Friday, 16 May 2025
WEEKEND NEWS

‘สนธิรัตน์’ ประกาศสานต่อนโยบายพลังงาน “Energy For all” หนุนเศรษฐกิจฐานราก ลั่น พร้อมผลักดันแก้ กม.ให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ใช้เอง-ขายคืน รบ.ทั่วประเทศ

ที่ศูนย์เรียนรู้พลังงานทดแทน โรงเรียนเชตวันวิทยา ตําบลหัวทุ่ง อําเภอลอง จังหวัดแพร่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) พร้อมด้วยนายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคฯ นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคฯ และนายบุญส่ง ชเลธร สมาชิกพรรคฯ พบปะผู้นำชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ปราชญ์ชุมชน กว่า 200 คน จาก 9 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแพร่, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, เชียงราย, น่าน, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยมีพระครูโสภณปัญญาธร ให้การต้อนรับและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวว่า สถานการณ์โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางความไม่แน่นอนและผลกระทบจากปัจจัยที่เหนือการควบคุมอย่างเช่น โรคระบาดโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาโลกร้อน รวมถึงการดิสรัปชั่นของเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาสู่การสร้างเงื่อนไขใหม่ๆ ในสังคมโลก ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องมีความเข้มแข็งจากภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อรับมือต่อสถานการณ์การดังกล่าว และหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ปัจจัยดังกล่าวก็คือการสร้างเศรษฐกิจฐานให้แข็งแรงซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย 5 สร้างของพรรคสร้างอนาคตไทย

ทั้งนี้ การลงมาจังหวัดแพร่ครั้งนี้ ตั้งใจมาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนโรงเรียนเชตวัน และพบปะรับฟังข้อเสนอเชิงนโยบายจากผู้นำชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ปราชญ์ชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ 9 จังหวัดในภาคเหนือ โดยศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนโรงเรียนเชตวัน ที่ขับเคลื่อนโดยพระครูโสภณปัญญาธร ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบของระบบเศรษฐกิจฐานรากที่ครบวงจรทั้งด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการสร้างอาชีพชุมชน ที่พัฒนาคู่ขนานนวัตกรรมต่างๆ เช่น การประยุกต์ใช้ถ่านเป็นพลังงานทดแทนแก๊สแอลพีจี ในครัวเรือน และน้ำมันเบนซินที่ใช้ในรถตุ๊ก ตุ๊ก

นอกจากนี้ ยังได้รับฟังการดำเนินงานโครงการฝายมีชีวิต จากเครือข่ายชุมชนจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาน้ำท่วม การพังทลายของหน้าดินต่างๆ เพื่อสร้างแหล่งน้ำชุมชน ต่อยอดกลายเป็นแหล่งอาหารของชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสำคัญของแหล่งน้ำ ที่เห็นได้ชัดว่าหากมีแหล่งน้ำที่ไหน ความอุดมสมบูรณ์ก็จะตามมา

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า สิ่งต่างๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนในวันนี้สอดคล้องกับนโยบาย 5 สร้างของพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งพรรคฯ จะนำข้อมูลทั้งหมดทั้งปวงนี้ไปบูรณาการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและกลั่นกรองเป็นนโยบายที่พรรคจะใช้ขับเคลื่อนในเชิงพื้นที่ให้ตอบโจทย์ชุมชนและประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาปากท้องและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจฐานรากของพรรคสร้างอนาคตไทยทั้งเรื่องพลังงาน และเรื่องการส่งเสริมสินค้าชุมชน จะไม่รอเลือกตั้ง ไม่รอการเป็นรัฐบาล แต่จะขอมาร่วมกับแกนนำที่เข้มแข็งอย่างเช่นพระครูโสภณปัญญาธรที่เริ่มต้นไว้แล้ว เพื่อขยายไปสู่จังหวัดเครือข่ายทั่วประเทศให้ได้

