Friday, 27 June 2025
NEWS FEED

‘มิลลิ’ โพสต์ถึงความเหลื่อมล้ำ ยกเคสเก็บเงินเที่ยวตปท. ทำ‘ชาวโซเชียล’ เสียงแตก!! ย้อนถาม “ใช้ตรรกะอะไร”

มิลลิโพสต์ความเหลื่อมล้ำ เทียบความลำบาก เก็บเงินเที่ยวตปท. ของคนเราไม่เท่ากัน ทำชาวเน็ตเสียงแตก

เป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา มิลลิ หรือ ดนุภา คณาธีรกุล หนึ่งในศิลปินผู้ออกมา ‘Call Out’ เสมอได้ทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว กล่าวถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมของประเทศไทย

สาวมิลลิ โพสต์ในทวิตเตอร์ @millimdk ระบุข้อความว่า “เข้าใจคำว่า แกไปจะไปเที่ยวตปท บินเลยวันพรุ่งนี้ได้ทันที กับฉันที่ต้องเก็บตังค์ให้พอดีเพื่อไปเที่ยวป่ะ ความเหลื่อมล้ำที่แกไม่เคยมองเห็นมันอ่ะ แกช่วยเข้าใจทีเตง”

แต่ทว่างานนี้ ทำชาวเน็ตแตกออกมาเป็นหลายมุมมองพากันโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน บางคนเผยว่า ความเหลื่อมล้ำมันไม่ใช่เรื่องของฐานะทางการเงิน แต่ความเหลื่อมล้ำมันคือการที่ปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเข้าถึงได้เท่าเทียมกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะสิทธิด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน

บางคนเผยว่า การได้ไปเที่ยวต่างประเทศวัดความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ชาวต่างชาติหลาย ๆ ประเทศก็ต้องมีการวางแผนการเก็บเงินเดินทางทั้งนั้น ต่อให้เศรษฐกิจดี พื้นฐานการใช้ชีวิตหรือพื้นฐานทางการเงินของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอยู่ดี

โฆษก ตร.แจ้งกฎหมายใหม่ พ.ร.ก.อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ

จัดหนักเอาผิดบัญชีม้าจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนคนจัดหาจำคุก 2-5 ปี พร้อมให้อำนาจสถานบันการเงินอายัด แลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทันที  กำชับพนักงานสอบสวนทั่วประเทศรับคดี ไม่ว่าเหตุเกิดที่ใด ส่วนระบบแจ้งความออนไลน์พร้อมเปิดระบบ 20 มี.ค. 66

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวว่า “ตามที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแผ่ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับไปแล้วเมื่อ 17มี.ค.66  โดยกฎหมายฉบับนี้ ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จากการถูกหลอกหลวงฉ้อโกงออนไลน์ ตามดำริของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นเจ้าภาพ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่างกฎหมายฉบับนี้ออกมา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการตำรวจทั่วประเทศ ในฐานะหน่วยหลักการบังคับใช้กฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว พร้อมกับแจ้งข้อกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติให้ประชาชนรับทราบ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ แจ้งให้ประชาชนรับทราบ เข้าใจหลักการตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ดังนี้
1) อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คดีออนไลน์เพื่อฉ้อโกง กรรโชก และรีดเอาทรัพย์ ถือเป็นคดีที่ต้องอยู่บังคับของกฎหมายฉบับนี้ 

2) กรณีเพื่อการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ มีเหตุสงสัยว่าอาจจะมีการทำผิดทางเทคโนโลยี สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าผ่านระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยไม่ถือว่าบัญชีม้าเป็นข้อมูลที่ได้รับรองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ดังนั้นข้อมูลบัญชีม้า จะถูกธนาคารและเจ้าหน้าที่ส่งต่อให้กัน เพื่อระงับช่องทางการทำธุรกรรมและอายัดบัญชีด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ช่วยระงับความเสียหายของผู้เสียหายได้

3) ผู้ให้บริการโทรคมนาคม มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. และหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนได้

4) ผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูลไปยังสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจเพื่อแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราว จากนั้นให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในเวลา 72 ชั่วโมง โดยมีการระบุขั้นตอนในการระงับการทำธุรกรรม ไว้ชัดเจน และรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายทำธุรกรรมได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน และเมื่อผู้เสียหายไปร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินการกับบัญชีธนาคารดังกล่าวภายใน 7 วัน        

