Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’เปิดประตูสู่ภาคตะวันตก เยือนหัวหินสร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ 'ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย' ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
คุณสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ที่หัวหิน เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของไทย ซึ่งมีความสวยงามของท้องทะเล และยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร มีศูนย์ประชุมและสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับการจัดประชุมสัมมนาได้โดยมีมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย TMVS อีกด้วย ซึ่งหัวหินมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างดีเยี่ยม” คุณสุวัชชัยกล่าว

ภายในงานโรดโชว์ได้รับเกียรติจากท่านพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน ร่วมเปิดงาน และมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” โดย คุณสัมพันธ์ พงษ์พรรณนากูล ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง คุณวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก คุณชณัฎฐ์ พงศ์ธราธิก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ คุณวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ และ ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ ผู้แทนการตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง

โดยมีคุณนิยม อิงคสุรวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโส สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง มาให้ข้อมูลโครงการประชุมเมืองไทยฯ และ คุณนราศักดิ์ ม่วงแก้ว ผู้จัดการส่วนงาน MICE Innovation ร่วมให้ข้อมูลเรื่องแพลตฟอร์ม Thai MICE Connect

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายในหัวข้อ 'จับตาชีพจรไมซ์ปี 2566' โดย คุณภูมินทร์ มีถาวรกุล ผู้ปฏิบัติการอาวุโส ฝ่าย MICE Intelligence และ นวัตกรรม และยังมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวอีกด้วย
สำหรับโครงการ 'ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย' เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณการจัดงานไมซ์ให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายที่มีแผนการจัดการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ โดยต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip)

โดยตั้งเป้าหมายมีองค์กรสมัครเข้าร่วมขอรับการสนับสนุน 1,000 กลุ่ม มีจำนวนนักเดินทางไมซ์กว่า 30,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ 180 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP Contribution) 101 ล้านบาท รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 6 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน 120 อัตรา

‘ร้านขายปลีกดอกไม้’ คึกคัก หลังคอการเมืองแห่ซื้อดาวเรือง เพื่อนำไปให้นักการเมืองที่ชื่นชอบ ส่งผลให้ราคาขยับเล็กน้อย 

(4 เม.ย.66) ที่จังหวัดนครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจตลาดร้านขายดอกไม้ค้าส่ง-ค้าปลีก ในพื้นที่ตลาดสด ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ หลังทราบว่า ขณะนี้ดอกดาวเรืองกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

เนื่องจากเมื่อวานได้มีการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จึงทำให้บรรดาแฟนคลับกองเชียร์ แม่ยก รวมถึงบรรดาหัวคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.แต่ละราย เริ่มมีการสั่งซื้อดอกดาวเรือง เพื่อนำไปทำพวงมาลัยคล้องคอให้กับนักการเมืองที่ตนเองชื่นชอบกันเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลทำให้ช่วงนี้มียอดการขายดอกดาวเรืองสูงเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบไม่พอขายเลยทีเดียว

และจากการตรวจสอบราคาดอกดาวเรืองในวันนี้ พบว่าราคาส่ง มีการขยับขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอยู่ที่ราคา 0.20-1.00 บาท/ดอก ส่วนพวงมาลัยดอกดาวเรืองสำเร็จรูป จากเดิมจะขายพวงละ 100 บาท แต่ตอนนี้มีการปรับราคาขึ้นมาเป็นพวงละ 120-140 บาทแล้ว

‘Major-ITC’ เปิดโปรเจกต์ ‘i-Tail PET CINEMA’  โรงหนังสำหรับคนรักสุนัข-แมว สามารถดูหนังร่วมกับน้องได้

หลายปีที่ผ่านมาเทรนด์ Pet Humanization ครอบครัวที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกคนสำคัญในครอบครัวเติบโตอย่างมาก จนกลายเป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลก ซึ่งมาจากสังคมยุคใหม่มีขนาดเล็กลง เป็นโสดมากขึ้น มีลูกน้อยลงหรือบางครอบครัวเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก

สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงครองอันดับต้นๆ มาตลอด ต้องยกให้ “น้องหมา” และ “น้องแมว”  ที่บรรดาเจ้าของ พร้อมเปย์ทั้งเงินและเวลา ดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกิน สุขภาพ หาของเล่น เสื้อผ้า พาไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยทุกที่

ทำให้สินค้าและบริการต่างๆ ต้องออกโปรดักท์มาเอาใจทาสหมา ทาสแมว ล่าสุด คุณวิศรุต พูลวรลักษณ์ รองประธานกรรมการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ คุณพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในเครือไทยยูเนี่ยน เตรียมเปิด “i-Tail PET CINEMA” โรงภาพยนตร์สำหรับคนรักสุนัขและแมวแห่งแรกในประเทศไทย

K2 Medical บุกตลาด 'สกินแคร์' เปิดตัว NHH ท็อปแบรนด์ไต้หวันขยายฐานลูกค้าในไทย

บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ส่ง เคทู เอสธีติค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามชั้นนำเปิดตัว “NHH” แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไต้หวัน รุกตลาดความงามประเทศไทย พร้อมอัดงบหลักประมาณ 200-300 ล้านบาท วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากสารสกัดพืชไทยสู่ตลาดโลก เสริมความแกร่งช่องทางจัดจำหน่ายเข้มข้นทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ พร้อมสยายปีกขยายฐานลูกค้าอาเซียน

นายไมเคิล เย่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสกินแคร์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีมูลค่าตลาดรวม 8.34 หมื่นล้านบาทเติบโต 7-8% ขณะเดียวกันยังมีการแข่งขันที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจากผู้เล่นทั้งแบรนด์ในประเทศและเคาน์เตอร์แบรนด์จากต่างประเทศ ที่มุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกันคือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละช่วงของอายุ ส่งผลให้ 5 ปีที่ผ่านมาตลาดสกินแคร์ขยายขอบเขตมากขึ้น แต่ผู้นำตลาดยังคงเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศและ Organic Brand

ในปี 2566 นี้ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีบริษัทย่อย เคทู เอสธีติค เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงาม จึงรุกเข้าสู่ตลาดสกินแคร์ในประเทศไทย โดยนำเข้าแบรนด์ NHH จากประเทศไต้หวันซึ่งมีส่วนผสมของสารสกัด LONICA เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ช่วยให้ Sodium Hyaluronate ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวชั้นใน ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจาก บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด เบื้องต้นจะทำตลาดใน 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่ Hyaluronic Acid Treatment Essence ,Hyaluronic Acid Treatment Cream, Hyaluronic Acid Treatment Lotion, Hyaluronic Acid Skin Renewal facial wash, Hyaluronic Acid Energy Toner, Hyaluronic Acid Herbpro Acne เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยรุ่น Y2K    

“การมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมากทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาการดูแลผิวเฉพาะบุคคลและไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็พร้อมเปิดใจรับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการดูแลผิวพรรณของตัวเองให้ดูดีที่สุด บริษัทจึงมองว่าเป็นความท้าทายมากกว่าเป็นอุปสรรค เพราะปัจจุบันสกินแคร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์นำเข้าจากอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและเกาหลี ดังนั้นการเปิดตลาดใหม่ภายใต้ผลิตภัณฑ์จากไต้หวัน จึงถือว่าเป็นโอกาสของบริษัทที่จะสร้างความแตกต่าง รวมถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้ผู้บริโภค” นายไมเคิล เย่ กล่าว 

Ms.Hsieh Hui-Ping ประธานบริษัท  บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด ผู้คิดค้น และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม จากธรรมชาติ อันดับหนึ่งในประเทศไต้หวัน กล่าวว่า “B&M ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2536 ภายใต้ความตั้งใจที่จะนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพที่มาจากธรรมชาติ โดยค้นหาส่วนผสมคุณภาพตามหลักปรัชญาที่ว่า "หากส่วนผสมนั้นเราสามารถกินได้ ก็ย่อมปลอดภัยที่จะใช้กับผิวของเรา" ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500, สถาบันของรัฐบาล และบริษัทสตาร์ทอัพด้านความงาม เพื่อค้นหาและสกัดส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดส่วนผสมจากพืชที่ได้รับสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง และปัจจุบันเราได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในการช่วยลูกค้าของเราผลิตสูตรเฉพาะ และสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามให้กลุ่มลูกค้าทั่วโลก”

