึงได้วางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขออนุญาตศาลจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว

ผลการตรวจค้นพบ สถานที่ทำงาน ใช้ตึกอพาร์ทเม้นท์ 2 ชั้น ดังกล่าว โดยแบ่งเป็นชั้นๆละ 18 ห้อง รวม 36 ห้อง ชั้นบนเป็นที่พักพนักงาน ชั้นล่างเป็นที่ทำงาน ไม่รับบุคคลนอกและไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไป แต่ใช้เป็นที่ทำงาน Call Center & Admin page ในการชักจูงและหลอกให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนการพนันผ่านทางช่องทางเฟสบุ๊ค และทางไลน์ ซึ่งการทำงานของกลุ่มคนร้าย มีการแบ่งการทำงานแต่ละห้อง พบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือในการกระทำความผิดและพักอาศัยอยู่ตึกดังกล่าวทั้งหมด

จากการตรวจค้นพบผู้กระทำความผิด 66 คน, เงินสด 1,300,000 บาท, ทองคำ 20 บาท, รถยนต์ 3 คัน, คอมพิวเตอร์ 87 เครื่อง,​โทรศัพท์มือถือ 23 เครื่อง, อาวุธปืน ขนาด .45 ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน .45 จำนวน 25 นัด, บัญชีธนาคาร 50 เล่ม ซึ่งพบเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ได้รับการว่าจ้างจากนายทุน ให้เงินเดือนเดือนละหมื่นต้นๆ โดยอาศัยที่ดังกล่าว รวมถึงมีอาหารไว้ให้พนักงานที่ร่วมกระบวนการโดย การชักจูงให้โอนมาลงทุน เมื่อได้รับเงินก็จะหลอกหลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพิ่มเรื่อยๆ​ และเมื่อผู้เสียหายเริ่มรู้ก็ทำการบล็อคหนี

ซึ่งในเบื้องต้น จะควบคุมผู้ต้องหา ทั้ง 66 ราย ส่ง พงส.สภ.ศรีมหาโพธิจว.ปราจีนบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น อุบายประกาศ โฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.การพนัน” และ ดำเนินคดีกับ ผู้ที่มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อม ดำเนินการขยายผลในความผิดฐานฟอกเงิน และ การกระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนต่อไป

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จับมือ ‘กสทช.’ ดึงผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์ ร่วมมือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และหลอกลวงทางออนไลน์!!

วันนี้(15 ก.พ.65) เวลา 15.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) หรือ ศูนย์ PCT และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช., พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ เช่น AIS DTAC TRUE บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ 3BB

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมายัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาประสานความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ในเรื่องการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยในที่ประชุมมีการหารือความร่วมมือ ดังต่อไปนี้

1. การขอความร่วมมือให้สำนักงาน กสทช.และผู้ให้บริการ แจ้งประชาสัมพันธ์/ส่งข้อความเตือนภัย ให้ความรู้แก่ประชาชน ถึงรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 14 รูปแบบ ได้แก่

(1)หลอกขายของออนไลน์ (2) คอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ข่มขู่ให้เกิดความกลัว (3) เงินกู้ออนไลน์ ดอกเบี้ยโหด (4)เงินกู้ออนไลน์ ที่ไม่มีจริง (เงินกู้ทิพย์) (5)หลอกให้ลงทุนต่างๆ (6)หลอกให้เล่นพนันออนไลน์ (7) ใช้ภาพปลอมหลอกให้หลงรักแล้วโอนเงิน (Romance scam) หรือ หลอกให้ลงทุน (Hybrid scam) (8)ส่งลิงก์ปลอมเพื่อหลอกแฮ็กเอาข้อมูลส่วนตัว (9) อ้างเป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว (10) ปลอม Line , Facebook หรือ Account หลอกยืมเงิน (11) ข่าวปลอม (Fake news) - ชัวร์ก่อนแชร์ (12) หลอกลวงเอาภาพโป้เปลือยเพื่อใช้แบล็คเมล์ (13) โฆษณาชวนไปทำงานต่างประเทศแล้วบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย (14) ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

