Wednesday, 9 July 2025
WEEKEND NEWS

NASA และ Roscosmos องค์กรสำรวจอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย บรรลุข้อตกลงระยะยาวฉบับใหม่ ที่จะยังคงใช้สถานีอวกาศนานาชาติร่วมกัน แถมกำลังจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักบิน และแชร์ไฟลต์สู่อวกาศร่วมกันในเดือนก.ย. นี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 65 ที่ผ่านมา NASA และ Roscosmos องค์กรสำรวจอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย เพิ่งบรรลุข้อตกลงระยะยาวฉบับใหม่ ที่จะยังคงใช้สถานีอวกาศนานาชาติร่วมกัน แถมกำลังจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักบิน และแชร์ไฟลต์สู่อวกาศร่วมกันในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

Roscosmos หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านโครงการอวกาศของรัสเซียกล่าวว่า ข้อตกลงนี้ เป็นการเห็นชอบร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือของโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสำรวจอวกาศเพื่อสันติ 

จากข้อตกลงนี้ จะทำให้ทั้งสหรัฐฯ และ รัสเซีย ยังคงใช้สถานีอวกาศนานาชาติร่วมกันได้ และนักบินอวกาศสหรัฐฯ ยังสามารถเข้าถึงยานแคปซูล Suyuz ของรัสเซียได้ด้วย 

ส่วนโครงการแลกเปลี่ยนนักบินอวกาศจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยเที่ยวบินแรก สหรัฐอเมริกาจะส่ง แฟรงค์ รูบิโอ นักบินอวกาศจาก NASA ไปกับยานอวกาศของมอสโคว์ ที่ส่งจากฐานปล่อยยาน ไบโคนูร์คอสโมโดรม ในประเทศคาซัคสถาน ร่วมกับนักบินอวกาศของรัสเซียอีก 2 คน 

ในทางกลับกัน รัสเซียก็จะส่ง แอนนา คิคินา นักบินอวกาศหญิงของรัสเซีย ไปกับยาน Space X Dragon พร้อมลูกเรือชาวอเมริกัน 2 คน และจากญี่ปุ่นอีก 1 คน โดยปล่อยยานจากศูนย์อวกาศเคเนดี ในรัฐฟลอริด้า และนี่จะเป็นครั้งแรกที่นักบินอวกาศรัสเซียจะได้เดินทางสู่อวกาศไปกับยานของ Space X อีกด้วย

ในขณะที่สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ตัดขาดความสัมพันธ์แทบทุกอย่างบนโลก เนื่องจากความขัดแย้งในกรณีข้อพิพาทรัสเซีย-ยูเครน แต่ความร่วมมือกันในโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ อาจกลายเป็นโปรเจกต์เดียวที่ยังเหลืออยู่ 

รัฐบาล พร้อมรับมือผู้ป่วยโควิดพุ่ง  เปิด 2 แอปพลิเคชั่น Good Doctor Technology และ MorDee (หมอดี) ให้ผู้ป่วยพบหมอแบบออนไลน์ พร้อมจัดยาส่งถึงบ้านฟรี

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียว คือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาขึ้นไป จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ ซึ่งอาการเหล่านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางปฏิบัติให้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน โดยผู้ที่ตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีด ไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการตามสิทธิรักษาของตน รับยาแล้วกลับมากักตัวที่บ้าน 7+3 วันต่อ กรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 การรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร นอกจากการรักษาตามแนวทางดังกล่าวแล้ว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มการให้บริการการรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เป็นความร่วมมือกับ 2 บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นด้านสุขภาพดิจิทัล ผ่าน แอป “Good Doctor Technology” และ แอป “MorDee (หมอดี)” กล่าวคือ เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 (เฉพาะสิทธิบัตรทอง) ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นเพียงอันใดอันหนึ่ง จะได้พบแพทย์ออนไลน์ ซึ่งจะทำการประเมินอาการ และจัดส่งยาถึงบ้านตามความจำเป็นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางรายอาจได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso

สำนักงานสลาก ฯ เตรียมเปิดจำหน่าย ‘สลากดิจิทัล’ งวดประจำวันที่ 1 ส.ค.2565 จำนวน 7.1 ล้านใบ งวดที่ 4 ผ่านแอป ‘เป๋าตัง’ พร้อมเตือน ปชช. ให้ซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น

นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ พร้อมเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดที่ 4 ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ของวันที่ 17 ก.ค.65 เป็นต้นไป โดยงวดนี้จะมีสลากจำหน่ายเพิ่มเป็น 7,167,500 ใบ เพิ่มจากเดิมที่มี 5.1 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการสลากของผู้ซื้อ หลังจากงวดที่ผ่านมามีการจำหน่ายหมดไวกว่าที่คาด โดยใช้เวลาไม่ถึง 2 วัน

การพิจารณาเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลในอนาคต คณะกรรมการสลากฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยนำผลตอบรับด้านต่างๆ มาพิจารณาร่วมกันทุกมิติ ทั้งฝั่งคนซื้อและคนขาย รวมถึงจะทยอยเพิ่มสลากทีละน้อย 1-2 ล้านใบ ไม่ได้เพิ่มครั้งเดียวเป็นปริมาณมาก เพื่อให้ผู้ค้าสลากระบบเดิมมีเวลาปรับตัวและสามารถวางแผนการจำหน่ายสลากได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญต้องรักษาความสมดุลระหว่างผู้ค้าในระบบเก่าและระบบดิจิทัลให้อยู่ร่วมกันได้

ประธานกรรมการสลากฯ บอกว่า การจำหน่ายสลากที่ผ่านมามีผลตอบรับเป็นไปด้วยดี โดยประชาชนกว่า 1 ล้านคน สามารถเข้าถึงซื้อสลากตัวเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาทได้จริง อีกทั้งยังมีความสะดวก ความปลอดภัย เพราะสลากที่ซื้อทุกใบจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในแอพฯ สามารถขึ้นรางวัลได้ทันที ไม่ยุ่งยาก โดยสามารถเลือกซื้อได้ทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม ยกเว้นวันออกรางวัลจะซื้อได้ถึง 14.00 น. ซึ่งซื้อได้แบบไม่จำกัด ทุกเลข ทุกใบในราคา 80 บาท

ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสังเกตว่า สลากดิจิทัลขายหมดไวเพราะมีนายทุนกว้านซื้อไปขายต่อทำกำไรนั้น นายลวรณกล่าวว่า จากการติดตามข้อมูล พบว่าปริมาณการซื้อสลากดิจิทัลยังเคลื่อนไหวเป็นปกติ โดยสลาก5 ล้านใบ มีผู้ซื้อประมาณ 9 แสนคน เฉลี่ยแล้วคนหนึ่งซื้อ 5-6 ใบเท่านั้น ไม่พบว่าใครซื้อมากขึ้น หรือซื้อกระจุกตัวแบบผิดสังเกต ที่สำคัญในการตรวจสอบตามโซเชียลมีเดียก็ไม่พบผู้ค้ารายใหญ่ขายสลากดิจิทัล มีเพียงรายย่อยโพสต์ขายเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จับกุมดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้ว

‘หมอธีระ’ ระบุ โอมิครอน BA.2.75 เป็นอีกสายพันธุ์ย่อยที่น่ากังวล หลังผลวิจัยพบ ดื้อต่อภูมิคุ้มกันไม่ต่างจาก โอมิครอน BA.5 มากนัก อีกทั้งยังมีผลกระทบมากับผู้ที่เคยติด โควิด-19 สายพันธุ์ เดลตา 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 617,204 คน ตายเพิ่ม 1,095 คน รวมแล้วติดไป 566,020,541 คน เสียชีวิตรวม 6,383,840 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น อิตาลี สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 70.47 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 65.38 สถานการณ์ระบาดของไทย จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า

จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

ตัวเลขรายงานของทั่วโลก จะเห็นว่าค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนติดเชื้อใหม่ต่อประชากร 1 ล้านคนของโลก ทวีป และประเทศนั้น สะท้อนให้เห็นว่ากำลังอยู่ในขาขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นของไทย ที่ตัวเลขรายงานแต่ละวันนั้นไม่ได้สะท้อนจำนวนติดเชื้อใหม่ที่เกิดขึ้นจริง แต่เลือกรายงานเฉพาะที่ป่วยมารับการรักษาในโรงพยาบาล
 
การรายงานต่ำกว่าความเป็นจริงนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อระบบข้อมูลของสากลที่ใช้ในการเปรียบเทียบสถานการณ์ระหว่างประเทศและภาพรวมของโลกได้

