Sunday, 18 May 2025
WEEKEND NEWS

สาวแชร์คลิปสุดซึ้ง ลุงวินพามาเลี้ยงสเต็ก เป็นการอำลาก่อนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย 

สาวโพสต์คลิปวิดีโอลงใน TikTok เผยลุงวินคู่ใจจู่ๆ พามาร้านสเต็ก บอกขอเลี้ยงก่อนแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย พบใช้บริการกันนานกว่า 5 ปี

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ผู้ใช้ TikTok @stamptyr ได้โพสต์คลิปสุดซึ้ง กับลุงวินจักรยานยนต์ที่เคยใช้บริการตั้งแต่ ม.2 จนถึง ม.6 ล่าสุดตัวผู้โพสต์เองกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณลุงได้พาตนเองมาเลี้ยงสเต็ก ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่ได้ใจชาวเน็ตเป็นอย่างมาก

'ดีอีเอส' แนะ 3 ช่องทางช่วยประชาชน หากถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างโซเชียลปลอม 

กระทรวงดิจิทัลฯ แนะประชาชน-คนดัง พบถูกแอบอ้างชื่อ/รูปภาพไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม รีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม แจ้งผ่านโทร. 1212 และแจ้งความได้ทั้งเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์/ตำรวจ ยืนยันดีอีเอส พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี  

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่น ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง

สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่ บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดัง สร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น 

นางสาว นพวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 

1.) แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการ report ไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ Social Network ที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และ IG มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม

2.) ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส + ช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ 

และ 3.) แจ้งตำรวจ ทั้งการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยให้รวบรวมหลักฐานไว้ เช่น capture จับภาพหน้าจอสนทนา หรือหน้ารูป Profile ที่ถูกปลอมขึ้นมา 

'เฉลิมชัย' รุกลึกทุกตำบลทั่วประเทศ เร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแพลตฟอร์มใหม่เป็นครั้งแรกของประเทศ

'อลงกรณ์' เผยความคืบหน้าตั้งกลไกใหม่ครบ 7 พันตำบลเดือนหน้าเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ภาคเกษตรของไทย

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเปิดเผยวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรฯ และทุกภาคีภาคส่วนกำลังเร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทุกจังหวัดเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาเชิงพื้นที่ครอบคลุมลึกลงไปใน 70,000 หมู่บ้าน 7 พันตำบล 878 อำเภอรวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วยแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนโดยตนได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดและคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอ 878 อำเภอ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคการเกษตรของไทยโดยเฉพาะปัญหาความยากจน หนี้สินและความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ได้สั่งการให้เร่งจัดตั้งกลไกพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลหมู่บ้านให้เสร็จโดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนกล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลคาดว่าจะครบ 7,435 พันตำบล ภายในเดือนหน้าซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับทุกภาคีภาคส่วนในแต่ละตำบลโดยเฉพาะ กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นกลไกการพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน 

“นับเป็นครั้งแรกที่มีโครงสร้างและระบบการพัฒนาภาคเกษตรที่หยั่งลึกลงถึงตำบลหมู่บ้านชุมชนใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานครเพื่อดึงพลังชุมชน (Community Empowerment) ออกมารวมพลังการแก้ไขปัญหาในอดีตและปัจจุบันรวมทั้งการพัฒนาสู่อนาคตที่ดีขึ้น ซึ่งมีปลัดอำเภอ เกษตรตำบล อบต. และอาสาสมัครเกษตร (อกษ.) เป็นแกนหลักร่วมกับตัวแทนภาคเอกชนภาควิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้านตำบลเชื่อมโยงกับคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอระดับจังหวัดและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC แต่ละจังหวัดโดยมีหน้าที่จัดทำและขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแบบยั่งยืนภายใต้แพลตฟอร์มการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ

 

'นายกฯ' ห่วงใยเด็ก-เยาวชน สั่งตำรวจ-ดีอีเอส ปราบปรามสื่อลามก

(17 ก.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใย กรณีปรากฏเป็นข่าวการจำหน่ายคลิปลามกอนาจารแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ที่สามารถเข้าถึงโดยง่าย จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ ให้เข้มงวดกวดขัน การเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์ ส่งผลเสียต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นวัยสำหรับการเรียนรู้ โดยขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อกรณีพบการกระทำความผิด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องดูแล ให้คำแนะนำบุตรหลานในการใช้สื่อออนไลน์อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเชื่อว่าสถาบันครอบครัวจะมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เช่นเดียวกับโรงเรียน ต้องช่วยให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้เท่าทันสื่อในโลกออนไลน์ เพื่อใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับรู้ทันพิษภัยของการเสพสื่อในทางที่ผิด

น.ส.ไตรศุลี ย้ำเตือนว่า การขายคลิปลามกอนาจารมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยกรณีสื่อลามก อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป เพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ก้าวไกลปล่อยโปสเตอร์ชวนประชาชนร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใบ้หัวข้อแซ่บเพียบ งานนี้สงสัย 'เผาจริง'!

เฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล เผยแพร่โปสเตอร์เชิญชวนประชาชนร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในธีม “ตอกตะปูปิดตาย ทลายระบอบประยุทธ์” โดยโปสเตอร์ถูกออกแบบให้คล้ายคลึงกับการ์ดเชิญงานศพ และมีการบอกใบ้หัวข้ออภิปรายที่น่าสนใจหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจจับระเบิด GT-200 ซึ่งเคยมีคดีทุจริตตลอดหลายปีผ่านมา คดีทุจริตอนุสาวรีย์ การอภิปราย “นักรบไซเบอร์” ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะเป็นภาคต่อของการอภิปรายปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของกองทัพ ซึ่งพรรคทำมาตั้งแต่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังยืนยันว่ามีหัวข้อการอภิปราย “บิ๊กเซอร์ไพรซ์” ที่จะอภิปรายโดยรังสิมันต์ โรม แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ซึ่งที่ผ่านมา รังสิมันต์เปิดประเด็นที่แหลมคมและเป็นไฮไลท์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง

นทท.ซาอุฯ ปลื้ม!! ตำรวจท่องเที่ยวไทย ช่วยตามหาของหาย สัญญามาไทยอีกแน่นอน

วานนี้ (16 ก.ค. 65) เวลา 16.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะ โฆษกกองบัญชาการฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีความประสงค์แจ้งให้สื่อมวลชนและสาธารณะทราบว่าในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 01.40 น. Mrs.Algarz Rehub Saleh A  นักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียพร้อมเพื่อน ได้ทำกระเป๋าสัมภาระซึ่งมีของสำคัญหายระหว่างการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังโรงแรมที่พัก และได้เดินทางกลับมาขอความช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาต่อมา 

ต่อมาเพียงเวลาไม่นาน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.อ.มิลินทร์ เพียรช่าง ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยวได้ตรวจสอบจนพบรถแท็กซี่ที่นักท่องเที่ยวใช้บริการ และได้ประสานแจ้งคนขับจนสามารถนำกระเป๋าดังกล่าวกลับคืนมาอย่างปลอดภัยส่งผลให้นักท่องเที่ยวซาอุฯ ดังกล่าวได้เขียนชื่นชมประเทศไทยและตำรวจท่องเที่ยวว่า

"เจ้าหน้าที่ (ตำรวจท่องเที่ยว) ใจดีและทำงานแบบมืออาชีพมากๆ พวกเขาช่วยเราหาของที่เราทำหายเองและมีการบริหารจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ที่จริงเราหมดหวังที่จะได้ของคืนไปแล้ว แต่ตำรวจท่องเที่ยวก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังจนได้ของคืนมาจนได้"

"ไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความรู้สึกขอบคุณของเราอย่างจริงใจได้ เรารักกรุงเทพฯ และกรุงเทพช่างเป็นเมืองที่โชคดีมากที่มีตำรวจท่องเที่ยวแบบนี้ เราจะกลับมาเที่ยวอีกแน่นอนเพราะการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว พวกเขายอดเยี่ยมที่สุด"

'ธัญวัจน์’ ชี้ เรียกร้อง ‘สมรสเท่าเทียม’ ในยูเครนคือการเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ผลักดันร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดจากภาวะสงครามของยูเครนและรัสเซีย กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ขับเคลื่อนรวบรวมรายชื่อ 28,000 คน ถึงรัฐสภายูเครนและประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ให้พิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อยอมรับบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศยูเครนที่มีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้มาแล้ว 9 ปี นับจากหมุดหมายสำคัญในการจัดงาน #PrideMonth ในปี 2013 จนนำมาสู่มีร่างกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติเมื่อปี 2015 แต่อย่างไรก็ดีกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศยังไม่สามารถทำได้

“การไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวนั้นไม่ได้หมายความว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่ประสบปัญหา เพราะการที่อยู่ด้วยกันไม่มีกฎหมายประกันสิทธิใด ๆ และยิ่งในภาวะสงครามที่มีการสูญเสีย การพลัดพราก ที่ไม่ต่างจากเพศชายหญิงทั่วไป ส่งผลกระทบทางตรงเมื่อพวกเขาไม่มีกฎหมายรับรองและประกันสิทธิ์ในฐานะคู่สมรส”  

ธัญวัจน์ ยังระบุอีกว่า การเรียกร้องของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในยูเครน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเรียกคืนสิทธิ์ที่ถูกพรากไป แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้โลกเราเห็นภาพใหญ่คือ “สงคราม” หรือ “สันติภาพ” ด้วย เพราะสมรสเท่าเทียมคือสัญลักษณ์ของความรักและสันติภาพ 

“เราทุกคนล้วนแล้วแต่อยากที่อยู่ใกล้กับคนที่เรารัก อยากดูแลกัน แบ่งปันกัน สร้างครอบครัวด้วยกัน ในขณะที่สงครามนั้นเกิดจากความเกลียดชังและบ้าคลั่งในอำนาจ ต้องการชัยชนะ แม้จะยืนอยู่บนความพ่ายแพ้ของผู้อื่น เราทุกคนไม่ได้อะไรจากสงครามและความเกลียดชัง”

ดร.นิว ถาม 'สามนิ้วแรงงาน' จะตาสว่างตอนไหน ปล่อยให้ 'สามนิ้วศักดินา' ฉกฉวยเอาเปรียบอยู่ได้

วานนี้ (16 ก.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า...