2. การขอความร่วมมือผู้ให้บริการ ผู้รับใบอนุญาต ในการแก้ปัญหาการหลอกลวงประชาชนโดยใช้การปลอมหมายเลขโทรศัพท์ จากการใช้เทคโนโลยี VoIP (Voice over Internet Protocol) นั้น ผู้ให้บริการต่อสาย VoIP ไปยังปลายทาง (Call Termination) ต้องตรวจสอบการโทรที่มาจากต่างประเทศ หากเบอร์ที่โทรมานั้นมีรูปแบบเป็นเบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์พิเศษ 3 หลัก หรือเบอร์พิเศษ 4 หลักของประเทศไทย ให้ผู้ให้บริการดังกล่าวตัดสายเพื่อไม่ให้ส่งต่อการโทรนั้นไปยังปลายทางในประเทศไทย และกำชับผู้ให้บริการต่อสาย VoIP ไปยังปลายทาง (Call Termination)ดังกล่าว ต้องแสดงเบอร์โครงข่ายของตนเองหรือโครงข่ายที่ตนเองเช่าใช้ ที่โทรศัพท์ที่รับสายปลายทางด้วย หากพบว่ามีการโทรเข้าโดยส่งเบอร์แปลกปลอมที่ไม่ใช่เบอร์ของตนเองเข้ามาให้ตัดสายนั้นทันที ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการปลอมแปลงเบอร์โทรเข้ามา รวมทั้งให้แสดงแหล่งที่มาของข้อมูลที่มาจากต่างประเทศ ให้ชัดเจน แตกต่างจากข้อมูลภายในประเทศ เช่น มีเครื่องหมาย + หรือสัญลักษณ์เฉพาะ ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของประชาชน เพื่อจะได้ทราบในทันทีจะได้ไม่หลงเชื่อว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐ

3. การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล/ช่องทางการส่งข้อมูล(Traffic) ที่คนร้ายใช้ในการติดต่อ เพื่อสืบสวนหาต้นตอในการจับกุม สืบสวน และปิดกั้นช่องทางการส่งข้อมูล(Traffic) ดังกล่าวต่อไป

ด้านนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล กล่าวว่า ทางสำนักงาน กสทช. ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้มีความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อร่วมกันดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อการป้องกันการใช้เทคโนโลยีของมิจฉาชีพไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภัยอันตรายดังกล่าว และการให้ข้อมูลสนับสนุนการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในเรื่องประเด็นการส่งข้อความสั้นหรือ SMS และการหลอกลวงของแก๊งคอลเซนเตอร์

รู้ทันภัยออนไลน์ “ตัดสาย - บล็อกเบอร์” ลดโอกาสเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยความห่วงใยจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(15 ก.พ.65)​ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ในห้วงปัจจุบันมิจฉาชีพได้มีการเปลี่ยนแปลงกลโกงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรวมถึงการปลอมตัวเป็นคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร หรือบริษัทต่าง ๆ บ้างก็ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือปลอมเป็นพนักงานบริษัทรับส่งพัสดุ อ้างว่าพี่น้องประชาชนที่รับสายนั้นมีการส่งของผิดกฎหมาย จนนำไปสู่การโน้มน้าวหลอกลวงให้โอนเงินจนสูญเสียทรัพย์สิน นั้น

ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ว่าหากมีเบอร์โทรศัพท์ที่ท่านไม่รู้จัก ติดต่อเข้ามาหาท่าน แล้วอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือพนักงานจากบริษัทต่าง ๆ แล้วโน้มน้าวให้ท่านโอนเงินให้ ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ และขอให้ท่านตัดสายเลิกสนทนาทันที หลังจากนั้นขอแนะนำให้บล็อกเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โทรเข้ามาหาท่าน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียทรัพย์สินได้ เพราะการคุยกับมิจฉาชีพต่อไป อาจทำให้เกิดความเสียหาย เนื่องจาก 

มิจฉาชีพจะใช้กลยุทธ์ "ร้อยเรียงเรื่องราว" พูดคุยจนเหยื่อหลงเชื่อ เคลิบเคลิ้มไปตามคำพูด จนยอมบอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลด้านการเงิน อันเป็นความลับ จนกระทั่งถูกหลอกให้โอนเงินไปในที่สุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ งดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา “วันมาฆบูชา” ประจำปี 2565