ทั้งนี้หากมาดูค่าเฉลี่ยรอบ 7 วันของจำนวนเสียชีวิตใหม่ต่อประชากร 1 ล้านคน จะเห็นว่า จำนวนการเสียชีวิตของไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ของทวีปเอเชีย และสูงกว่าอีกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ลักษณะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความไม่สอดคล้องกันของตัวเลขติดเชื้อที่รายงาน และตัวเลขการเสียชีวิต ซึ่งตอกย้ำว่าตัวเลขติดเชื้อที่รายงานนั้นต่ำกว่าความเป็นจริงนั่นเอง

ดังนั้นหากเราตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการรับรู้ของประชาชนในประเทศ และผลกระทบต่อการเฝ้าระวังระหว่างประเทศ การกลับทิศทางนโยบายให้หันมารายงานตัวเลขการติดเชื้อที่สะท้อนสถานการณ์จริงนั้นจะเป็นประโยชน์มากกว่าการปล่อยให้เป็นไปในลักษณะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร

‘บิ๊กตู่’ กำชับ กระทรวงเกษตรฯ - ฟรุ้ทบอร์ด เร่งยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลเม้ไทย รองรับตลาดส่งออกจีน-ทั่วโลก

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการส่งออกผลไม้ของไทยไปจีนโดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือฟรุ้ทบอร์ด (Fruit Board) ที่มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน รายงานผลงานการส่งออกผลไม้ของไทยไปจีนครึ่งปีแรก 2565 ได้เกิน 1 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วกว่า 120,000 ตัน สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ประกอบการและประเทศกว่า 8 หมื่นล้านบาท 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ฟรุ้ทบอร์ดติดตามสถานการณ์การผลิตไม้ผลปี 2565 เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในการกระจายผลผลิตผลไม้ของเกษตรกร รวมทั้งให้เดินหน้ายกระดับนโยบายคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ เร่งเดินหน้าแผนปฏิบัติการพัฒนาผลไม้ปี 65-70

เปิดโพรไฟล์ธุรกิจ ‘อานุภาพ ธารทอง’ ส.ก. ผู้ถูกกล่าวหาคดีคุกคามทางเพศ เป็นกรรมการ-ถือหุ้น 8 บริษัท หลักค้าขาย พลาสติก อสังหาฯ ล่าสุด ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลแล้ว

นายอานุภาพ ธารทอง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตสาทร ผู้ต้องหาคดีคุกคามทางเพศทางเพศ ซึ่งผู้เสียหายบางส่วนเป็นผู้เยาว์

ภายหลังพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ นำตัวไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานอีก 6 ปาก รอผลตรวจสอบทะเบียนประวัติผู้ต้องหา และอื่นๆ ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ขณะที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พิจารณาให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 100,000 บาท ขณะที่เจ้าตัวยืนยันไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา บอกหลังจากนี้จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ให้ข้อมูลเท็จต่อไป

มาดูโพรไฟล์ธุรกิจของนักการเมืองหนุ่มรายนี้กัน

นายอานุภาพ หรือ ‘บอย’ ส.ก. เขตสาทร ชนะเจ้าถิ่นอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่ครองเขตสาทรมาตั้งแต่ปี 2553

ฐานธุรกิจนายอานุภาพทำธุรกิจร่วมกับครอบครัวหลายประเภท ทั้ง ค้าขาย อสังหาริมทรัพย์ พลาสติก

จากการตรวจสอบพบว่านายอนุภาพเป็นกรรมการและถือหุ้นธุรกิจอย่างน้อย 8 บริษัท

1.บริษัท ที.เอ็น.ซอฟแคร์ โปรดักท์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 เมษายน 2546 ทุนล่าสุด 30 ล้านบาท ประกอบการ ผลิตสบู่และสารซักฟอกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดและขัดเงา ที่ตั้งเลขที่ 125/11-12 หมู่ 2 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ณ วันประชุมผู้ถือหุ้น 30 เมษายน 2565 นายอานุภาพถือ 22,500 หุ้น มูลค่า 2,250,000 บาท จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 300,000 หุ้น และร่วมเป็นกรรมการ

