Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

Luckin Coffee บริษัทกาแฟจากจีน พลิกกลับมาชนะคดีเครื่องหมายการค้าในไทย ศาลฯ สั่งคู่กรณีชดใช้ 10 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าเสียหายต่อเนื่องวันละ 100,000 บาท

(13 มี.ค. 68) Luckin Coffee บริษัทกาแฟชื่อดังจากประเทศจีน ได้รับชัยชนะในคดีเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย โดยศาลสั่งให้คู่กรณีชดเชยความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท

Luckin Coffee เป็นบริษัทกาแฟจากประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Starbucks ในตลาดจีน ด้วยกลยุทธ์การขายที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เน้นการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน และมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ Luckin Coffee ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เพราะในปี 2020 บริษัทถูกเปิดโปงว่ามีการ ตกแต่งบัญชี โดยอ้างว่ายอดขายสูงกว่าความเป็นจริงถึง 2,200 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) ส่งผลให้หุ้นของบริษัทในตลาด NASDAQ ร่วงลงอย่างรุนแรง จนต้องถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด

อีกทั้งในปีเดียวกัน Luckin Coffee ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) สอบสวนเรื่องการตกแต่งบัญชี ส่งผลให้บริษัทต้องจ่ายค่าปรับ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 ล้านบาท) เพื่อระงับข้อพิพาท และถูกหน่วยงานกำกับดูแลของจีนยังสั่งปรับบริษัท 61 ล้านหยวน (ประมาณ 282 ล้านบาท)

กระทั่งในปี 2023 Luckin Coffee สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้ โดยบริษัททำรายได้กว่า 24.9 พันล้านหยวน (ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีร้านกาแฟมากกว่า 20,000 สาขาทั่วประเทศจีน
ส่งผลให้ Luckin Coffee เข้ามาเปิดตลาดในไทย แต่ถูกบริษัท R50 ยื่นฟ้องว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า Luckin Coffee ในประเทศ 

ต่อมาศาลชั้นต้นตัดสินให้ Luckin Coffee ชนะคดี แต่ในชั้นอุทธรณ์ ศาลกลับตัดสินให้ R50 เป็นฝ่ายถูกต้อง ทำให้ Luckin Coffee ต้องเผชิญกับข้อพิพาททางกฎหมาย ทำให้ต้องว่าจ้างสำนักงานกฎหมาย Tilleke & Gibbins เพื่อหาทางแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าว 

Tilleke & Gibbins เข้ามาจัดการคดีด้วยกลยุทธ์ทางกฎหมายใหม่ โดยอ้างอิงกฎหมายสากลและหลักการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าระดับนานาชาติ ส่งผลให้ Luckin Coffee พลิกกลับมาชนะคดี และได้รับคำตัดสินให้เป็นเจ้าของสิทธิ์เครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้องในประเทศไทย

โดยในปี 2025 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางของประเทศไทยได้ตัดสินให้ Luckin Coffee บริษัทกาแฟรายใหญ่จากประเทศจีน ชนะคดีเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย และสั่งให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท (ประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่เคยได้รับในคดีละเมิดเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย 

นอกจากนี้ ศาลยังกำหนดให้จำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายต่อเนื่องเป็นรายวันวันละ 100,000 บาท นับจากวันที่ยื่นฟ้อง (4 มีนาคม 2567) จนกว่าจำเลยจะยุติกิจกรรมละเมิดลิขสิทธิ์ และสั่งให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าทนายความของโจทก์

ในการตัดสินครั้งนี้ ศาลได้สั่งให้ยกเลิกการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยในประเทศไทย รวมถึงสั่งให้จำเลยเปลี่ยนชื่อบริษัทและห้ามใช้หรือแสดงคำว่า “Luckin Coffee” ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในชื่อบริษัท นอกจากนี้ จำเลยยังถูกห้ามใช้คำว่า “Luckin Coffee”, “瑞幸咖啡” และโลโก้รูปกวางในการดำเนินธุรกิจกาแฟ

กรณีของ Luckin Coffee ถือเป็นบทเรียนสำคัญของธุรกิจสตาร์ตอัปที่เติบโตเร็ว แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านกฎหมายและการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง บริษัทยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดกาแฟโลกต่อไป

รพ. รามาฯ แจง ไม่พบรังสีรั่วไหลจากเหตุเพลิงไหม้ อพยพผู้ป่วยครบ 191 ราย พร้อมงดให้บริการในอาคารหลัก 48 ชม.