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร  ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันพุธ ที่ 16 ก.พ. 65 เป็นวันมาฆบูชา  ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่ตามประกาศ

>> สำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ  หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 39

แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551  คือระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข  ผบ.ตร. ได้มีหนังสือสั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบการร้านค้าทุกประเภท ทั้งร้านค้าในชุมชน  ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  รวมถึงสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด  ทั้งชนิดขายส่งและขายปลีกทั่วราชอาณาจักร ตลอด 24 ชั่วโมง คือหลังเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 15 ก.พ. 65  ไปจนถึงเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 16 ก.พ. 65 พร้อมทั้งจัดสายตรวจ ออกตรวจตราสถานที่ที่อาจมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ได้แก่ ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง คาราโอเกะ ร้านอาหารตามสั่งในชุมชน ริมทาง  บริเวณสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น หากตรวจพบผู้ที่ฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

 

กาฬสินธุ์ - ผู้ว่าฯ เปิดงานประเพณีบุญคูณลานและมหกรรมของดี ประจำปี 2565 เพื่ออนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีและมหกรรมของดีอำเภอฆ้องชัย

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์  เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีบุญคูณลานและมหกรรมของดี อำเภอฆ้องชัย ประจำปี 2565  อำเภอฆ้องชัย โดยมีนายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอฆ้องชัย พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงาน หัวหน้าส่วนราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และทุกภาคส่วนของอำเภอฆ้องชัยได้ร่วมกันจัดขึ้น ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่าการจัดงานประเพณีบุญคูณลานและมหกรรมของดี อำเภอฆ้องชัย ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดขึ้นครั้งนี้ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณี ส่งเสริมให้เกษตรกรนำผลผลิตในพื้นที่มาจำหน่ายในงานและเป็นการสร้างความสามัคคีของชาว อ.ฆ้องชัย

ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขงแผลงฤทธิ์!! ตรวจยึดบ้าล๊อตใหญ่ จากขบวนการค้ายาข้ามชาติทะลักเข้าประเทศ ขนครั้งละ 4 กระสอบ จำนวน 1,638,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 15.00 น. นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม/ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม เป็นประธาน แถลงข่าวผลการดำเนินงาน ตามแผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม "ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง" ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม

โดยมีนายชวนินทร์ วงค์สถิตจินกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ,นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม  พล.ร.ต. สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ,พล.ต.ต. ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ,พ.อ.จักริน จิตคติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน, พันเอก สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, พ.อ. ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยจังหวัดนครพนมได้จัดทำแผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดขึ้น เพื่อบูรณาการหน่วยงานความมั่นคง ในพื้นที่ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานด้านยาเสพติดของจังหวัดนครพนมภายใต้ “ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง” ประจำปี 2565 

ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 กกล.สุรศักดิ์มนตรี โดย ฉก.ทพ.21 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต ณรงค์ สวนแก้ว  ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี และ พ.อ. อุทัย  นิลเนตร ผบ.ฉก.ทพ.21 จากการบูรณาการด้านการข่าวในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังประเทศไทยตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง จึงได้สั่งการให้กองร้อยทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 นำทีมโดย ร.อ.ธนากร นาเหล็ก ผบ.ร้อย.ทพ.2109 ฉก.ทพ.21 จึงจัดกำลังพล ร่วมกับ ชฝด.3 นฝด.2 และ มว.QRF ที่ 2 ร้อย.QRF กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ร้อย.ตชด.237, นรข.เขตนครพนม สน.เรือบ้านแพง, ฝ่ายปกครองอำเภอท่าอุเทน และ สภ.ท่าอุเทน ทำการ ลว.เฝ้าตรวจ จุดเสี่ยง/จุดล่อแหลม เพื่อป้องกันสกัดกั้นการลักลอบขนย้ายยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และการกระทำผิดเงื่อนไขตามแนวชายแดน