5) มีการเพิ่มช่องทางการแจ้งเหตุ โดยกำหนดให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลโดยง่ายและเร็ว สามารถแจ้งข้อมูลหรือหลักฐาน ทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์กับสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจได้

6) ผู้เสียหาย สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส.ที่ใดก็ได้ โดยไม่ต้องถามว่าเหตุเกิดที่ใดในประเทศไทย หรือแจ้งผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ถือว่าเป็นการร้องทุกข์ และ พงส.นั้นมีอำนาจสอบสวนตาม ป.วิ อาญา 

ซึ่ง ตร.ได้มีวิทยุสั่งการไปยังพนักงานสอบสวนทั่วประเทศให้พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์ จากพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาแจ้งความที่สถานีตำรวจ โดยถือว่าเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าเหตุจะเกิดที่ไหน ต้องอำนวยความสะดวกผู้เสียหาย เร่งช่วยเหลือ

7) มีบทลงโทษเครือข่ายอาจจะทำที่รุนแรงขึ้นทั้งบัญชีม้า คนจัดหาบัญชีม้า  
7.1 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตน และห้ามไม่ให้ผู้ใดยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้ซิมโทรศัพท์ของตนในทั้งที่รู้หรือควรจะรู้ ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในการทุจริตหรือทำผิดกฎหมาย  ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) 

7.2 ห้ามไม่ให้ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมโทรศัพท์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทำความผิดอาญา ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า) “ 

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า “ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำ กำชับหน่วยในการปฏิบัติตาม พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566  เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากอาชญากรรมคดีออนไลน์

‘ผู้ช่วย ผบ.ตร.’ ตั้ง ‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ เป็นอินฟลูเอนเซอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ เผย ผู้ช่วยผู้บัญชาตั้งให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับ “ไม่ต้องลาออกนะ ทำต่อไป”

วันนี้ (19 มี.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ’ ของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ ‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า…

“วันนี้ ผมได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ไกรบุญ ทรวดทรง ให้ผมเป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ คือหยังน้อบาดนิ ??

เฉลิมชัยฯ มอบ นิพนธ์ เดินหน้าโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” สู่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางด้านอาหาร

นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการการสร้างการรับรู้โคบาลชายแดนใต้  ณ  ห้องประขุมโรงแรม ซีเอส ปัตตานี จังหวัดปัตตานี  ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ปศุสัตว์เขต 9 ปศุสัตว์จังหวัดปัตตานี เกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกรในจังหวัดปัตตานีร่วมในการประชุม

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมกับเกษตรกรที่ให้ความสนใจในโครงการโคบาลชายแดนใต้ โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแนวคิด หลักเกณฑ์ และวิธีดำเนินงานโครงการให้ แก่เกษตรกร ให้เกษตรกรมีความพร้อมก่อนเข้าร่วมโครงการ  และให้การขับเคลื่อนโครงการโคบาลชายแดนใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และคาดหวังว่า หลังจากผ่านการรับฟังโครงการสร้างการรับรู้โคบาลชายแดนใต้ ในครั้งนี้ ผู้เข้ารับฟังจะมีความเข้าใจ และนำความรู้ หรือแนวคิดดีๆ ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ให้เกิดรายได้ต่อตนเองและครอบครัว และเกิดประโยชน์ต่อสังคมในพื้นที่

ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวได้มีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีกลุ่มเลี้ยงโคเนื้อลังกาสุกะ ได้ร้องขอไปยังกระทรวงเกษตรฯให้มีการช่วยเหลือในเรื่องเงินทุนเพื่อนำไปต่อยอดการพัฒนากลุ่มฯทั้งในเรื่องการขยายผล และ การยกระดับคุณภาพการผลิตให้ได้มาตรฐานตลาดสากล ซึ่งรมว.เกษตรฯ ได้มอบหมายนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ปรึกษาฯมาร่วมประชุมหาแนวทางช่วยเหลือ และได้มีการอนุมัติเงินทุนจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้แก่เกษตรกร 14 กลุ่ม วงเงิน 54 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีการโอนเงินงวดแรกให้แก่เกษตรกรแล้ว 20 ล้านบาท 

ผบ.ตร.ส่งตำรวจร่วมอุตสาหกรรม ลงตรวจสอบพื้นที่สุมเสี่ยงลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมตามนโยบายรัฐบาล พร้อมเชิญชวนปปช. ร่วมเป็นหูเป็นตา ส่งเบาะแสข้อมูลไปยังสถานีตำรวจ