รพ.รามาฯ ออกประกาศฉบับที่ 2 หลังเหตุเพลิงไหม้และกลุ่มควัน บริเวณอาคารหลัก (อาคาร 1) ย้ำไม่พบการรั่วไหลของรังสี อพยพย้ายผู้ป่วยไปยังจุดปลอดภัย ครบถ้วน 191 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสูดเขม่าควัน 1 ราย

จากกรณีที่มีกลุ่มควันและเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่ อาคารหลัก (อาคาร 1) ของโรงพยาบาครามาธิบดี เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 และทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชี้แจง ออกประกาศฉบับที่ 1 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ (12 มี.ค. 68) ทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการอพยพย้ายผู้ป่วยไปยังจุดปลอดภัย จำนวนครบถ้วน 191 ราย โดยเป็นการอพยพย้ายภายในโรงพยาบาล

จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสุดเขม่าควันจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นบุคลากรที่เข้าไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวได้รับการดูแลอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) และได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ผลกระทบดังกล่าว ทำให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้รับผลกระทบในการให้บริการด้านรังสีวิทยาและพยาธิวิทยา ฝั่งอาคารหลัก (อาคาร 1) โดยเบื้องต้นการให้บริการด้านรังสีวิทยาและพยาธิวิทยาบางส่วนต้องข้ายไปให้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ จากข้อกังวลเรื่องรังสีรั่วไหล ทางทีมวิศวกรรมได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วไหลซองรังสี

สำหรับด้านการให้บริการทางพยาธิวิทยา ได้แก่ การบริจาคโลหิต ในขณะนี้ ทางคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลขอขอบคุณผู้ที่ประสงค์จะบริจาคแต่เนื่องจากหน่วยคลังเลือดมีพื้นที่ในการรับบริจาคโลหิตอย่างจำกัด อาจจะไม่ได้รับความสะดวก

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการหน่วยต่าง ๆ ภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ชั้น 1 - 9 ฝั่งใต้ ยังคงปิดให้บริการเพื่อทำการระบายกลิ่นและกลุ่มกวันออกจากอาการอย่างต่อเนื่องทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จะดำเนินการลดจำนวนผู้ป่วยการผ่าตัด ผู้ป่วยที่ในเร่งด่วนออกไป ภายใน 1 2 วัน โดยหากสามารถดำเนินการได้ปกติจะมีการประกาศต่อไปต้องขอขอบคุณความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรเทาสาธารณภัยกำลังจากตำรวจทหารที่เข้ามาช่วยเหลือรวมทั้งสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงที่พร้อมจะรับผู้ป่วยไปดูแลต่อและต้องขอบคุณบุคลากรของคณะฯทุกท่านที่ได้เซ้ามาช่วยเหลือกันเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยทุกคนบุคลากรทุกท่านทำงานอย่างมืออาชีพตามแผนที่ได้ซ้อมไว้และยังช่วยกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจนสามารถกลับมาดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกประกาศฉบับที่ 1 แจงเหตุกลุ่มควันและเพลิงไหม้ที่อาคาร 1 เมื่อคืน (วันที่ 11 มีนาคม 2568) จนต้องเร่งอพยพผู้ป่วย เผยปัจจุบันยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ งดให้บริการภายในอาคาร 1 ทั้งหมด เป็นเวลา 48 ชั่วโมง