ผมมองว่าชุมชนรากหญ้าทั่วประเทศมีศักยภาพจากทรัพยากรในฐานะประเทศเกษตรกรรมอยู่แล้ว ซึ่งหากมีนโยบายเข้าไปพัฒนาที่ตอบโจทย์กับศักยภาพของพื้นที่ ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาแหล่งน้ำ การเข้าถึงพลังงาน และการพัฒนาอาชีพท้องถิ่น เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งทั้งในส่วนของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้ โดยพรรคฯ ให้ความสำคัญทั้งเรื่องการต่อยอดสิ่งที่ชุมชนทำมาดีอยู่แล้ว ควบคู่กับการเติมในส่วนที่ขาด พร้อมทั้งส่งเสริมในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันผมจะมาสานต่อนโยบาย Energy For All ที่ริเริ่มไว้เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยจะประกาศนโยบายให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าใช้เองทั่วประเทศ และขายคืนส่วนเกินให้กับรัฐบาล โดยจะผลักดันให้มีการแก้หลักเกณฑ์และกฎหมายให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานและเป็นเจ้าของพลังงานเพื่อสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนทั้งในเรื่อง Net Metering และ Smart Meter เพราะนโยบายพลังงานถือเป็นปัจจัยต้นๆ ที่จะมีส่วนช่วยสร้างให้สร้างเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นรากฐานผลักดันเศรษฐกิจระดับประเทศให้เติบโตในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน ผมและพรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมเปิดรับข้อเสนอเชิงนโยบายจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพื่อจับมือสร้างอนาคตเศรษฐกิจฐานรากไทยไปด้วยกัน” เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าว

‘พิธา’ มั่น!! ‘ก้าวไกล’ ปักธง ส.ส.เขตภาคใต้ แซะ!! หมดยุคส่งเสาไฟฟ้าลงแล้วชนะ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปลุกพลังว่าที่ผู้สมัคร ส..ภาคใต้ เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง - ลั่นหมดยุคส่งเสาไฟฟ้าลงแล้วชนะ ชี้!! สนามการเมืองภาคใต้เปิดแล้ว…มั่นใจ ‘ก้าวไกล’ จะมี ส..เขตได้แน่นอน

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวในการอบรมสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส..พรรคก้าวไกล พื้นที่ภาคใต้ว่า ความฝันอย่างหนึ่งของตัวเองตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลนั่นก็คือ จะต้องมี ส..เขต ในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ และสถานการณ์ตอนนี้นับว่าเป็นช่วงที่ใกล้เคียงมากที่สุด สนามการเมืองภาคใต้เปลี่ยนแปลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น หมดยุคที่บอกว่าเอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ชนะ และยิ่งถ้าไปดูเส้นทางของพวกเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ กว่า 5 แสนเสียง จาก 6.3 ล้านเสียง ถือเป็นเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่พี่น้องปักษ์ใต้ให้ความไว้วางใจ นับเป็นคะแนนที่สูงมาก ตนไม่เคยลืมความไว้วางใจนี้ และในการทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (..) ของพวกเรา ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่มาจนเป็นพรรคก้าวไกล ก็พยายามยามผลักดันประเด็นปัญหาของพื้นที่ให้ได้รับการแก้ไขหลายเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นกรณีโรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ที่เรามี ส..อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ด้วย, กรณีโรงไฟฟ้านาบอน จ.นครศรีธรรมราช หรือเหตุการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เราก็ได้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่ ทั้งหมดได้รับการต้อนรับจากพี่น้องชาวใต้เป็นอย่างดี หรืออย่างครั้งนี้ เมื่อเสร็จจากการอบรมสัมมนาแล้ว ตนจะเดินทางต่อไปยัง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สำหรับออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

'วิโรจน์' ชู!! สวัสดิการคนเมืองต้องเกิด เพื่อโอบอุ้มชีวิตคนกรุง หลังลงพื้นที่พบคนกรุง-ภาพศก.ชุมชนไม่คึกคักสะพัด