ครั้นเมื่อเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนมาถึง บริเวณ ริมแม่น้ำโขง พื้นที่ บ.เหล่าสวนกล้วย ม.4 ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ตรวจพบบุคคลชายต้องสงสัยลักษณะท่าทางมีพิรุธ จำนวน 5 คน วิ่งลงไปในแม่น้ำโขง แล้วนั่งเรือกีบติดเครื่องยนต์แล่นออกจากบริเวณดังกล่าวและตัดข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบบริเวณโดยรอบ พบยาบ้า จำนวน 3 จุด จุดที่ 1 พบเป็นยาบ้า จำนวน 1 กระสอบ และอีก 1 ถุงเล็ก จุดที่ 2 พบยาบ้า จำนวน 1 กระสอบ จุดที่ 3 พบยาบ้า จำนวน 2 กระสอบ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว ของกลางทั้งหมด นำมายัง บก.ร้อย.ทพ.2109 เพื่อตรวจสอบและตรวจนับรายละเอียด จึงได้แจ้งประสานหน่วยงานในพื้นที่ร่วมตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และต่อมาในวันเดียวกัน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี(กกล.ฯ) โดย กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108(ทพ.2108) หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ฉก.21) กองบังคับการควบคุมที่ 2 (กรมทหารราบที่ 13) ฐานปฏิบัติการบ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม สนธิกำลังร่วมกับ หมวด QRF.ที่ 2 กองร้อย QRF. และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทำการลาดตระเวนด้วยรถจักรยาน ยนต์ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนถึงบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้าน บ้านดอนสะฝาง หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม

พบบุคคลต้องสงสัย ขับขี่รถจักรยาน ยนต์ ยี่ห้อ HONDA SONIC สีดำ – แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับวนไป – มาหลายรอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ แต่บุคคลต้องสงสัยดังกล่าว ได้ขับขี่รถจักร ยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ ตรวจพบวัตถุพันด้วยเทปกาวสีดำ จำนวน 1 ก้อน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดมาเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด จากการตรวจสอบ พบเป็น ยาบ้าจำนวน 15 ถุง ตรวจนับได้ 3,011 เม็ด (เม็ดสีแดง 2,980 เม็ด, เม็ดสีเขียว 31 เม็ด) จากนั้น ได้นำของกลางทั้งหมด ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เชียงใหม่ - อบจ.เชียงใหม่ เปิดงาน “มนต์เสน่ห์สีสัน วัฒนธรรมชาติพันธุ์เชียงใหม่” ประจำปี 2565

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ราษฎรบนพื้นที่สูง เครือข่ายวัฒนธรรม ภูมิปัญญา จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมจัด กิจกรรมตามโครงการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาชาติพันธุ์ เพื่อพัฒนางานหัตถกรรมเชียงใหม่ WCC ขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญา งานหัตถกรรมของท้องถิ่น และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ของจังหวัดเชียงใหม่ ณ บริเวณหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน"มนต์เสน่ห์สีสัน วัฒนธรรมชาติพันธุ์เชียงใหม่" ประจำปี 2565 พร้อมด้วยนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งร่วมสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตที่ดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์ให้คงอยู่จังหวัดเชียงใหม่ มีทรัพยากรทางภูมิปัญญาที่ถูกสั่งสมองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ที่เสมือนเครื่องมือในการบ่งบอกว่าพื้นที่แห่งนี้ มีความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมมาแต่ช้านาน ซึ่งสะท้อนรูปแบบการอยู่รวมกันของประชาชนกลุ่มชนชาติพันธุ์หลากหลาย

แยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง คือ กะเหรี่ยง (ปกาเกอญอ) ม้ง (แม้ว) ลาหู่ (มูเซอ) ลีซู (ลีซอ) อีก้อ (อาข่า) จีนฮ้อ ปะหล่อง (ดาลาอั้ง) ลั๊วะ(ละว้า) เมี่ยน (เย้า) คะฉิ่น และกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นราบ คือ ไทยวน (คนเมือง) ไทใหญ่ (ไตใหญ่) ไทเขิน (ไตเขิน) ไทลื้อ (ไตลื้อ) ไทยอง (ไตยอง) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาคู่กับเมืองเชียงใหม่มาช้านาน จึงได้ร่วมจัดงานนี้ขึ้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญา งานหัตถกรรมของท้องถิ่น และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของจังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการประกวดธิดาดอย การแสดงศิลปวัฒนธรรม การจัดนิทรรศการวิถีวิตชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ของกลุ่มชาติพันธุ์ และการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า งานหัตถกรรม ซึ่งถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งในการแสดงถึงความมุ่งมั่นในสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านขององค์การยูเนสโก

