Tuesday, 13 May 2025
SPECIAL

‘บิ๊กป้อม’ ขนทัพ พปชร. บุกหนองคาย ชาวบ้านแห่ร่วมฟังปราศรัยให้กำลังใจเพียบ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.65 ที่ลาน ชิค ชิค มาร์เก็ต จ.หนองคาย พรรคพลังประชารัฐ จัดโรดโชว์เวที 2 เตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง ภายใต้งานชื่อ 'พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย' ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. นำทีมรัฐมนตรี แกนนำ และ ส.ส.พรรค พปชร.อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค ร่วมปราศรัยถึงผลงานของพรรคและรัฐบาล พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายศักดิ์ดา จันทรสุวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย น.ส.ประภาลักษณ์ สิทธิ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนเริ่มงานว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ประชาชนทยอยเดินทางเข้างาน โดยพร้อมใจสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน สกรีน 'ไม่แล้ง ไม่จน สร้างคน สร้างงาน พลังประชารัฐ' ตามสโลแกนงาน เพื่อฟังการปราศรัยของ พล.อ.ประวิตร ถึงผลงานการบริหารจัดการน้ำ ตามนโยบายรัฐบาล 

ชาวเน็ตจีนฉุน!! รุมจวกผู้ผลิตช็อกโกแลต Snickers หลังผลิตโฆษณาเรียกไต้หวันเป็นประเทศ

บริษัท มาร์ส ริกลีย์ (Mars Wrigley) ผู้ผลิตช็อกโกแลตชื่อดังยี่ห้อ Snickers ออกคำแถลงขออภัยต่อรัฐบาลจีนเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) หลังโฆษณาเปิดตัวสินค้าใหม่มีการอ้างถึงไต้หวันว่าเป็น “ประเทศ”

เว็บไซต์ Snickers มีการปล่อยคลิปวิดีโอและภาพโฆษณาผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตแท่งแบบ limited edition ที่ระบุว่าวางจำหน่ายเฉพาะใน “บางประเทศ” เท่านั้น ได้แก่ เกาหลีใต้, มาเลเซีย และไต้หวัน ซึ่งหลังจากที่เรื่องนี้แพร่ออกไปก็ทำให้ Snickers ถูกบรรดาชาวเน็ตจีนรุมถล่มอย่างหนักบนแพลตฟอร์มเวยปั๋ว (weibo)

ท้ายที่สุด มาร์ส ริกลีย์ ต้องออกมาแถลง “ขออภัย” ผ่านบัญชี Snickers ในเวยปั๋ว และยืนยันว่าบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขสื่อโฆษณาดังกล่าวให้ถูกต้องแล้ว

“มาร์ส ริกลีย์ เคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนจีน และเราได้ดำเนินธุรกิจโดยปฏิบัติตามระเบียบและข้อกฎหมายท้องถิ่นของจีนอย่างเข้มงวด” คำแถลงระบุ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าดราม่านี้จะยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะชาวเน็ตจีนบางคนยังคงไม่พอใจที่ผู้ผลิตขนมสัญชาติอเมริกันไม่แถลงยอมรับว่า “ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน”

“พูดออกมา : ไต้หวันคือดินแดนส่วนหนึ่งของจีนอันไม่อาจแบ่งแยกได้” ชาวเน็ตรายหนึ่งคอมเมนต์ลงบนเพจเวยปั๋วของ Snickers และมีคนแห่เข้าไปกดไลค์มากกว่า 8,000 ครั้ง

สถานะของไต้หวันถือเป็นปัญหาละเอียดอ่อนที่คาราคาซังมาตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองจีนที่สิ้นสุดลงในปี 1949 โดยตอนนั้นฝ่ายพรรคชาตินิยมหรือ 'ก๊กมินตั๋ง' ที่พ่ายแพ้ได้หลบหนีข้ามไปยังเกาะไต้หวัน ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์เข้าปกครองจีนแผ่นดินใหญ่

ปักกิ่งถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน และไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหารนำเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครอง หากว่ามีความจำเป็น

สื่อรัสเซียตีข่าว!! 'ผู้นำเกาหลีเหนือ' เสนอส่งทหาร 1 แสนนาย ช่วย 'ปูติน' ทำสงครามในยูเครน

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติรัสเซีย เผยรัฐบาลเกาหลีเหนือเสนอที่จะส่งทหารอาสา 100,000 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน

แม้ข้อเสนอที่ว่านี้จะยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยันว่าจริงหรือไม่ แต่ อิกอร์ โกร็อตเชนโก (Igor Korotchenko) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารในมอสโก ได้ออกมายุผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า “เราไม่ควรเก้อเขินที่จะยอมรับน้ำใจของ คิม จองอึน”

“มีรายงานว่า อาสาสมัครชาวเกาหลีเหนือ 100,000 นาย พร้อมที่จะเข้าร่วมในการสู้รบครั้งนี้” เขาบอกผ่านสถานีโทรทัศน์ Channel One

โกร็อตเชนโก ยังเอ่ยชมกองทัพเกาหลีเหนือว่า “มีประสบการณ์เหลือล้นในด้านการยิงตอบโต้ (counter-battery warfare)” ซึ่งเป็นคำพูดที่มีนัยสำคัญพอควร ท่ามกลางกระแสข่าวว่ายูเครนเริ่มที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการรบ หลังได้ระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ของสหรัฐฯ มาใช้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.

“หากเกาหลีเหนือแสดงความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้วยการต่อสู้กับระบอบฟาสซิสต์ในยูเครน เราก็ควรอนุญาตให้พวกเขาทำ” โกร็อตเชนโก กล่าว

คำกล่าวอ้างเรื่องทหารอาสาเกาหลีเหนือมีขึ้น ในขณะที่บรรดาชาติพันธมิตรรัสเซียเริ่มมีการส่ง 'กองกำลังอาสาสมัคร' ไปช่วยเสริมทัพมอสโกมากขึ้นเรื่อยๆ

นักวิเคราะห์ข่าวกรองตะวันตกมองว่า นี่คือสัญญาณบ่งชี้ว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน อาจไม่มีต้นทุนทางการเมืองมากพอที่จะเรียกระดมพลชาวรัสเซียครั้งใหญ่ให้มาเป็นทหารต่อสู้เพื่อชาติ

'สนธิรัตน์' ชี้!! ไทยยังมีโอกาสในวิกฤต แนะรัฐต้องเล่นบทกองหนุน ผลักดันเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

'สนธิรัตน์' โชว์วิสัยทัศน์ ชี้ แก้โลกร้อนเป็นกติกาใหม่โลก ไทยมีโอกาสมหาศาล ส่งออกพลังงานสะอาด-ปลูกป่า ให้ได้คาร์บอนเครดิตขายเพื่อนบ้าน แนะแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรจากปัจจัยต้นทาง ไม่ใช่แค่อุดหนุนราคา  ขอรัฐบาลสนับสนุนเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านราชการต้องปรับตัวรับยุคดิจิทัล ปิ๊งไอเดีย ตั้งแพลตฟอร์มระดับโลก ขายสินค้าเกษตรออนไลน์ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่กรมชลประทาน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ “Vision from Leader : มิติการพัฒนาการเกษตร และพลังงานในอนาคต” โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม หากแก้ปัญหาเรื่องการเกษตรไม่ได้ถือว่าเสียโอกาสทางการแข่งขัน มองว่าประเทศไทยยังย่ำเท้าอยู่กับที่ในหลาย ๆ เรื่องเป็นเวลานาน ซึ่งจากที่ตนได้ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นในเวทีสัมมนาต่างๆ หลายคนมองเห็นปัญหาในทิศทางเดียวกันคือ เราเป็นประเทศที่การเมืองเปลี่ยนแปลงบ่อย ระบบราชการยังพัฒนาไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ขณะที่เรายังเป็นเวอร์ชั่นอนาล็อก ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังลึก นอกจากนี้ ยังมีปัญหาโลกร้อน ที่เป็นกติกาและกฎระเบียบใหม่ของโลกใบนี้ที่ไทยต้องตามให้ทัน เพื่อสร้างโอกาสไทยจากเรื่องนี้ได้อย่างมหาศาล

