Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

‘บิ๊กป้อม’ ควบ 2 ประชุม กำหนดมาตรการอนุรักษ์ช้างป่า พร้อมหนุนอุตฯ สีเขียว ดันเร่งเปลี่ยนรถบัสไฟฟ้าใน กทม.

(5 เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ครั้งที่ 2/2566 ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ โดยมี ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมประชุมขับเคลื่อนการอนุรักษ์และจัดการช้างป่า ทั้งในพื้นที่อนุรักษ์และในพื้นที่ชุมชน เพื่อกำหนดมาตรการและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ กรอบมาตรการแก้ไขปัญหาช้างป่า 6 ด้าน ได้แก่ 
(1) การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า 
(2) แนวป้องกันช้างป่า 
(3) ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน 
(4) การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 
(5) การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน 
และ (6) การควบคุมประชากรช้างป่า เพื่อเป็นแนวทางการจัดการช้างป่าและการบริหารจัดการพื้นที่ นำไปสู่การอนุรักษ์และการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า ทำให้เกิดการอนุรักษ์และจัดการช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืนต่อไป

หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร ไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/66 โดยมี ปล.ทส.ร่วมประชุม 

ที่ประชุมเห็นชอบ การเข้าร่วมดำเนินงานและขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีค่าศักยภาพในการทำให้โลกร้อนสูงถึง 265 เท่าของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาดว่าการดำเนินงานดังกล่าว จะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ ประมาณ 130,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชนและอุตสาหกรรมไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ประสานข้อมูลทางการจีนยืนยันเจ้าของบัญชีเกี่ยวพันยาเสพติด หลัง 4 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีใช้เอกสารปลอมเบิกเงินธนาคารเข้ามอบตัวที่ สน.ทองหล่อ

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 ที่ผ่านมา สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งกรณีพบกลุ่มบุคคลใช้เอกสารปลอมเข้าติดต่อธนาคาร แอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี พยายามขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่เพื่อถอนเงินยอดกว่า 176 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบว่ามีการใช้หนังสือเดินทางปลอมและตราประทับตรวจคนเข้าเมืองปลอม ก่อนจับกุมดำเนินคดีชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชี ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต รายละเอียดตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้รอยตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย 1 ใน 5 รายนั้นคือ ชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชีซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องกักแล้ว นอกจากนี้ยังมีหม่อมราชวงศ์และบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองรวมอยู่ด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เวลา 15.00 น. ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลืออีกจำนวน 4 ราย พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยยังให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การใดๆ ก่อนจะยื่นขอประกันในชั้นสอบสวนตามสิทธิ 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาล เพื่อเข้าค้นสถานที่ 2 จุด ซึ่งเป็นที่พักของบุตรชายอธิบดีกรมการปกครองและ คลินิกย่านพระราม 9 ของหม่อมราชวงศ์ ซึ่งอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลกรณีการให้คำปรึกษากับลูกค้าซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับอุ้มบุญ อยู่ในระหว่างตรวจสอบขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

เทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ ร่วม ภาคเอกชน และประชาชน จัดโครงการ "เทศบาลห่วงใยขับขี่ปลอดภัย" มีผู้เข้าร่วมกว่า 130 คน รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100% 

วันที่ 5 เมษายน 2566 สำนักงานเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้จัดพิธีเปิดโครงการ "เทศบาลห่วงใยขับขี่ปลอดภัย" อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่  นายไพศาล ศรีเทพ นายอำเภอคลองท่อม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ และมีนายพิริยะ ศรีสุขสมวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลคลองท่อมใต้  คณะผู้บริหารเจ้าหน้าที่ และผู้สนับสนุนโครงการ "เทศบาลห่วงใยขับขี่ปลอดภัย" และร่วมมอบหมวกกันน็อคให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ 130 ใบ โดยเทศบาลจัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อ ความห่วงใย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้พื้นที่ ขับขี่รถปลอดภัยสวมหมวกนิรภัยในช่องเทศกาลสงกรานต์  เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนในพื้นที่ ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และมีการมอบหมวกนิรภัยให้แก่ประชาชน ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ในการสัญจรเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่  ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้จำนวน 130 คน 