สำหรับ แบรนด์ NHH ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ A+ PERDU ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆในประเทศไต้หวัน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ที่ส่วนผสมหลักคือสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ 100% ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก ตลอดจนกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไต้หวันมายาวนาน รวมถึงเป็นตัวแทนของประเทศไต้หวันในการเข้าร่วมประชุม APEC  2022 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย

การขยายตลาดมายังประเทศไทยครั้งนี้ เรามองว่าผลิตภัณฑ์เหมาะกับสภาพผิวและสามารถตอบโจทย์ความต้องการเรื่องการบำรุงผิวผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์จากไต้หวันในตลาดประเทศไทยมากนัก นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับ NHH และ A+ PERDU จะเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดและเป็นทางเลือกที่ดีให้กับผู้บริโภค เราจึงเชื่อมั่นว่า K2 เอสธีติค จะสามารถทำให้แบรนด์ NHH และ A+ PERDU ติดตลาดและเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทยได้ไม่ยาก 

นายพีท เชียช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 79 ยูนิ มายด์ จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ NHH กล่าวเสริมว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างแบรนด์และนำนวัตกรรมที่สกัดโดยพืชธรรมชาติให้ลูกค้าและผู้ที่กำลังมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อการดูแล บำรุงผิวอย่างปลอดภัยมากที่สุด 

 

หนุ่มโพสต์คลิปเป็นลม หลังจับทหารได้ใบแดง เผย ต้องตัดใจทิ้งงานราชการที่เพิ่งสอบได้

หนุ่มโพสต์คลิปเป็นลม หลังจับได้ใบแดง ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร พร้อมเผยเรื่องราวสุดเศร้าที่เจ้าตัวนั้นสอบติดพนักงานราชการ ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข ซึ่งกำลังจะได้เซ็นสัญญา แต่ต้องมีเอกสารการเกณฑ์ทหาร จึงจำเป็นต้องยกเลิกทั้งหมดเพราะจับได้ใบแดง ด้านชาวเน็ตแห่ส่งกำลังใจ

เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.66) ผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า ‘Pollawattt’ โพสต์คลิปวิดีโอขณะที่ตนเข้าการคัดเลือกทหารที่ จ.บึงกาฬ เจ้าตัวถึงกับเป็นลมหลังจับได้ใบแดง ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร จนมีเจ้าหน้าที่คอยประคองอยู่ โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “เข่าทรุด ร้องไห้ เป็นลม งานที่ได้ เรื่องการสอบที่จะไป = ยกเลิกหมดเลย” 

อย่างไรก็ตาม ทราบว่าสาเหตุที่ชายในคลิปเป็นลมเพราะเจ้าตัวนั้นสอบติดและเตรียมทำสัญญาพนักงานราชการ ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข แต่จำเป็นต้องยกเลิกทั้งหมดเพราะจับได้ใบแดง

‘บิ๊กบี้’ ปลื้ม ชายไทยแห่สมัครทหาร ยอดพุ่ง 4,600 คน กำชับหน่วยลดข้อจำกัดการตรวจเลือก เชื่อยังคงสมัครต่อเนื่อง 

(4 เม.ย.66) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้ง 4/66 กล่าวว่า การตรวจเลือกทหารกองประจำการ จากรายงานวันที่ 1-2 เมษายน มีผู้สมัครถึง 4,600 คน เชื่อว่าจะมีผู้สมัครอย่างต่อเนื่องกำชับให้หน่วยสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร​ การปรับปรุงระบบตรวจเลือกทหารให้ครอบครัวได้รับทราบ พยายามลดข้อจำกัด และอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการตรวจเลือก​ ใช้เวลาตรวจเลือกให้น้อยที่สุด การตรวจเลือกต้องสุจริต ยุติธรรม โปร่งใส   

“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลงานรอบ 6 เดือน” ระดม กวาดล้าง ปราบปรามยาเสพติด คดีออนไลน์  บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง  บูรณาการทุกด้านในทุกภาคส่วน