ขณะที่ประกาศ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ฉบับที่ 1 พบเหตุกลุ่มควันและเพลิงไหม้ที่อาคารหลัก (อาคาร 1) โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยระบุว่า เนื่องด้วยในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 19.20 น. พบเหตุกลุ่มควันและเพลิงไหม้ที่อาคารหลัก (อาคาร 1) โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย เพื่อเข้ามาระงับเหตุ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนที่รับการรักษาอยู่ภายในอาคารหลักออกนอกพื้นที่ในทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยเข้าระงับเหตุ

โดยปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดีได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด

ในระยะแรก โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด ทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก รวมทั้งงดการผ่าตัด เป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยภายในอาคารและของดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉิน สำหรับงานเวชระเบียน การบริจาคโลหิตและจุดเจาะเลือดขอให้ใช้บริการที่อาคาร สมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ หากมีความคืบหน้าทางโรงพยาบาลรามาธิบดีจะแจ้งให้ทราบต่อไป หรือหากท่านมีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการในระหว่างนี้ได้ที่Call Center 0-2201-1000 IIล: 0-2200-3000

โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประกาศแล้วผลสอบเข้าเรียน ม.4 ผ่านตัวจริง 72 คน และสำรองอีก 121 คน

(12 มี.ค. 68) โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประกาศผลสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวจริง 72 คน และตัวสำรอง 121 คน รวม 193 คน 

ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และเอกสารประกอบการมอบตัวได้ที่เว็บไซต์ www.kvis.ac.th ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68 เป็นต้นไป พร้อมทั้งส่งเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ทั้งทางออนไลน์และทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ 19 มี.ค. 68

ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ

สืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาว่า ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจําหน่าย เน้นการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการสกัดกั้นลําเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ และข้อสั่งการของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นการปราบปรามแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางที่จะส่งมายังกรุงเทพมหานคร ประกอบกับนโยบาย ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ซึ่งกําชับการปราบปรามยาเสพติด อย่างเร่งด่วน

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ  วงศ์สุข  รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.

บช.ปส. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย  ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า  รอง ผบช.ปส., ผบก.ปส.1 - 4, ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี และยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย

วันนี้ บช.ปส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, นบ.ยส.35 และ ป.ป.ส. โดย พ.อ.เศรษฐ์สรรค์  ศิริโสภณ  ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ และจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. โดยมีการจับกุม ดังนี้

บก.สกส.
คดี (ไล่ล่าสกัดจับ! ยึดยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดจากเหนือสู่ใต้) (ผู้นำเสนอ  พ.ต.อ.วัสสา วัสสานนท์  รอง ผบก.สกส.) ก่อนเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจ กก.4 บก.สกส.บช.ปส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มบุคคล ซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างจากนายทุนภาคใต้เพื่อให้ไปลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน จว.เชียงราย  และจะนำมาส่งให้นายทุนในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะใช้ รถกระบะยี่ห้อนิสสันรุ่นนาวาร่าสีบรอนเงินหมายเลขทะเบียน 1 ฒพ 96XX... กรุงเทพ เป็นรถบรรทุกยาเสพติด และใช้รถนำ ยี่ห้อโตโยต้ายารีส สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 84XX น่าน เป็นรถนำเส้นทาง ต่อมา เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2568 เวลาประมาณ  06.30 น. พบความเคลื่อนไหวของรถยนต์ทั้ง 2 คัน วิ่งอยู่ในพื้นที่ อ.บางสะพานน้อย จว.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้ จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม พบรถยนต์ทั้ง 2 คัน ขับลักษณะ นำ-ตามกันมา จึงได้ประสาน จนท.ตำรวจป้อมสี่แยกปฐมพร เข้าทำการสกัด ให้หยุด และนำรถทั้ง 2 คันมา X-Ray โดยละเอียดที่ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ผลการตรวจค้นพบของกลางซุกซ่อน บริเวณด้านข้างกระบะท้ายและยางอะไหล่รถจึงแจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ต่อไป