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง กำชับหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศแก้ไขปัญหาเด็กแว้น วางมาตรการเข้มช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

วันนี้ (5 เม.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปข.ตร. และมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปข.ตร. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง โดยใช้นโยบายบังคับใช้กฎหมาย ใน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการก่อนเกิดเหตุ มาตรการขณะเกิดเหตุ มาตรการสอบสวนขยายผล และมาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อน ศปข.ตร.             และกำหนดแนวทางมาตรการการปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยมีหน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจ 1,484 สถานีทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล     รับฟังรายงานการบันทึกข้อมูลในระบบ CRIME และสถิติการดำเนินการ สถิติการร้องเรียนผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 พร้อมวิเคราะห์จัดกลุ่มความเสี่ยงของพื้นที่ สน./สภ. และสรุปผลการป้องกันปราบปราม ติดตามความคืบหน้าตลอดจนผลการวิจัยและผลประเมินโครงการวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางอย่างยั่งยืน และความคืบหน้าการจ่ายเงินรางวัลเบาะแส เป็นต้น

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 ดังนี้

1.ให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างจับกุมและเพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น การรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนำไปสู่การแข่งรถในทาง ทั้งในช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น (4–10 เม.ย.66) ช่วง 7 วัน ควบคุมเข้มข้น (11–17 เม.ย.66) และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น (18–24 เม.ย.66) ตามแนวทางมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัด

2.เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง และเพิ่มความเข้มในการระดมกวาดล้างจับกุม ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตราแหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนเส้นทาง ถนนที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผลไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

3.กรณีมีการชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุมแข่งรถในทาง หรือออกทริปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์        ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ตร. กำหนด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่กลางทาง จนถึงพื้นที่ปลายทาง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร ตรวจสอบและป้องปรามให้ครอบคลุม และให้หน่วยพื้นที่ต้นทางประชาสัมพันธ์กับ Admin Page  ให้ระงับการดำเนินการดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่พักอยู่ริมทาง และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ หากมีการรวมกลุ่มออกทริปท่องเที่ยวเกิดขึ้นแล้ว ให้ สน./สภ. ยุติกิจกรรมหรือติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว หากเกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ ให้บูรณาการข้อมูลและการปฏิบัติระหว่างพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

คนไทยไม่ทิ้งกัน

รอง ผบ.ตร.ส่งตำรวจทางหลวง-จิตอาสา เร่งช่วยเหลือชาวบ้านปากช่อง บ้านถูกเพลิงไหม้ 4 หลังคาเรือน พร้อมเยี่ยวยาซับน้ำตา

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ 7 บ้านลำทองหลาง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.จิระพันธ์ มณีรัตน์ สารวัตรตำรวจทางหลวงนครราชสีมา จิตอาสา 904 ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ชมรมฮักเขาใหญ่ ร่วมกับ เรืออากาศเอก พนม เต็งกิ่ง กองบิน 1 ทหารอากาศกองบิน 1 อบต.ปากช่อง ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันรื้อถอนบ้านถูกเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ของนายแม้น ภู่นอก ซึ่งเป็นบ้านต้นเพลิง ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง นำเอาเศษอิฐ เศษปูน และสิ่งของถูกไฟไหม้ออกทั้งหมด เพื่อเตรียมสร้างบ้านหลังใหม่ทันที

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงปิดคดีลักปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีผู้ต้องหา 24 ราย เจ้าหน้าที่รัฐ 8 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลรักษาอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี โดยดำเนินคดีในกรณีที่ตรวจพบว่า ด.ต.เชาวลิต ได้มีการลักเอาอาวุธปืนในคลังดังกล่าวจำนวนมากถึง 160 กระบอก นำไปจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น โดยดำเนินคดีฐาน ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอแล้วนั้น

คดีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้ออาวุธปืนหลวงดังกล่าวนำมาดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งติดตามนำอาวุธปืนกลับคืนมาให้ได้ และได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ตร.ที่ 505 และ 567/2565 โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแลการสืบสวนสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภัทร ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และพล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ดำเนินการขยายผลติดตามอาวุธปืนที่ถูกลักไปกลับคืนมาโดยเร็ว 
 จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ สามารถรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ในการรับจำนำจาก ด.ต.เชาวลิต ได้จำนวนทั้งสิ้น 23 ราย โดยแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย ออกหมายจับแล้ว 22 ราย จับกุมได้ 18 ราย อายัดตัว 4 ราย โดยทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหา รับของโจร ประกอบด้วย

1. นายสมชาย บัวกลิ้ง   (จับกุมตามหมาย)
2. นายสมเจต แก้วดวง (จับกุมตามหมาย)
3. นายสุรัช   พุกหนู (จับกุมตามหมาย)
4. นายประเสริฐ พวงศิลป์ (จับกุมตามหมาย)
5. นายกิตกร  ศรีคำภา  (จับกุมตามหมาย)
6. นายธีระวัฒน์ ชูเชิด  (จับกุมตามหมาย)
7. นายชายแดน ธัญญรักษ์  (จับกุมตามหมาย)
8. นายปรีดา  จันทร์แก้ว  (จับกุมตามหมาย)
9. นายมนตรี   น้อยคำมี    (จับกุมตามหมาย)
10. น.ส.วรารัตน์ รัตนวรรณ์    (จับกุมตามหมาย)
11. นายอโนทัย ฝอยทอง  (จับกุมตามหมาย)
12. น.ส.รุ่งรัตน์  ชิณศรีวงษ์ (จับกุมตามหมาย)
13. น.ส.วรรณพร จันทสีร์ (จับกุมตามหมาย)
14. นายธันวา แท่งทองไทย   (จับกุมตามหมาย)
15. นายเศษฐพงค์ ก้อนทอง   (จับกุมตามหมาย)
16. นายชัยคุปต์ แย้มดี   (จับกุมตามหมาย)
17. นายบริสุทธิ์  ทองปรีชา    (จับกุมตามหมาย)
18. นายธวัชชัย เป๋ากระโทก   (จับกุมตามหมาย)
19. นายทศพล  พรมสอน    (อายัดตัว)
20. นายนเรนทร์ สมพงษ์    (อายัดตัว) 
21. นายสำเริง  สอนกลาง   (อายัดตัว) 
22. นายบุรินทร์ วันแอเลาะ   (อายัดตัว)
23. นางจินดา พุกกิริยา   (แจ้งข้อกล่าวหา)

ตำรวจ ปส.(NSB) รุกหนัก ทลาย 6 เครือข่าย ยึดยาบ้ากว่า 19 ล้านเม็ด ไอซ์ 9 กก. เฮโรอีน 12 กก.  คีตามีน 2 กก. และ ยาเสพติด Happy water 86 ซอง

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดให้หมดสิ้น ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้กวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด 6 เครือข่าย ผู้ต้องหา 15 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 19 ล้านเม็ด ไอซ์ 9 กก. เฮโรอีน 12 กก. คีตามีน 2 กก.และ ยาเสพติด Happy water 86 ซอง 

เครือข่ายแรก เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 ตำรวจ กก.3 บก.ปส.1 และ บก.ขส. พร้อมด้วยหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายณัฐดนัย สงวนนามสกุล, นายศุภกฤต สงวนนามสกุล และนายสำคัญ สงวนนามสกุล จากการสืบสวนและเฝ้าติดตามเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พบความเคลื่อนไหวของนายณัฐดนัย พร้อมพวก จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่กรุงเทพมหานคร กระทั่งกลางดึกของวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา พบรถกระบะหมายเลขทะเบียน ฎศ-73xx กรุงเทพมหานคร มีลักษณะบรรทุกของจำนวนมากและหนักผิดปกติ จึงติดตามไปจนพบรถคันดังกล่าว ขับไปจอดที่ห้องเช่า ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และช่วงสายของวันที่ 30 มี.ค. มีรถยนต์ตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน บห-15xx อุดรธานี ขับมายังห้องเช่าดังกล่าวและผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ช่วยกันเคลื่อนย้ายกระสอบต้องสงสัย ไปยังรถยนต์ตู้ทึบ ตำรวจ ปส.1 และ บก.ขส. จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุในกระสอบ 20 กระสอบ รวม 9 ล้านเม็ด พร้อมตรวจยึดรถ 2 คัน และของกลางอื่น รวม 6 รายการ โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย เหตุเกิดที่ ห้องเช่า ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