2. บริษัท ธารธนา จำกัด จดทะเบียนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2522 ทุนล่าสุด 30 ล้านบาท ประกอบการขายปลีกขายส่งกระเป๋าเครื่องประดับกายสตรีนำเข้าขายส่งขายปลีกกระเป๋าเครื่องประดับกายสตรี ที่ตั้งเลขที่ 37/8-9 ซอยสะพานคู่ ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร มี สำนักงาน 3 สาขา บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุมผู้ถือหุ้น 30 เมษายน 2565 นายอานุภาพถือ 30,000 หุ้น มูลค่า 3 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 300,000 หุ้น และร่วมเป็นกรรมการ

3.บริษัท อนันตสิริ แลนด์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 9 กันยายน 2548 ทุนล่าสุด 200 ล้านบาท ประกอบการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ที่ตั้งเลขที่ 37 ซอยสะพานคู่ ถนนพระรามที่ 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 30 เมษายน 2565 นายอานุภาพถือ 400,000 หุ้น มูลค่า 40 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,000,000 หุ้น และร่วมเป็นกรรมการ

4.บริษัท เอ็น.วาย.สวนเกษตร จำกัด จดทะเบียนวันที่ 23 กรกฎาคม 2533 ทุนล่าสุด 5 ล้านบาท ประกอบการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 37 ซอยสะพานคู่ ถนนพระรามที่ 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 30 เมษายน 2565 นายอานุภาพถือ 5,000 หุ้น มูลค่า 500,000 บาท จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 50,000 หุ้น และร่วมเป็นกรรมการ

‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีใจบุญ ควักเงินบริจาคการกุศลเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ไม่สนใจหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก

บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง “ไมโครซอฟท์” บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ประกาศบริจาคเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 7.3 แสนล้านบาทให้กับมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ที่เขาและอดีตภรรยาร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2543 เพื่อนำเงินไปใช้ช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก

บิล เกตส์ ซึ่งปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งอันดับ 4 ของโลก ระบุว่า ตนเองต้องมีความรับผิดชอบคืนกลับให้สังคม โดยให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในการลดความทุกข์ทรมานและพัฒนาชีวิตของผู้คน พร้อมกับคาดหวังว่าคนอื่น ๆ ที่มีความมั่งคั่งจะทำเช่นนี้เหมือนกัน

เขาระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า มูลนิธิอาจจะต้องเพิ่มการใช้จ่ายจากปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ เป็น 9 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ อาทิ โรคระบาด สงคราม และวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า ปัจจุบัน ‘บิล เกตส์’ มีความมั่งคั่งสุทธิ 1.18 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการบริจาคเงินดังกล่าวอาจจะทำให้เขาหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก

'เฉลิมชัย' ไฮไลต์ 'ทุเรียนป่าละอู' เปิดมหกรรมผลไม้ที่ประจวบคีรีขันธ์

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ 'มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู' ประจำปี 2565 โดยมี นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) พร้อมด้วย นางสาวเสาวลักษณ์ ศุภกมลเสนีย์ รองเลขาธิการ มกอช. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับโครงการดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 กรกฎาคม 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทองและพันธุ์ชะนีที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการผลิตทุเรียนในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในลักษณะของกลุ่มแปลงใหญ่ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร โดยในส่วนของการยกระดับมาตรฐานสินค้าทุเรียน มีการส่งเสริมควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน ทำให้ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 390 ราย และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยเป็นทุเรียนป่าละอู จำนวน 83 ราย

อนุกมธ.งบฯ เพื่อไทย เสนอ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นมหานครทางเศรษฐกิจของโลกมุสลิม เปลี่ยนภาพความรุนแรงเป็นเมืองเศรษฐกิจ พร้อมฝาก ศอ.บต-กระทรวงศึกษา-กรมศิลปกร จัดงบบูรณาการเพิ่มศักยภาพพื้นที่

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) แผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 กล่าวว่า ในการประชุมคณะอนุกมธ.ฯ ได้มีการตั้งข้อสังเกต และข้อแนะนำให้แต่ละหน่วยงานที่มาชี้แจง โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) เกี่ยวกับการนำงบประมาณลงไปบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกมธ.เห็นว่า พื้นที่ 'ปัตยะรา' (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ยังเป็นมหานครแห่งโอกาสและความหวัง เป็นประตูเศรษฐกิจสู่อาณาจักรมุสลิมที่มีกำลังซื้อมหาศาล เป็นมหานครฮาลาลที่มีอนาคตที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพียงแต่ต้องเข้าใจ และเปลี่ยนเป็นการนำทางด้วยเศรษฐกิจ และการพัฒนา โปรดอย่ามองด้วยสายตาว่าในพื้นที่นี้แข็งกระด้างและรุนแรง ซึ่งพี่น้องในปัตยะราทุกคนต่างต้องการการอยู่ดีกินดี มีอาชีพที่มั่นคง 