'วิโรจน์' บุก ตลาดศิริเกษมบางแค ควง 'อำนาจ ปานเผือก' แนะนำตัวต่อหน้าประชาชน พร้อมชูนโยบาย สวัสดิการคนเมือง เพื่อคุณภาพชีวิตของคนกรุง

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เยือนตลาดศิริเกษม เขตบางแค พร้อมด้วย อำนาจ ปานเผือก ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ (..) เพื่อพบปะและแนะนำตัวกับพี่น้องประชาชน โดยพ่อค้าแม่ขาย รวมถึงประชาชนที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยในตลาดช่วงเช้า ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี

หลังจากเดินแนะนำตัวกับประชาชนเสร็จเรียบร้อย วิโรจน์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเคยมาที่ตลาดศิริเกษมหลายครั้ง เห็นได้ชัดเจนว่าไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน เป็นภาพที่สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างดี ตนเชื่อว่านโยบายของเราในเรื่องสวัสดิการคนเมือง ที่จะโอบอุ้มเด็ก คนชรา และผู้พิการ จะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนกรุงเทพดีขึ้นอย่างแน่นอน

'ทนายตั้ม' เอือม!! ถูกขอให้ 'ลบ-แก้ไขข้อมูล' คดีปริญญ์ ลั่น!! ไม่ทำให้ เน้นเรื่องจริง ขออนุญาตก่อนเผยแพร่เสมอ

ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เผยมีหนึ่งในผู้เสียหายคดีปริญญ์คุกคามทางเพศ อยู่ดีๆ กลัว มาขอให้ลบ-ดัดแปลงข้อมูล ลั่นไม่ทำให้ ย้ำเน้นเรื่องจริง ขออนุญาตก่อนเผยแพร่เสมอ อีกด้านโวยสื่อค่ายหนึ่งลงข่าวบิดเบือน

(23 เม..65) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ' ถึงกรณีที่หนึ่งในผู้เสียหายจากคดีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุกคามทางเพศ ขอให้ลบข่าวหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล ระบุว่า...

"ถ้าใครมาขอให้ผมช่วยทำคดีอะไร แล้วผมขออนุญาตนำเรื่องลงเพจแล้วเป็นคดีดังขึ้นมา อยู่ดีๆ มาขอให้ลบ หรือดัดแปลงข้อมูลเพื่อเอาตัวรอด ผมไม่ทำให้นะครับ เพจผมเน้นเรื่องจริง และขออนุญาตก่อนเผยแพร่เสมอ จะอยู่ดีๆ มากลัว มาขอลบ บอกเลยผมไม่ทำให้ ตัวผมเองก็เสี่ยงเปิดหน้าสู้ มีเครดิต มีความน่าเชื่อถือต้องรักษา ถ้าใจไม่สู้จริง อย่ามาขอความช่วยเหลือจากผม"

"หาว่าผมถ่ายรูปโดยไม่อนุญาต วันนั้นผมไปคนเดียว ผมให้พนักงานในร้านถ่ายรูปให้ ผมยังเดินไปหามุมกล้องให้พนักงาน แถมบอกน้องว่าให้จัดผมหน่อย ข้างหลังมันกระเซิง แม่มาพูดแบบนี้ผมเสียนะครับ ผู้เสียหายทุกคนก่อนจะทำอะไรผมขออนุญาตทุกครั้ง แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ผมป้องกันแค่ไหน พี่ๆ นักข่าวลองถามผู้เสียหายที่ไม่มีปัญหาทั้ง 14 คนจะรู้ความจริงครับ"

นอกจากนี้ ทนายตั้มยังนำข้อความสนทนาระหว่างแม่ของผู้เสียหายรายหนึ่ง กับทีมงานของทนายษิทรา ถึงการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ที่กล่าวหาว่านายษิทราโพสต์รูปผู้เสียหายจนเป็นข่าว บอกให้ลบก็ไม่ลบ และไม่เคยแต่งตั้งให้เป็นทนายความด้วย โดยนายษิทราระบุว่า "ความจริงจากฝั่งคุณแม่ครับ นักข่าวควรมีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าวมากกว่านี้นะ การนำเสนอข่าวแบบนี้มันทำคนอื่นเสียหาย ส่วนโพสต์นี้ผมไม่ได้หมายถึงใครโดยเฉพาะเจาะจง ผมหมายถึงทุกเคส ทุกกรณี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก"