วันนี้ (4 เม.ย.66) เวลา 11.00 น. ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนด้านคดียาเสพติด คดีออนไลน์ บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด จริงจัง บังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย ยังคงนโยบาย ผบ.ตร. (10 ข้อ) โดยเฉพาะการ พิทักษ์ เทิดทูน และเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การยกระดับการบริการประชาชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติ และอาชญากรรมออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 มี.ค.66 ดังนี้

1. การกวาดล้างอาชญากรรม
1.1 ผลคดีอาญา 4 กลุ่ม จำนวนคดี 422,831 คดี  จับกุมได้ 392,693 คดี (คิดเป็น 93%)
1.2 ผลระดมปราบปรามอาชญากรรม

- ระดมกวาดล้างอาวุธปืนช่วงก่อนการเลือกตั้ง (18-25 มี.ค.66) จับกุมรวม 3,116 ราย ยึดของกลาง 67,980 รายการ
- ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ 2566 ช่วง 29 มี.ค.-10 เม.ย.66 จับกุม อาชญากรรมทั่วไป 15,707 คดี ผู้ต้องหา 16,670 คน  และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1,284 คดี ผู้ต้องหา 1,272 คน

2. การป้องกันปราบปรามยาเสพติด
2.1 ผลการจับกุมคดียาเสพติด 152,231 คดี ผู้ต้องหา 153,315 คน ยึดทรัพย์ของกลาง 620 ล้านบาท  และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องฯ 12,662 ล้านบาท ปริมาณยาเสพติดเป็นยาบ้า 240 ล้านเม็ด เฮโรอีน 314 กก., ไอซ์ 8,080 กก, เคตามีน 2,403 กก., ยาอี 85,960 เม็ด และโคเคน 9 กก.
2.2 โครงการค้นหาผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวม 271,408 คน แบ่งเป็น ผู้ใช้ผู้เสพที่สมัครใจบำบัด 213,106 ราย, ผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุจากยาเสพติด 35,601 ราย  ผู้ป่วยจิตเวชที่มิได้มีสาเหตุจากยาเสพติด 22,701 ราย
2.3 โครงการชุมชนยั่งยืน  จัดอบรม ครู ก. จำนวน 12 รุ่น ผ่านการอบรม 3,391 คน  และอบรม ครู ข. จำนวน 85 รุ่น ผ่านการอบรม 10,381 คน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด สร้างวิทยากรภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ชุมชนให้ความรู้การดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนและเป็นชุดปฎิบัติการชุมชนยั่งยืนในชุมชน หมู่บ้าน 
2.4 โครงการหนองบัวลำภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติดครบวงจร ดำเนินการการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยแนวคิด Change for Good , รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และแจ้งเบาะแสการกระทำผิด, จัดชุดคัดกรองและดูแลผู้ป่วยจิตเวช ตั้งทีมผู้พิทักษ์ และชุดนาคาพิทักษ์ หากมีผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง, จัดทำข้อมูลท้องถิ่น 

จากการ Re X-ray พบผู้เสพ 2,044 คน ผู้ค้า 389 คน ผู้ป่วยจิตเวช 320 คน  และอีกส่วนได้คัดกรองในชุมชนแบบทั่วไป พบผู้เสพอีก 701 คน และในด้านปราบปราม ได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ถนนสายหลัก 7 จุด ถนนสายรอง 721 จุด ทำการสุ่มตรวจ 644 ครั้ง ตรวจพัสดุไปรษณีย์ 6 ครั้ง ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทำการยึดทรัพย์แล้ว 2 คดี และได้สุ่มตรวจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหาสารเสพติด 76 หน่วย 3,783 ราย พบมีสารเสพติด 43 ราย

3. การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.1 จับกุมผู้ต้องหารวม 332 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 3,638 ล้านบาท อายัดเงินได้ 449,190,107 บาท  พบสถิติประเภทคดีสูงสุด 5 อันดับได้แก่ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ(ไม่เป็นขบวนการ), หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ, หลอกให้กู้เงิน, หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์, ข่มขู่ทางโทรศัพท์(Call Center)  บังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 เป็นต้นไป
3.2 การระงับธุระกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีที่มีความเสี่ยงสูง “บัญชีม้า” ตามประกาศ ปปง. ดำเนินการแล้ว 693 ราย 1,381 บัญชี 
 3.3 โครงการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) จัดโครงการอบรมครู แม่ไก่ 11 บช. รวม 116 นาย, ครู ข.ไข่ 29 บก. จำนวน 4,468 คน จัดตั้งกลุ่มไลน์เผยแพร่สื่อ จำนวน 37 กลุ่มไลน์ และจะดำเนินการอบรมครู ข.ไข่ ใน 56 จังหวัด อีก 3,548 คน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน เม.ย.6
 3.4 MOU กับเครือซีพี ประชาสัมพันธ์สื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  สร้างเครือข่ายในการยับยั้ง ป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกัน (Cyber Vaccine) ในทุกช่องทางการสื่อสารในเครือซีพี เครือข่ายมือถือทรูทูฟ เอช ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 13,000 กว่าสาขา ห้างแม็คโคร 152 สาขา และโลตัส กว่า2,000 สาขา สถานีข่าว TNN16 และช่อง True4U  และตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชน ผลิตสื่อเตือนภัย เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เช่น บนรถไฟฟ้า BTS, ป้อมตำรวจจราจร, เผยแพร่ทางสถานีวิทยุ ตร., สถานีบริการน้ำมัน ปตท. 2,200 แห่งทั่วประเทศ
3.5 ปรับปรุงศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ 1441 ขยายคู่สายการให้บริการจากเดิม 4 คู่สาย เป็น 15 คู่สาย
3.6 ร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เปิดปฏิบัติการ “Shell Game” ซึ่งผู้เสียหายชาว USA ได้ถูกแก๊ง Call Center ข่มขู่ว่าเหยื่อเกี่ยวข้องกับคดีและให้โอนเงินไปตรวจสอบ และถูก Hack และส่งไวรัสให้เหยือเห็นว่ามีเงินโอนผิดและหลอกให้โอนเงินคืน ซึ่งคดีเกิดใน USA ระหว่าง ค.ศ.2020-2021 จำนวน 72,000 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านเหรียญ  โดยในประเทศไทยจะเป็นฐานในการเปิดปัญชีม้า  แล้วมีกระบวนการฟอกเงินแล้วโอนกลับไปยังคนร้ายที่อยู่ต่างประเทศ

4. การจราจร
4.1 MOU กับกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก ลดการกระทำผิดกฎหมาย ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยกำหนด 2 มาตรการ คือ 1.การตัดคะนนความประพฤติ ซึ่งได้เริ่มไปเมื่อ 9 ม.ค.66 ที่ผ่านมา และ 2. การชะลอการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ จะเริ่มบังคับใช้ 1 เม.ย.66 
4.2 สถิติการตัดคะแนนความประพฤติ (9 ม.ค.66 – 31 มี.ค.66) มีผู้ถูกตัดคะแนนแล้วทั้งสิ้น 47,495 ราย  ยังไม่มีผู้ถูกสั่งพักใบอนุญาต / สามข้อหาที่มีการตัดคะแนนมากที่สุด  1) ใช้รถไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษีประจำปี 13,442 ราย 2 )ไม่สวมหมวกนิรภัย 8,943 ราย 3)ใช้รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน 7,845 ราย / สามจังหวัดที่มีการบันทึกและตัดคะนนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 6,668 ราย ,ชัยนาถ 4,440 ราย และเพชรบุรี 2,232 ราย/ ใบสั่งทั้งหมด 21,604,518 รายการ ชำระค่าปรับแล้ว 4,374,639 รายการ(คิดเป็น 20.25%)
4.3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 แบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนควบคุมเข้ม(4-10 เม.ย.66) ช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11-17 เม.ย.66) และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น (18-24 เม.ย.66) โดยสั่งการให้ บก.ทล.เป็นศูนย์ควบคุมสั่งการหลัก รับผิดชอบทางหลวงแผ่นดินและเส้นทางหลัก  ให้ บก.จร.รับผิดชอบในเขตกรุงเทพและปริมณฑล  เตรียมประกาศช่องทางเดินรถพิเศษ(Reverdible Lane) และเส้นทางที่ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปผ่าน เน้นบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก 
5. การยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติห่วงใยการเดินทางของพี่น้องประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 จัดทำสปอตรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีภารกิจและความรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัย และ
อำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประชาชนจำนวนมากต้องใช้รถใช้ถนนเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดทำสปอตประชาสัมพันธ์รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 ขึ้น เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ขุนพลภาคใต้ประชาธิปัตย์ “นายกชาย” มั่นใจ ยกจังหวัด สส.ที่ สงขลา ,ตรัง ส่วน พัทลุง อาจจะได้ทั้ง 3 เขต