สามนิ้วศักดินา vs สามนิ้วแรงงาน ขณะที่ 'สามนิ้วแรงงาน' ต้องบากหน้าไปให้คนจัดงานกรุงเทพกลางแปลงปฏิเสธการเข้าร่วมงานอย่างไร้เยื่อใย อีกทั้งยังถูกชาวบ้านโห่ไล่อย่างไร้ที่ยืน

แต่ 'สามนิ้วศักดินา' กลับอาศัยชายกระโปรงฉกฉวยการเคลื่อนไหวของพวกแรงงานมาเป็นเครื่องมือในการปั่นกระแสทางโซเชียลมีเดียอย่างเอารัดเอาเปรียบ

อดีตแพทย์ทำเนียบขาว ฟัน!! ไบเดนอยู่ไม่ครบเทอม เนื่องจากความเสื่อมทางเชาวน์ปัญญา

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คงไม่สามารถอยู่รอดในช่วงเวลาที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรก เนื่องจากความเสื่อมทางเชาวน์ปัญญาของผู้นำรายนี้ไปไกลแล้ว รอนนี แจ็คสัน อดีตแพทย์ประจำทำเนียบขาวที่ผันตัวมาเป็นสมาชิกรัฐสภาจากรัฐเทกซัส เขียนคำทำนายบนทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) ที่ผ่านมา

แจ็คสัน อธิบายเพิ่มเติมว่า "กระบวนการการรับรู้ของไบเดน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมานานหลายปีแล้ว" และบอกว่า "เขาไม่ควรเป็นประธานาธิบดีของเรา!" ส่วนอีกทวีตเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวัย 79 ปี ลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ แจ็คสัน ซึ่งดำรงตำแหน่งแพทย์ส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ ด้วยว่า โอบามา ได้ส่งอีเมลฉบับหนึ่งถึงเขา และตำหนิเขาต่อกรณีที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับทักษะทางปัญญาของไบเดน

แม้ยอมรับว่า แจ็คสัน ทำงานให้เขาและครอบครัวด้วยดีเสมอมา และเรียกเขาว่าแพทย์ที่ดีและเพื่อนที่ดีเช่นกัน แต่อดีตประธานาธิดีโอบามา ตำหนิติเตียนแพทย์ที่ผันตัวเป็นสมาชิกรัฐสภารายนี้ ต่อกรณีกล่าวโจมตีแสกหน้าไบเดน แบบไม่ถนอมน้ำใจบนทวิตเตอร์

"มันไม่มีความเป็นอาชีพและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ที่คุณเคยรับผิดชอบ" โอบามา ระบุ พร้อมบอกว่า "ข้อความบนทวิตเตอร์ ขาดความเคารพกับผมและเพื่อนๆ มากมายของคุณในรัฐบาลของเรา" และบอกว่าเขาคาดหมายในตัวของ แจ็คสัน มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม แจ็คสัน ยืนยันในความเห็นของเขาเกี่ยวกับสถานะทางจิตของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกแห่งว่า "ผมรู้ว่าเขามีความสามารถทางปัญญาลดลง สืบเนื่องจากอายุของเขา ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาไม่เหมาะแล้ว" คุณหมอรายนี้กล่าวอ้าง "ลักษณะของการเดินงุ่มง่าม มองเหม่อจ้องไปในความว่างเปล่า" บ่งชี้ว่า ไบเดน ไม่ควรทำหน้าที่อีกต่อไป

รอง ผบ.ตร.เตือนภัยอาชญากรรมทางออนไลน์ ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา 17 รูปแบบ หวั่นอาชญากรใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงหลอกลวงประชาชนตกเป็นเหยื่อ

วันนี้ 17 กรกฎาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่า ภายหลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และผู้ว่าฯ นครราชสีมา ได้ส่งต่อข้อความผ่านกลุ่มไลน์สื่อและช่องทางอื่นๆ เพื่อประชาสัมพันธ์หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพปลอมไลน์ส่วนตัว และติดต่อขอยืมเงินกับบุคคลใกล้ชิด พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับมิจฉาชีพรายนี้นั้น

สำหรับเรื่องการปลอมหรือแฮ็ก Line หรือ Facebook ไปหลอกยืมเงินนั้น แนะนำว่าหากมีใครทักมายืมเงินควรโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลกลับไปสอบถามก่อนว่าใช่เจ้าตัวจริงหรือไม่ แต่หากมิจฉาชีพอ้างว่าติดประชุมหรือธุระสำคัญอยู่ก็ควรรอให้เสร็จธุระ หรือขอให้เขาโทรกลับมาก่อน คงไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบโอนขนาดนั้น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top