"อลงกรณ์" พอใจผลการเยือนลาวเพิ่มการขนส่งสินค้าเกษตรบนเส้นทางรถไฟ "จีน-ลาว"

"อลงกรณ์" พอใจผลการเยือนลาวเพิ่มการขนส่งสินค้าเกษตรบนเส้นทางรถไฟ "จีน-ลาว" จับมือท่าบกท่านาแล้งเคลียร์ปัญหาคอขวดตั้งเป้าร่นเวลาขนส่งจากเวียงจันทน์ถึงคุนหมิงไม่เกิน2วันภายใต้นโยบายอีสานเกตเวย์เชื่อมไทยเชื่อมลาวเชื่อมโลก 

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ (23เม.ย) ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนสปป.ลาวระหว่างวันที่ 21-22 เมษายน 2565 ว่า พอใจต่อผลการเจรจาความร่วมมือกับบริษัทเวียงจันทน์โลจิสติกส์ปาร์คและบริษัทท่าบกท่านาแล้งในการเพิ่มศักยภาพระบบรถไฟ”ลาว-จีน”ในการขนส่งสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นและแก้ปัญหาคอขวดของระบบโลจิสติกส์

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยรัฐมนตรี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน มีนโยบายอีสานเกตเวย์เชื่อมไทยเชื่อมลาวเชื่อมโลกโดยความร่วมมือระหว่าง3ประเทศได้แก่ ไทย-ลาว-จีน ในการพัฒนาการขนส่งระบบใหม่คือรถไฟลาว-จีนให้เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศด้วยระบบโลจิสติกส์ผสมผสาน "ราง-รถ" (Multi Modal Trasportation) ในการขนส่งสินค้าต่างๆโดยเฉพาะสินค้าเกษตรจากไทยไปสู่จีน เอเซียกลาง ตะวันออกกลางและยุโรปภายใต้การทำงานเชิงรุกร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า การเจรจากับนายจันทอน สิทธิชัย ประธานบริหารบริษัทเวียงจันทน์โลจิสปาร์ค(VLP)และคณะผู้บริหารบริษัทท่าบกท่านาแล้งร่วมกับนายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยและนายณฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ที่นครหลวงเวียงจันทน์ได้เห็นพ้องต้องกันในการเพิ่มขบวนรถไฟ การเพิ่มตู้สินค้า การอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านแดน การเชื่อมโยงท่าบกท่านาแล้วกับสถานีเวียงจันทน์ใต้ การพัฒนาสถานีขนถ่ายสินค้า (ICD) การพัฒนาระบบการจองขบวนรถสินค้าและการเพิ่มตู้คอนเทนเนอร์และการเปิดบริการด่านตรวจโรคพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่านภายในเดือนมิถุนายนหรือพฤษภาคมปีนี้ จะทำให้การขนส่งผลไม้ภายใต้พิธีสารไทย-จีนด้วยระบบรางสะดวกรวดเร็วมากขึ้นโดยจะใช้เวลาเพียง 1-2 วัน จากเวียงจันทน์ถึงคุนหมิง รวมไปถึงข้อเสนอเพิ่มเติมเรื่องการพัฒนาระบบเอกสารอีเล็กทรอนิคส์ระหว่างด่านหนองคายกับท่าบกท่านาแล้งเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าของพิธีการเอกสารและการจราจรที่ติดขัดบริเวณพรมแดนซึ่งเป็นปัญหาคอขวดมานานโดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดรวมทั้งข้อเสนอให้เปิดด่าน 24 ชั่วโมงโดยจะรายงานผลการเจรจาให้กับดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ รองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

สะพัด! ปลด 'นายกสภามทร.พระนคร' เซ่น!! ถอดชื่อ 'ราชมงคล'

