Monday, 19 May 2025
WEEKEND NEWS

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม จับมือลงนาม ไทย-ปูซาน ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตั้งเป้าใน 3 ปี เพิ่มมูลค่าส่งออกไทย 2 แสนล้านบาท 

เมื่อวันที่24 ก.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด้านการค้ากับประเทศพันธมิตรกลุ่มเมืองรองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง และนำไปสู่การลงนามความร่วมมือระหว่างไทย-ปูซาน เชื่อมั่นการทำบันทึกความเข้าใจ ไทย-ปูซาน ที่จะผลักดัน Soft power และการส่งออกของไทย

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งการเจรจาการค้าในเวทีระดับโลกและภูมิภาคในหลายรูปแบบ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรเมืองหลัก และเมืองรอง ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง อาทิ มณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู่ ประเทศจีน เมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น หรือรัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย เป็นต้น โดยวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการค้า (Memorandum Of Understanding : MOU) หรือ Mini FTA ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจปูซาน หรือ Busan Economic Promotion Agency (BEPA) สาธารณรัฐเกาหลี

ทูตนริศโรจน์ เผยหนังไทยกำลังได้รับความนิยม พร้อมขึ้นแท่นหนึ่งใน ‘Soft Power’ อันดับต้นๆ ของไทย พร้อมชวนออเจ้าไทยในออสเตรเลียร่วมชม ‘บุพเพสันนิวาส 2’ สร้างปรากฎการณ์หนังไทยในต่างแดน

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (คณะที่ 2) กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ดูแลเวลากองถ่ายทำจากต่างประเทศที่ขอเข้ามาถ่ายทำในไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ระบุว่า ...

มาออสเตรเลียเพื่องานนี้โดยเฉพาะ!!!

 ได้รับเชิญให้มาเป็นประธานเปิดฉายหนังเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส 2’ (Love Destiny the Movie) วันที่ 30 กค ที่ซิดนีย์ และวันที่ 6 สค. ที่เมลเบิร์น

ตอนนี้หนังไทยกลายเป็น Soft Power ในอันดับต้นๆที่สำคัญของไทยไปแล้ว

เปิดแล้ว ‘ศาลเจ้าชินโต ศรีราชา’ ที่พึ่งทางใจของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เปิดให้สักการะแล้ว หลังมีพิธีอัญเชิญเทพเจ้าประดิษฐานไปเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา

เฟซบุ๊กเพจ ททท. สำนักงานพัทยา เผยภาพบรรยากาศงานอัญเชิญเทพเจ้าประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าซินโต ศรีราชา ที่พึ่งทางใจของคนญี่ปุ่นในไทยและนักท่องเที่ยว พร้อมข้อความว่า

ภาพจาก ททท.สำนักงานพัทยา

การสร้างศาลเจ้าชินโต ศรีราชา นำโดย Mr.Masahiro Abe นายกสมาคมศาลเจ้าชินโตศรีราชา สร้างขึ้นเพื่อเผยเเพร่พระพุทธคุณของเทพเจ้าหลัก "เทพเจ้าอามาเตราซุโนะโอมิกามิ" และ "เทพเจ้าอุกะโนะมิทามะ" ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น ในฐานะเทพเจ้าผู้สามารถปกปักรักษาอำเภอศรีราชา และเป็นศูนย์รวมที่พึ่งทางจิตใจของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
 

องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับการเตือนภัยโรคฝีดาษลิงเป็นขั้นสูงสุดแล้ว โดยประกาศให้เชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

การยกระดับเตือนภัยครังนี้หมายความว่า WHO มองว่าการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภัยคุกคามต่อสาธารณสุขทั่วโลกในระดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต่องใช้การตอบสนองเชิงประสานงานระหว่างประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปมากกว่านี้และไม่ให้มันกลายเป็นโรคระบาด

ถึงแม้ว่าการประกาศของ WHO จะไม่ได้บังคับให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกมาตรการแต่อย่างใด แต่มันเป็นการเรียกร้องให้มีการตอบสนองอย่างเร่งด่วน WHO ทำได้เพียงออกคำชี้แนะและแนวทางต่อรัฐสมาชิกเท่านั้น หน้าที่ของรัฐสมาชิกคือการรายงานเหตุการณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสาธารณสุขโลก

เมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาตินี้ประกาศภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อโรคฝีดาษลิง แต่การติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บีบให้ เตโวโดรส อัดฮาโนม เกอเบรออีเยอซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกต้องออกคำเตือนขั้นสูงสุด

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ ที่ 24 กรกฎาคม 2565 : พระพยอม กลฺยาโณ

ชีวิตยังไงก็ต้องเจอ 
กับคำว่า ‘วิกฤต’
ดังนั้นต้องหัดเรียนรู้และเข้าใจ
ว่าในทุกวิกฤต
ย่อมมีโอกาสเสมอ
เราต้องผ่านไป...
ด้วยความชาญฉลาด
และสติปัญญา...