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับบทบาทของพาณิชย์ กับเกษตรจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน สังเกตได้ว่านโยบายการบริหารประเทศของทุกรัฐบาลหรือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  หัวใจสำคัญคือมุ่งเน้นเพียงทำให้เกษตรกรพอใจในราคาสินค้า ทำให้ภาคการเกษตรย่ำเท้าอยู่กับที่ พอใจกับราคาที่ได้ ซึ่งความเป็นจริงต้องมองผลตอบแทนที่เป็นกำไรที่แท้จริงของพี่น้องเกษตรกร ไม่ใช่แค่ราคาสินค้า ตัวอย่างเช่น ราคาปาล์มน้ำมัน เราเป็นตัวเล็กของซัพพลายปาล์มน้ำมันของโลก เพราะอินโดนีเซีย และมาเลเซียเหนือกว่าเรามาก ราคาปาล์มน้ำมันไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ราคาตลาดโลก การอุดหนุนราคาจึงไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน แต่สิ่งที่ต้องสนับสนุนคือการบริหารต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง เพราะเกษตรกรอยู่ไม่ได้  ไม่ใช่แค่เรื่องราคาอย่างเดียว แต่เป็นองค์ประกอบตั้งแต่สายพันธุ์ ระบบชลประทาน ปุ๋ย เป็นต้น 

“แต่เรามองที่ราคาอย่างเดียวบริหารเรื่องเดิม ๆ เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องแก้ปัญหาโดยการออกเงินอุดหนุน ถามว่าเกษตรกรจะได้อะไร ถ้าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่ได้บอกว่านโยบายผิด แต่ปัญหามันซับซ้อนมาก เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายก็เปลี่ยนไปด้วย ที่น่าเป็นห่วงคือวันนี้เรามุ่งเพียงนโยบายระยะสั้น เฉพาะหน้า และไม่ยั่งยืน ถ้าเราไม่แก้ให้ตรงจุด อีก 10 ปีก็อยู่ที่เดิม หลายประเทศพัฒนาเป็นระบบ แต่เราพัฒนาแบบแยกส่วน กระทรวงใครกระทรวงมัน ความจริงมิติเหล่านี้ภาคเอกชนเก่งมาก รัฐบาลต้องคิดทบทวนใหม่ เพราะภาคเอกชนคือตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ และธุรกิจ รัฐบาลเป็นฝ่ายสนับสนุนได้ เวลาจะออกนโยบายอะไรก็ตามผมต้องออกให้คนต่อไปสามารถมาดำเนินการต่อได้ นั่นคือ Mind set การทำงานของผม”  

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่าปัญหาหนึ่งที่สำคัญของภาคการเกษตรคือกลไกพ่อค้าคนกลาง ล้งจีน ล้งไทย เกษตรกรทำเท่าไหร่คนรวยคือพ่อค้าคนกลาง เกษตรกรยังจนต่อไป วันนี้เราควรพลิกมิติตลาดใหม่สู่ตลาดออนไลน์ ในเมื่อเราเป็นผู้ผลิตอาหารให้กับโลก ทั้งทุเรียน เงาะ ลำไย ข้าว ผัก ดังนั้น ตนมีแนวคิดที่จะยกสินค้าเกษตรสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ เว็บไซต์ Farm To The Table สร้างโอกาสให้เกิดการซื้อขายโดยตรงจากผู้ผลิตและผู้บริโภค ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ได้ราคาดีกว่า คุณภาพชัดเจน

ขณะที่เรื่องพลังงานกับการเกษตร นายสนธิรัตน์ มองว่า เป็นภาคที่สอดประสานและเกื้อกูลกันได้ดีมาก ยิ่งปัจจุบัน โลกกำลังเข้าสู่กติกาใหม่ทั้ง Cop 26 ภาวะโลกร้อน Net zero และ Carbon neutrality ตนมองเห็นโอกาสเรื่องการส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน เช่น ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ไม้โตเร็ว และอ้อย เป็นต้น ซึ่งเกษตรกับพืชพลังงานเป็นโอกาสใหญ่มาก เพราะนอกเหนือจากเรื่องพลังงานแล้ว ยังรวมไปถึงโอกาสใหม่ในเรื่องคาร์บอนเครดิต ที่เป็นโอกาสใหญ่มากกับภาคเกษตรของประเทศไทยอีกด้วย 

นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ยังได้ให้มุมมองเรื่องการเกษตรกับการแก้ปัญหาความยากจนไว้ว่า หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาความยากจนคือต้องแก้จากภาคการเกษตร ถ้าพลิกฟื้นเรื่องเกษตรได้จะพลิกฟื้นความยากจนได้ ทุกวันนี้ เกษตรกรประเทศไทยยังยากจน เพราะโครงสร้างเกษตรที่ผ่านมามีความซับซ้อนในตัวมาก เราอยู่ในวังวนผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูง ขาดความรู้ ติดอยู่กับแนวคิดเดิมๆ ซึ่งวันนี้ 2 ประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ให้ได้ คือ 1. โจทย์การแก้ปัญหาที่ชัดเจนในเรื่องที่ดินทำกิน พื้นที่ชลประทาน และการบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ 2. ลดการพึ่งพา เช่น เรื่องปุ๋ย และพลังงาน