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า คงจะจำกันได้ ข่าวนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ที่ผลักดันให้มีการถอดชื่อ “ราชมงคล” ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้กับวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา นอกจากนี้ยังจะเปลี่ยนชื่อวิทยาเขตทั้งหมดซึ่งเป็นพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีคุโณปการต่อสถาบันการศึกษาแห่งนี้

โดยสมาคมศิษย์เก่าร่วมกับคัดค้าน แต่นายกสภากล่าวว่า ศิษย์เก่าไม่มีสิทธิ์เพราะเรียนจบไปแล้วก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย

ซึ่งไม่ว่าการเปลี่ยนชื่อ หรือการไม่ยอมรับศิษย์เก่า เป็นทัศนคติที่ ไม่ให้ความสำคัญกับรากเหง้าของมหาวิทยาลัย

ใหญ่คับฟ้า!! สหรัฐฯ เตือนหมู่เกาะโซโลมอน อย่าให้จีนตั้งฐานทัพเด็ดขาด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เม.ย.65 เผยทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ ว่านายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานด้านกิจการอินโด-แปซิฟิก ของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เข้าพบนายกรัฐมนตรีมานัสเซห์ โซกาวาเร ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอน ที่กรุงโฮนีอารา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

แคมป์เบลล์ กล่าวกับ โซกาวาเร อย่างตรงไปตรงมา ว่า การที่รัฐบาลโซโลมอนลงนามในข้อตกลง “ว่าด้วยการยกระดับการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี” นั้น “มีความหมายและผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายความมั่นคง” ของสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคแห่งนี้ 

รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตร “จะมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง และเตรียมตอบสนองตามความเหมาะสม” หากทางการโซโลมอนอนุญาตให้จีนตั้งฐานทัพเป็นการถาวร การติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร และสิ่งก่อสร้างใดก็ตามที่บ่งบอกเจตนาแผ่ขยายอิทธิพลทางทหาร

สุดสลด!! 'เจย์-ศุภกาญจน์' ลูกชายดาราดัง ป่วยไบโพลาร์จบชีวิตคาบ้าน

(23 เม.ย.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.ภานุรุจ เกตุกลิ่นหอม สว.(สอบสวน) สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุคนผูกคอตาย ที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านย่านพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น พบศพชายอายุ 40 ปี ลูกชายเจี๊ยบ-กาญจนาพร ปลอดภัย อดีตดาราชื่อดัง และผู้จัดละคร ผูกคอกับราวบันไดชั้น 3 เสียชีวิตคาบันได ตรวจสอบภายนอกไม่พบร่องรอยบาดแผลอื่นๆ นอกจากรอยช้ำรอบลำคอ คาดเสียชีวิตมาแล้ว 4-6 ชั่วโมง ใกล้กันพบมีดทำครัว 1 เล่ม ตกอยู่บนขั้นบันได เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นข้าวของ

ใช้จริง 80 ล้านบาท!! 'พงศกร' เคลียร์ปม 'สวนคลองช่องนนทรี' หลังถูกโจมตีใช้งบประมาณมหาศาล

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง ทีมงาน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 6 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณโครงการก่อสร้างสวนสาธารณะคลองช่องนนทรี ใช้ไปเพียง 80 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้มีการแชร์ข้อมูลให้เกิดการเข้าใจผิดว่าใช้งบประมาณ 980 ล้านบาท

ร.ต.อ.พงศกร ระบุว่า จากกระแสที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้งบประมาณสร้างสวนสาธารณะคลองช่องนนทรี และมีหลายคนบอกว่างบประมาณ 980 ล้านบาทสูงเกินไป ไม่คุ้มค่า ล่าสุดพูดไปจนถึง 1,556 ล้านบาท ทำให้ยิ่งเข้าใจผิดกันใหญ่ วันนี้ผมเลยขอถือโอกาสชี้แจงเรื่องความคุ้มค่า และงบประมาณครับ