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ เที่ยวชมงาน "มนต์เสน่ห์สีสัน วัฒนธรรมชาติพันธุ์เชียงใหม่" เวลา 11:00 - 21:00 น. ระหว่างวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2565 ณ บริเวณหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษาองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยยังเป็นการจัดงานภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สมุทรปราการ - บิ๊กโจ๊ก!! สนองนโยบายรัฐบาล ลงพื้นที่ตรวจเรือประมง กว่า 10,000 ลำ ก่อนออกใบอนุญาต ลั่น! พร้อมปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย

ที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เดินทางมาเป็นประธาน เปิดปฏิบัติการ joint Mission by IUU Hunter ณ บริเวณท่าเทียบเรือสะพานปลาสมุทรปราการ โดยมี นายอานันต์ อัลมาตร์ ผอ.กองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิตกรมประมง พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่จาก กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และองค์กรภาคประชาสังคมตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมให้การต้อนรับและร่วมในพิธีเปิดปฏิบัติการการตรวจเครื่องมือประมงพาณิชย์แบบบูรณาการ

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เปิดเผยว่า โดยในวันนี้ได้มีการกำหนดให้มีการตรวจสอบเรือประมง โดยการสอบตรวจเรือประมงนั้น จะอยู่ในระยะเวลาคราวละ 2 ปี ต่อครั้ง ซึ่งในวันนี้ก็ครบรอบในการตรวจสอบเรือประมงเพื่อที่จะออกใบอนุญาตในปี 65 - ปี 67 โดยยอมรับว่าในรัฐบาลปัจจุบันโดยท่าน พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดแม่แบบโดยให้ประเทศไทยเป็นผู้นำอาเซียนในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย

และสิ่งสำคัญในวันนี้คือ การทำประมงอย่างยั่งยืนเพื่อให้สัตว์น้ำอยู่ต่อถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยได้กำหนดมาตรการ 4 ส่วน คือ การตรวจการออกใบอนุญาตเรือประมงพาณิชย์ การกำหนดมาตรฐานของเรือประมง การกำหนดการตรวจสภาพการจ้างงานเพื่อคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของลูกจ้างเรือประมง และการกำหนดเครื่องมือการจับสัตว์น้ำการทำประมง เพื่อช่วยควบคุมดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้อยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปในอนาคต

กระบี่ - "รักเหม็ดใจ ฮาโหร๋ย อินเลิฟหลาวนิ" อ.คลองท่อม จัดกิจกรรมคู่รักวาเลนไทน์ จูงมือ "จดทะเบียนสมรส" เนื่องในวันแห่งความรัก พร้อมแจกของขวัญจับฉลากลุ้นรางวัล

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ที่ว่าการอำเภอคลองท่อม นำโดยนายไพศาล ศรีเทพ นายอำเภอคลองท่อม นายมณทิพย์ นำพา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มทะเบียนและบัตร จัดกิจกรรม "รักเหม็ดใจ ฮาโหร๋ย อินเลิฟหลาวนิ"

ได้มีการเชิญชวนให้คู่รักมาร่วมจดทะเบียนสมรสในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565  ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ เริ่มกิจกรรมตั้งแต่เวลา 8:00 น. 

โดยได้มีการจัดมุมถ่ายภาพน่ารัก ๆ ไว้ให้คู่รักที่มาร่วมจดทะเบียนได้เก็บภาพบรรยากาศความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก  และทางอำเภอได้มีการแจกของรางวัลจับฉลากลุ้นรางวัลใหญ่แหวนทองคำ และของรางวัลอีกมากมาย ณ ที่ว่าการอำเภอคลองท่อม

ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชน และมีคู่รักที่ร่วมเดินทางมาจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์

ระยอง - วท.นิคมอุตสาหกรรมระยอง MOU หน่วยงานในพื้นที่ 53 แห่ง มุ่งขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอน ดึงเด็กนอกระบบสู่การสร้างอาชีพ

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ว่า ทางวิทยาลัยฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับศึกษาธิการจังหวัดระยอง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา จังหวัดระยอง สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ประถมศึกษา ผู้อำนวยการเขตพื้นที่มัธยมศึกษา โรงเรียนในสังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น  และโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวม 53 แห่ง ในการสร้างเครือข่ายการศึกษาอาชีวศึกษา