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ สส.เขต 5 จ.สงขลา ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้วางตัว นายกชาย หรือนายเดชอิศม์ ขาวทอง ให้เป็นผู้รับผิดชอบการเลือกตั้งในภาคใต้ ร่วมกับนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้ง ซึ่งครั้งนี้นายนิพนธ์เป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯด้วย โดยนายเดชอิศม์ รับผิดชอบผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้จำนวน 40 เขตเลือกตั้ง และนายนิพนธ์ ซึ่งต้องดูแลภาพใหญ่ทั้งประเทศรับผิดชอบ 20 เขตเลือกตั้ง

นายเดชอิศม์ ซึ่งครั้งนี้ลงรับสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 5 จ.สงขลา พื้นที่ อ.รัตภูมิ ,ควนเนียง และ บางส่วนของ อ.สิงหนคร ได้ให้สัมภาษณ์ หลังจากที่ได้หมายเลขผู้สมัครว่า อย่านำเอาตัวเลขของความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาประเมินกับการเลือกตั้งในปี 2566 เพราะในปี 2562  พรรคมีการเตรียมพร้อมน้อยมาก และประเทศไม่มีการเลือกตั้งมา 4 ปี ทำให้ สส.กับ ประชาชน ห่างเหิน จึงเป็นเหตุให้ ประชาธิปัตย์ เสียที่นั่งให้กับ สส.พรรคอื่นๆไปเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ในภาคใต้ แต่ครั้งนี้ “ประชาธิปัตย์” เรามีความพร้อมก่อนการเลือกตั้งเป็นปี  แม้แต่บางเขตที่ สส.ของพรรคเรา เพิ่งลาออกก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือน เราก็มีการหาผู้สมัครไว้ล่วงหน้า เพราะเรารู้ล่วงหน้าว่า สส.เดิม ต้องลาออกจากพรรคเรา ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ "ประชาธิปัตย์” มีความพร้อมมากที่สุด และนอกจากผู้สมัครแล้ว ในด้านอื่นๆ ก็มีความพร้อมๆในการแข่งขันกับพรรคการเมืองทุกพรรค ที่เข้ามาเพื่อขอแชร์ที่นั่งทั้ง 60 เขต ของภาคใต้

คึกคัก!! เปิดรับสมัคร สส. แบบแบ่งเขตวันแรก “ดร.ยงยุทธ” ตัวเต็งประชารัฐหมายเลข 6 กองเชียร์แห่ให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ภายในศาลาประชาคม จังหวัดสมุทรปราการ ได้เปิดรับสมัคร สส. เป็นวันแรกซึ่งทางกกต. กำหนดให้เป็นสถานที่รับสมัครว่าที่ผู้สมัคร สส. จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 3 - 7 เม.ย. 2566 โดยปีนี้ทาง กกต.สมุทรปราการ ได้กำหนดไว้ 8 เขต ด้วยกัน ทำให้จังหวัดสมุทรปราการจะมี ส.ส.เพิ่มขึ้นจากเดิม 7 คน เป็นจำนวน 8 คน

โดยในช่วงเช้ามีผู้ลงสมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ต่างเดินทางมารอกันตั้งแต่เช้า พร้อมทั้ง กองเชียร์ที่เดินทางมาคอยให้กำลังใจผู้สมัครอย่างล้นหลาม โดยมีว่าที่ผู้สมัครจากพรรคต่างๆ อาทิ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย เป็นต้น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top