โครงการพัฒนาคลองช่องนนทรีเป็นการพัฒนาทั้งหมด ทั้งสวนสาธารณะและทางเดินริมคลอง การฟื้นฟูคลอง ระบบไหลเวียนน้ำ คลองช่องนนทรี คลองสาทร และคลองไผ่สิงโต ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบระบายน้ำ และระบบไหลเวียนน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสียในคลองที่มีพื้นที่ต่อเนื่อง รวมทั้งควบคุมปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ในคลองทั้ง 3 คลองให้สามารถเชื่อมกันได้ทั้งระบบ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นงบประมาณตามแผนที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการ ส่วนที่ทุกคนเห็นเป็นสวนสาธารณะด้านบนที่แล้วเสร็จใช้งบประมาณ 80 ล้านบาทครับ

นอกจากนี้ ยังมีอีก 10 ประเด็นเข้าใจผิดเกี่ยวกับคลองช่องนนทรี ผมเลยขอถือโอกาสนี้ชี้แจงรายละเอียดครับ

1.ที่เห็นอยู่คือ 80 ล้าน​ ! ต้องชี้แจงอย่างงี้ครับว่าส่วนที่เห็นคือลานกิจกรรมที่เป็นเพียง 5% ของโครงการทั้งหมด ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท

2.ราวกันตก และ skywalk ภาพสวนสาธารณะคลองช่องนนทรีที่มีราวกันตกทำจากเหล็กข้ออ้อยที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม จริงๆแล้วในช่วงนั้นสวนยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแต่เป็นเทศกาลเราจึงเปิดให้ใช้พื้นที่เป็นชั่วคราว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา แต่ตอนนี้ได้ติดตั้งราวกันตกใหม่ที่ปลอดภัยและสวยงาม และเป็น skywalk ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะ และได้ติดป้ายชี้แจ้งว่าอยู่ระหว่างดำเนินการและใช้เป็นการชั่วคราว

3.การแก้ไขน้ำมีกลิ่นเหม็น จากการเปิดประตูระบายน้ำ ทำให้น้ำที่ตกตะกอน มีการไหลเวียน และในระยะยาวจะใช้น้ำบำบัดจากโรงบำบัดน้ำเสียคลองช่องนนทรี ผลักดันน้ำลงคลอง รวมถึงวางพื้นฐานวงแหวน้ำให้เชื่อมต่อกัน คลองช่องนนทรี-คลองสาธร-สวนลุมพินี-คลองต้นสน-คลองไผ่สิงห์โต-คลองเคย ซึ่งจะช่วยให้น้ำในคลองดีขึ้นทั้งระบบ

4.ขวางทางน้ำ สวนสาธารณะสร้างบนคลอง ไม่กีดขวางทางน้ำ และมีการปรับปรุงท้องคลองที่จะเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ

5.สวนสาธารณะสร้างบนคลอง ไม่กีดขวางทางน้ำ และมีการปรับปรุงท้องคลองที่จะเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ

หลายคนสงสัยว่าในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะมีโครงการรถไฟฟ้าหรือไม่ และจะไปกระทบกับโครงการคลองช่องนนทรีเดิมหรือไม่ ตอบตรงนี้เลยครับว่า หากในอนาคตมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขึ้นมา ซึ่งมีแนวทางที่จะพัฒนาอยู่แล้ว จะเป็นการสร้างบนเลน BRT เพราะฉะนั้นการสร้างระบบขนส่งมวลชนในอนาคตจะไม่กระทบคลองช่องนนทรีแน่นอน แต่กลับจะเพิ่มให้มีการใช้สวนสาธารณะดังกล่าวมากขึ้น

6.ความเก่งของผู้ออกแบบ หลายๆโครงการในเมืองใหญ่มี อ.กชกร วรอาคม ภูมิสถาปนิกเจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลทั้งในไทย และต่างประเทศเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน ซึ่งทุกโครงการของ อ.กชกร เป็นการออกแบบเพื่ออนาคต ตอบโจทย์ทั้งทัศนียภาพความสวยงาม และการใช้งานที่คุ้มค่า เช่น สวนจุฬา 100 ปี