นายกฯ ปลื้ม!! นักท่องเที่ยวเข้าไทยทะลุ 3 ล้านราย หลังผ่อนคลายมาตรการ โกยรายได้ 1.57 แสนล้านบาท

(6 ส.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 กรกฎาคม 2565 พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยสะสมอยู่ที่ 3,150,303 คน สามารถสร้างรายได้ 1.57 แสนล้านบาท โดยประเทศที่เดินทางมาไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 425,289 คน อินเดีย 333,973 คน สิงคโปร์ 183,716 คน สหราชอาณาจักร 161,780 คน และสหรัฐอเมริกา 146,891 คน ตามลำดับ

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ในส่วนของรายงานกระทรวงการคลัง (กค.) เกี่ยวกับภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2565 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565) ของคณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.) ในเรื่องของการประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 อยู่ที่ 6 ล้านคน สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 5.6 ล้านคน เนื่องจากการเปิดประเทศของไทยและต่างประเทศเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และในปี 2566 คาดการณ์จำนวนอยู่ที่ 19 ล้านคน โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก

พม. จัดโครงการขับเคลื่อนงานพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง ยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขา

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2565 เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมคุ้มภูคำเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 'นายอนุกูล ปีดแก้ว' อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการขับเคลื่อนงานพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง โดยมี 'นางสาวนงลักษณ์ ยะสูงเนิน' ผู้อำนวยการกองพัฒนาสังคมกลุ่มเป้าหมายพิเศษ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการฯ ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง 16 แห่ง และพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ราษฎรบนพื้นที่สูง รวมทั้งสิ้น 65 คน

นายอนุกูล กล่าวว่า จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเคยประทานไว้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2544 ใจความตอนหนึ่งว่า “ประชาชนที่อยู่ในประเทศมีมานานแล้ว แต่ไม่ใช่คนไทย คือเขาไม่ถือว่าเป็นคนไทยที่แท้จริง เขาอยู่และเกิดในเมืองไทย แต่ก็ไม่ได้รับประโยชน์ของความเป็นไทยแท้จริง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะต้องปฏิบัติ ถ้าไม่มีใครเอาใจใส่ ก็จะทำให้ความมั่นคงของประเทศด้อยไป” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนพระราชหฤทัย และความมีเมตตาในการพัฒนาช่วยเหลือ ห่วงใยและไม่เลือกปฏิบัติแก่กลุ่มชนบทพื้นที่สูง

'จิรายุ' เรียกร้องผู้ว่าฯ ชัชชาติ แก้ไขปัญหาคลองสามวา ชี้!! ชานเมืองไม่ใช่ชนบท สิทธิประโยชน์ต้องเท่าเทียม

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2565 เวลา 08.30 น. น้าหลาน จิรายุ-นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ ส.ส., ส.ก.พา ชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม. ดูคนชานเมืองที่คลองสามวาหลังประชากรพุ่งเกือบ 3 แสน ชี้ 3 ปีมานี้รถติดนรกแตก ขอ ผู้ว่าฯ กทม. เร่งแก้ไขด่วน ขณะที่ 5 ปีที่ผ่านมาแผนพัฒนา กทม. โอ๋ แต่คนกรุงชั้นในเหตุทำงบแบบหารเท่ากัน 50 เขต เลยเห็นเขตชั้นในเดี๋ยวเปลี่ยนต้นไม้เกาะกลางเดี๋ยวเปลี่ยนทางเท้าเป็นว่าเล่น

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร และ นางสาวนฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และโฆษกสภา.กทม. กล่าวว่าวันนี้ เป็นนิมิตหมายอันดีที่ผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงมาดูปัญหาของประชาชนในเขตคลองสามวา ซึ่งวันนี้ประชากรในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ พุ่งสูงขึ้น โดยพื้นที่เขตคลองสามวา ตั้งแต่ถนนรามอินนทรา, คู้บอน, หทัยราษฎร์, นิมิตใหม่, เลียบคลองสอง, ประชาร่วมใจ และถนนปัญญารามอินทรา มีประชาชนอยู่อาศัยกว่า 250,000 คน ไม่นับรวมประชากรแฝงอีกหลายหมื่นคน และมีหมู่บ้านจัดสรรขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยทางกายภาพของพื้นที่กลับไม่มีบริการสาธารณะซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 95 ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทำให้ในแต่ละวันมีการจราจรติดขัดอย่างหนัก ยิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนจะมีปัญหาอย่างมาก เนื่องจากในพื้นเขตคลองสามวามีแยกใหญ่ กว่า 5 แห่งแต่ไม่มีสะพานลอยข้ามแยกแม้แต่จุดเดียว  

