Monday, 19 May 2025
WEEKEND NEWS

สิ้น 'ม.จ.ภีศเดช รัชนี' ผู้ถวายงานรับใช้ในหลวง ร.9 สิริชันษา 100 ปี

23 กรกฎาคม 2565 เฟซบุ๊ก เลาะรั้ว ชมวัง เผยว่า 'หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี' สิ้นชีพิตักษัย ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิริชันษา 100 ปี

'หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี' เป็นพระโอรสในพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ องค์ต้นราชสกุล 'รัชนี' ประสูติแต่หม่อมเจ้าพรพิมลพรรณ รัชนี (วรวรรณ) เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2465 และมีเจ้าพี่ร่วมพระมารดาหนึ่งพระองค์คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เป็นพระปนัดดา (เหลน) ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (วังหลวง) และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (วังหน้า) และเป็นพระนัดดา (หลาน) ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (กรมพระราชวังสถานมงคลพระองค์สุดท้าย) นับเป็นพระราชวงศ์องค์สุดท้ายในสายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) 

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดสัมมนาการป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ: สถานที่ทำงานปราศจากการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิด สร้างการรับรู้อนุสัญญาฉบับที่ 190 และข้อแนะฉบับที่ 206 

วันที่ 23 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา การป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ: สถานที่ทำงานปราศจากการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิด โดยมี นานเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย Ms. Joni Simpson ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านความเท่าเทียมระหว่างเพศและการไม่เลือกปฏิบัติ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมการสัมมนา ณ โรงแรมโนโวเทล มารีน่า ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ: สถานที่ทำงานปราศจากการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิด เป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับนายจ้าง ลูกจ้าง และทุกคนในโลกแห่งการทำงาน รวมถึงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ความรุนแรง และการคุกคามในโลกแห่งการทำงาน ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นภัยคุกคามต่อโอกาสที่เท่าเทียมกัน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และขัดกับหลักการของงานที่มีคุณค่า องค์การแรงงานระหว่างประเทศจึงได้มีมติในที่ประชุมใหญ่สมัยที่ 108 เมื่อปี พ.ศ. 2562 รับรองอนุสัญญา ฉบับที่ 190 และข้อแนะฉบับที่ 206 ว่าด้วยความรุนแรงและการคุกคามในโลกแห่งการทำงาน ค.ศ. 2019 เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำหรับรัฐสมาชิกในการคุ้มครองบุคคลทุกคนในโลกแห่งการทำงาน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นลูกจ้าง นายจ้าง ผู้ฝึกงาน อาสาสมัคร คนหางาน ผู้สมัครงานหรือบุคคลใช้อำนาจหน้าที่ของนายจ้าง ให้ได้รับความคุ้มครองจากความรุนแรงและการล่วงละเมิด ทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ ทางเพศ หรือทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในสถานที่ทำงานหรือสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน รัฐบาลไทยตระหนักถึงผลกระทบของความรุนแรงและการล่วงละเมิดที่มีต่อโลกแห่งการทำงาน และได้ร่วมลงคะแนนเสียงสนับสนุนตราสารทั้งสองฉบับ 

โดยขณะนี้กระทรวงแรงงาน อยู่ระหว่างการศึกษาช่องว่างทางกฎหมายของประเทศไทย เปรียบเทียบกับอนุสัญญาฉบับที่ 190 ร่วมกับโครงการ Safe and Fair เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับอนุสัญญา รวมถึงเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้สัตยาบันอนุสัญญา

'ก้าวไกล' ลุยต่อ 'ยุทธการโรยเกลือ' ซีซั่น 3 เล็งยื่น ป.ป.ช. เอาผิด 'ประยุทธ์และคณะ'

'พรรคก้าวไกล' ลุยต่อ 'ยุทธการโรยเกลือ' ซีซั่น 3 - เล็งยื่นข้อมูลหลักฐานจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเอาผิด 'ประยุทธ์และคณะ รมต.' ต่อ ป.ป.ช. 'ศิริกัญญา' ชี้ความผิดปกติโครงการสร้างอนุสาวรีย์ - 'โรม' มั่นใจทุจริตในกองบินตำรวจหลักฐานมัด ด้าน 'พิธา' ขอบคุณประชาชนร่วมลงมติคู่ขนาน 

ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะยังคงดำเนินยุทธการโรยเกลือต่อเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งแม้ที่ผ่านมาการยื่นเรื่องไปที่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. คดีความจะไม่ค่อยมีความคืบหน้า ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ได้อภิปรายใน 2 เรื่องที่แม้จะมองว่าเป็นเรื่องเก่าแต่ผลก็เพิ่งออกมา นั่นคือกรณีของ จีที 200 และนาฬิกาเพื่อน และแม้ว่าความเชื่อมั่นในองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. สำหรับประชาชนแล้วจะเหลือน้อย แต่อย่างไรพวกเราก็คงต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยการรวบรวมเอกสารทั้ง 11 กรณีที่ได้อภิปรายนำไปยื่นอีกครั้ง ด้วยหวังว่าเมื่อระบอบประยุทธ์สิ้นสุดลง วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดก็จะต้องหมดไปด้วย การเช็กบิลผู้ที่ทำผิดจะต้องเกิดขึ้นภายใต้ระบอบที่องค์กรอิสระเป็นอิสระอย่างแท้จริง 

"ที่ผ่านมา เราพบความผิดปกติหลายๆ เรื่อง เช่น กรณีที่คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคได้อภิปรายเรื่องทุจริตการสร้างอนุสาวรีย์ ก็พบว่ามีการยกเลิกประกาศสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง การสร้างเพียง 1 วันก่อนอภิปราย ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทางพรรคได้ปล่อยหนังตัวอย่างออกมาว่าจะมีการอภิปรายเรื่องนี้ จึงส่งผลให้มีการแก้ประกาศเพียง 1 วันหลังจากนั้น และเป็น 1 วันก่อนที่จะมีการอภิปราย ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามยังมีอีก 2 กรณี ที่ไม่สามารถไปยกเลิกประกาศย้อนหลังได้อย่างแน่นอน ซึ่งเราเตรียมข้อมูลหลักฐานไว้พร้อมแล้ว  

นอกจากนี้ยังมีเรื่องกัญชา การซุกหุ้ง การทุจริตในเคหะแห่งชาติ การออกโฉนดอย่างไม่ชอบ การใช้สปายแวร์สอดแนมโจมตีผู้เห็นต่างและนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และที่สำคัญคือการทุจริตในกองบินตำรวจ ก็ต้องเข้าสู่การตรวจสอบด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้หลักฐานพร้อมแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะเริ่มทยอยยื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช.ได้" ศิริกัญญา กล่าว

นายกฯ ขอบคุณทุกคะแนนโหวตไว้วางใจ  พร้อมปรับการทำงาน ส่วนเรื่องปรับครม. ค่อยว่ากัน

(23 ก.ค. 65) เมื่อเวลา 11.10 น. ที่รัฐสภา ภายหลังโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกรทะรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เดินลงมาพร้อมกัน

โดยนายกฯ กล่าวถึงผลการโหวตลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่โหวตให้กับรัฐมนตรีและรัฐบาล ทุกคะแนนเป็นกำลังใจให้พวกเราพยายามทำงานให้ดีที่สุดและต้องทำงานให้มากขึ้น หลายๆ อย่างที่มีการอภิปรายก็เป็นประโยชน์กับพวกเรา แม้บางอย่างจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงบ้างก็ตาม แต่อะไรที่จะต้องปรับวิธีการทำงาน ที่ตนเห็นว่าบางอย่างไม่ใช่เราทำดีทั้งหมด หรือไม่ดีทั้งหมด แต่ก็ต้องรับข้อเสนอไป อะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะนำไปปรับใช้การทำงานในระยะต่อไปนี้ซึ่งอีกไม่นานนักหรอก

"ขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาล ขอบคุณทุกคน ทุกคะแนนเสียง นี่คือระบอบประชาธิปไตย ระบอบการทำงานของสภาและรัฐสภา ขอบคุณมากๆ" นายกฯ กล่าว

'เจี๊ยบ ก้าวไกล' วางดอกไม้จันทน์ตรงที่นั่งนายกฯ หลังสภาฯ ลงมติไว้วางใจ 11 รัฐมนตรี

(23 ก.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม มีวาระที่สำคัญเป็นการลงมติอภิปรายไว้วางใจรัฐมนตรี จำนวน 11 คน บรรยากาศภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ก็มีบางส่วนประท้วงประปราย

โดยนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ งูเห่าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า ทำไมถึงมีสมาชิกบางคน นำดอกไม้จันท์เข้ามาในห้องประชุมสภา ที่นี่เป็นห้องประชุมสภาอันทรงเกียรติ ไม่ใช่วัด ไม่ใช่เมรุ ขอให้ประธานควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้วย

ขณะที่ นายชวน กล่าวตอบว่า ถือเป็นพฤติกรรมของแต่ละบุคคล บางเรื่องก็เข้าไปควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าผิดข้องบังคับก็ต้องควบคุม แต่บางครั้งเรื่องที่เกี่ยวกับจริยธรรมก็ควบคุมยาก

ไว้วางใจ! ไปต่อ! ผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565

23 กรกฎาคม 2565 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีนัดลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมกัน 11 คน โดยผลการลงมติ พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมทั้งหมด 11 คน ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนฯ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป 

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจจากสภาผู้แทนฯ มากที่สุด ส่วนผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจำนวนมาเป็นลำดับที่สองและสาม คือ รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ได้แก่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในขณะที่ผู้ที่ได้รับเสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด คือ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจน้อยที่สุดในสภา คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

โดยผลการลงมติอย่างละเอียดมีดังนี้

1.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ไว้วางใจ 256
ไม่ไว้วางใจ  206
งดออกเสียง 9
ผล: ไว้วางใจ

2.) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ไว้วางใจ 241
ไม่ไว้วางใจ 207
งดออกเสียง 23
ผล: ไว้วางใจ

3.) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ไว้วางใจ 264
ไม่ไว้วางใจ 205
งดออกเสียง 3
ผล: ไว้วางใจ

4.) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ไว้วางใจ 268
ไม่ไว้วางใจ 193
งดออกเสียง 11
ผล: ไว้วางใจ

5.) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ไว้วางใจ 245
ไม่ไว้วางใจ 212
งดออกเสียง 13
ผล: ไว้วางใจ

6.) ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ไว้วางใจ 262
ไม่ไว้วางใจ 205
งดออกเสียง 5
ผล: ไว้วางใจ

7.) ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ไว้วางใจ 249
ไม่ไว้วางใจ 205
งดออกเสียง 18
ผล:ไว้วางใจ

8.) จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ไว้วางใจ 244
ไม่ไว้วางใจ 209
งดออกเสียง 17
ผล: ไว้วางใจ

ม.แม่โจ้ จัดสานสัมพันธ์ชาวแม่โจ้ - สื่อมวลชน อบอุ่น ประทับใจ

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานเปิดงาน MJU Thank you Press Party 2022 ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพบปะและขอบคุณสื่อมวลชน ประจำปี 2565 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ชาวแม่โจ้ - พี่น้องสื่อมวลชน โอกาสนี้ ได้รับเกียรติจากนายวรณาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกล่าวต้อนรับ มีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้ นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ รองประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และคณะสื่อมวลชนทุกแขนงเข่าวมงานคับคั่ง ณ โรงแรม MELIÃ Chiang Mai

อาจารย์ ดร.สุดเขต สกุลทอง ผู้ช่วยอธิการบดี ประธานคณะกรรมการสื่อสารองค์กรมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรอบตัว ทั้งรูปแบบการทำงาน การดำรงชีวิตในสังคม รวมถึงรูปแบบการเรียนการสอนที่ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เมื่อทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีประกาศให้สถานศึกษาสามารถเปิดทำการในพื้นที่ได้แล้ว มหาวิทยาลัยแม่โจ้จึงได้เปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติผสมผสานกับรูปแบบออนไลน์ตามที่เห็นสมควร และดำเนินตามมาตรการที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดให้สามารถดาเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ต่อไป   

การจัดกิจกรรมมหาวิทยาลัยแม่โจ้พบปะและขอบคุณสื่อมวลชน MJU Thank You Press Party 2022 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้พบปะและขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ร่วมกันมีส่วนในการเผยแพร่ข่าวสารกิจกรรม งานวิจัยต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นผลประโยชน์แก่ภาคประชาสังคมให้สามารถนาไปต่อยอด เกิดความสัมพันธ์อันดีร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้และเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมถึงแนวนโยบายในการพัฒนามหาวิทยาลัยแม่โจ้ให้พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านได้รับทราบและร่วมกันเผยแพร่ข่าวสารกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้สู่สาธารณชน”

รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 หรือปี ค.ศ.1934 ปัจจุบันจะมีอายุครบ 88 ปี และมีการวางยุทธศาสตร์แม่โจ้ 100 ปี เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคดิจตอล มีคณะที่ทาการเรียนการสอนรวม 18 คณะ โดยคณะใหม่ที่เพิ่งเปิดล่าสุด ได้แก่ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ซึ่งได้เริ่มเปิดดำเนินการคลีนิครักษาสัตว์แล้ว และคณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่งปีนี้มีนักศึกษาใหม่เข้าเรียนเป็นปีแรกรวม 50 คน มีหน่วยงานสนับสนุนระดับสำนัก ได้แก่ สำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ สำนักหอสมุด และสำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร ซึ่งผู้บริหารทุกท่านเกือบทั้งหมดที่ไม่ได้ติดภารกิจก็ได้มาร่วมพบปะและขอบคุณสื่อมวลชนในครั้งนี้ด้วย 

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และได้ลงนามความร่วมมือกับอำเภอสันทราย จัดตั้ง MJU Well-being hospitech และศูนย์พักคอย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลสันทรายร่วมดูแลประชาชนในพื้นที่ร่วมกัน เห็นได้ว่าภารกิจสำคัญในการผลิตกำลังคนคุณภาพและเผยแพร่องค์ความรู้เพื่อประโยชน์แก่สังคมชุมชน มีความจำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายทุกภาคส่วนให้การสนับสนุน โดยเฉพาะสื่อสารมวลชนทุกแขนงถือเป็นเครื่องมือที่มีพลังมหาศาล เพราะข่าวสารต่างๆ ล้วนถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วผ่านทางโลกออนไลน์   โอกาสนี้ ขอขอบคุณจังหวัดเชียงใหม่ ขอบพี่น้องสื่อมวลชน ขอบคุณเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ให้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วยดีมาตลอด ขอให้ทุกท่านคิดถึงแม่โจ้ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งชีวิต มหาวิทยาลัยของประชาชน มหาวิทยาลัยของชาวเชียงใหม่ที่มุ่งสร้างประโยชน์เพื่อสังคมร่วมกับทุกท่านต่อไป”

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่น สนุกสนาน ประทับใจ มีกิจกรรมนันทนาการสานสัมพันธ์พี่น้องสื่อมวลชนและคณะผู้บริหาร พร้อมมอบของขวัญพิเศษแทนคำขอบคุณ ร่วมกระชับความสัมพันธ์อันดีของพี่น้องชาวสื่อฯ กับ ผู้บริหารมหาวิทยาแม่โจ้

คืบหน้า!! 'ไทยสมายล์บัส' เริ่มปล่อยรถเมล์อีวีลงถนนกทม.บ้างแล้ว ยัน!! อีก 77 เส้นทาง มีรถเพียงพอ พร้อมบริการปชช. เร็วๆ นี้

ผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก เยี่ยมชมกิจการโรงงานผลิตและประกอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ของกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด พร้อมมั่นใจรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า จะเพียงพอต่อความต้องการ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ที่บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยนายปิยะ โยมา ผู้อำนวยการสำนักการขนส่งผู้โดยสาร คณะผู้บริหารและขนส่งจังหวัด เยี่ยมชมสายการผลิตและประกอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า โดยฝีมือของคนไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ภายในรถโดยสารฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนทุกเพศทุกวัย 

อาทิ ทางขึ้นวีลแชร์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ รวมทั้งระบบตั๋วที่มีเทคโนโลยีเชื่อมโยงกับขนส่งสาธารณะอื่นๆ ยกระดับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย 

ซึ่งขณะนี้รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด มีการใช้งานในพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว และมีแผนดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่อง พร้อมมั่นใจว่าอีก 77 เส้นทาง จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในเร็วๆ นี้แน่นอน ซึ่งตอบโจทย์นโยบายของกรมการขนส่งทางบกในการส่งเสริมการใช้รถพลังงานสะอาด ช่วยลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