ทั้งนี้ ตนฝากนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาการศึกษาเพื่อการมีงานทำ และการศึกษาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยขอให้ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับการนำศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ สู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน พร้อมขอฝากกรมศิลปากรและกรมโยธา ช่วยพัฒนาการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้างพื้นฐานของเมืองให้มีกลิ่นอายของมรดกวัฒนธรรมถิ่น ในหลัก 8 วิถี 9 วัฒนธรรม ที่เคยวางเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาศิลปะวัฒนธรรมให้กับกระทรวง โดย 8 วิถี softpower ประกอบด้วย 

1.อาหาร 

2.แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย 

3.สถาปัตยกรรมและที่อยู่อาศัย 

4.ข้าวของเครื่องใข้ของตกแต่งบ้าน 

5.ภาษา 

6.ศิลปวัฒนธรรม 

7.ดนตรีและบันเทิง 

และ 8.ความเชื่อความเป็นมงคล 

'สร้างอนาคตไทย' จัดใหญ่ ระดมกูรู กู้วิกฤตเศรษฐกิจ ชี้ 'โลกเปลี่ยนไทยต้องปรับ'

'พรรคสร้างอนาคตไทย' เปิดเวทีถกทางออกวิกฤตเศรษฐกิจ 'บัณฑิต' ชี้แก้เงินเฟ้อด่วนก่อนเศรษฐกิจติดหล่ม ด้านเอกชนมั่นใจเอกชนไทยยังมีศักยภาพสูงขอเพียงรัฐบาลสนับสนุนให้ตรงจุด ขณะที่เอสเอ็มอีและภาคท่องเที่ยว วอนช่วยเร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ

(10 ก.ค.65) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดเสวนา 'เจาะลึกวิกฤติร่วมคิดทางออก' ถกนักวิชาการ นักธุรกิจชั้นนำ ประกอบด้วย ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยมีนายสันติ กีรนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อหาทางออกของวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ สะท้อนปัญหา และเสนอแนะแนวทางแก้ถึงรัฐบาล 

โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า งานวันนี้เราตั้งใจให้เป็นวงเสวนาที่อยากให้เราได้มีโอกาสร่วมกันคิดวิเคราะห์สิ่งที่ประเทศกำลังเผชิญ สถานการณ์หลายอย่างดูเหมือนดีขึ้น แต่ทั้งผู้ประกอบการ ประชาชนยังห่วงใยว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะไปต่ออย่างไร เรายังต้องช่วยกันบริหารจัดการ ช่วยคิด และหาทางออก จึงเป็นที่มาของการเสวนาในวันนี้ ตนและพรรคหวังว่าสิ่งที่จะออกมาวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม เป็นการช่วยกันคิด ร่วมกันทำของคนไทย เพื่ออนาคตของเรา ในภาวะที่หลาย ๆ อย่างสุ่มเสี่ยง แต่โอกาสก็มีเยอะ ถ้าช่วยกันคิด ช่วยกันบริหารจัดการความท้าทาย ทำสิ่งที่มีให้เกิดขึ้นได้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะทำให้คนไทยเดินหน้าต่อไป ประเทศเติบโต พร้อมรับความท้าทายในอนาคต 

นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทย เผชิญความท้าทาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างแย่ไปหมด แต่ทำอย่างไรจะก้าวไปด้วยกัน ไม่ทิ้งภาคใดเผชิญปัญหาให้ล้มลงเป็นภาระ นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็น แต่แผนงานที่ขับเคลื่อนได้จริงสำคัญมากกว่า วันนี้ผู้ที่จะมารับผิดชอบการขับเคลื่อนต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน รัฐต้องส่งเสริมภาคเอกชนให้ก้าวเดินต่อไปได้ กฎระเบียบที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ก็ต้องทำ วันนี้โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงจึงจะรอด และพัฒนาไปได้ ถ้าหากคิด และทำแบบเดิม ๆ ไม่อาจตอบโจทย์ไปสู่ทิศทางที่ต้องการได้ การเติมทุน การขับเคลื่อนเชิงรุก ทำอย่างไรให้ประเทศเป็นที่สนใจของนักลงทุน ซึ่งตรงนี้ได้มีการเริ่มต้นเรื่อง EEC เอาไว้แล้ว ก็ต้องใช้ EEC เป็นตัวสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามา และสุดท้ายธรรมาภิบาลคือสิ่งสำคัญที่ต้องมี เพราะจะช่วยให้การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน 