บก.ปส.3
คดี (ปิดล้อมไล่ล่า! ยึดยาบ้า 200,000 เม็ด กลางป่าเชียงราย) (ผู้นำเสนอ  พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ  รอง ผบก.ปส.3)

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ได้ร่วมกับ นบ.นส.35 และสำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจยึดยาบ้า 200,000 เม็ด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดชาวเขาชาติพันธุ์ลู่ จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ จว.เชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง จึงได้ทำการเฝ้าระวัง กระทั่งวันที่ 4 มี.ค.68 พบความเคลื่อนไหวรถยนต์กลุ่มบุคคลในเครือข่ายขับมาทางอำเภอแม่สรวย จว.เชียงราย มุ่งหน้าเข้ามาในอำเภอเมืองเชียงราย จนกระทั่งมาถึงทางเข้าหมู่บ้านหนองเขียว ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการสกัดรถยนต์ของเครือข่ายยาเสพติด แต่คนขับรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับหลบหนีจากจุดสกัดไปในหมู่บ้านบ้านหนองเขียว ก่อนที่จะขับเข้าไปหลบซ่อนอยู่บริเวณชายป่าหลังพุทธสถานแห่งหนึ่งใน ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามเข้าไปในทันที และเข้าทำการตรวจค้น พบรถยนต์กระบะ จอดอยู่แต่ไม่พบบุคคล หรือคนขับอยู่ภายในรถยนต์ จึงได้ ทำการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร จึงได้ตรวจยึดนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป
    
คดี (บุกรวบเอเย่นต์คาบ้านพัก! ยึดเฮโรอีน 56 กก. – ไอซ์ 19 กก.)  (ผู้นำเสนอ  พ.ต.อ.กฤษดา  ศรีอิสาณ  รอง ผบก.ปส.3)

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สกส, นบ.ยส.35 และสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันจับกุมผู้ต้อง จำนวน 1 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 56 กิโลกรัม, ไอซ์ 19 กิโลกรัม ภายในบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย  จากการสืบสวนติดตามเครือข่ายลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย จึงได้ทำการเฝ้าระวัง กระทั่งพบความเคลื่อนไหวรถยนต์ กลุ่มบุคคลในเครือข่าย รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ต้องสงสัย แล่นมาจากพื้นที่ที่คาดว่ามีการส่งมอบยาเสพติด โดยมีรถยนต์คอยนำทางและคุ้มกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ไปกระทั่งเข้าไปจอดในบ้านที่เกิดเหตุ 

จึงได้แสดงตนเพื่อตรวจค้นและจับกุม พบชาย 1 คน ได้ลงจากรถ และวิ่งหลบหนีเข้าไปภายในบ้าน ก่อนที่จะ วิ่งออกด้านหลังบ้านหลบหนีไป และพบผู้ต้องหาพยายามปิดประตูรั้วหน้าบ้าน และพยายามวิ่งหลบหนีไปตามถนนด้านหน้าบ้านเพื่อหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาเข้าตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบเฮโรอีน จำนวน 56 กิโลกรัม ซุกซ่อนภายในห้องโดยสาร และตรวจค้นภายในบ้าน พบไอซ์ จำนวน 19 กิโลกรัม ซุกซ่อนรวมกันอยู่ภายในกระสอบพลาสติก หลากสี วางอยู่บนพื้นห้องครัวภายในตัวบ้าน 

จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บก.ปส.4
คดี (สกัดจับรถสไลด์ ขนไอซ์ 236 กิโลฯ กลางสงขลา)  (ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.ชิดชนก  ทรัพย์ยิ่ง  ผกก.3 บก.ปส.4) จากการสืบสวนทราบรถยนต์ มิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน 4ขภ 85XX กทม.จะขนยาเสพติด จากพื้นที่ภาคกลางลงสู่พื้นที่ภาคใต้ และได้จ้างรถสไลด์ให้บรรทุกรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อบรรทุกมาส่งในพื้นที่ จว.สงขลา 