พระพยอม กลฺยาโณ

'บิ๊กโจ๊ก' ลงพื้นที่สุโขทัยชื่นชม Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสุโขทัย อันดับ 3 ของประเทศ

(23 ก.ค.65) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประธานกรรมการประเมินโครงการ Smart Safety Zone 4.0 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รอง ผบช.ภ.6, คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ดำเนินการโครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นโรงพักนำร่อง หนึ่งในร้อยสถานีตำรวจ ระยะที่ 2 ประจำปี 2565 ติดตามความคืบหน้า ในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรม เพื่อให้การป้องกันอาชญากรรมอย่างมีให้ประสิทธิภาพ โดยมี พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ. ผบก.ภ.จว.สุโขทัย พร้อมด้วยพ.ต.อ.ไสว ครุธผาสุข รอง ผบก.ภ.จว.สุโขทัย โดยมี พ.ต.อ.ไพบูลย์ กาศอุดม ผกก.สภ.เมืองสุโขทัย และพ.ต.ท.ลักษณ์ รัตนถาวร รอง ผกก.ป.สภ.กล่าวรายงานความคืบหน้า และร่วมนำเสนอผลงานที่จัดทำขึ้นตั้งแต่เริ่มโครงการและผลงานเด่นชัดจากการป้องปราม ปราบปราม และจับกุม มีภาคีเครือข่ายเพื่อร่วมกันป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ตามโครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสุโขทัย จากนั้นได้ร่วมประชุมรับฟังคำชี้แนะ ที่ห้องประชุม 1 ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย พร้อมกล่าวชื่นชมสภ.เมืองสุโขทัยที่ผลการประเมินจัดอยู่ในท๊อป 3 ของประเทศ และเจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและไอทีเป็นอย่างดี และยังมีช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่ทำให้ประชาชนเกิดการรับรู้การทำงานของตำรวจได้เป็นอย่างดี

สำหรับที่มาของโครงการ Smart Safety Zone 4.0 เป็นแนวคิดริเริ่มของ ผบ.ตร.ท่านปัจจุบันพลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่ต่อยอดมาจากตำรวจชุมชนสัมพันธ์เดิม แต่เมื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้น เข้ามาทำให้ชีวิตของประชาชนเปลี่ยนไปอาชญากรรมมีความซับซ้อนมากขึ้น อาชญากรรมมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมออนไลน์ การพนันรูปแบบต่างๆ การหลอกลวงลงทุน Romance Scam (Call Center) ท่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้ริเริ่มโครงการ Smart Safety Zone 4.0 แต่เดิมมีแค่ตำรวจกับประชาชนโดยได้เพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตำรวจประชาชนและเทคโนโลยี อันเป็นที่มาของโครงการนี้ 

ซึ่งโครงการ Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสุโขทัยมีพื้นที่เป้าหมาย 0.64 ตร.กม. 3 ชุมชน ได้แก่ชุมชนราชธานี ชุมชนประชาร่วมใจ ชุมชนวิเชียรจำนงค์ สถานที่สำคัญในเขต Smart Safety Zone 4.0 สภ.เมืองสุโขทัย มีโรงเรียน 2 แห่ง ธนาคาร ร้านค้าทอง 9 ตลาด วัด โรงเรียน ส่วนราชการ ได้รับงบประมาณจากอบจ.สุโขทัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนในพื้นที่ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดรวมทั้งสิ้น 8,965,000 บาท ทำให้มีอุปกรณ์ครบจุดพร้อมให้บริการประชาชน และเป็นที่พอใจของประชาชน อีกทั้ง สภ.เมืองสุโขทัย ร่วมบูรณาการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน Big 6 และวิเคราะห์อาชญากรรมเป็นประจำทุกเดือนได้ดำเนินการตามโครงการ Smart Safety Zone 4.0 โดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ นำมาประยุกต์ใช้ในการป้องกัน เหตุอาชญากรรมในพื้นที่โครงการดังนี้ 1. ห้องศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสั่งการ ccoc 2. กล้องวงจรปิด ccoc ที่ควบคุมพื้นที่ทั้งหมด 3. สายตรวจโดรนสำหรับหาข่าวและสังเกตการณ์ 4. ตู้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน SOS 5. ตู้แดง QR Code สแกนผ่าน Application Police 4.0 และ 6. การรับแจ้งเหตุผ่าน Application Police I lert you และ LINE OA  ส่วน 7. มีหน้าจอแสดงพิกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่โดยใช้ Life 360 