เครือข่ายที่ 2 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. บช.ปส. พร้อมด้วยตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุมนายสุรชัย สงวนนามสกุล และนายประจวบ สงวนนามสกุล หลังได้รับแจ้งว่า นายสุรชัย และนายประจวบ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ ส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นประจำ ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. จึงสืบสวนติดตามกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาขนยาเสพติดมาจากภาคเหนือ โดยใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน 3ฒผ 95xx กรุงเทพมหานคร และ รถยนต์หมายเลขทะเบียน 1ฒฆ 96xx กรุงเทพมหานคร    จึงติดตามจับกุม และสามารถจับกุมได้ภายในบริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. สาขาหันตรา ต่อเนื่องริมถนนเลียบแม่น้ำลพบุรี (บางปะหัน-มหาราช) อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พบยาบ้า 2 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์หมายเลขทะเบียน        3ฒผ 95xx กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึดรถ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิด ผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย

เครือข่ายที่ 3 วันที่ 3 เม.ย.66 ตำรวจ บก.สกส. จับกุมนายสุภชัย สงวนนามสกุล หลังได้รับแจ้งว่า นายสุภชัย พร้อมพวกจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ มาส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถกระบะ 2 คัน หมายเลขทะเบียน ยท 83xx เชียงใหม่ และหมายเลขทะเบียน บย 11xx แพร่ โดยใช้เส้นทางจากพื้นที่จังหวัดเชียงราย ผ่าน จ.แพร่  ตำรวจ บก.สกส. จึงวางแผนจับกุม และสามารถสกัดจับกุมได้ที่ริมถนนในหมู่บ้านทุ่งแล้ง  ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ พบยาบ้า 20 กระสอบ รวม 4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในรถกระบะหมายเลขทะเบียน บย 11xx แพร่ และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย

เครือข่ายที่ 4  เมื่อวันที่ 2 เม.ย.66 ตำรวจ บก.สกส ได้ร่วมจับกุม นายนรินทร์ สงวนนามสกุล และ นายพัลลภ สงวนนามสกุล โดยตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งสอง จนทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือไปส่งให้ลูกค้าในภาคกลาง จึงได้ติดตามจับกุม กระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 2 เม.ย.66 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาโคกสำโรง ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ตรวจสอบพบยาบ้า 50 มัด ซุกซ่อนในรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยก 79xx เชียงใหม่ รวม 1 แสนเม็ด พร้อมยึดรถที่ก่อเหตุ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย

'พี่ศรี' ลั่น!! ล่า 150 ล้านบาทคืนประชาชน แม้ข้ามคลองพระโขนงเคลียร์ ไม่เสียตังค์แล้วก็ตาม

(5 เม.ย.66) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า… ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวอ่อนนุช 77 ชาวซอยปรีดีพนมยงค์ 2 และผู้ที่จะใช้เส้นทางลัดผ่านสะพานแสนสำราญข้ามคลองพระโขนง ของแสนสิริ เพราะขณะนี้การผ่านเส้นทางดังกล่าวไม่มีการเก็บเงินค่าผ่านทางแล้ว… แต่เงินที่เก็บไปก่อนหน้านี้กว่า 150 ล้านบาท กทม.ต้องสั่งให้บริษัทที่เก็บเงินค่าผ่านทางไปตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน คืนประชาชนที่เคยจ่ายไปหรือนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามที่ กทม.และผู้มีส่วนได้เสียกำหนด…ถ้า กทม.ไม่ดำเนินการ เดี๋ยวไปเจอกันที่ศาลปกครอง…

 

‘ททท.’ เผย ต่างชาติทะลักเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์ 305,000 คน ยอดจองพุ่ง!! 14,220 เที่ยวบิน คาดเงินสะพัด 1.2 แสนล้าน