ต่อมาได้พบรถยนต์สไลด์ ทะเบียน 3ตญ 30XX กทม.ได้ บรรทุกรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ขภ 85XX กทม.ลงมา จึงทำการตรวจสอบพบ ของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 236 กิโลกรัม อยู่ภายในรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ขภ 85XX กทม.จึงทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.ปส.4  เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการ ค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 538 คดี ผู้ต้องหา 537 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 141,297,325 เม็ด, ไอซ์ 11,550 กก., เฮโรอีน 111 กก., คีตามึน 509 กก. และยาอี 575 เม็ด ยืดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,409,496,878 บาท

ตม.จว.กาญจนบุรี ไล่สกัดจับรถขนคนต่างด้าว แหกด่านตรวจลักลอบขนต่างด้าว 11 ราย 

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด   

วันที่ 11 มี.ค.68 เวลา 12.20 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี, พ.ต.ท.ตฤณธวัช  ปัญญาธร รอง ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี  สั่งการให้จุดตรวจสังขละบุรีบูรณาการร่วมกับ สภ.สังขละบุรี, เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้า จว.กาญจนบุรี , กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี, เจ้าหน้าที่ ตชด.136, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี ร่วมกันจับกุม นายวีรพงษ์ อายุ 23 ปี (ผู้ถูกจับที่ 1) ข้อหา “ช่วยเหลือหรือซ่อนเร้นด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และจับกุมคนต่างด้าว 9 ราย (ชาย 3 หญิง 6) พร้อมผู้ติดตาม 2 ราย ผู้ถูกจับที่ 2-9 ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” 

ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับที่ 1 ให้การว่ารับคนต่างด้าวที่ไทรโยคใหญ่เพื่อไปส่งในพื้นที่ ต.หนองบัว อ.เมือง จว.กาญจนบุรี โดยได้รับค่าจ้าง 500 บาท ต่อ คตด.1 คน ผู้ถูกจับที่ 2-9 ให้การว่านั่งรถมาจากเจดีย์สามองค์ มาลงเรือ แล้วมาขึ้นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (กระบะ) MG ทะเบียน กทม.  จุดหมายไปยัง กทม. โดยยังไม่ได้ตกลงเรื่องเงินกับผู้ติดต่อ และจะจ่ายเงินให้เมื่อถึง ต.หนองบัว โดยจะจ่ายเป็นเงินสด เมื่อเห็นด่านตรวจจึงได้ขับฝ่าด่าน  เลยไปประมาณ 12 กม. กระทั่งถูกสกัดจับ สถานที่จับกุมบริเวณจุดตรวจถาวรไทรโยค ม.4 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จว.กาญจนบุรี พร้อมทำบันทึกจับกุม นำตัวส่ง พงส.สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

เชียงใหม่-วช.เชียงใหม่ จัดนิทรรศการศิลปกรรมเพื่อสังคม ครั้งที่ 7 เปิดบ้านวิชาการปีการศึกษา 2567 

เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.68) เวลา 9.00 น. วิทยาลัยสารพัดเชียงใหม่ จัดงานนิทรรศการศิลปกรรมเพื่อสังคมครั้งที่ 7 และเปิดบ้านวิชาการ ปีการศึกษา 2567 โดยมีดร.รัชดาภรณ์ มะลิซ้อน ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ครู และนักเรียน ร่วมกิจกรรม ณ ลานอเนกประสงค์ วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ 

ดร.รัชดาภรณ์ มะลิซ้อน ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการนิทรรศการศิลปกรรมเพื่อสังคมครั้งที่ 7 ซึ่งถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้มีส่วนรวมในการฝึก ทักษะในรายวิชานั้นๆเกี่ยวศิลปะหลากหลายแขนงศิลปะไม่ใช่แค่สิ่งที่สวยงาม แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีพลังในการกระตุ้นการสร้างสรรรค์สิ่ง ต่างๆรอบตัว