จับชีพจร '2ป.พปชร' วัดบารมีลุงป้อม ในวันที่ลูกพรรคเริ่มแตกแถว 'ป๊อกร่อแร่ - ชะตาเฮ้งแย่' หลังเจอปากน้ำลอยแพ

ควันหลงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ว่ารัฐมนตรีทั้ง 11 ท่านจะรอดจากการอภิปราย ภายใต้ข้อมูลของฝ่ายค้านด้วยข้อมูลที่ 'เบาหวิว' 

แต่ศึกกันเองนี่สิ ดูแล้วน่าแอบห่วง!! เพราะภายในพรรคประชาธิปัตย์, พรรคเศรษฐกิจไทย, พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคร่วมกันเอง ต่างก็ไม่โหวตให้กัน 

ข้ามมาในส่วนฝั่งฝ่ายค้าน ก็มีงูเห่าเหมือนเดิม ทั้งพรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ส่วนพรรคที่ดูมีเอกภาพมากที่สุด มีงูเห่าโผล่มาเติมเสียงให้ คือ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเรียกได้ว่าเนื้อหอมที่สุดในยามนี้

ตัดมาที่ฉากหลักอย่าง พรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้มี 'รอยปริ' จากกลุ่มที่เคยเรียบร้อยมาตลอด อย่าง 'กลุ่มปากน้ำ' (ที่ควรจะมีตำแหน่งรัฐมนตรีสักเก้าอี้ แต่ไม่มีให้) 

โดยงวดนี้กลุ่มปากน้ำเริ่มออกฤทธิ์ ในการออกเสียงรอบนี้ เหตุเพราะมีการลือกันว่า กลุ่มนี้ไม่ได้รับความร่วมมือในการทำงานพื้นที่จากบิ๊กป๊อก หรือ รมว.มหาดไทยเลย ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เลยพากันไม่ยกมือให้ แถมยังลามไม่ยกมือให้ รมว.แรงงาน อย่างเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น จากชลบุรี ที่เป็นคนสนิทของลุงป้อม หัวหน้าพรรคด้วยอีกคน

กลุ่มปากน้ำฝ่ามติพรรค ไม่โหวตให้ 2 รัฐมนตรี น้องรักลุงป้อมงวดนี้ เหมือนกำลังวัดบารมีลุงป้อม ที่วันนี้ดูท่าจะลดลง ไม่พองฟูเหมือนเดิมแล้ว

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ลุงป๊อกจะได้ไปต่อหรือไม่ ตรงนี้นี่น่าคิดมาก เพราะเท่ากับต้องแลกกับการแตกแยกของ ส.ส.ต่อจากนี้

'ดร.กอบศักดิ์' แนะรับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต ประเมินสถานการณ์ สร้างโอกาสลงทุน

'กอบศักดิ์' บรรยาย เปิด 'หลักสูตร พศส.' สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ แนะรับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต ประเมินสถานการณ์สร้างโอกาสลงทุน

'กอบศักดิ์' คาดเศรษฐกิจโลก - ไทยเผชิญภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤตยาว 2 ปี กนง.จ่อขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 0.75% ดันดอกเบี้ยนโยบายไทยปีนี้แตะ 1.25% หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ระบุท่องเที่ยวไทยสัญญาณฟื้นชัดเจน มองราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ    

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ 'Economic Turbulence 2022 เศรษฐกิจ วิกฤตซ้อนวิกฤตต้องรับมืออย่างไร' ระหว่างการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ปี 2565 Next chapter for wealth : เปิดโลกสร้างความมั่งคั่งสู่ความมั่นคง จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่าในปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงแต่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงในหลายด้าน ถือเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตที่แต่ละประเทศต้องเตรียมการรับมือ ได้แก่ วิกฤตความขัดแย้งระหว่างประเทศ วิกฤตราคาพลังงานและอาหารโลก ความปั่นป่วนของตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก 