เพื่อการประกอบชีพ สนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาและร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ดึงเด็กนอกระบบการศึกษาเข้าสู่ระบบด้วยการสร้างอาชีพ ส่งเสริมให้มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ระหว่างเรียน และภายในงานมีนิทรรศการอาชีพต่าง ๆ ของแต่ละสาขาวิชาที่เกิดจากการจัดการเรียนการสอนแบบล๊อคคอร์สรายวิชา มาให้คณะผู้เข้าร่วมได้รับชม ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งนักเรียน และคณะผู้ร่วมงาน 

ปทุมธานี - พระครูปลัดบัญชา จัดสร้างองค์ท้าวเวสสุวรรณบัญชาทรัพย์ อลังการณ์ใหญ่สุดในปทุมธานี!!

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ วัดสุนทริการาม (คลองสิบสอง) ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี โดย ท่านพระครูปลัดบัญชา ปญฺญาธโร ท่านเจ้าอาวาสวัด ประธานฝ่ายสงฆ์  นายสมบัติ วงค์กวน สจ.เขต2 อำเภอหนองเสือ ประธานฝ่ายฆราวาส  พร้อมคณะกรรมการ เหล่าศิษยานุศิษย์ และประชาชนที่ศรัทธา ร่วมกันเข้าพิธีบวงสรวงเทปูนสร้างฐานหล่อโครงสร้างองค์ ท้าวเวสสุวรรณบัญชาทรัพย์ สุดยิ่งใหญ่อลังการณ์ มีขนาดกว้าง 5เมตร สูง 9 เมตร ใหญ่สุดในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จ ภายในเดือน เมษายน 65 นี้

ทั้งนี้ ตามตำนานพุทธศาสนา ท้าวเวสสุวรรณ ในอดีตชาติเป็นพราหมณ์ผู้ใจบุญ เปิดโรงงานหีบอ้อยจนร่ำรวย โดยมักบริจาคเงินทอง ให้กับผู้ยากไร้ ด้วยบุญกุศลที่ทำมา พระพรหมและพระอิศวร จึงให้พรเป็นอมตะ เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั่วปฐพี เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ผู้คนจึงนิยมพากันกราบไหว้บูชาองค์ท่าน พระครูปลัดบัญชา ปญฺญาธโร

ยะลา - 31 คู่รักจดทะเบียนสมรส!! ในงาน "เบตงที่รัก รักที่สุด ใต้สุดสยาม @รักใต้ไอหมอก" จุดชมวิวทะเลหมอก สกายวอร์คอัยเยอร์เวง

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 ก.พ.65 ที่จุดชมวิวทะเลหมอก สกายวอร์คอัยเยอร์เวง (SKY WALK AYERWENG) หมู่4 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ใครเดินทางมาถึงอำเภอเบตงต้องเดินทางขึ้นไปชมความงามของทะเลหมอก และเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวว่าทะเลหมอกสวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ พร้อมทั้งยังสามารถชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี ซึ่งถือว่าเป็นทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดในภาคใต้ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เป็นประธานเปิดงานจดทะเบียนสมรส "เบตงที่รัก รักที่สุด ใต้สุดสยาม @รักใต้ไอหมอก" ประจำปี 2565 

โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  พร้อมด้วย นางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน นักท่องเที่ยว และ คู่รัก จำนวน 31 คู่ เข้าร่วม

สำหรับจุดที่จัดให้มีการจดทะเบียนสมนส คือ บริเวณทางเดินบนสกายวอร์คอัยเยอร์เวง มีนายอำเภอเบตง เป็นนายทะเบียน จดทะเบียนให้คู่รักทุกคู่ เมื่อถึงเวลาคู่รัก ทั้ง 31 คู่ ซึ่งมีทั้งหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชน ในพื้นที่บุคคลที่ราบสูง และ ชนเผ่าอัสรี อีก 3 คู่ แต่งกายด้วยชุด บ่าวสาว ชุดไทย ชุดมลายู ชุดจีนชุดสวยงาม เสื้อผ้าคู่ เดินจูงมือคู่ของตน ผ่านซุ่มดอกไม้ ซุ่มลูกโป่ง ที่จัดไว้อย่างสวยงาม เพื่อมารับช่อกุหลาบจากผู้ร่วมงาน แขกผู้มีเกียรติ ที่แต่งกายสวยงามด้วยตีมสีแดง สีชมพู ชุดสวยงามต่าง ๆ เช่นกัน 