นายจิรายุ กล่าวว่า ตนได้อภิปรายในรัฐสภาตั้งแต่ ปี 2562 มาจนถึงปัจจุบันมากกว่า 5 ครั้ง เรียกร้องให้ กทม. ดำเนินการแก้ไข แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ อาจเป็นเพราะ สก. ก็มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เลยไม่ค่อยใกล้ชิดกับประชาชนแถมผู้ว่า กทม.ก็มาจาก ม.44 ของ คสช. กทม. เลยเสียโอกาสไปกว่า 5 ปี ขณะที่กรุงเทพชั้นในที่มีประชากรน้อยแค่หลักหมื่นกลับได้รับการแก้ไขปัญหาทั้งทำอุโมงค์ข้ามแยกสะพานข้ามแยก ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อคนกรุงเทพคลองสามวากว่า 3 แสนคนที่เสียภาษีให้รัฐบาล และ กทม. เหมือนกัน 

วันนี้ตนและ สก. จึงเชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯ กทม. มาดูในจุดที่มีปัญหาอย่างหนัก ที่แยกพระยาสุเรนทร์ตัดถนนปัญญาและถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง ซึ่งเพราะเป็น 5 แยก โดยเมื่อปี 2562 คุณชัชชาติ เคยมาขึ้นกระเช้ากับตนดูปัญหาการจราจร วันนี้ตนจึงขอให้คุณชัชชาติ ในฐานะผู้ว่าฯ กทม. ได้โปรดให้ความสำคัญชานเมืองด้วยการพิจารณาจัดทำสะพานข้ามแยก ซึ่งจะลดการติดขัดได้มาก ซึ่งในพื้นที่เขตคลองสามวา มีทั้งหมด 4 จุดใหญ่ที่จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่งอาจทยอยทำในแต่ละปีงบประมาณได้ ซึ่งคนที่นี้ เรียกร้องมาตลอดว่า ชานเมืองไม่ใช่ชนบท สิทธิประโยชน์ต้องเท่าเทียม  

ด้าน นางสาวนฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภากรุงเทพฯเขตคลองสามวา กล่าวต่อไปว่าในพื้นที่มีสภาพปัญหา ที่หมักหมมมานาน ทั้งในหลักการจัดสรรงบประมาณที่กลับใช้วิธีหารเท่ากันทุกเขต 50 เขต ทั้งๆ ที่เขตชั้นในมีพื้นที่เล็กประชากรน้อยแค่ 3-4 หมื่น แต่กลับได้งบประมาณใกล้เคียงกับเขตที่มีประชากรกว่า 2.5 แสน ที่ผ่านมาก็เลยเห็น กทม. ชั้นในเดี๋ยวเปลี่ยนต้นไม้เกาะกลาง เดี๋ยวเปลี่ยนพื้นทางเท้าเป็นประจำ นอกจากนี้การออกแบบถนนการวางแผนแก้ไขปัญหาเพื่อรองรับ ประชากรที่เพิ่มขึ้น ก็ทำอย่างไม่เป็นรูปธรรม โดยตนขอเสนอให้ผู้ว่าราชการได้พิจารณาดังนี้

'ครูบาบุญชุ่ม' แสดงธรรมครั้งแรกหลังออกจากถ้ำ ศิษยานุศิษย์นั่งฟังธรรมร่วมแสนคน

หลังจากที่ ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรญฺญวาสีภิกขุ พระเกจิดังแห่งล้านนา ออกจากถ้ำหลวงเมืองแก็ด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากอยู่ในถ้ำครบ 3 ปี 3 เดือน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2562

'ทิพานัน' เผย ชาวหนองคายรอปราศรัย 'บิ๊กป้อม' แก้ปัญหาน้ำ ที่ดินทำกิน ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกิจกรรมโรดโชว์ 'พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย' ครั้งที่ 2 ที่จ.หนองคายว่า จากการลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ชิค ชิค มาร์เก็ต จ.หนองคาย บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน รอให้การต้อนรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.พร้อมคณะ ที่ลงพื้นที่และปราศรัยใหญ่ ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ โดยประชาชนชื่นชอบโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ที่ดำเนินการมาในเฟส 5 ที่จะได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 