ขณะที่การเร่งการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อต้อสู้กับเงินเฟ้อส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นจนเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ตามมาทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณการชะลอตัว โดยวิกฤตเศรษฐกิจในระดับโลกที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจนในช่วง 1 - 2 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะภาคการส่งออกที่จะชะลอตัวลงจากเดิมที่เคยขยายตัวได้ในระดับ 20% ในปี 2564 

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวในส่วนของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2566 จะเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยเดือนละประมาณ 1 ล้านคน โดยรวมจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทยในปีนี้ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวมเนื่องจากมีสัดส่วนประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 

ทั้งนี้เมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัวและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดว่าภายในปีนี้จะมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เป็นจำนวน 3 ครั้ง รวมแล้วคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 0.75% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.5% ในปัจจุบันเป็น 1.25% โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และช่วยชะลอการลดลงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงจากระดับ 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาสู่ระดับ 2.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา 

“ตัวเลขเงินเฟ้อเป็นตัวเลขที่แบงก์ชาติต้องจับตาดูเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย โดยเงินเฟ้อในส่วนที่เป็นเงินเฟ้อรวมในเดือนที่ผ่านมาของไทยอยู่ที่  7.66% แต่ในส่วนที่เป็นเงินเฟ้อทั่วไป (Core Inflation) ของไทยอยู่ที่ 2.58% ถือว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงนัก ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติอีก 0.75% เพื่อให้ดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่ระดับ 1.25% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 คาดว่าเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จากนั้นก็จะต้องดูปัจจัยอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศแต่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคงเกิดขึ้นต่อไปอีกระยะ” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว 

อินฟลูฯ สาวชาวจีน อวดรวยใช้เงินวันละ 8 แสน กระตุกรัฐบาลจีนหันมาปราบ ‘ลัทธิบูชาเงิน’

อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวจีนรายหนึ่งผู้มียอดติดตามในแอปโต่วอิน (ติ๊กต็อกเวอร์ชันจีน) มากกว่า 3 ล้านคน นามว่า หวังเฉิงเฉิง (王澄澄) ได้กล่าวว่า เธอใช้จ่ายเงินวันละเป็นจำนวนมหาศาล และโพสต์ภาพการเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นเธอก็ถูกชาวเน็ตโจมตีและแอนตี้อย่างหนัก อีกทั้งยังถูกสื่อของรัฐบาลจีนวิจารณ์อีกว่าส่งเสริม ‘ลัทธิบูชาเงิน’ ที่ให้ผู้คนใช้เงินจำนวนมากในการซื้อความสุขให้ตัวเอง

ก่อนหน้านี้ หวังเฉิงเฉิง อินฟลูเอนเซอร์สาววัย 31 ปีรายนี้ ได้โพสต์อวดในบัญชีโต่วอินของเธอว่า เธอเป็นเจ้าของคฤหาสน์หรูขนาด 400 ตารางเมตร ขับรถหรูโรลส์-รอยซ์ ใช้เงินมากกว่า 150,000 หยวน (ประมาณ 8 แสนบาท) ต่อวัน นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจในการเดินทางทุกๆ วัน และเธอยังอ้างอีกว่าพ่อของเธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ทำให้ชาวเน็ตหลายคนตั้งคำถามว่า เธอมีสิทธินั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจได้อย่างไร และมีการใช้อำนาจของรัฐบาลในทางที่ผิดหรือไม่ จนในที่สุดบัญชีโต่วอินของเธอถูกแบนหลังจากเรื่องอื้อฉาวปะทุขึ้นไม่นาน

หวังเฉิงเฉิงอาศัยอยู่ในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ตำรวจประจำเมืองเสิ่นหยางจึงออกมาเปิดเผยว่า เฮลิคอปเตอร์นี้เป็นของบริษัทเอกชนและให้ตำรวจท้องที่เช่าโดยเฉพาะเท่านั้น โดยหญิงสาวรายนี้ใช้เพื่อถ่ายทำวิดีโอเท่านั้น และไม่มีสิทธิใช้นั่งเพื่อการเดินทางส่วนตัวได้

และเพื่อคลายความสงสัยให้สาธารณชน ตำรวจเมืองเสิ่นหยางได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า พ่อของหวังเฉิงเฉิงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่างที่เกษียณอายุแล้ว อีกทั้งผู้จัดการของบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ก็ถูกไล่ออกด้วย เนื่องจากปล่อยปละละเลยให้หวังเฉิงเฉิงใช้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวถ่ายทำวิดีโอของเธอ

รักษ์โลก รักษ์พลังงาน ด้วยไบโอดีเซลครบวงจรกับ BCG โมเดล โครงการ ‘ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 19’