วันนี้ (19 มี.ค.66) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.ท. ธ เทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า “ตามที่ได้มีการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับกากอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 13 มี.ค.2566 ที่ผ่านนั้น

สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการยกระดับการบูรณาการขับเคลื่อน การปฎิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระหว่างสองหน่วยงานเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะปฏิบัติการตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ ทั้งพื้นที่รกร้าง พื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ของเอกชนทั่วไปที่ได้รับเบาะแสหรือสุ่มเสี่ยงต่อการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม และสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หาตัวผู้กระทำผิดดำเนินคดี

'สมาคมฯคนพิการทางสติปัญญา' จัดงานวิ่ง 'พี่ได้ RUN น้องเด็กพิเศษได้ LOVE 2023'

เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2566 สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม เดิน-วิ่ง “พี่ได้ RUN น้องเด็กพิเศษได้ LOVE  2023” โดยได้รับความสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รวมถึงหน่วยงานเอกชนที่ร่วมสนับสนุนโครงการ อาทิ MBK, Big C ,E jan, ตลาดไท, สวนสนุกวันเดอร์เวิล์ด เป็นต้น

โดย คุณสุชาติ โอวาทสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงโครงการครั้งนี้ว่า ต้องการให้คนทั่วไปมาร่วมวิ่งกับน้องเด็กพิเศษ เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติร่วมกัน เกิดการยอมรับ และความเท่าเทียมกัน มีการเรียนรู้ ตระหนักรู้ในการทำกิจกรรมกลุ่ม ซึ่ง วันที่ 21 มีนาคมของทุกปี เป็นวันดาวน์ซินโดรมโลก (World Down Syndrome Day) เป็นการส่งเสริมละเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับดาวน์ซินโดรม สมาคมฯจึงได้จัดงานนี้เพื่อตอกย้ำสังคมให้เกิดการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสให้กับน้องๆ ได้เข้ามาสัมผัส สุดท้ายฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีแผนและสนับสนุนส่งเสริมเรื่องสวัสดิการ การศึกษา การเข้าสู่สังคม อยากให้มองกลุ่มคนพิการไม่ให้มีความแตกต่าง จากสังคมมากนัก ซึ่งกิจกรรมนี้ได้จัดขึ้นทุกปีต่อเนื่อง ปีนี้ 2023 เป็นครั้งแรก หลังจากว่างเว้นไปในช่วงโควิด 19  

ซึ่งจากกิจกรรมที่เคยทำมา ประสบความเสร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ ทำให้คนพิการเกิดการยอมรับมากขึ้น ไม่เกิดการบูลลี่ หรือแบ่งแยกจากสังคม ทั้งนี้ อยากขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการครั้งนี้ โดยเฉพาะกองทุนส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่ ให้เงินทุนสนับสนุนการเดินทางของน้องๆมาจากทั่วทั้งประเทศ และผู้บริหารสวนสนุกวันเดอร์เวิล์ด รามอินทรา รวมถึงทุกหน่วยงานที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์ในครั้งนี้ด้วย

สุดอบอุ่น !! ผอ.ฟ้าพร้อมกับคนในวงการบันเทิงร่วมอวยพรวันเกิดครบรอบ 93 ปี อาฉลอง ผู้กำกับระดับตำนานโลก

แม้ปัจจุบัน อาฉลอง ภักดีวิจิตร จะอายุ 93 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง และยังคงสร้างผลงานออกมาให้ได้ชมกัน โดยผลงานล่าสุดของคุณอาฉลอง คือละครเรื่อง 'แคนสองแผ่นดิน' 'ฉลอง ภักดีวิจิตร' ผู้กำกับระดับตำนานโลก 'Guinness World Records' ต้องจารึก และเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 66 ได้จัดงานวันคล้ายวันเกิด ในวัย 93 ปี โดยมีเหล่าศิลปินดารา ลูก ๆ หลาน ๆ ต่างมาร่วมแสดงความยินดีในวันคล้ายวันเกิดครบ 92 ปี กันอย่างคับคั่ง ณ. ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ ต.บางคูวัด อ.เมือง ปทุมธานี ในการนี้ ผอ.ฟ้า พรทิพา สุพัฒนุกูล ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ ทีวี ช่อง160, Infosat ช่อง151, GMM Zat ช่อง137 ได้นำพระสมเด็จวัดระฆัง กว่า 100 องค์ ไปมอบให้ อาฉลอง ภักดีวิจิตร เพื่อที่จะได้แจก ทุกคนที่มาร่วมงานวันเกิดตน ซึ่งทำให้ทุกคนที่ได้รับพระสมเด็จต่างดีใจและตื่นเต้นที่จะได้นำพระสมเด็จไปไว้บูชา 