และผลักดันให้เกิดการสร้างอาชีพต่างๆ ในหลักสูตรระยะสั้น ที่วิทยาลัยแห่งนี้ได้ทำการเปิดสอน การจัดนิทรรศการนี้จึงเป็นการสร้างพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนและฝึกทักษะความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปสู่การต่อยอดอาชีพในอนาคต  ขอให้ผู้เข้าร่วมงานได้เกิดแรงบันดาลใจจากการจัดกิจกรรมโครงการในวันนี้ และขอให้การจัดนิทรรศการครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นสำหรับวิทยาลัย และสังคมโดยรวมต่อไป

นายอานันท์ วงษ์ศรีวอ หัวหน้าแผนกวิชาศิลปกรรม วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ กล่าวว่า ด้วยโครงการนิทรรศการศิลปกรรมเพื่อสังคม ได้มีการจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆปีการศึกษา ดังนั้นแผนกศิลปกรรม จึงได้ให้แต่ละรายวิชามีส่วนร่วมในการแสดงผลงานและมีการจัดกิจกรรมในวันนึ้

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดแสดงผลงานของนักศึกษา แผนกวิชาศิลปกรรม หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ผู้สนใจ เห็นคุณประโยชน์ของงานศิลปะแขนงต่างๆ อักทั้งเพื่อเป็น แนวทางในการต่อยอดอาชีพ และเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในแต่ละรายวิชา ที่แผนกได้ทำการเปิดสอน 

นิทรรศการศิลปกรรมเพื่อสังคมครั้งที่ 7 และเปิดบ้านวิชาการ ประจำปีการศึกษา 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 13 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย นิทรรศการการเรียนการสอนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น แสดงผลงานของนักศึกษาแผนกศิลปกรรม กิจกรรมเต้นลีลาศ วิชาลีลาศ กิจกรรมร้องเพลง วิชาการขับร้อง การสอน 108 อาชีพ ในแต่ละรายวิชาในแผนก กิจกรรมสอยดาว และกาดมั่วศรีสุข

ผอ.ศปนม.ตร. เสริมศักยภาพปราบปรามอาชญากรรมด้านน้ำมันเชื้อเพลิง 

(12 มี.ค. 68) ที่ The COP Seminar & Resort อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปนม.ตร. เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเสริมทักษะการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง รุ่นที่ 1 โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมรับการฝึกอบรม 

โดยเป้าหมายของการอบรม เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งเรียนรู้เทคนิคการตรวจสอบ ป้องกัน และดำเนินคดี ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพในการปราบปรามอาชญากรรมด้านพลังงาน

การฝึกอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานร่วมสนับสนุน ตอกย้ำความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา จัดงาน “วันสตรีสากล” แข่งทำอาหารใช้วัตถุดิบปลาสลิดของดีสมุทรปราการ

(12 มี.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานเทศบาลตำบลแพรกษาโดย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2568 

โดยมี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจากชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติเป็นผู้ร่วมตัดสินรสชาติอาหารในกิจกรรมการแข่งขันการประกวดทำอาหารในครั้งนี้อีกด้วย

 จากนั้น นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม

สำหรับกิจกรรมการประกวดทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากปลาสลิด เป็นการสนับสนุนของดีเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากภูมิปัญญาชาวสมุทรปราการ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้า ให้เครือข่ายด้านสตรีได้รวมพลังแสดงถึงความสามัคคีของสตรีตำบลแพรกษา 

อีกทั้งสนับสนุนและร่วมกันจัดกิจกรรมให้เป็นที่รู้จักและกว้างขวางมากขึ้น ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ พิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณรางวัลสตรีดีเด่น 5 ด้าน การบรรเลงดนตรีไทยจากนักเรียนโรงเรียน PWS แพรกษาวิเทศศึกษา และการประกวดทำอาหารของคนในชุมชน