7.รถติด ไม่เป็นสาเหตุของรถติดอย่างแน่นอน เพราะตัวสวนสาธารณะคลองช่องนนทรีสร้างอยู่บนคลอง ไม่กินผิวถนน ไม่ขวางทางจราจรและไม่ทำให้รถติด ในทางกลับกันสวนสาธารณะคลองช่องนนทรีมีทางเชื่อมต่อให้คนที่ใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเดินทางเชื่อมต่อได้มากขึ้น

8.ไม่ใช่แค่คลองช่องนนทรี แต่เป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายคลองอื่น ๆ ด้วย การพัฒนาคลองช่องนนทรีไม่ได้เกิดประโยชน์เพียงแค่ช่องนนทรีเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาโครงข่ายหลักคลองช่องนนทรี คลองสาทร คลองไผ่สิงโต และคลองต้นสน และใช้ท่อแทนคลอง แยกน้ำดีกับน้ำเสียออกจากกัน เพื่อให้น้ำในคลองมีคุณภาพดีขึ้น และน้ำเสียที่แยกจะถูกส่งเข้าโรงบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วไปใช้ประโยชน์ในการรดน้ำต้นไม้ที่สวนลุมพินี

'อลงกรณ์' เผยเตรียมส่งออกทุเรียนล็อตใหม่ด้วยรถไฟ 'จีน-ลาว' กลางสัปดาห์หน้า

'อลงกรณ์' เผยเตรียมส่งออกทุเรียนล็อตใหม่ด้วยรถไฟ 'จีน-ลาว' กลางสัปดาห์หน้า พร้อมลงพื้นที่จันทบุรีผนึกผู้ว่าฯ-สมาคมทุเรียนไทยเดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันทุเรียนปนเปื้อนโควิดต่อเนื่อง ประกาศดีเดย์ 22เมษาฯ วันฆ่าเชื้อโควิดทุกล้ง (Big ATK Day)

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีในวันนี้ (17เม.ย.) ว่า ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ให้ติดตามความก้าวหน้าของการยกระดับมาตรการป้องกันการปนเปื้อนโควิดจึงร่วมกับนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) นาย ภานุศักดิ์ สายพานิช นายกสมาคมทุเรียนไทย นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา คณะกรรมการโครงการจันทบุรี มหานครผลไม้ นายชรัตน์ เนรัญชร รองเลขาธิการหอการค้า ทพ.อิทธิพล จังสิริมงคล นายวิษณุศักดิ์ จิรกฤติยากุล คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ. ผศ.ดร.ยศพล ผลาผล ตัวแทนชาวสวน สพว.6 กรมวิชาการและผู้ประกอบการส่งออกตรวจตราสถานประกอบการคัดแยกบรรจุทุเรียนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีตามมาตรการยกระดับการป้องกันการปนเปื้อนโควิดซึ่งผู้ประกอบการให้ความร่วมมือด้วยดีและกำหนดให้วันที่ 22 เมษายนเป็นวันทำความสะอาดฆ่าเชื้อสถานที่ล้งและตรวจเอทีเค.พนักงานทุกคน (Big Cleaning & ATK day)

“แม้ว่าด่านโม่ฮานของจีนได้เปิดนำเข้าทุเรียนไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมาหลังจากระงับการนำเข้าทุเรียนไทย 3 วันระหว่างวันที่ 12-14 เมษายนจากเหตุพบการปนเปื้อนโควิดในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์จากไทยก็ยังประมาทไม่ได้ การ์ดต้องไม่ตกตามข้อสั่งการของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board) เพราะใกล้ถึงช่วงที่ผลผลิตจะออกมามากที่สุดหรือเรียกว่าช่วงพีค(peak season)ของทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกองซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจในภาคตะวันออกโดยมีปริมาณของผลผลิตปีนี้กว่า 1 ล้านตัน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top