ขณะที่บรรยากาศภายในงานมีบรรดานักแสดงคนบันเทิงที่มาร่วมงานและอวยพรวันเกิดอาฉลอง เต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน สำหรับ อาฉลอง ภักดีวิจิตร ก้าวเข้าสู่วงการหนัง เมื่อปี 2493 ได้เริ่มเข้าวงการจากการเป็นช่างภาพให้กับผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ตั้งแต่ยุค 16 ม.ม. จนถึง 35 ม.ม. อีกทั้ง ภาพยนตร์ เรื่อง แสนแสบ ยังเคยได้รับรางวัลเมื่อปี 2493 ในสาขาผู้ถ่ายภาพยอดเยี่ยม

‘สุวรรณภูมิ’ ลงดาบ!! ‘แท็กซี่’ ถอนสิทธิ์ ห้ามวิ่งรับผู้โดยสาร เหตุ ไม่กดมิเตอร์ โกง นทท.ไต้หวัน แถมปลอมแปลงเอกสาร

‘สุวรรณภูมิ’ ลงโทษหนัก รถแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ และ นักท่องเที่ยวไต้หวัน ถอนสิทธิ์ให้บริการในสนามบินทันที และแจ้ง ขบ. ลงโทษด้วย แจงเก็บค่า Surcharge 50 บาท ให้ผู้ขับขี่โดยตรงไม่ใช่รายได้ของสนามบิน

(19 มี.ค. 66) จากกรณีที่มีสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ นำเสนอข้อมูลกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ใช้บริการรถแท็กซี่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดนเรียกเก็บอัตราค่าบริการในราคาเหมาจ่ายและอ้างว่าอัตราค่าบริการดังกล่าว

ทางท่าอากาศยานเป็นผู้ให้เรียกเก็บจากผู้โดยสาร พร้อมทั้งมีการนำเสนอภาพอัตราค่าโดยสารในราคาเหมาจ่ายตามระยะทางโดยใส่โลโก้ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำกับในใบแสดงราคาด้วยนั้น

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เรียกผู้ขับขี่แท็กซี่ดังกล่าว มาสอบสวนและตรวจสอบตามหลักฐาน ให้คำให้การของผู้ขับขี่ยอมรับว่า กระทำความผิดจริง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้พิจารณาลงโทษขั้นสูงสุด โดยการยกเลิกรหัสสมาชิกของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้

ผู้ขับขี่รายนี้ไม่สามารถนำรถแท็กซี่เข้ามารับผู้โดยสารใน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้อีกต่อไป โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ส่งข้อมูลการกระทำความผิดให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พิจารณาบทลงโทษแก่ผู้ขับขี่คนดังกล่าวด้วย เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า การกระทำของผู้ขับขี่รถแท็กซี่รายนี้ นอกจากจะสร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของสนามบินแล้ว ยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย

‘กสทช.’ ยืนยันไม่ซื้อลิขสิทธิ์ ‘ซีเกมส์ 2023’ ไม่ผิด เล็งแก้กฎ ‘มัสต์แฮฟ’ หลังเป็นมีปัญหาตามมาเพียบ

ความคืบหน้าเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังเตรียมเจรจากับเจ้าภาพกัมพูชา ให้ลดค่าลิขสิขสิทธิ์ที่ตั้งไว้สูงถึง 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27.6 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทบทวนยกเลิกกฎ "มัสต์แฮฟ" (Must Have) 

เพราะเห็นว่าเป็นต้นตอปัญหาในการดึงภาคเอกชนร่วมลงทุนในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬา 7 รายการที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลกนั้น

ล่าสุด นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า กรณีของการพิจารณาประเด็นปัญญาของกฎ "มัสต์แฮฟ" ที่ขัดแย้งกับธุรกิจกีฬาโลกนั้น บอร์ด กสทช. มีความเห็นให้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุด โดยมี น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เป็นประธานเพื่อศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่รอฟังข้อสรุปก่อนจะพิจารณาตัดสินใจต่อไป

ด้าน น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องที่ กกท. ระบุว่า กสทช. บีบบังคับให้ กกท. ดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชานั้น น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน เพราะก่อนหน้านี้ กสทช. เชิญ กกท. และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ มาหารือและชี้แจงทำความเข้าใจกฎ ‘มัสต์แฮฟ’ และ ‘มัสต์ แครี่’ 

ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า สำหรับการบังคับใช้ของกฎ ‘มัสต์ แฮฟ’ และ ‘มัสต์ แครี่’ จะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อ ลิขสิทธิ์ถูกซื้อมาดำเนินการในประเทศไทย แต่ตราบใดที่ไม่มีการซื้อเข้ามา กฎดังกล่าวก็ไม่ได้บังคับใช้ หรือสรุปง่ายๆ ว่า ถ้าประเทศไทยไม่ซื้อถือว่า ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่ถ้าซื้อมาแล้ว ต้องถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชมตามช่องทางต่าง ๆ ที่ระบุไว้แบบไม่เสียเงินค่ารับชม อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าทาง กกท. จะดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของ กกท. ซึ่งแจ้งไว้คร่าว ๆ ว่า กำลังหางบประมาณ และจะขอจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

การประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ USO Nat

การติดตามและประเมินผลตามนโยบาย กสทช.โดยมีตัวแทนกสทช.คณะกรรมการติดตามประเมินผลปฏิบัติงาน NIDA สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ โดยมีพลเรือเอก ประสาน สุขเกษตร ประธานคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฎิบัติงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงานในพิธี

โดยการประชุมจัดขึ้นที่โรงเเรมทวารวดี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการบรรยายและการประชุมในครั้งนี้โดยมีประชาชนทั่วไป ผู้พิการทางการได้ยินและทางด้านสายตา รวมแล้วมากกว่า 150 คน โดยมีหัวข้อการบรรยายความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ (ปี พ.ศ.2562-2580) นโยบายระดับชาติ แผนงานสำคัญปี 2565 ของสำนักงาน กสทช.( 8 ข้อ ) ปัญหาระดับชาติที่ กสทช.ต้องแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ วิสัยทัศน์ กตป.ด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เป้าหมายของ กตป. ด้านการส่งเสริมและเสรีภาพของประชาชน แนวทางในการดำเนินการของ กตป.การส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

โดยปัญหาระดับชาติที่ กสทช.ต้องแก้ไขตามอำนาจหน้าที่
1.นำระบบ 5G มาใช้ในด้านอุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ
2.การโฆษณาอาหารและยาที่ไม่เป็นจริง อันตรายต่อสุขภาพ
3.การใช้วิทยุกระจายเสียงชุมชน ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคง แต่ใช้เพื่อเศรษฐกิจชุมชน
4.การละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล
5.ติดตามการพัฒนาอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม (กระทบต่อค่ายมือถือ)
6.เยียวยาผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการตามกฎหมาย
7.ใช้ประโยชน์จากดาวเทียมในการสื่อสารและพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ
8.การสร้างเสาสัญญาณแล้วคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระทบต่อสุขภาพของประชาชนและเอาสายลงดิน
9.แก้ปัญหาคลื่นรบกวน
10.การแก้ปัญหาแก๊ง Call Center และมิจฉาชีพ Online หลอกลวงประชาชนให้เสียหายและติดตามเอาเงินคืนไม่ได้
11.การแก้ปัญหามิให้ประชาชนถูกเอาเปรียบหลังควบรวมทรู-ดีแทค
12.การดำเนินการเรื่องอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง

เบื้องต้นทางกาทช.และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยงข้องได้ลงพื้นที่ติดตามการขยายโครงข่ายและบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่หมู่บ้านห่างไกล จำนวน 44,352 หมู่บ้าน ในพื้นที่ห่างไกลโซน C และโซน C+ หมายของพื้นที่ห่างไกลโซน c และโซน c+ นั้นเป็นพื้นที่ไม่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์และไม่มีบริการ อีกทั้งยังมีอุปสรรคทางด้านกายภาพในการเข้าถึงและอุปสรรคในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรศัพท์คมนาคม

โดยวัตถุประสงค์โครงการเพื่อที่จะจ้างที่ปรึกษาดำเนินการติดตามและประเมินผลตามนโยบายกสทช. เพื่อรวบรวมวิเคราะห์สรุปผลและจัดทำรายงานการติดตามและประเมินผลตามนโยบาย และการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกลโซน c และพื้นที่ชายขอบโซน c+ เพื่อนำเสนอผลการติดตามและประเมินผลการนโยบายกสทช.ที่สำคัญในด้านการส่วนสูงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนกสทช.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top