จากนั้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมคณะฯ เยี่ยมชมกิจการของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ที่อำเภอบางปะกง เป็นโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแห่งแรกที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเตรียมแผนขยายกำลังการผลิตสู่ 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีตามแผนในอนาคต สู่ผู้นำด้านนวัตกรรมแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของไทยและอาเซียน ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบสำรองไฟฟ้าได้เองครบทุกกระบวนการ โดยมีคุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานผู้บริหารบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) และคุณชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ ผู้บริหารบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับ 

'กลุ่มประชาสังคมฯ' ร้อง 'ประธานสภา'  จัดการ 'จิราพร' อภิปรายเหมืองทองคำบิดเบือน

กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ บุก สภา ร้อง 'ชวน' ตรวจสอบจริยธรรม-ชงป.ป.ช.ฟัน 'จิราพร' พูดบิดเบือนข้อเท็จจริงในศึกซักฟอก ยันไทยยังไม่ได้รับความเสียหาย 'ประยุทธ์' ใช้ ม.44 ปิดเหมืองเป็นอำนาจโดยชอบของรัฐบาลไทย

วานนี้ (22 ก.ค. 65) ที่รัฐสภา กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดย นางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ รองประธานกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอให้สอบสวนจริยธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) จากพฤติการณ์อภิปรายกรณีเรื่องเหมืองแร่ทองคำโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในสภา เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนางวันเพ็ญ กล่าวว่า กลุ่มของตนเป็นกลุ่มประชาชนผู้ร้องในคดีเหมืองทองคำต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ดำเนินการสอบสวนกรณีบริษัทประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำโดยมิชอบด้วยกฎหมายในหลายกรณี ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ บางส่วนก็มีการชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐและมีการสั่งฟ้องไปยังศาลแล้ว บางคดีก็อยู่ระหว่างการสั่งฟ้องไปยังอัยการ และบางส่วนก็อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งรวมทุกประเด็นแล้วมีมากกว่า 40 ประเด็น

นางวันเพ็ญ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยยุติการทำเหมืองแร่ทองคำของ บริษัทอัครารีซอสเซส จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2559 โดย การใช้มาตรา 44 ตามคำสั่งที่ 72/2559 ประกอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นอำนาจโดยชอบของรัฐบาลไทยซึ่งให้สัมปทานเมื่อรัฐบาลเห็นว่าประชาชนร้องเรียนเรื่องผลกระทบ จึงใช้อำนาจโดยการระงับไม่ต่อใบอนุญาตเหมืองแร่ทองคำและโรงงานโลหะกรรมที่สิ้นอายุลงตามปรกติ เอาไว้เพื่อตรวจสอบ จนนำไปสู่การตรวจสอบตามข้อร้องเรียนพบว่าบริษัททำผิดกฎหมายหลายกรณี ซึ่งกรณีที่ว่านี้แม้ว่าประเทศไทยจะถูกดึงเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ แต่การต่อสู้ในชั้นนี้ ประเทศไทยมีจุดแข็งในการต่อสู้เนื่องจากขณะที่ใช้มาตรา 44 ประเทศไทยยังมีพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งมีมาตรา 9 ตรี กับ 9 ทวิ คุ้มครองไว้ จึงทำให้ประเทศไทยนั้นไม่เสียเปรียบทางด้านกฎหมาย เพราะว่ากฎหมายได้คุ้มครองไว้ว่าไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้บริษัทเอกชน

หล่อไม่สร่าง!! 'เก่ง-แซม-หนุ่ม-กบ-วิลลี่' 5 นักแสดงรุ่นเก๋ากับความหล่อระดับตำนาน

โอ้ยย...พ่อคุณ คิดว่าบอยแบนด์นัดซ้อมเต้นเตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ แต่ที่แท้เป็นแค่กองถ่ายละคร ที่นักแสดงรุ่นเก๋ามาประชันบทบาทกันในละครเรื่อง 'ฟ้าทานตะวัน' รุ่นใหญ่เขาเรียงแถวกันมาขนาดนี้เลยนะ!!

ละครน่าติดตามสุดๆ!! 

มาไล่เรียงอายุให้ชัดๆ กันนะ

>> เก่ง ชาติชาย อายุ 49 ปี
>> แซม ยุรนันท์ อายุ 60 ปี
>> หนุ่ม คงกระพัน อายุ 49 ปี
>> กบ ทรงสิทธิ์ อายุ 55 ปี
>> วิลลี่ แมคอินทอช อายุ 52 ปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top