นอกจากการปราศรัยแล้ว ยังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคครบทุกเขตของ จ.หนองคาย ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ให้เครือข่ายของส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาวิกฤต ทั้งที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สิน น้ำท่วมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีความใกล้ชิด และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชน ในพื้นที่หนองคายอย่างมาก

'ผกก.หนุ่ย พรรคกล้า' แนะรัฐบังคับใช้ กม. เข้มงวด หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญสถานบันเทิง 2 ครั้งติด

พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคกล้า ในฐานะอดีตผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 กล่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับสถานบันเทิง ทั้งเหตุยิงกันในลานจอดรถสถานบันเทิง กลางเมืองอุบลราชธานี และเหตุไฟไหม้สถานบันเทิง Mountain B อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียว สะท้อนชัดว่ามีการหละหลวมในการบังคับใช้กฎหมาย จนความเสียหายเกิดขึ้น และมีผู้เสียชีวิต เรามีบทเรียนราคาแพงตอนซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ฉะนั้นเจ้าหน้าที่รัฐควรจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายเสียที ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก

“ถ้าสถานบันเทิงแห่งใดยังมาตรฐานยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐก็ควรเข้าไปช่วยแนะนำขั้นตอน รวมถึงการตรวจความปลอดภัยสถานบันเทิงให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ถ้ากรณีใดจงใจลักลอบ ก็ดำเนินคดี ดำเนินการตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสถานบันเทิงที่เปิดไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่หลายแห่งมาก ซึ่งเกิดจากการหละหลวมของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ต้องจริงจังและตรงไปตรงมาในการใช้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายอีกไม่รู้จบ” พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

'วิเชียร' ซัด โศกนาฎกรรมสถานบันเทิง บทเรียนซ้ำซาก เรียกร้อง 3 ข้อแก้ไข อย่างจริงจัง

นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุไฟใหม้สถานบันเทิงที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่า เหตุการณ์ไฟใหม้สถานบันเทิง เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ถือเป็นบทเรียนราคาแพงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่มีมาตรการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องออกมารับผิดชอบเพื่อการป้องกันหรือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งที่มีโซนนิ่งชัดเจน ทราบว่าเคยมีผู้ร้องเรียนสถานบันเทิงแห่งนี้แล้วว่าเสียงดัง แสดงว่าหน่วยงานต้องรู้แล้วว่ามีผับเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ระงับเหตุ กฎหมายระบุชัดว่าเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีห้ามเข้า ผู้ประกอบการ เจ้าพนักงานก็เฉยเมย     

ดังนั้น ตนจึงขอเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ได้แก่  
1.) การบังคับใช้กฎหมาย ตรงนี้ต้องมีคนดูแล เจ้าพนักงานใครมีหน้าที่ชัดเจนอยู่แล้วก็ต้องเข้มงวด ไม่ใช่บ่ายเบี่ยง รัฐบาลต้องกำกับเข้มเพราะเป็นความปลอดภัยสาธารณะ 
2.) ฝ่ายอนุญาตสร้างอาคารต้องมีการควบคุมเข้มงวด จะอ้างว่าไม่ขออนุญาต แล้วปล่อยให้ทำไปได้อย่างไร
และ 3.) วิศวกรรมสถานควรกำหนดแบบและมาตรฐานแห่งความปลอดภัยเฉพาะ และมีการสอนให้กับสถาปนิกและวิศวกรในสถาบันการศึกษา 

'แอนโทนี บลิงเคน' นัดคุยนอกรอบผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา  ถกปัญหา ปชต.ในเขมร ก่อนเลือกตั้งใหญ่ปีหน้า 

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาถึงกัมพูชาแล้ว เพื่อเข้าร่วมงานประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 55 ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญ

ซึ่งการเดินทางมากัมพูชาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกำหนดการเยือนต่างประเทศเป็นเวลา 10 วัน ของ บลิงเคน ซึ่งได้เลือกแลนด์ดิ้งที่กัมพูชาเป็นประเทศแรก ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังฟิลิปปินส์, แอฟริกาใต้, คองโก, รวันดา ตามลำดับ 

โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เข้าพบกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อหารือกันในหลายประเด็น ตั้งแต่สถานการณ์ในพม่า ความมั่นคงด้านสาธารณสุขของอาเซียน การสนับสนุนด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังย้ำถึงบทบาทของอาเซียนในการร่วมประณามรัสเซียในวิกฤติสงครามยูเครน รวมถึงความโปร่งใสของรัฐบาลกัมพูชา ในความร่วมมือด้านการทหารกับจีนในการพัฒนาฐานทัพเรือที่เมืองเรียม 

และนอกจากประเด็นเหล่านี้ บลิงเคน ยังได้หยิบยกเอาเรื่องของ นาง เธียรี เส็ง นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวกัมพูชา ที่ถือสัญชาติสหรัฐฯ ขึ้นมาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ด้วย 

ซึ่ง ตอนนี้ เธียรี่ เส็ง ถูกตัดสินจำคุกนาน 6 ปีในข้อหากบฏ หลังจากที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลของ นาย ฮุน เซน โดย บลิงเคน กล่าวย้ำว่าต้องการให้รัฐบาลปล่อยตัวนาง เธียรี เส็ง โดยไว และให้รัฐบาลกัมพูชาเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของชาวกัมพูชาในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อย่างอิสระ

บลิงเคน กับ ฮุน เซน ยังได้มีการพูดคุยเรื่องปัญหาการเมืองภายในประเทศอีกด้วย หลังจากตอนนี้มีนักการเมืองฝ่ายค้าน และนักเคลื่อนไหว ถูกตัดสินในความผิดข้อหากบฏ ขายชาติไปแล้วกว่า 60 คน ซึ่งบลิงเคนมองว่า เป็นสิ่งที่กัดเซาะหลักการด้านสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตยในกัมพูชา

ราชภัฏเชียงใหม่เจ๋ง!! ร่วม ‘ฮิโนต้า’ วิจัยพัฒนาการผลิตอินทรีย์ นำผลลัพธ์ขับเคลื่อนสู่เชิงพาณิชย์

ไม่นานมานี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตอินทรีย์ กับ บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำผลงานวิจัยขับเคลื่อนสู่เชิงพาณิชย์

โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ชาตรี มณีโกศล ตำแหน่ง รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในพิธีพร้อมลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตอินทรีย์ กับ นายโอฬาร ระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษาอาวุโสกรรมการผู้จัดการบริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ณ ห้องประชุมสะลวง ชั้น 2 อาคารอำนวยการและบริหารกลาง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม ซึ่งเป็นการร่วมกันวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตอินทรีย์ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย

โรงพยาบาลพญาไท 3 จัดกิจกรรม ครอบครัวคนรักษ์ข้อครั้งที่ 13 'ข้อฟิต คนฟิน'

ปัจจุบันแนวโน้วสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในปัจจุบันหันมาดูแลสุขภาพและเป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี ดังนั้นกิจกรรมกลุ่มสำหรับผู้สูงอายุจึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นสำหรับประชากรในกลุ่มนี้ โรงพยาบาลพญาไท 3 โดยศูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อโรงพยาบาลพญาไท 3 จึงให้ความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยจัดกิจกรรม ครอบครัวคนรักษ์ข้อซึ่งในปีนี้เราจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 โดยตลอดระยะเวลา 12 ปีของการจัดงานที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลพญาไท 3 มุ่งเน้นเรื่องการรักษาที่มีประสิทธิภาพและการดูแลหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง อีกทั้งเรายังไม่หยุดพัฒนาเรื่องการรักษามีการนำเข้าหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเข้ามาวางแผนการผ่าตัดร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มความแม่นยำ ลดอาการบาดเจ็บ ฟื้นตัวเร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ

กิจกรรมครอบครัวคนรักษ์ข้อครั้งที่ 13 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่โรงพยาบาลพญาไท 3 นำทีมโดย นพ.สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผุ้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 ร่วมกับ ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาศูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อโรงพยาบาลพญาไท 3 พร้อมด้วยทีมแพทย์และคณะผู้บริหารตั้งใจจัดกิจกรรมดีๆ นี้ขึ้น เพื่อผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมกับทางโรงพยาบาลได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำกิจกรรมร่วมกัน 