(5 เม.ย.66) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม มีจำนวนสะสม อยู่ที่ 6,465,737 คน เพิ่มขึ้น 1,199% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แบ่งเป็นเดือนมกราคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,144,948 คน เดือนกุมภาพันธ์ 2,113,550 คน และเดือนมีนาคม 2,207,239 คน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 256,194 ล้านบาท

จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมเกือบ 6.5 ล้านคนใน 3 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ 56.8% เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออก รองลงมาคือยุโรป 26.5% และอื่นๆ อาทิ อินเดีย สหรัฐ ออสเตรเลีย อิสราเอล แคนาดา และซาอุดีอาระเบีย อีก 16.7% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย สูงสุด 5 อันดับแรก ในช่วง 3 เดือนแรก ได้แก่ 1.มาเลเซีย 902,621 คน 2.รัสเซีย 566,425 คน 3.จีน 517,242 คน 4.เกาหลีใต้ 441,028 คน และ 5.อินเดีย 320,887 คน

“ตลาดนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นพระเอกของภาคท่องเที่ยวไทยในปี 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวนไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน มีแนวโน้มปิดที่ 7-8 ล้านคน ขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยวบินในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2566/2567 รองลงมาคือตลาดมาเลเซีย วางเป้าหมายไว้ที่ 4 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน ส่วนรัสเซียและเกาหลีใต้ คาดมีไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

ต่างชาติเข้าเที่ยวไทยพุ่ง 525%
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 305,000 คน เพิ่มขึ้น 525% เทียบจากปี 2565 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 48,814 คน และเพิ่มขึ้น 58% จากปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 522,357 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 5,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 630% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 689 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 60% ของปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 8,321 ล้านบาท

สนามบินไฟลต์ว่อนสงกรานต์
รายงานข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แจ้งว่า ทอท.ประมาณการการจราจรทางอากาศช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ จะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 14,220 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 59.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ ประมาณ 7,500 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 219.20% และเที่ยวบินภายในประเทศ ประมาณ 6,720 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 2.44% คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 137.48%

แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 1.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 561.76% และผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.08% อย่างไรก็ตาม เมื่อการจราจรทางอากาศที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 พบว่าปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารยังคงติดลบ เที่ยวบินรวมลดลง 18.47% เที่ยวบินระหว่างประเทศลดลง 20.90% เที่ยวบินภายในประเทศลดลง 15.59% ขณะที่ประมาณการผู้โดยสารรวมลดลง 17.39% ผู้โดยสารระหว่างประเทศลดลง 20.96% และผู้โดยสารภายในประเทศลดลง 11.91%

ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในการเสวนาวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี “เสด็จเตี่ย”

ตอนที่ 3 “บทเรียนจากอดีต กับการปรับตัวรับสถานการณ์โลกปัจจุบัน”

วันที่ 4 เม.ย.66 พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการเสวนาวิชาการในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในหัวข้อ “สืบสานพระราชปณิธาน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ตอนที่ 3 “บทเรียนจากอดีต กับการปรับตัวรับสถานการณ์โลกปัจจุบัน” โดยมี พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ/ประธานกรรมการจัดงาน พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงานฯ ให้การต้อนรับ ทั้งนี้การเสวนาฯ ได้รับเกียรติจาก ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาลัยการทัพเรือ , พล.ร.อ.คำรณ พิสณฑ์ยุทธการ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ทหารเรือ เป็นวิทยากร และ คุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการ ในการนี้ได้มีหน่วยงานภาครัฐ , ภาคเอกชน , ประชาชน และนักศึกษาที่ให้ความสนใจ เช่น สมาคมศิษย์เก่าพณิชยการพระนคร , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พณิชยการพระนคร , สภาวัฒนธรรมเขตบางกอกน้อย , สภาวัฒนธรรมเขตบางกอกใหญ่ , มูลนิธิรัตนาภาในพระราชูปถัมภ์ ร่วมฟังการเสวนา ณ ห้องวุฒิไชยเฉลิมลาภ อาคารราชนาวิกสภา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top