หลังจากที่คู่รักทุกคู่ได้ทำการจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คู่รักทั้งหมดก็ลงมาบริเวณลานด้านล่างเพื่อมาร่วมกิจกรรมจับสลาก พร้อมรับของรางวัล ที่ทำอำเภอเบตงจัดขึ้น

ตร.เตือน 3 ภัย!! ‘หลอกรักออนไลน์’ ช่วงวาเลนไทน์ รักมาก เปย์มาก สุดท้ายใจสลาย!!

วันที่ 14 ก.พ. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ด้วยในวันที่ 14 ก.พ. ของทุกปี เป็นวันเทศกาลวาเลนไทน์ หรือที่เรียกกันว่าเทศกาลแห่งความรัก ที่คู่รักทั่วโลก รวมถึงคู่รักในประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้ในการแสดงออกถึงความรัก ด้วยการส่งดอกไม้ ของขวัญ เงิน ให้คนรักเนื่องในโอกาสพิเศษนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาศัยโอกาสจากเทศกาลแห่งความรัก มาหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน โดยอาชญากรรมออนไลน์ที่คนร้ายเป็นชาวต่างชาติใช้ความรักในการหลอกลวงเหยื่อหลัก ๆ มี 3 ประเภท ดังนี้

1. Romance Scam หลอกรักให้เปย์ แล้วเททิ้ง

คนร้ายเป็นแก๊งชาวผิวสี เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอมโดยใช้รูปผู้อื่นส่วนใหญ่จะปลอมเป็นชาวยุโรป อเมริกัน หรือชาวตะวันออกกลาง ที่หน้าตาดี หล่อ รวย หน้าที่การงานดี มีการใช้ชีวิตที่หรูหราเข้ามาทักทายเหยื่อ(เป้าหมายคือหญิงไทยอายุ40ปีขึ้นไป)ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยอ้างว่าภรรยาเสียชีวิตหรือหย่าร้าง อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับหญิงไทย โดยถูกใจเหยื่อมากใช้วิธีการแชทเรียกเหยื่อหวานหยดย้อย เช่น Darling, Sweetheart,My love พอเหยื่อหลงเชื่อและหลงรัก ก็จะเริ่มหลอกลวงเพื่อหวังเงินจากเหยื่อ

โดยจะใช้วิธีการต่าง ๆ ได้แก่ อ้างว่าจะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้ จากนั้นจะมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นคนไทยจะติดต่อเหยื่อโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรหรือบริษัทส่งของระหว่างประเทศ มีการเรียกเก็บภาษีหรือค่าปรับจากเหยื่อ , อ้างว่าป่วยแต่ประกันสุขภาพมีปัญหา ขอให้เหยื่อโอนค่ารักษาพยาบาลมาให้ , อ้างว่าได้รับมรดกจำนวนมากแต่ต้องมีการจ่ายภาษีมรดกก่อน ขอให้เหยื่อช่วยโอนเงินมาให้ และ อ้างว่าได้รับสัมปทานหรือทำสัญญากับภาครัฐ จะได้ผลกำไรจำนวนมาก ขอให้เหยื่อโอนเงินมาจ่ายให้กับภาครัฐก่อนทำสัญญา เป็นต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะสูญเงินทั้งหมดไป