โดยในครั้งนี้จัดขึ้นในวันที่ 31 กรกฏาคม 2565 ณ โรงแรม RAMADA เจริญกรุง ภายใต้คอนเซ็ปการจัดงาน 'ข้อฟิต คนฟิน' มุ่งเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสร้างความสุขสนุกสนานพร้อมทั้งผู้ที่เข้าร่วมงานยังได้โชว์ศักยภาพข้อเข่าที่ได้รับการผ่าตัดรักษาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้า และบุคลากรในโรงพยาบาลทุกภาคส่วนขอบคุณที่ลูกค้าทุกท่านให้ความไว้วางใจเข้ามาผ่าตัดรักษาเปลี่ยนข้อเข่าเทียมกับทางโรงพยาบาลพญาไท 3 โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ด้วยฐานกิจกรรมเกมส์มหาสนุกตามฐานต่างๆ กิจกรรมเวิร์คช้อป DIY หน้ากากผ้าอนามัย ฐานกิจกรรมทางกายภาพบำบัด พร้อมทั้งรับประทานอาหารร่วมกัน

ปลื้ม..!! ตำรวจท่องเที่ยว ภรรยาผู้บริหารยางบริดจ์สโตน ทำโทรศัพท์มือถือหาย ตำรวจท่องเที่ยว ช่วยตามหาส่งคืน

วันนี้ (31 ก.ค.2565) เวลา 12.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการและโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงต่อสื่อมวลชนว่า 

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.2565) เวลา 10.50 น. สถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยา ได้รับแจ้งจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1155 ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาจึงได้นำตำรวจท่องเที่ยวพร้อมล่ามแปลไปพบนักท่องเที่ยวดังกล่าวทันที  

จากการสอบถามผ่านล่ามทราบว่า นักท่องเที่ยวดังกล่าวชื่อ นางอะยาโนะ ยาสุฮาระ ( Ayano Yasuhara ) อายุ 45 ปี สัญชาติญี่ปุ่น เป็นภรรยาของผู้บริหารระดับสูงบริษัทผลิตยางยี่ห้อบริดจ์สโตน เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา และมีกำหนดบินกลับญี่ปุ่นในวันที่ 2 ส.ค.2565 ได้ทำโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนหายเมื่อเวลา 09.00 น. ของวันเดียวกัน

ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาได้สอบถามนางอะยาโนะว่าไปที่ไหนมาบ้าง และทราบภายหลังว่า ก่อนมาไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยานั้น ตนเองได้เเวะปั๊มน้ำมันเชลล์ที่ตำบลบ้านป้อม จังหวัดอยุธยา เพื่อเข้าห้องน้ำ ตำรวจท่องเที่ยวจึงรีบพานางอะยาโนะไปตรวจสอบที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวทันที 

เมื่อถึงปั๊มน้ำมัน ได้พบนางวันเพ็ญ มาเมือง พนักงานทำความสะอาดประจำปั๊มน้ำมันดังกล่าว ซึ่งแจ้งว่าตนเองเป็นผู้พบโทรศัพท์มือถือไอโฟนตกอยู่หน้าห้องน้ำจึงเก็บมา แล้วไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ปั๊มน้ำมันเพราะคิดว่าเจ้าของโทรศัพท์ต้องกลับมาติดต่อรับคืนอย่างแน่นอน ตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบเเล้วพบว่าเป็นของนางอะยาโนะจริง จึงให้นางวันเพ็ญนำมาส่งคืนให้นางอะยาโนะด้วยตนเอง
      
ทันทีที่คุณอะยาโนะได้รับโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืน ได้แสดงอาการดีใจและเข้ามาขอบคุณนางวันเพ็ญ และตำรวจท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ยืนยันว่า จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกแน่นอน 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ ถือโอกาสนี้ ขอบคุณตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ และขอขอบคุณคุณวันเพ็ญ มาเมือง ที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยว โดยกล่าวยกย่องการกระทำของคุณวันเพ็ญ นำมาซึ่งความประทับใจต่อนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรายนี้อย่างมากมาย ซึ่งเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะถูกนำไปถ่ายทอดให้กับคนญี่ปุ่นอีกหลายคนต่อไป จะส่งผลให้การท่องเที่ยวไทยเป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและจะเป็นมหาอำนาจของการท่องเที่ยวของโลกต่อไป 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ กล่าวเสริมอีกว่า ตำรวจท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้การท่องเที่ยวมีคุณภาพไปได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม และเหตุการณ์ในครั้งนี้ รวมทั้งครั้งก่อนๆ ที่ตำรวจท่องเที่ยวได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่ผ่านมา จะเป็น good signature ของการท่องเที่ยวไทยที่นักท่องเที่ยวไม่มีวันลืมเลือนจากหัวใจ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top