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรสตรีได้มีโอกาสทบทวนบทบาทสถานภาพ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานที่เหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมสร้างสรรค

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ พบปะทหารใหม่ สร้างจิตวิญญาณความเป็นทหาร และชี้แนวทางสู่การเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ”

ในวันอังคารที่ (11 มี.ค. 68) น.อ.ทิวา  อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) พบปะ ให้กำลังใจ สร้างจิตวิญญาณความเป็นทหาร และชี้แนะแนวทางสู่การเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” ภายใต้ความเป็น “สังคมทหาร” แก่ทหารใหม่ ผลัด 4/67 ณ ลานหน้ากองบังคับการกองการฝึก ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
กิจกรรมดังกล่าวเป็นเจตนารมณ์ของ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร. ที่ปลูกฝังให้ทหารใหม่ให้เข้าใจระบบความเป็น “สังคมทหาร” พร้อมกับชี้แนะแนวทางของการเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” เพื่อเป็นพื้นฐานทัศนะคติ (mindset) ต่อการปฏิบัติงานในหน่วยงานของกองทัพเรือต่อไป 

โดยได้มอบแนวความคิดตอนหนึ่งว่า “…สังคมทหาร ไม่ใช่สังคมศักดินา ไม่มีนายไม่มีบ่าว ไม่ใช่สังคมชั้นสูง มีเเต่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะทหารเป็นสังคมที่ถืออาวุธ ไม่ใช่สังคมทาส แต่เป็นสังคมของเพื่อนคู่ชีวิต ซึ่งตายด้วยกันและตายแทนกันได้ เราอยู่ด้วยกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกันตามตำแหน่งหน้าที่ และคุณวุฒิทหารไม่ใช่ผู้ขายแรงงานเพื่อแลกกับเงิน หากแต่เราขายชีวิตเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้ด้วยชีวิต…"

พร้อมกับได้เน้นย้ำแนวทางการฝึกอบรมของศูนย์ฝึกทหารใหม่ ตลอดจนโอกาสในการรับราชการทหารเรือให้ทหารใหม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือที่มุ่งหวังให้ ศฝท.ยศ.ทร. หล่อหลอมให้ทหารใหม่ทุกนายเป็นทหารที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมให้สามารถปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมนึก เชื้อสนุก รายงาน

THE STATES TIMES ผนึกกำลัง SPUTNIK ร่วมพัฒนาวงการสื่อสารมวลชนไทย

(11 มี.ค. 68) ครั้งแรกในประเทศไทย กับการผนึกกำลังของ 2 หน่วยงานด้านสื่อออนไลน์ ระหว่างสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES จากประเทศไทย กับ สำนักข่าว SPUTNIK ของรัสเซีย พร้อมด้วยวิทยาลัยผู้นำและนัวตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต 

จัดสัมมนา เผยแพร่ความรู้ด้านข่าวสาร ในหัวข้อ THE FUTURE JOURNALISM 2025 “AI กับ สื่อสารศาสตร์ยุคใหม่” 

โดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิมากมายหลายท่าน มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ด้านการสื่อสารยุคใหม่ อาทิ 
-ผศ.ดร. สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
-ฯพณฯ นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำราชอาณาจักรไทย
-อ.อนุสรณ์ ศรีแก้ว คณบดีกิตติคุณวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
-คุณวาซิลี พุชคอฟ ผู้อำนวยการด้านความร่วมมือระหว่างประเทศของสำนักข่าว SPUTNIK 
-คุณวินท์ สุธีรชัย กรรมการปรับปรุงและยกร่างกฎหมาย กระทรวงพลังงาน

ขณะที่ คุณวารินทร์ สัจเดว ผู้ประการข่าวและสื่อมวลชน รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการตลอดทั้งงาน

ทั้งนี้ งานสัมมนาดังกล่าว จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09:00 – 12:00 น. 
ณ ห้องประชุม 6-200 อาคาร Student Center (อาคาร 6) มหาวิทยาลัยรังสิต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top