วิกฤตพลังงาน เป็นอีกหนึ่งวิกฤตการณ์สำคัญที่เป็นผลพวงจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ดำเนินเข้าสู่เดือนที่ 6 และยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานหลักของโลก และเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามของโลก รองจากสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย ส่งผลกระทบให้ทั่วโลกเกิดวิกฤติการขาดแคลนพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และลุกลามไปถึงระบบการขนส่ง การผลิตอาหาร การบริโภค เงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น

‘ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 19’ โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และองค์กรภาคี ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย และมูลนิธิธรรมดี นำครูอาจารย์ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจลงพื้นที่ทำกิจกรรม ในวันที 23-24 กรกฎาคม 2565 ณ โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร จังหวัดเพชรบุรี หนึ่งในโครงการที่ได้ถูกคัดเลือกอยู่ในหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา โดยศูนย์คุณธรรมร่วมกับองค์กรภาคี จัดทำสรุป 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา โดยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้การแก้วิกฤติ ด้วยการ ‘นำปัญหามาแก้ปัญหา’ และการถอดพระอัจฉริยภาพ ‘จอมปราชญ์แห่งพลังงาน’ 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสนพระทัยในเรื่องการศึกษาการนำน้ำมันปาล์มไปใช้แปรรูปเป็นน้ำมันไบโอดีเซล และได้ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสาธิตสกัดน้ำมันปาลม์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จ.กระบี่ และที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส ต่อจากนั้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ประสานกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดทำโครงการเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและพืชพลังงานทดแทน ประกอบด้วย โครงการจัดสร้างโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านไบโอดีเซลเพื่อการแข่งขัน โครงการวิจัยทดสอบการใช้น้ำมันปาล์มดิบและไบโอดีเซลในเครื่องยนต์ดีเซล และโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน เพื่อเป็นสถานที่สำหรับใช้ในการศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนาพลังงานทดแทนจากพืชและไบโอดีเซลจากการปฏิบัติจริง เพื่อเป็นตัวอย่างการเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตพลังงานทดแทนการสกัดน้ำมันพืชแก่ชุมชน และเพื่อทดลองการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่แห้งแล้ง

โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร จ.เพชรบุรี มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การผลิตไบโอดีเซล และการนำวัตถุดิบที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซล คือ กลีเซอรีนและน้ำมันปาล์มนำมาผลิตสบู่และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนเช่น น้ำยาล้างจาน สเปรยไล่ยุง น้ำมันหอมระเหย การเลี้ยงปลา (ด้วยอาหารที่มีกากปาล์มผสม) เลี้ยงหมูป่าเพื่อกินกากปาล์มซึ่งได้จากกระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ การกลั่นน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรที่โครงการมีการปลูกพืชเพื่อสกัดน้ำมันหอมระเหย ได้แก่ ตะไคร้หอม 

ตะไคร้บ้าน มะกรูด โปร่งฟา ขมิ้น กะเพราป่า เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้เป็นการนำวัตถุดิบมาผลิตและหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์โดยไม่เกิดของเสียเหลือทิ้ง ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และลดการเกิดคาร์บอนในอากาศ จากการใช้วัตถุชีวภาพ เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน ตามหลัก BCG โมเดล ซึ่ง ครูอาจารย์และผู้ที่สนใจจะได้เรียนรู้และลงมือทำกิจกรรมในโครงการทุกขั้นตอน
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กิจกรรมทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอดนวัตกรรมศาสตร์พระราชา เราจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 19 มีผู้เข้าร่วมโครงการ รวมจำนวน 2,279 คน ทุกกิจกรรมในโครงการตามรอยพระราชาเราคาดหวังให้เกิดความเข้าใจและรับรู้ในพระราชปณิธานและพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณีกิจนานัปการเพื่อให้ราษฎรของพระองค์มีความเป็นอยู่อย่างผาสุก การมาลงพื้นที่ทำกิจกรรมโครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร ในครั้งนี้ เราได้เรียนรู้ทั้งการนำทรัพยากรจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การดูแลสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า รวมถึงแนวทางการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งทิพยประกันภัยใส่ใจสังคม กับโครงการ ทิพยทำความดีไม่มีสิ้นสุด พร้อมร่วมส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างความแข็งแรงให้กับสังคม คาดหวังว่าครูอาจารย์ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้และนำไปเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน เพื่อการพัฒนาตนเองและประเทศชาติต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top