2. Hybrid Scam หลอกรักชวนลงทุน

คนร้ายเป็นแก๊งชาวจีน เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม โดยใช้รูปหญิงสาวสวยชาวเอเซีย น่าเชื่อถือ ลักษณะเหมือนนักธุรกิจ เข้ามาเข้ามาทักทายเหยื่อ(เป็นผู้ชายอายุ30ปีขึ้นไปที่เข้าใจระบบการลงทุนออนไลน์)ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน พอเหยื่อหลงเชื่อหรือหลงรัก คนร้ายก็จะบอกกับเหยื่อว่ามีธุรกิจใหม่น่าลงทุน ผลตอบแทนสูง เช่น การเทรดค่าเงินต่างประเทศ อ้างว่าได้กำไรแน่นอน จากนั้นจะส่งลิงก์แอพพลิเคชัน มาให้เหยื่อติดตั้งในโทรศัพท์ และเริ่มมีการนำเงินมาลงทุน แรก ๆ จะได้กำไรจริง จากนั้นจะชักชวนเหยื่อให้เพิ่มวงเงินการลงทุน เมื่อเทรดแล้วได้กำไร การจะนำเงินออกจากระบบต้องจ่ายภาษี 30-40% เช่น ถ้าลงทุนได้กำไร 1,000,000 บาท ต้องโอนเงินประมาณ 400,000 บาท เจ้าระบบก่อน เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าระบบแล้ว ก็จะไม่สามารถถอนเงินออกได้ทำให้เหยื่อหลงเชื่อสูญเงินเป็นจำนวนมาก

3. Sextortion หลอกให้ถ่ายคลิปช่วยตัวเองแล้วเอามาแบล็คเมล์ (Blackmail) 

คนร้ายเป็นแก๊งชาวฟิลิปปินส์ เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีทางสื่อสังคมออนไลน์ปลอม โดยใช้รูปหญิงสาวสวย เซ็กซี่ เข้ามาเข้ามาทักทายเหยื่อ(เป็นผู้ชาย ที่มีหน้าที่การงานมั่นคง มีฐานะดี เป็นที่นับถือในสังคม เป็นคนรักครอบครัว)ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แล้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน พอเหยื่อหลงเชื่อจะขอ วิดีโอคอล ชักชวนให้เหยื่อถ่ายคลิปวิดีโอ ช่วยตัวเองหรือภาพลามกของเหยื่อส่งมาให้กับคนร้าย จากนั้นจะบันทึกภาพหรือคลิปของเหยื่อไว้ นำมาข่มขู่เอาเงิน หากไม่ยินยอมจะขู่ว่าปล่อยคลิปดังกล่าวสู่สาธารณะ หรือส่งให้ภรรยา ผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนของเหยื่อ จนเหยื่อต้องจำใจโอนเงินไปให้คนร้ายเพราะไม่อยากเสื่อมเสียชื่อเสียง

ระยอง - ความคืบหน้าในการขจัดคราบ ‘น้ำมันรั่ว’! หลังจากพบมีปริมาณคราบน้ำมันรั่วไหล รอบ 2

ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์และความคืบหน้าในการขจัดคราบน้ำมันรั่วไหล จังหวัดระยองอย่างต่อเนื่อง หลังจากพบมีปริมาณคราบน้ำมันรั่วไหล รอบ 2 เมื่อ 10 ก.พ. ซึ่งน้ำมันลอยอยู่กลางทะเลลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบาง เจ้าหน้าที่ได้นำ Boom ล้อมคราบน้ำมันบริเวณจุดเกิดเหตุและใช้สาร dispersant ฉีดพ่นเพื่อสลายคราบน้ำมันที่รั่วไหล ซี่งคราบน้ำมันยังคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิมเนื่องจากไม่มีกระแสลม จุดพิกัด 12°36'36"N  101°18"23E มีระยะห่างจากชายฝั่ง 3.67 กิโลเมตร ห่างจากชายหาดแม่รำพึงประมาณ 8 กิโลเมตร และห่างจากชายฝั่งเกาะเสม็ด 15 กิโลเมตร ซึ่งมีบูมที่ทำการล้อมคราบฟิล์มน้ำมัน รวมพื้นที่ 0.36 ตารางกิโลเมตร บริเวณดังกล่าวมีเรือเฝ้าระวังประจำจุดรั่วไหล จำนวน 11 ลำ ประกอบด้วย เรือ Boom จำนวน 6 ลำ และเรือพ่นสารเคมี จำนวน 5 ลำ และมีการกั้น Boom จำนวน 3 ปาก และมีการกั้น Boom บริเวณหน้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จำนวน 2 ปาก

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจติดตามเส้นทางการแพร่กระจายน้ำมันทางชายหาด และ คืนที่ผ่านมา กำลังพลจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ยังคงปฏิบัติหน้าที่ สำรวจชายหาด ทำความสะอาด เก็บขยะบริเวณโดยรอบชายหาดแม่รำพึง จ.ระยอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top