ขณะที่ ดร.บัณฑิต มองว่าจากปัจจัยผลกระทบเศรษฐกิจจากสถานการณ์โลกที่เผชิญอยู่ขณะนี้  ทั้งภาวะสงคราม สถานการณ์ราคาพลังงานแพง การขาดแคลนอาหาร จะมีความยืดเยื้อ ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาโดยมุ่งเน้นการใช้จ่ายจากภาครัฐนั้นไม่ตอบโจทย์ และต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะผลที่จะตามมาคือการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อให้เร็วขึ้น รวมถึงการสร้างภาระทางการเงินจากเงินกู้มากขึ้น  โดยได้เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาหลักสำคัญที่ประเทศต้องให้ความสำคัญ คือ 1. การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ควรใช้กลไกตลาดมากกว่าการควบคุม เพราะมาตรการควบคุมเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน และหากมุ่งเน้นมาตรการควบคุมประเทศอาจจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนสินค้า เนื่องจากไม่คุ้มทุนการผลิตของผู้ประกอบการ 2.การช่วยเรื่องการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสภาพคล่อง การประนอมหนี้ การดูแลค่าเงินให้มีความสมดุล 3.การประหยัด ซึ่งภาครัฐต้องส่งสัญญาณให้เกิดความร่วมมือกันของคนในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ออกมาประกาศลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะให้ภาครัฐใช้ศักยภาพประเทศเกษตรกรรม ในสถานการณ์ที่โลกขาดแคลนอาหาร ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร การผลิตอาหาร เพื่อสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ให้กับประเทศในช่วงที่โลกกำลังประสบปัญหา


 
น.ส.จรีพร กล่าวว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสแต่ต้องมองให้เห็น วันนี้โลกเปลี่ยนไปจากอดีตมากประเทศไทยต้องปรับตัวให้มากขึ้น ต้องก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ เพราะระบบเศรษฐกิจแบบเดิมไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยต้องเปลี่ยน และเพิ่มขีดความสามารถด้านนี้ วันนี้ประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก เราต้องดึงพวกเขามา เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศ เป็นแรงในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ที่จะฝากไว้คือเราต้องส่งเสริมสตาร์ทอัพ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยมากๆ 

นายแสงชัย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเอสเอ็มอีประสบปัญหาเรื่องรายได้ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตวัตถุดิบสูงขึ้นทุกรายการจากสถานการณ์ราคาพลังงานแพง เช่น ข้าวสาลีมีราคาสูงร้อยละ 45.60 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นร้อยละ 26.37 ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และเสี่ยงต่อการทำให้ขาดทุนเป็นหนี้เพิ่ม ซึ่งขณะนี้หนี้เอสเอ็มอีสูงอยู่แล้วจากโควิด โดยระดับหนี้เสียในไตรมาสแรกปีนี้สูงเกือบ 6.7 แสนล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของพอร์ตสินเชื่อทั้งระบบ ขณะที่การเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุนยังคงมีปัญหาต่อเนื่อง และแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออก 7 มาตรการช่วยเหลือด้านเงินทุนการประนอมหนี้แต่ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีความเป็นห่วงว่าจะผลักดันให้เอสเอ็มอีเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องการให้ธนาคารควรเพิ่มความยืดหยุ่นในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้มีสภาพคล่องในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ยังมองว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีของ สสว.กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีอยู่ยังไม่ได้ตอบโจทย์การช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็ก โดยรัฐบาลต้องบูรณาการหน่วยงานที่มีอยู่จำนวนมากและกระจัดกระจายระดมเข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอี เช่น การพัฒนาแพคเกจจิ้ง แนวทางการวางแผน business model เพื่อให้ธนาคารยอมปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถเดินต่อไปได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top